spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
| *ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
พลังของโอสถห้ามังกรเปิดสวรรค์โหดร้ายและรุนแรง แม้จะมีทิศทางของเจี้ยงเฉิน พลังแห่งศิลปะการต่อสู้แห่งเต๋าที่เกิดขึ้นในการโจมตีเป็นระเบิดขนาดใหญ่ภายในร่างกายของเขา
ต้องกล่าวว่าความเจ็บปวดที่นำมาสู่ร่างกายมนุษย์จากการโจมตีประเภทนี้ค่อนข้างน่ากลัว
แม้แต่เจี้ยงเฉินที่มีรากฐานมั่นคงในขอบเขตของฉี เขายังคงเจ็บปวดอยู่มากจากการรุกรานแบบนี้ ถึงขั้นทำให้เหงื่อไหลท่วมหน้าผาก
มันเหมือนกับว่าอวัยวะสำคัญและอวัยวะภายในของเขากำลังถูกปั่นเป็นชิ้น ๆ และก่อรูปร่างใหม่ มันวนเวียนซ้ำ ๆ กัน
วงจรนี้วนเวียนเหมือนกับตัวเองเป็นห้าเผด็จการแห่งอำนาจที่แผ่ซ่านไปทั่วระบบของเจี้ยงเฉิน
เวลาผ่านไปทุกวันท่ามกลางวัฏจักรไม่สิ้นสุดนี้
เมื่อเวลาผ่านไป เจี้ยงเฉินก็เริ่มชินกับอาการปวดที่เกิดจากการโจมตีครั้งนี้ ห้าแหล่งกำเนิดความรุนแรงก็ได้รับการฝึกฝนอย่างช้า ๆ และค่อย ๆ เงียบลงภายในร่างกายของเจี้ยงเฉิน
ส่วนจุดตันเถียนของเจี้ยงเฉิน มันกลายเป็นลูกบอลสีเทาขุ่น ๆ ราวกับว่ามันเป็นทะเลของดาวฤกษ์ที่อยู่ภายในขอบเขตที่ไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้รู้สึกว่ามันไม่มีตัวตน
เจี้ยงเฉินสังเกตตัวเองภายในและรู้ว่าขั้นตอนแรกของการปรับเปลี่ยนโอสถของร่างกายเสร็จเรียบร้อยแล้ว รูปร่างขนาดเล็กของมหาสมุทรฉีได้ก่อตัวขึ้นภายในจุดตันเถียนของเขา
"อืม ความทรหดของมหาสมุทรฉีนี้ไม่เลวร้าย" เจียงเฉินได้ตรวจสอบและค้นพบว่าสีเทา และมหาสมุทรที่มีหมอกของฉีดูเหมือนจะมีกำลังที่มีประสิทธิภาพ.
เจี้ยงเฉินเปิดตา เขารู้สึกเหลือเชื่อ "ใครจะคิดว่าการตัดผ่านอาณาจักรปราณจิตวิญญาณจะประสบความสำเร็จอย่างง่ายดาย!"
มันง่ายกว่าที่เจี้ยงเฉินคิด ถึงแม้กองกำลังจากโอสถห้ามังกรเปิดสวรรค์จะแข็งแกร่ง แต่ก็แค่ทำให้เจี้ยงเฉินผ่านการทดลองด้วยความเจ็บปวด แทนที่อันตรายที่อาจทำร้ายเขามากไปกว่านี้
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เจี้ยงเฉินคิดว่าเขาต้องใช้เวลานานในการบ่มเพาะ นับตั้งแต่เวลาที่เขากินโอสถจนถึงช่วงที่มหาสมุทรฉีเริ่มก่อตัวขึ้น มันก็ยังไม่ถึงเจ็ดวัน
"ใช้เวลาน้อยกว่าที่ข้าคิดไว้อีกหรือนี่?"
