spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
"นายหญิง,ต้องการให้ข้าทำอะไรหรือ?" ป้าหลานกำลังขจัดคราบสกปรกออกไปเมื่อด่านเฟยเรียกหานาง
"ป้าหลาน ท่านได้ทำความสะอาดพื้นที่แห่งนี้หรือไม่?"
ป้าหลานบอกอย่างภาคภูมิใจว่า "ข้าเริ่มทำความสะอาดทันทีที่แขกออกไป ข้ากวาดลานด้านหน้าไปแล้ว เจ้าคิดว่ามันไม่สะอาดพอหรือ? ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าจะทำอีกครั้ง "
ป้าหลานเป็นคนที่ทำงานอย่างขยันขันแข็ง ด่านเฟยได้จ้างนางเพราะความขยัน แต่วันนี้ นางทำงานเร็วเกินไปและทำให้ด่านเฟยยุ่งยาก
ด่านเฟยไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ "ท่านเห็นขวดโอสถขนาดนี้หรือเปล่า?"
"ขวดโอสถ? มันคืออะไร?" ป้าหลานงงงวย ขวดโอสถมันเป็นของที่สูงเกินไปสำหรับคนทำความสะอาด ดังนั้นนางจึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน
"ขวดเล็ก ๆ ที่มีอะไรบางอย่างอยู่ข้างใน"
ป้าหลานตบต้นขา "โอ้ ข้าคิดว่า ข้าเจอมันนะ ข้าโยนมันลงไปในกองขยะ นายหญิง มันมีประโยชน์รึ? "
ด่านเฟยตกใจเมื่อได้ยินคำว่า "กองขยะ"
ป้าหลานจ้องมองออกไปบนฟ้า นางกำลังงงงวย
ด่านเฟยกำลังปิดจมูกยืนอยู่ข้างหลุมขยะ ใบหน้าที่มีเสน่ห์ตอนนี้บูดเบี้ยวในขณะที่นางยืนอยู่ข้างกองขยะ
แต่เมื่อคิดถึงความจริงที่ว่าผู้อาวุโสหนิงกลับมาดูอ่อนเยาว์อย่างน่าอัศจรรย์เหมือนสาววัยยี่สิบปี ด่านเฟยรู้สึกถึงความกล้าหาญในใจ
นางพับแขนเสื้อเผยให้เห็นแขนสีขาวผุดผ่อง นางพยายามทนกลิ่นเหม็นและเริ่มรื้อของในกองขยะ
ความงดงามที่ทำให้โลกของชนชั้นสูงต้องเขย่ากำลังคุ้ยเขี่ยกองขยะ
ฉากนี้ดูเหมือนจะกระทบกับทุกคนที่ได้เห็นมัน ดีว่าที่นี่เป็นทรัพย์สินส่วนตัวในคฤหาสน์ของท่านอาจารย์ จึงไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครได้เห็น
"ข้าพบแล้ว อันนี้แหละ!" ด่านเฟยก็ร้องตะโกนออกมา นางยืนอยู่บนกองขยะ สามารถมองเห็นได้ถึงความสุขรื่นเริงจากแววตาของนาง
มืออันนุ่มนวลเต็มไปด้วยเศษขยะเก็บขวดโอสถขึ้นมา ในขณะที่นางกำลังยิ้มแย้มแจ่มใส
ดีที่ขวดโอสถปิดผนึกอย่างแน่นหนา เลยไม่ต้องกังวลว่าโอสถที่อยู่ข้างในจะปนเปื้อน
ขณะที่ด่านเฟยหยิบมันออกมาด้วยความปิติยินดี ป้าส่งเสียงดังออกมาจากข้างหลังว่า "อ่า ด่านเฟย เจ้ากำลังทำอะไร? มีมูลสุนัขอยู่ในกองขยะ เจ้า ... "
ด่านเฟยกำลังสับสนมากในขณะนั้น มีคนเห็นช่วงเวลาที่น่าอับอายนี้!
