หน้าแรก > ราชันสามภพ
ตอนที่ 177 เจี้ยงเฉินทำอะไรบางอย่าง

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

จริง ๆ แล้วเจี้ยงเฉินไม่ได้ตั้งใจที่จะจิกกัดเย่ดาย แต่องค์ชายใหญ่ได้ยั่วยุเขาและพยายามบังคับให้เขาต้องทำเช่นนั้น

เจี้ยงเฉินไม่ต้องการทำให้เกิดปัญหา แต่เขาก็ไม่สามารถสงบอารมณ์ได้ภายใต้การยั่วยุซ้ำ ๆ จากคนเหล่านี้

เขาได้ไม่รังเกียจเมื่อพวกเขาขนานนามเขาว่าคนบ้านนอก แต่เขาเกลียดชังความรู้สึกที่สูงส่งขององค์ชายใหญ่

ความรู้สึกที่ถูกดูถูกนี้เคยปรากฏขึ้นกับการกระทำของหลงยู่ซื่อและสาวกของนิกายตะวันม่วง มันปรากฏขึ้นอีกครั้งกับกลุ่มขององค์ชายใหญ่

พวกเขาทำราวกับว่าพวกเขาเป็นเด็กที่ได้รับการยกย่องจากสวรรค์ ส่วนคนอื่น ๆ เป็นเป้า พวกเขาจะทำร้าย,ด่าว่า,ดูถูก,และเหยียบย่ำคนอื่นให้อยู่ใต้ฝ่าเท้า!

สิ่งที่เจี้ยงเฉินเกลียดชังส่วนใหญ่คือคนโง่ที่เห็นได้ชัดว่าไม่มีอะไร แต่ชอบทำเป็นว่าพวกเขาเป็นเด็กที่น่าภาคภูมิใจของสวรรค์

ถ้ามีใครพูดถึงอัจฉริยะ หรืออัจฉริยะที่ได้รับการยกย่องจากเหล่าเทพเจ้า เจี้ยงเฉินคือผู้ซึ่งมีสิทธิ์มากกว่าใครที่จะได้รับการเรียกเช่นนั้น เขาคือเป็นบุตรของจักรพรรดิสวรรค์ในชีวิตที่ผ่านมา!

แต่เจี้ยงเฉินไม่เคยบอกว่าเขาเป็นอัจฉริยะและไม่เคยวางท่าทางโอหังสูงส่งเหนือคนทั่วไป

อัจฉริยะที่แท้จริงจำเป็นต้องมีป้ายชื่อด้วยรึ? ทำไมพวกเขาถึงแสวงหาความพึงพอใจจากการกดขี่ข่มเหงคนอื่น?

ด่านเฟยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ได้เห็นเจี้ยงเฉินโต้เถียงเย่ดาย นางต้องการทำให้เรื่องสงบ แต่แล้วความคิดของนางก็บอกให้นางหยุดดูว่าเจี้ยงเฉินมีทีเด็ดอะไรอีก คำพูดไกล่เกลี่ยติดอยู่ที่ปลายลิ้น แต่นางกลับกลืนกินมันลงไป

เมื่อถึงจุดนี้ องค์ชายสองเย่เฉียนยังยิ้มด้วย "นั่นนะสิพี่ใหญ่ หากท่านมีความคิดที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ท่านควรจะแบ่งปันให้กับเราเพื่อให้เราทุกคนสามารถเพิ่มพูนความรู้ของเราให้ดียิ่งขึ้น"

เย่หลงคัดค้านในทำนองเดียวกัน แม้ว่าจากรูปสถานการณ์เย่ดายดูเหมือนจะกำลังเกลียดชังเจี้ยงเฉิน แต่เขาก็มุ่งเป้าไปที่เย่หลงอยู่วันยังค่ำ

