spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
| *ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
การถือกำเนิดของเขาวงกตมฤตยูทำให้บรรยากาศภายในเมืองหลวงเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง ลูกชายของขุนนางที่เป็นเจ้าของอาณาเขตต่าง ๆ เข้ามาในเมืองหลวงก่อนที่จะเดินทางไปยังเขตชานเมืองของนิกายพฤกษาสวรรค์เพื่อเข้าสู่เขาวงกต
คราวนี้มีผู้คนลงทะเบียนเกือบห้าพันคน
ดูเหมือนว่าจะมีที่ว่างไม่พอ เนื่องจากที่ว่างบางส่วนถูกขายไปได้เงินสูงถึงหนึ่งล้านเหรียญเงิน
"นิกายพฤกษาสวรรค์รู้วิธีหาเงินเป็นอย่างดี สิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่คือการเปิดเขาวงกต แต่พวกเขากำลังเอาเงินจำนวน 20,000 เหรียญจากการลงทะเบียนสำหรับค่าเข้า"
ที่นั่ง 50,000 ที่ แต่ละที่ราคา 20,000 เหรียญ รายได้เพียงอย่างเดียวนี้ค่อนข้างน่าประทับใจ
ไม่รวมถึงความจริงที่ว่าครึ่งหนึ่งของผลประโยชน์ทั้งหมดที่ได้รับจากเขาวงกตจะกลับไปหานิกายพฤกษาสวรรค์
"นิกายพฤกษาสวรรค์มีกำไรเป็นรายได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามเลย" เจี้ยงเฉินถอนหายใจ
"นายน้อยเฉิน นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านจะเข้าร่วมในเขาวงกตมฤตยู ท่านจึงต้องระมัดระวัง. โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านจำเป็นต้องจับตาดูทุกเวลาและจำไว้ในการแสวงหาความสำเร็จ มิฉะนั้นถ้าท่านอยู่ข้างในโดยไม่ออกจากสถานที่นั้น สิ่งต่าง ๆ จะร้ายแรงสำหรับท่าน" เทียนโชหัวเราะ.
เจี้ยงเฉินคิดอย่างลับ ๆ ว่าแม้ตัวเขาเองไม่กลัวความตาย แต่ผู้หญิงที่ชื่อด่านเฟยคงมีความรู้สึกกลัวอย่างมาก
"พี่เทียน ทำไมถึงไม่เข้าร่วมครั้งนี้ล่ะ?"
เทียนโชยิ้ม "เราเป็นทหารไม่สามารถเข้าร่วมได้ ไม่ใช่แค่ข้า แต่คนอย่างซินวูดู่วและหลู่วูจิด้วย "
เย่หลงพยักหน้า "ผู้ที่มีหน้าที่ทางทหารไม่สามารถเข้าร่วมได้ มิฉะนั้นถ้าผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารออกไป ทุกสิ่งทุกอย่างจะระส่ำระสายถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงในอาณาจักร? "
เจี้ยงเฉินผลักดันให้หยูตงออกมาข้างหน้าและยิ้มให้ "องค์ชายสี่ หยูตงเป็นผู้ช่วยที่มีค่าซึ่งเพิ่งเพิ่มระดับขึ้นเป็นสิบเอ็ดเส้นชีพจร ข้าจะฝากเขาไว้กับท่านในครั้งนี้! "
"คารวะองค์ชายสี่" เสียงของหยูตงฟังดูเป็นผู้ใหญ่เต็มที่เมื่อเขาทำความเคารพ
"ฮ่า ฮ่า มันเป็นจริงที่ว่าไม่มีกองกำลังที่อ่อนแออยู่ภายใต้คนที่มีความสามารถ เจี้ยงเฉิน ผู้ติดตามของเจ้าน่าจะอายุน้อยกว่าเจ้า มันค่อนข้างหายากมากที่เด็กหนุ่มจะได้รับการฝึกในระดับนี้ "