ขี้โคลนเลอะทั่วใบหน้าและศีรษะของนาง อย่าพูดถึงแขนที่เต็มไปด้วยสิ่งสกปรกมากยิ่งกว่า
"ป้าหลาน อย่าบอกใครเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้!" ด่านเฟยไม่รู้จริง ๆ ว่าจะดุนางยังไง แต่นางพยายามอย่างสุดความสามารถในการวางสีหน้าให้ดูเข้มงวด
นางเป็นคนสูงส่ง นางไม่ต้องการให้ภาพพจน์กุลสตรีของนางต้องแปดเปื้อน
ป้าหลานไม่อาจเข้าใจสิ่งที่นางเห็นด่านเฟยทำ ปกตินางรักสวยรักงาม มันไม่ปกติเลยที่นางมาค้นหาของในกองขยะ!
นี่คือด่านเฟยคนที่พิถีพิถันเรื่องความสะอาดหรือ?
หลังจากที่นางอาบน้ำถึง 3 ครั้ง นางโยนชุดหรูหราก่อนหน้านี้ทิ้งและเปลี่ยนเสื้อผ้า ด่านเฟยเป็นเหมือนคนใหม่ นางคว้าขวดโอสถเหมือนกับว่านางกำลังกอดขวดผักดองรสเลิศ นางมีความสุขและพอใจมาก
ผู้หญิงชอบอยู่อย่างสวยงาม และริ้วรอยเหี่ยวย่นเป็นศัตรูโดยปริยายของคนที่สวยงาม
ด่านเฟยไม่ได้แก่มาก นางอายุแค่ยี่สิบปีกว่าเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงว่านางเกิดมาพร้อมความงามที่เกิดจากธรรมชาติและรู้วิธีการดูแลตัวเอง นางจึงดูอ่อนเยาว์ตลอดเวลา
ผลกระทบทางจิตวิทยาที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของผู้อาวุโสหนิงนั้นช่างยอดเยี่ยมมาก
ผู้อาวุโสหนิงอายุราว ๆ 40 ปี!
แต่ความจริงที่ว่านางย้อนกลับไปอายุ 18 ปีอีกครั้งในช่วงเวลาหนึ่งเป็นเหมือนระเบิดลูกใหญ่สำหรับด่านเฟย นางไม่อาจทนได้อีกต่อไป
ถึงแม้ว่าด่านเฟยจะอายุแค่ 20 เท่านั้น แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่กลัวว่าตัวเองแก่ลงและกลัวมากที่จะโตขึ้น
แม้ว่านางอายุแค่ยี่สิบปีกว่า แต่นางก็ห่างจากเลข 40 แค่สิบกว่าปี
สิบปีจะผ่านไปเร็วมาก. แม้กระทั่งผู้หญิงอย่างด่านเฟยบางครั้งก็คิดว่าความเปราะบางของความงามช่างโหดร้ายเสียจริง นางได้แต่กลัว
เมื่อนางได้ยินชื่อ "โอสถวารีนิรันดร์สี่ฤดู" จะไม่ให้นางตื่นเต้นได้อย่างไร?
ผู้อาวุโสหนิงดูเด็กลงไป 20 ปีหลังจากกินโอสถ ความรู้สึกของการฟื้นตัวของวัยเยาว์และเสน่ห์ของความงามที่ยั่งยืนคือสิ่งที่แม้แต่ด่านเฟยยังพบว่ามันยากที่จะต่อต้าน
นางจำได้อย่างฉับพลันว่าสิ่งที่เจี้ยงเฉินใส่มันลงในมือของนาง มันจะใช่โอสถวารีนิรันดร์สี่ฤดูหรือไม่?
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมนางจึงรีบกลับมา
"เจี้ยงเฉิน ถ้าโอสถวารีนิรันดร์สี่ฤดูนี้เป็นของจริง ข้าอาจเสียใจสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้!"