เจี้ยงเฉินค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์ของการฝึกฝนบ่มเพาะในเวลานี้
'ก่อนหน้านี้ข้ายังอยู่ในดินแดนฉี ใครจะคิดว่าเจ็ดวันต่อมา ข้าจะกลายเป็นผู้ฝึกฝนปราณจิตวิญญาณอย่างแท้จริง"
เจี้ยงเฉินแตกต่างจากผู้ฝึกฝนคนอื่น ส่วนใหญ่ไม่สามารถแม้แต่จะเริ่มต้นที่จะจินตนาการเส้นทางที่ผู้ฝึกฝนธรรมดาจะต้องใช้เพื่อเปลี่ยนพลังฉีให้เป็นจิตวิญญาณ
อย่างไรก็ตาม เจี้ยงเฉินมีความทรงจำจากชีวิตที่ผ่านมาและความช่วยเหลือจากโอสถที่ท้าทายสวรรค์เช่นโอสถห้ามังกรเปิดสวรรค์ ข้อได้เปรียบแบบคู่นี้ทำให้เขาไม่จำเป็นต้องสัมผัสกับความคืบหน้าครึ่ง ๆ กลาง ๆ ของระดับอาณาจักรปราณจิตวิญญาณครึ่งก้าวเช่นเดียวกับอีกหลายคน
เขาเป็นผู้ฝึกฝนปราณจิตวิญญาณทั้งในแง่ของชื่อและความแข็งแกร่งในตอนนี้
แม้ว่ามหาสมุทรวิญญาณของเขาเพิ่งก่อตัวขึ้น แต่ก็ไม่ได้เป็นการพูดเกินจริงที่จะกล่าวได้ว่าต้องขอบคุณโอสถที่สร้างมหาสมุทรจิตวิญญาณนี้ ระดับของเขาอาจไม่แข็งแรงพอ แต่เขาก็มีจุดสูงสุดในแง่ของศักยภาพ
"มหาสมุทรวิญญาณก่อตัวขึ้น ราวกับมีปีกถูกเพิ่มเข้าที่หลังของข้า ตอนนี้ ข้าต้องยกระดับพื้นที่อื่น"
"ทักษะนัยน์ตาของพระเจ้า หูแห่งเทพแห่งลมประจิม หัวใจดั่งศิลาล้วนก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ ตอนนี้ที่ข้าได้เข้าสู่อาณาจักรปราณจิตวิญญาณแล้ว ความพยายามที่ยิ่งใหญ่กว่านี้เป็นสิ่งจำเป็นตามธรรมชาติก่อนที่เป้าหมายของข้าจะบรรลุผลได้ สี่ทักษะที่ยอดเยี่ยมที่ข้าไม่สามารถฝึกฝนได้ก่อนที่จะเข้าสู่โลกแห่งจิตวิญญาณ ในที่สุดตอนนี้มันก็พัฒนาแล้ว!
เจี้ยงเฉินมีความสุขมากที่ในที่สุดเขาได้ฝึกทักษะ "ญาณทิพย์"
นี่เป็นทักษะที่สำคัญที่สุดในหมู่ทักษะเสริมทั้งสี่ของทักษะ "มีดบินทะลวงจันทรา"
อาจกล่าวได้ว่าทักษะ "ญาณทิพย์" รวมความลึกลับไว้ของทักษะสามข้อก่อนหน้านี้ โดยมุ่งเน้นให้ประสาทสัมผัสทั้งเจ็ดส่วนของร่างกายมนุษย์เป็นหนึ่งเดียวกัน หลังจากรวมพลังทางจิต ประสาทสัมผัสทั้งเจ็ดได้ตัดสะท้อนกันและกัน หลังจากนั้นจึงติดตามอาณาจักรแห่งแสงสว่าง
ถ้าเขาประสบความสำเร็จในการฝึกฝน พลังของเขาอาจจะเพิ่มเป็นสองเท่าราวกับติดปีกให้กับพยัคฆ์
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาสามารถฝึกโจมตีด้วยความลึกลับของทักษะ "มีดบินทะลวงจันทรา"
เพราะฉะนั้นมันก็ดูเหมือนว่าทักษะญาณทิพย์ใช้พลังวิญญาณภายในร่างกายเพื่อกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้งเจ็ดและสร้างความเข้าใจในการส่องสว่างให้กับมัน นี่เป็นทักษะที่น่าทึ่งจริง ๆ "
เจี้ยงเฉินรู้สึกว่าทักษะนี้เป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างมากในขณะที่เขาเริ่มฝึกฝน
ทักษะญาณทิพย์ยกระดับประสาทสัมผัสทั้งห้าของร่างกายมนุษย์ให้เพิ่มเป็นประสาทสัมผัสทั้งเจ็ด จากนั้นจะสร้างเสียงสะท้อนระหว่างกัน ด้วยวิธีนี้ แม้ท่ามกลางแสงไฟลุกโชติช่วง จมลึกลงไปในทะเลลึก หรือติดกับเหวใหญ่ของพื้นโลก ข้าก็ยังคงเคลื่อนไหวได้ราวกับว่าข้ากำลังเดินบนบกโดยไม่มีอุปสรรค”