เจี้ยงเฉินยิ้มว่า "การฝึกซ้อมของเขาแข็งแกร่งมาก แต่เขายังคงต้องละทิ้งโลกมนุษย์และเข้าไปในอาณาจักรแห่งปราณจิตวิญญาณ มิฉะนั้นทั้งหมดจะเปล่าประโยชน์ เหตุผลอีกประการหนึ่งที่ทำให้ข้าให้เขาเข้าร่วมในการทดสอบครั้งนี้ก็เพราะเป็นโอกาสที่เขาจะได้ฝึกฝน"
กลุ่มคนพูดคุยและหัวเราะจนมีอีกกลุ่มเดินเข้ามาอย่างฉับพลัน คนที่นำหน้าคือองค์ชายเย่ดาย
ดวงตามีเปลวไฟแห่งความเกลียดชังเมื่อศัตรูมาเผชิญหน้า
เมฆพายุลอยไปยังพื้นผิวหน้าของเย่ดายที่ก่อนหน้านี้ยิ้มเล็กน้อย
กลับเป็นเย่หลงที่หัวเราะและร้องว่า "พี่ใหญ่ ท่านมาด้วย"
"เจ้าเป็นคนเดียวที่ได้รับอนุญาตให้มารึ?" เย่ดายถามด้วยความรู้สึกไม่เต็มใจ
เย่หลงยิ้ม "ข้าคิดว่าพี่ใหญ่จะไม่เข้าร่วมเพราะร่างกายของท่านไม่มีค่า"
"น้องสี่ ดูเหมือนพักหลังมานี่เจ้าจะยิ่งยโสโอหังขึ้นเรื่อย ๆ ข้าหวังว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จในเขาวงกต " เย่ดายโบกมือให้ด้วยรอยยิ้มอันแจ่มใสและเดินผ่านพวกเขาพร้อมกับกลุ่มผู้ติดตาม.
เจี้ยงเฉินกำลังใช้ความคิดในขณะที่เขามองไปที่ด้านหลังของเย่ดายและกลุ่มของเขา จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมาว่า "องค์ชายสี่ ดูเหมือนว่าเขาวงกตนี้จะไม่สงบ"
เย่หลงมีสีหน้าดุดัน "เขาวงกตไม่เคยสงบ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ข้าไม่มีทางที่จะถอยหลัง "
"ท่านหมายความว่ายังไง?"
กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเย่หลงขดเล็กน้อยขณะที่เขาพูดอย่างหนักใจ "มีข่าวจากวังขององค์ราชาว่าพระราชบิดาของเราได้ตัดสินใจที่จะแต่งตั้งองค์รัชทายาทในเดือนแรกของปีถัดไป"
"ตอนนี้เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงซึ่งหมายความว่ามีเวลาเหลือเพียง 3-4 เดือนเท่านั้น"
"อืม ข่าวกรองนี้เกิดขึ้นอย่างฉับพลันและตอนนี้องค์ชายทุกคนกำลังมองหาโอกาสที่จะแสดงตัวต่อหน้าท่านบิดา " เสียงของเย่หลงเคร่งขรึม ฝ่ายแม่ของเย่ดายมีอำนาจและมีอิทธิพลมาก พวกเขาได้สร้างอำนาจขึ้นที่ราชสำนัก พวกเขาสนับสนุนและสร้างแรงผลักดันให้เกิดผลประโยชน์แก่เย่ดาย ถ้าข้าไม่ได้แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์มากพอในเขาวงกตมฤตยูช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ มันจะเป็นเรื่องยากสำหรับข้าที่จะได้เป็นองค์รัชทายาท "
เทียนโชถอนหายใจ "น่าเสียดายที่น้องเจี้ยงเฉินต้องร่วมกลุ่มกับด่านเฟย ถ้าน้องเจี้ยงเฉินช่วยองค์ชายสี่แล้ว งานเขาวงกตคงจะน่าตื่นเต้นทีเดียว "
เย่หลงหัวเราะเบา ๆ ไม่มีอะไรที่สามารถทำได้เกี่ยวกับด่านเฟยที่ร้องขอเจี้ยงเฉิน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่มีทางใดที่เย่หลงจะทำให้ด่านเฟยผิดหวัง.