ด่านเฟยนอนบนเตียงและพาดเท้าขึ้นบนเก้าอี้ คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้
"ความงามอันนิรันดร์ตราบเท่าชั้นฟ้าทั้งหลายรึ? เจี้ยงเฉินพูดล้อเลียน แต่ดูเหมือนจะพูดพาดพิงถึงผลของโอสถวารีนิรันดร์สี่ฤดูด้วย โอสถนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาหรือไม่? "
เมื่อด่านเฟยคิดได้เช่นนี้ นางก็รีบลุกขึ้นนั่ง การไตร่ตรองลึก ๆ ปรากฏอยู่บนใบหน้าที่สวยงามของนาง
"ความลับของมังกรฟีนิกซ์ สุราน้ำค้างเก้าแดนสรวง ... เจี้ยงเฉินคนนี้มีความลับหลายอย่างซ่อนอยู่ มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะกล่าวว่าโอสถวารีนิรันดร์สี่ฤดูมีอะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขา ใช่หรือไม่? "
ด่านเฟยกัดริมฝีปากสีแดงอันเย้ายวนชวนให้หลงใหลเล็กน้อย
…
เมื่อเจี้ยงเฉินกลับมาถึงบ้าน เขาเห็นพี่น้องตระกูลเซี่ยวเปลือยกายล่อนจ้อน พวกเขาคุกเข่าอยู่ที่ลานด้านหน้าและแบกท่อนไม้ไว้บนหลัง
เมื่อพวกเขาเห็นเจี้ยงเฉินกลับมา เกือบทำให้หัวของพวกเขาหลบลงไปที่เป้าของกางเกง
"นายน้อย.! หยูตงรู้สึกอึดอัดใจที่เจี้ยงเฉินเดินเข้ามาและทักทาย
"มันคืออะไรกัน?" แบกท่อนไม้เพื่อลงโทษรึ? " เจี้ยงเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
นายน้อย พวกนี้มันไม่ยอมลุกขึ้นไม่ว่าข้าจะพูดอะไรก็ตาม พวกเขากล่าวว่าถ้าข้าไม่ตีพวกเขา พวกเขาจะคุกเข่าจนกว่าพวกเขาจะตาย " หยูตงเหนื่อยใจ
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นหัวหน้าของผู้คุ้มกันทั้งแปดคน แต่เขาไม่สามารถลงโทษพี่น้องของตัวเองได้ลงคอ
"หยุตง หยุดขัดขวางพวกเราและหอนเหมือนผู้หญิงจะได้มั้ย? ทำไมถึงไม่กล้าเฆี่ยนตีเรา เมื่อเราเป็นคนที่ไม่กลัวความเจ็บปวด? " อารมณ์ความรู้สึกของเซี่ยวชานปะทุขึ้นมา
เจี้ยงเฉินอารมณ์ไม่ดีและตีก้นทั้งสองข้างของพวกเขา จนทำให้หน้าคะมำจูบดิน "ทั้งสองคนลุกขึ้นและหยุดทำตัวเหมือนคนโง่"
“ไม่” พี่น้องสองคนมีอารมณ์เหมือนล่อ "มันเป็นความผิดของเรา ถ้าท่านไม่ตีเรา เราจะตีตัวเอง! "
"หมายเลขสอง เจ้าตีข้าก่อน เราจะผลัดกันจนกว่าเราจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป" เซี่ยวชานตะโกน
พี่น้องทั้งสองคนนี้เป็นคนรักษาคำพูด ขณะเดียวกันพวกเขาหยิบแท่งไม้ขึ้นมาและเริ่มผลัดกันตีอย่างหฤโหด
"อย่าแสดงจนมากเกินไป มันต้องเป็นเซี่ยวไป๋ฉีที่สอนพวกเจ้าให้รู้จักเคล็ดลับนี้ใช่มั้ย เจ้าโง่สองคนจะมีสติปัญญาในระดับนี้ได้อย่างไร? "
เซี่ยวชานและเซี่ยวชวนมีอะไรปิดบังอยู่จริง พวกเขาจึงตัวแข็งหลังจากได้ยินคำเหล่านั้น จริง ๆ แล้วคนที่สอนวิธีนี้ก็คือลุงของพวกเขา
"เอาล่ะ พวกเจ้าคงได้เจอกับความยากลำบากในคุกมืดมามากพอ และยังลงโทษกันเองอย่างเหมาะสมแล้ว ข้าไม่ได้บอกว่าจะทำอะไรพวกเจ้า " เจี้ยงเฉินไม่ใช่คนที่โหดเหี้ยม ยังไงก็ตามความผิดพลาดที่คนของเขาได้กระทำไม่ใช่เรื่องใหญ่
"แต่เราทำผิดกฎและบินเข้าไปในเมืองหลวง"
"และเพื่อที่จะช่วยพวกเรา นายน้อยต้องพลาดโอกาสเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์เย่"
เจี้ยงเฉินยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น "เทียนโชเป็นคนเล่าเรื่องนี้ระหว่างการเดินทางกลับให้พวกเจ้าฟังรึ?”