ทักษะญาณทิพย์นั่นหมายความว่า จะใช้ประสาทสัมผัสใดก็ได้ที่ต้องการ ราวกับว่ามันมีสติและหัวใจของตัวเอง
หลังจากผ่านไปอีกสามวัน เจี้ยงเฉินก็ได้รับผลกำไรเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
"ดีมาก ทักษะนัยน์ตาของพระเจ้าและหูของเทพแห่งลมประจิม ทั้งหมดก้าวหน้าหลังจากที่ข้าได้ตัดผ่านไปสู่อาณาจักรแห่งปราณจิตวิญญาณ มันอยู่ในระดับที่เก้าแล้ว ขณะที่หัวใจดั่งศิลาก็มาถึงระดับที่ห้า ญาณทิพย์เปิดประตูสู่ระดับที่สองหลังจากผ่านไปสามวัน! "
เจี้ยงเฉินรู้สึกพอใจกับสิ่งที่เขาได้เก็บเกี่ยว
"นี่ไม่เลวเลยทีเดียว สภาพปัจจุบันของข้าทำให้ข้ามีสิทธิ์อย่างสมบูรณ์ในการฝึกฝนทักษะที่ยอดเยี่ยม ข้อกำหนดขั้นต่ำสุดของทักษะ "มีดบินทะลวงจันทรา" คือนัยน์ตาของพระเจ้าและหูของเทพแห่งลมประจิม มันต้องอยู่ในระดับที่เจ็ด หัวใจดั่งศิลาระดับห้าและญาณทิพย์ระดับที่สอง "
"ตอนนี้ นอกเหนือจากญาณทิพย์ที่เพิ่งจะถึงข้อกำหนด อีกสามทักษะได้พัฒนาเกินความต้องการ ถึงเวลาที่จะฝึกฝนทักษะที่ยอดเยี่ยมแล้ว! "
เจียงเฉินค้นพบว่าแม้ว่าเขาจะมีหลายวิธีในการโจมตี แต่เขาก็ยังไม่ค่อยเก่งในการใช้ท่าไม้ตาย
สิ่งนี้จะช่วยแก้ปัญหาให้ได้อย่างเร่งด่วน เร็วกว่าการขมวดคิ้ว
"ทักษะที่ยอดเยี่ยมในช่วงเริ่มต้นของการใช้พลังงาน อินทรีผงาดฟ้า พยัคฆ์คำรณ!"
มีสองทักษะที่ยอดเยี่ยมในช่วงเริ่มต้นของการใช้พลังงานเพื่อให้เจี้ยงเฉินเลือก อินทรีผงาดฟ้าไล่ตามสิ่งมหัศจรรย์และไม่สามารถคาดเดาได้ ขณะที่พยัคฆ์คำรณแสวงหาความยิ่งใหญ่
"มันทั้งสองเป็นทักษะที่ดีในระยะเริ่มแรกของการใช้พลังงาน ข้าควรเรียนรู้ทั้งสองอย่าง " เจี้ยงเฉินคิดขณะที่เขาเริ่มศึกษาความลึกลับของทั้งสอง
ทักษะอินทรีผงาดฟ้ามีอำนาจเข้าใจความลึกลับของลม เนื่องจากใช้จังหวะของลมเพื่อก่อให้เกิดการบาดเจ็บที่แปลกประหลาดและไม่คาดฝัน
ในขณะที่ทักษะพยัคฆ์คำรณเน้นความดุดันของน้ำ. มันก็เหมือนกับว่าคลื่นและท้องทะเลพุ่งสูงขึ้นเหมือนหมาป่าที่กำลังพลุ่งพล่าน มันกลืนกินศัตรูได้อย่างสมบูรณ์
"ถ้าทั้งสองทักษะถูกจับคู่กัน พวกมันจะเสริมกันและกันได้ดีทีเดียว" เจี้ยงเฉินค้นพบว่าผู้สร้างทักษะมีดบินทะลวงจันทรามีความรู้อย่าแท้จริง เนื่องจากสองทักษะที่ยอดเยี่ยมในช่วงเริ่มต้นของการใช้พลังงานจริง ๆ รวมเข้าด้วยกัน
นวัตกรรมของมหันตภัยของเจี้ยงเฉินได้ฉายประกายอย่างแปลกประหลาด
ฮืม เมื่อข้าฝึกหมัดศักดิ์สิทธิ์อันนิรันดร์ มือข้างหนึ่งคือดวงจันทร์และอีกข้างคือดวงอาทิตย์ จะมีผลแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถ้าข้ารวมความหมายของหมัดศักดิ์สิทธิ์อันนิรันดร์ด้วยทักษะที่ยอดเยี่ยมทั้งสองแบบนี้? อินทรีผงาดฟ้าทางซ้าย พยัคฆ์คำรณทางขวา มันจะเหมือนดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ ฝ่ายตรงข้ามจะไม่ทราบวิธีการป้องกันการโจมตีแบบนี้ ! "
ความรู้สึกที่ฉับพลันนี้ทำให้เจี้ยงเฉินสนใจอย่างมาก
ในขณะนี้ เขาเป็นเหมือนสัตว์ร้ายที่ไม่เลือกหาอาหาร ทักษะการต่อสู้เหล่านี้เป็นเหมือนเหยื่อและอาหารที่เขาเอามาอย่างตะกละ
อีกครึ่งเดือนผ่านไป ...