คิดถึงเรื่องนี้ว่าด่านเฟยขอตัวเจี้ยงเฉินไป นางก็จะรู้สึกว่านางเป็นหนี้บุญคุณ หากด่านเฟยพูดคำสองสามคำในนามของเขาต่อหน้าท่านอาจารย์ มันจะชดเชยความสูญเสียที่นี่
เจี้ยงเฉินยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร
เขาไม่ได้สนใจในการต่อสู้ระหว่างองค์ชายและองค์รัชทายาท แต่อย่างไรก็ตาม เขายังคงเป็นแขกรับเชิญของเย่หลงด้วยเช่นกัน และพูดถึงอารมณ์ เขาก็ยังปรารถนาที่จะให้เย่หลงได้รับมรดกและคว้าตำแหน่งองค์รัชทายาท
อย่างน้อยหากเย่หลงเป็นองค์รัชทายาท ประชาชนจะอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขขึ้นในราชอาณาจักรนภาจันทร์
ถ้าเย่ดายเป็นองค์รัชทายาทแล้ว จะมีเรื่องน่าเส็งเคร็ง เรื่องน่ารำคาญเกิดขึ้นอีกในอนาคต
"เจี้ยงเฉิน!"
ทุกคนกำลังคุยกัน จู่ ๆ มีเสียงแสงแห่งความเป็นตัวตนจากระยะไกล ด่านเฟยมาถึงแล้ว
ชุดของด่านเฟยในวันนี้ตรงกันข้ามกับนิสัยที่เรียบง่ายและสง่างามของนาง ชุดหนังที่สะอาดพร้อมด้วยกางเกงขาสั้นหนังที่ปิดถึงเข่า
หน้าแข้งเรียวงามของนางถูกปกปิดด้วยหนังอีกชิ้นและนางยังสวมรองเท้าหนังอีกด้วย นางกำลังแบกตะกร้าไม้ไผ่บนหลัง ท่าทางของนางค่อนข้างแตกต่างจากปกติ
เมื่อนางเห็นดวงตาของทุกคนจ้องมองมาที่นาง ด่านเฟยยิ้มสบายใจ "พวกเจ้ากำลังมองอะไรกัน? พวกเจ้าไม่เคยเห็นหญิงงามมาก่อนหรือ? "
เย่หลงหัวเราะขบขัน "พี่ด่านเฟย เจ้ามีลักษณะที่หลากหลายจริง ๆ เจ้าแต่งกายด้วยรูปแบบที่สง่างามและประณีตมาก่อน และตอนนี้เจ้าเปลี่ยนการแต่งกาย มันเหมือนมีจิตวิญญาณการต่อสู้ที่กล้าหาญ "
"หยุด เยินยอข้าได้แล้ว พวกเจ้ามายืนอะไรกันตรงนี้? ถึงเวลาแล้วที่จะออกเดินทาง" เห็นได้ว่าด่านเฟยอารมณ์ดีมากในวันนี้
ทุกคนพูดคุยและหัวเราะขณะที่พวกเขาเดินออกไปด้วยกัน
พวกเขาออกจากเมืองหลวงและเดินประมาณสามร้อยถึงสี่ร้อยลี้ก่อนที่จะมาถึงเทือกเขาในเขตชานเมืองของนิกายพฤกษาสวรรค์
นิกายพฤกษาสวรรค์เป็นหนึ่งในนิกายที่ซุ่มซ่อน บางส่วนเพราะอาณาเขตของมัน ไม่ง่ายอย่างที่โลกภายนอกได้รับรู้ มีการเปิดอีกครั้งภายในเทือกเขาในเขตชานเมืองของพวกเขา ไม่มีบุคคลภายนอกสามารถเข้าสู่โลกแห่งความจริงของนิกายได้โดยไม่มีพิกัดเฉพาะของนิกาย
ผู้ทรงคุณวุฒิอาวุโสทำหน้าที่ดูแลเขาวงกต ในฝั่งของราชอาณาจักรนภาจันทร์ พวกเขาขอให้ท่านอาจารย์เย่เป็นผู้ดูแล
เมื่อมองดูว่าผู้อาวุโสของนิกายมีความเคารพอย่างสูงต่อท่านอาจารย์เย่ชองหลิว มันจะเห็นได้ชัดว่าเจ้าของที่แท้จริงของเขาวงกตมฤตยูยังคงเป็นอาจารย์เย่ชองหลิว
เจี้ยงเฉินรู้สึกประหลาดใจอย่างมากจากเรื่องนี้
ด่านเฟยมีรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้า เห็นได้ชัดว่านางรู้เรื่องนี้ทั้งหมดล่วงหน้า
"ท่านอาจารย์ให้ความสำคัญกับงานเขาวงกตอยู่เสมอ ในความเป็นจริงแล้ว นิกายพฤกษาสวรรค์เป็นเพียงฉากหลังเท่านั้น อำนาจที่แท้จริงยังคงอยู่กับท่านอาจารย์ " ด่านเฟยอารมณ์ดี นางจึงได้อธิบายบางส่วนกับเจี้ยงเฉินเมื่อเห็นความประหลาดใจบนใบหน้าของเขา
"ฮ่า ฮ่า ท่านอาจารย์เป็นผู้ดูแล งั้นเราสามารถโกงได้มั้ย?" เจี้ยงเฉินยิ้มและถาม
"อะไรอยู่ในหัวของเจ้า?" เมื่อด่านเฟยอารมณ์ไม่ดี คิ้วอันอ่อนโยนของนางขมวดเล็กน้อย "เจ้าเป็นเพื่อนร่วมทีมของข้าแล้ว เจ้าจะมีความคิดที่ไม่มุ่งมั่นต่อความก้าวหน้าได้ยังไง?"