"พี่ใหญ่ ท่านบอกว่าข้ายังไม่บรรลุนิติภาวะและยังโง่เง่า ท่านควรทำอะไรบางอย่างที่เป็นผู้ใหญ่และฉลาดเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเรา ถ้าท่านสามารถช่วยท่านอาจารย์แก้ปัญหาได้ เราพี่น้องจะขอก้มหัวคารวะท่านอย่างให้เกียรติ มิฉะนั้น ถ้าท่านเพียงแค่รู้วิธีที่จะข่มขู่และตะโกนใส่คนอื่น ท่านจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้เราพี่น้องได้หรือ? "

องค์ชายเย่หลงไม่เคยขึ้นเสียงดังใส่เย่ดายต่อหน้าสาธารณะชน แต่ในที่สุดเขาก็ไม่อยากเก็บความอึดอัดนี้ไว้กับตัวอีกต่อไป

เย่ดายยิ้มเยาะ "ผู้ติดตามของเจ้ากล้าที่จะรุกรานอัจฉริยะของนิกาย มีอะไรอีกบ้างที่เขาไม่เต็มใจที่จะทำ? มันจะมีประโยชน์รึหากเราพูดอะไรออกไป? "

หลู่วูจิรีบเพิ่มว่า "ใช่แล้ว เจี้ยงเฉิน คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้าทำตัวมีอำนาจ และบอกว่าอัจฉริยะของนิกายไม่สามารถทำอะไรได้ เจ้าสามารถแก้ปัญหานี้ได้งั้นรึ? "

ฮานเคียนกี่พูดอย่างดุเดือดว่า "เจี้ยงเฉิน เจ้าเป็นคนธรรมดา และเจ้ายังกล้าพูดว่าข้ากำลังหลอกลวง นี่ไม่ใช่แค่การดูถูกสาวกของนิกายเท่านั้น แต่ยังเป็นการดูหมิ่นนิกายพฤกษาสวรรค์อีกด้วย "

ทุกคนล้วนร่วมมือกันใช้คำพูดข่มขู่เจี้ยงเฉิน

เจี้ยงเฉินเป็นคนที่ไม่ผูกมัดตัวเองเหมือนเมฆและลม เขาพูดเบา ๆ ว่า "หยุดวางท่าซะที สาวกนิกายต้องใช้ความสามารถและความรู้ที่แท้จริงเพื่อพิสูจน์ตัวเอง การใช้ชื่อเสียงของพวกเขาเพื่อกดขี่ผู้อื่นไม่ใช่การกระทำของอัจฉริยะ แต่เป็นงานจากขยะอันไร้ประโยชน์ เจ้าบอกว่าข้าเป็นมดธรรมดา ถ้าเจ้าพบว่าปัญหาที่ผู้เป็นอัจฉริยะไม่สามารถจัดการได้ แต่มดกลับทำได้ เจ้าจะคิดยังไง? จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? "

"เจ้าน่ะหรือ ?" ฮานเคียนกี่เริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง "เจ้ามันคนธรรมดาที่ไม่ได้อยู่ในอาณาจักรปราณจิตวิญญาณด้วยซ้ำ! เจ้าไม่มีสิทธิ์เข้าใกล้มังกรฟินิกซ์ เจ้าจะจัดการเรื่องนี้อย่างนั้นรึ? ถ้าเจ้าทำได้ ข้า ฮานเคียนกี่จะยอมรับทันทีว่าข้าเป็นขยะและเจ้าเป็นอัจริยะ ข้าจะยอมเป็นสุนัขรับใช้เจ้าต่อจากนี้! "

"เป็นสุนัขของข้ารึ? ฮ่า ฮ่า ข้าเกรงว่าเจ้าไม่ได้มีคุณสมบัติเพียงพอ " เจี้ยงเฉินยิ้มเยาะ

ดวงตากลมโตของด่านเฟยได้ขยับเล็กน้อยด้วยร่องรอยแห่งความหวังประกายผ่านมัน "เจ้าชื่อว่าเจี้ยงเฉินรึ? เจ้าเพิ่งพูดว่าสัตว์ตัวนี้เรียกว่ามังกรฟินิกซ์ห้าปีกใช่หรือไม่?