พี่น้องทั้งสองคนต่างก็รู้สึกลำบากใจเพราะแอบพูดสิ่งที่เทียนโชบอก พวกเขารีบส่ายหัว "ไม่ ไม่ เรารู้เรื่องเอง"
เจี้ยงเฉินไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้เมื่อมองไปที่สภาพของเจ้าทึ่มทั้งสอง. "กฎของการไม่สามารถที่จะบินในเมืองหลวงเป็นกฎที่ไร้สาระ ข้าจะคิดหาวิธีลงทะเบียนนกหงส์ทองของเรา ตราบเท่าที่เรามีตราอนุญาต เราจะสามารถบินได้ตามที่เราต้องการ "
"ทั้งสองรีบลุกขึ้น และไปทำแผลซะ นายน้อยไม่ใส่ใจเรื่องนี้ พวกเจ้าก็ควรหยุดการแสดงอันน่าสมเพชได้ซักที " หยูตงกล่าวในขณะที่เขามองไปที่พี่น้องเซี่ยว.
พี่น้องสองคนเดินออกไปเมื่อพวกเขาเห็นว่าเจี้ยงเฉินดูเหมือนจะไม่ต้องการติดตามเรื่องนี้อีกต่อไป.
"ไม่เลว หยูตง เจ้าแสดงบทบาทได้ดียิ่งขึ้นในฐานะหัวหน้า ข้าเห็นว่าการฝึกของเจ้าดูเหมือนจะถึงจุดสูงสุดของเส้นชีพจรที่เก้าของพลังลมปราณฉีแล้ว เจ้าห่างจากการเป็นผู้เชี่ยวชาญฉีเพียงนิดเดียว? "
ความเร็วในการฝึกของหยูตงค่อนข้างเร็ว แม้ว่าเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากเจี้ยงเฉิน หยูตงมีศักยภาพสูงในการเริ่ม
ผู้คุ้มกันส่วนบุคคลคนอื่น ๆ ยังคงอยู่ที่ระดับแปดเส้นชีพจร หยูตงกำลังใกล้ตัดผ่านเข้ามาในดินแดนฉีที่แท้จริงและอีกเพียงไม่กี่ก้าวเขาก็จะได้เข้าไปในดินแดนของผู้เชี่ยวชาญฉีระดับสิบเส้นชีพจร
"เมื่อครั้งที่ผ่านมา ข้ามอบชุดธนูหยูชาให้กับเจ้า มานี่และข้าจะแนะนำทักษะเกี่ยวกับธนูและลูกศรเพื่อเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ของเจ้า”
เจี้ยงเฉินให้หยูตงเดินตามเขาเข้าไปในห้องลับและได้สอนเขาถึงทักษะการใช้ธนูและลูกศร นอกจากนี้เขายังสอนหยูตงให้เข้าใจทักษะนัยน์ตาแห่งพระเจ้าและทักษะหูของเทพแห่งลมประจิม
"ทั้งสองความลับมีความสำคัญมากในการฝึกวิสัยทัศน์และการได้ยินของเจ้า ถ้าเจ้าเสริมทักษะกับศิลปะทั้งสองนี้ เจ้าจะมีอนาคตอันยิ่งใหญ่ในเส้นทางของธนูและลูกศร "