เจี้ยงเฉินยักไหล่ เขารู้ว่าการรบด้วยวาจากับผู้หญิงเป็นสิ่งที่น่าเบื่อที่สุดในโลก เขาจะไม่มีวันชนะ
"เมื่อเจ้าเข้าสู่เขาวงกต เจ้าจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ เจ้าจะไม่สามารถออกก่อนเวลาได้ ไม่มีทางให้เจ้าโกงแม้ว่าเจ้าจะต้องการ "
ด่านเฟยพูดอย่างโกรธ ๆ เมื่อนางเห็นท่าทางที่ฟุ้งซ่านของเจี้ยงเฉิน "เจี้ยงเฉิน ข้าเริ่มสงสัยว่าการสร้างทีมร่วมกับเจ้าคือการตัดสินใจที่ถูกต้อง เจ้าช่วยจริงจังมากกว่านี้จะได้มั้ย? "
"ฮ่า ฮ่า ด่านเฟยต้องการจะไล่ข้าออกเหรอ?"
ด่านเฟยกลอกตาและด่าเขา "เจ้าอยากให้ข้าไล่เจ้าออกงั้นรึ? ข้าจะไม่ทำ"
ทั้งสองคนทะเลาะกันจนผู้อาวุโสของนิกายพฤกษาสวรรค์เดินออกมาบนเวทีและส่งสัญญาณด้วยมือสองสามครั้ง.
"ทุกคนฟังทางนี้ เขาวงกตกำลังจะเปิด แต่ละกลุ่มจะเข้าทีละคนตามลำดับที่เจ้าได้รับ มีเครื่องเชื่อมการขนส่งอยู่ภายในพิกัดของทางเข้านี้ ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าจะไปที่ไหนเมื่อเจ้าย่างเท้าเข้าไปข้างใน เจ้าจะต้องเตรียมพร้อมในเรื่องจิตใจและอารมณ์ไว้ให้ดี "
"กฎเป็นไปตามปกติ นิกายพฤกษาสวรรค์จะได้รับครึ่งหนึ่งของสิ่งที่พวกเจ้าได้มา พวกเจ้าเก็บอีกครึ่งไว้ได้ นอกจากนี้เขาวงกตยังจัดอันดับสามอันดับแรกด้วยเช่นกันในครั้งนี้ เมื่อเจ้าออกจากเครื่องเชื่อมการขนส่ง เจ้าสามารถดูวิธีคำนวณอันดับและกฎเกณฑ์ได้ ยิ่งเจ้าล่าได้มากเท่าใดการจัดอันดับของเจ้าจะสูงขึ้นเท่านั้น ผู้ที่อยู่ในสามอันดับแรกจะได้รับรางวัลเพิ่ม"
"รางวัลเพิ่ม? นิกายพฤกษาสวรรค์เอาเงินออกจากคลังของพวกเขาเองหรือ? " เจี้ยงเฉินไม่รู้ว่าคนที่อยู่ในสามอันดับแรกจะได้รับรางวัลเพิ่มเติม.
"เจ้าคิดมากเกินไป นิกายพฤกษาสวรรค์จะนั่งอยู่ที่นั่นและเสาะหาเงินโดยไม่ต้องแสวงหา พวกเขาไม่ใช้เงินของตัวเองหรอก" เสียงของด่านเฟยดูเหมือนจะไม่ชอบรูปแบบการดำเนินงานของนิกายพฤกษาสวรรค์.