“ฮะ! ดูเหมือนว่ามีการเปลี่ยนแปลงมากมายตามเส้นทางของศิลปะการต่อสู้แห่งเต๋า มนุษย์ไม่สามารถคงเดิมได้ตลอดไป ทั้งสองทักษะที่ยอดเยี่ยมในระยะเริ่มแรกของการใช้พลังงานสามารถใช้งานได้ทีละอย่างและสามารถนำมารวมกันหลังจากการเปลี่ยนแปลงที่ข้าได้ทำขึ้น เมื่อทั้งสองรวมกัน อำนาจของมันจะเทียบเท่ากับทักษะที่ยิ่งใหญ่ของอำนาจกลาง! "
เจี้ยงเฉินมีความสุขมาก เขามีความรู้ด้านศิลปะการต่อสู้แห่งเต๋า การทดลองแบบนี้เป็นเพียงความพยายามเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ถ้าตอนนี้ข้าได้พบกับเหล่าสาวกของนิกายอุดรครามสวรรค์ ข้าคงจะสามารถฆ่าพวกเขาได้ภายในพริบตา แม้ว่าข้าจะได้ปะทะกับหลิวเคียน แต่ข้าก็ยังมีโอกาสในการเอาชนะเขาได้มากถึงเจ็ดถึงแปดในสิบส่วนหากรวมทักษะที่ยอดเยี่ยมไว้! "
เจี้ยงเฉินมั่นใจอย่างมาก
เจี้ยงเฉินได้สรุปความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับทักษะหมัดศักดิ์สิทธิ์อันนิรันดร์และทักษะกระแสน้ำแห่งมหาสมุทร หลังจากที่เข้าสู่อาณาจักรแห่งปราณจิตวิญญาณ ทักษะการต่อสู้ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอีกครั้งในทุกด้าน โดยเฉพาะการโจมตีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก.
"ท่านอาจารย์เย่มอบเหรียญราชอาณาจักรนภาจันทร์ให้แก่ข้าเพราะเขาเชื่อใจข้า คำพูดของเขาเป็นความจริง ข้า เจี้ยงเฉิน เป็นตัวของตัวเอง ข้าไม่จำเป็นต้องทำตามที่คนอื่นบอก ข้าควรทำทุกสิ่งที่ข้าคิดว่าถูกต้อง ข้าไม่จำเป็นต้องกังวลกับความคิดของคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นองค์ชายใหญ่ วิหารอุดรครามสวรรค์ ทำไมข้า เจี้ยงเฉิน ต้องพลิกแพลงให้เข้ากับคนเหล่านั้น? จากนี้ไป ข้าจะเหยียบย่ำคนที่มาเป็นอุปสรรคหรือเข้ามาขวางเส้นทางศิลปะการต่อสู้แห่งเต๋าของข้า ! "
หลังจากตัดผ่านอาณาจักรปราณจิตวิญญาณ ความเชื่อมั่นของเจี้ยงเฉินก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ตอนนี้ เจี้ยงเฉินใช้เวลาฝึกฝนไปหนึ่งเดือน.