หยูตงรู้สึกปราบปลื้มขณะที่ริมฝีปากของเขาสั่นเทาเล็กน้อย "พี่ชาย ท่านเป็นผู้ช่วยชีวิตข้า ถ้าไม่มีท่าน ข้าคงยังกำลังลำบากตรากตรำอยู่กับเผ่าหยิงหลานของดินแดนเจี้ยงหาน "
หยูตงเสียพ่อแม่ตั้งแต่เขาเล็กและเคยอาศัยอยู่กับคนอื่นเพื่อหาเลี้ยงชีพตัวเองในเผ่าหยิงหลาน
หัวหน้าเผ่าหยิงหลานเป็นลุงของเจี้ยงเฉินและหยูตง
"ทั้งหมดนั้นผ่านไปแล้ว แม้แต่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้น เจ้ายังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่ายังไงเจ้าก็ต้องทำให้สถานะของตัวเองดีขึ้นไม่ช้าก็เร็ว"
เจี้ยงเฉินตบหน้าอกของหยูตงขณะที่เขากำลังใช้ความคิด จากนั้นเมื่อมองเข้าไปในดวงตาของหยูตงอย่างฉับพลันความคิดแปลก ๆ ก็เข้ามาในจิตใจของเขา
"หยูตง เจ้าเคยพบพ่อแม่ของเจ้าหรือไม่?" เจี้ยงเฉินถามโดยฉับพลัน
"พ่อแม่ของข้าเสียชีวิตตั้งแต่ข้าอายุได้ 6 ขวบ "
"แล้ว ... เจ้าคิดว่าแม่ของเจ้าซึ่งเป็นป้าของข้าหน้าตาคล้ายกับท่านลุงหรือไม่?"
หยูตงพยายามอย่างหนักที่จะคิดย้อนกลับไปและพยักหน้า "ในความทรงจำ ลักษณะของท่านแม่และท่านลุงก็คล้ายคลึงกัน ประมาณหกหรือเจ็ดในสิบส่วน"
เจี้ยงเฉินพยักหน้าและยิ้ม "เอาล่ะ ขยันฝึกต่อไป ข้ามีผลไม้หยก 2 ผลที่นี่ เมื่อเจ้ากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญฉีที่แท้จริงและสร้างความมั่นคงให้กับการฝึกในสิบเส้นชีพจร เจ้าสามารถกินผลไม้เหล่านี้ได้ มันจะเพิ่มขอบเขตของเจ้าโดยไม่มีเงื่อนไขขึ้น 1 ระดับ โดยจะยกระดับเจ้าให้ไปถึงสิบเอ็ดเส้นชีพจร"
"ช่างน่าทึ่ง?"
เจี้ยงเฉินได้ให้ผลไม้หยกหายากกับพ่อของเขา ตอนนี้เหลือ 2 ผล ตอนนี้เขาให้รางวัลกับหยูตง 1 ผล เหลืออีก 1 ผลเขาวางแผนที่จะมอบผลไม้ผลสุดท้ายเป็นรางวัลให้กับใครก็ตามที่สามารถตัดผ่านไปยังระดับผู้เชี่ยวชาญฉีได้คนแรกในหมู่ผู้คุ้มกันส่วนบุคคล.
"จำไว้ว่าเจ้าควรใช้ผลไม้หยกหายากเพียง 1 ผล การกินมากไปจะไม่มีผล ส่วนที่เหลือมอบให้กับใครก็ตามในหมู่ผู้คุ้มกันส่วนบุคคลที่สามารถตัดผ่านได้ก่อน ข้าจะให้เจ้าเก็บไว้ทั้ง 2 ผลเพื่อความปลอดภัย "