"แล้วรางวัลเหล่านี้มาจากไหน?" เจี้ยงเฉินอยากรู้
"ไม่มีขนถ้าไม่มีแกะ. ประโยชน์มาจากราคาที่จ่ายไป ทุกทีมต้องส่งมอบครึ่งหนึ่งที่สิ่งที่จับได้ ในส่วนครึ่งนั้น หนึ่งในสิบส่วนจะถูกนำออกเป็นรางวัลสำหรับทีมในอันดับแรก. อีกหนึ่งในสิบส่วนจะถูกนำออกเพื่อให้รางวัลแก่อันดับสองและที่สาม. อันดับที่สองจะได้รับหกในสิบส่วน และที่สามได้สี่ในสิบส่วนซึ่งเป็นของที่เหลือ (TL ที่ 1 ได้ 10%, ที่ 2 ได้ 6%, ที่ 3 ได้ 4%)"
เจี้ยงเฉินไม่ทราบว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น. "นิกายพฤกษาสวรรค์ขี้เหนียวจริง ๆ พวกเขาได้รับรายได้ครึ่งหนึ่งของกำไรทั้งหมดโดยไม่ต้องทำอะไรและใช้ประมาณสองในสิบส่วนของกำไรนั้นออกมาเป็นรางวัลอีกที พวกเขาก็แค่เก็บรายได้อีกแปดในสิบส่วนเข้ากระเป๋า?
"เจ้าไม่คิดบ้างหรอว่าทำไมนิกายถึงแข็งแกร่งมากเพียงนี้? เพราะพวกเขามีเงินรึ? พวกเขาพึ่งพาวิธีโลภเช่นนี้และใช้เวลาในการใช้ทรัพยากรโดยไม่ต้องควักเงินตัวเองจ่าย "
เจี้ยงเฉินยิ้มและคิดว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเหมาะสม นิกายต้องมีสมาธิในการใช้จ่ายทรัพยากรให้กับชนชั้นสูงถ้าต้องการมีความเข้มแข็ง.
ส่วนใหญ่เป็นสามัญชนที่เข้าร่วมในการล่าสัตว์ในเขาวงกตมฤตยู พวกเขาถูกกำหนดให้ไม่สามารถเป็นสาวกของนิกายได้ เป็นไปไม่ได้เลยที่นิกายจะเอาทรัพยากรของตนเองออกมาเป็นรางวัล
"ปล่อยให้สหายเก่าพูดสักสองสามคำ" เสียงของท่านอาจารย์เย่ดังขึ้นในเวลานี้. "งานเขาวงกตมฤตยูเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่สำหรับราชอาณาจักรนภาจันทร์ และเป็นการทดสอบที่หายากสำหรับทุกคน สหายเก่าคนนี้ไม่มีคำถามมากมายที่จะถาม ยกเว้นคำแนะนำเหล่านี้ สาระสำคัญของเขาวงกตอยู่ที่เหยื่อการล่าสัตว์ พวกเจ้าไม่ควรนำความเกลียดชังส่วนบุคคลเข้าไปข้างใน ในหลักการการล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ร่วงห้ามการนองเลือดระหว่างกลุ่มและการแก้ปัญหาความไม่พอใจส่วนบุคคล แน่นอนข้อห้ามเหล่านี้ไม่ได้ยึดมั่นอย่างมากและยากที่จะบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม ข้าอยากจะเน้นย้ำว่าถ้าเจ้าไม่ปิดบังหรือทำอย่างไร้ที่ติ เมื่อมีคนบอกข้าเกี่ยวกับการกระทำของเจ้าและเจ้าได้รับการตรวจสอบแล้ว การฆ่าคนอื่นท่ามกลางการต่อสู้ภายในเขาวงกตจะถือเป็นอาชญากรรมเช่นเดียวกันและจะมีบทลงโทษเดียวกับการฆ่าคนในโลกภายนอก "
เป็นการยากที่จะห้ามการฆาตกรรม แต่จะมีความเสี่ยงเช่นเดียวกับในโลกภายนอก เมื่อมีคนรู้เห็น พวกเขาก็จะได้รับการลงโทษเช่นเดียวกับที่พวกเขาจะอยู่ในโลกภายนอก