"นายน้อย ท่านออกมาแล้ว? "
"นายน้อย ! "
เจี้ยงเฉินใช้สายตากวาดมองข้ามลูกน้องของเขาทีละคน "ดีแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเจ้าพยายามฝึกฝนกันอย่างหนัก ข้าเห็นว่าพวกเจ้าพัฒนาขึ้นมาก"
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหยูตงไม่ได้ทำให้เจี้ยงเฉินผิดหวังเลย เขาตัดผ่านสู่ระดับผู้เชี่ยวชาญฉีตามคาด
"หยูตง ข้ารู้สึกทึ่งกับศักยภาพของเจ้า ข้าจะทำงานหนักเพื่อตัดผ่านระดับผู้เชี่ยวชาญฉีเป็นคนที่สองให้ได้.! " กุยจินรู้สึกไม่สบายใจที่ตามหลัง
ในเดือนนี้ กุยจิน เว่นซูฉี และพี่น้องเซี่ยวตัดผ่านทางเส้นชีพจรที่แปดและเข้าสู้ชีพจรเส้นที่เก้า
อีกสามคนช้ากว่าเล็กน้อย แต่พวกเขาสามารถเข้าสู่ชีพจรเส้นที่เก้าได้ตลอดเวลา
เมื่อได้ยินเสียงกุยจินและแรงบันดาลใจดังกล่าว เซี่ยวชานร้องเสียงดัง "เฮ้ย,กุย! คนที่สองต้องเป็นข้าแน่นอน "
"อย่าลืมข้าด้วย เซี่ยวชวน!"
แม้ว่าเว่นซูฉีไม่ได้พูดอะไรมากนัก แต่สายตาที่สวยงามของนางแฝงไปด้วยความท้าทายในการแข่งขัน
"ดีที่พวกเจ้าอยากจะแข่ง แต่พวกเจ้ายังเป็นพี่น้องกัน อย่าลืมแข่งขันกันฉันท์มิตรและคำนึงถึงขีดจำกัด" เจี้ยงเฉินเตือน
หยูตงยิ้มว่า "สบายใจได้เลยนายน้อย ข้าจะคอยจับตาดูพวกเขาอยู่ตลอดเวลา"
โกวยู่วยิ้ม "ถ้ากลุ่มคนอันธพาลพวกนี้กล้าฝ่าฝืน ข้าจะเป็นคนแรกที่จะจัดการพวกเขา"
ตั้งแต่โกวยู่วเป็นลูกศิษย์ของเจี้ยงเฉิน นางได้ทำงานที่โดดเด่นในการจัดการทั้งเรื่องภายในบ้านและภายนอก ทำให้เจี้ยงเฉินรู้สึกอาย
"โกวยู่ว มากับข้าสักประเดี๋ยว เจี้ยงเฉินกวักมือและพานางไปที่ห้องลับ
"เจี้ยงเฉินเจ้า ... " แม้ว่าโกวยู่วมีบุคลิกแบบเปิดกว้างและตรงไปตรงมา แต่ห้องลับแออัดและคับแคบ ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ
"เรื่องนี้ทำให้เจ้าพูดตะกุกตะกักกับข้ารึ? เจ้าอ้อยอิ่งอยู่ที่ระดับสิบเอ็ดเส้นชีพจรมานานพอแล้ว เจ้ามีความคิดอะไรบ้างเกี่ยวกับความเข้าใจของอาณาจักรปราณจิตวิญญาณ? "
แสงประกายในดวงตาที่สวยงามของโกวยู่ว "เจี้ยงเฉินเจ้าหมายถึง เจ้าจะให้คำแนะนำแก่ข้ารึ?"
"เจ้ายังคลั่งไคล้ศิลปะการต่อสู้แห่งเต๋าอยู่รึเปล่า? เจ้าไม่มีความมั่นใจเมื่อไม่มีใครให้คำแนะนำแก่เจ้าใช่มั้ย? "
โกวยู่วยืดอกพองโต "เจี้ยงเฉิน อย่าสบประมาทข้า ข้าไม่เคยละเว้นจากการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้แห่งเต๋า ข้า โกวยู่ว จะกลายเป็นผู้ฝึกปราณจิตวิญญาณ! ข้าจะพิสูจน์กับนิกายเหล่านั้นว่า ข้า โกวยู่ว สามารถเข้าสู่อาณาจักรปราณจิตวิญญาณได้แม้ไม่มีทรัพยากรของพวกเขา! ข้าไม่ได้มีอะไรด้อยไปกว่าคนที่เรียกตัวเองว่าร่างฟินิกซ์สวรรค์"