เจี้ยงเฉินพยักหน้า "ใช่แล้ว ชื่อที่ถูกต้องคือมังกรฟินิกซ์ห้าปีก"

"แต่เราเรียกมันว่ามังกรฟีนิกซ์เสมอมา"

"มังกรฟีนิกซ์เป็นต้นกำเนิด ปีกทั้งห้าเป็นรูปลักษณ์ภายนอกของมัน สายเลือดจากการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างนกฟินิกซ์และมังกรได้รับการสืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณโดยสายเลือดเริ่มมีการเจือจางมากขึ้นทุกรุ่น มังกรฟินิกซ์ห้าปีกนับว่าเป็นสายพันธุ์ขั้นต่ำ สายพันธุ์ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงคือมังกรฟินิกซ์สิบสองปีก นั่นคือสุดยอดของตำนาน! "

"สิบสองปีกรึ?" สายตาที่สวยงามของด่านเฟยมองเขาอย่างเหลือเชื่อ

"เจี้ยงเฉิน อย่าพูดเรื่องหลอกเด็ก ใครไม่รู้ว่าจะแต่งเรื่องอย่างไร ? ทำไมเจ้าไม่อธิบายให้เราฟังว่ามังกรฟีนิกซ์เป็นอะไร? " ฮานเคียนกี่กล่าวอย่างโกรธแค้น

"เจ้าไม่ต้องมายั่วยุข้าตอนนี้ ข้าแค่รู้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้มากกว่าเจ้า"

ดวงตากลมโตของด่านเฟยกว้างขึ้น "เจี้ยงเฉินเจ้ารู้จริงเหรอ? บอกเรามาเถอะว่ามีอะไรผิดปกติกับเจ้ามังกรฟินิกซ์ ? "

"ท่านอาจารย์ได้เลี้ยงดูมังกรฟีนิกซ์ตั้งแต่มันยังเล็กถูกต้องหรือไม่? ช่วงเวลานั้นเท่ากับประมาณ 30 ปีใช่มั้ย? "

"นี่ ... เจ้ารู้ได้อย่างไร?" ด่านเฟยตกใจ

สำหรับท่านอาจารย์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตลอดมา ตอนนี้ลำแสงที่สุกใสก็ส่องประกายออกจากดวงตาของเขาไปยังเจี้ยงเฉิน

"จากอารมณ์ต่าง ๆ ของมังกรฟินิกซ์แสดงให้เห็นว่ามันเป็นตัวผู้ ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นถ้ามันเป็นตัวเมีย "

"เจ้ารู้เรื่องนี้ด้วยรึ? เจ้าเพิ่งแอบสังเกตเห็นใช่มั้ย? " ด่านเฟยรู้สึกงุนงงมากขึ้น

"สภาพอากาศที่ไม่เหมาะสมและธรรมชาติป่าอันไร้มลทินเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด มังกรฟินิกซ์เป็นสัตว์เลี้ยงที่เชื่องที่สุดในหมู่สัตว์วิญญาณโบราณ มันเป็นเช่นนี้ด้วยเหตุผลเดียวเท่านั้น "

"มันคืออะไร?" ด่านเฟยเผลอถามโดยไม่รู้ตัว

"ง่ายมาก มันอยากผสมพันธุ์" เจี้ยงเฉินหัวเราะ

หน้าของด่านเฟยเปลี่ยนเป็นสีแดงสด "เจี้ยงเฉิน เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอยู่"

เจี้ยงเฉินกล่าวอย่างสุภาพว่า "การผสมพันธุ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตทั้งปวงบนโลกและใต้ฟ้าเป็นกฎตามธรรมชาติ นี่เป็นเรื่องไร้สาระได้อย่างไรกัน? "

เมื่อเห็นว่าเจี้ยงเฉินพูดอย่างจริงจัง ด่านเฟยโต้ด้วยใบหน้าสีแดง "เจ้าพูดว่า ... มัน ... ไม่ว่าอะไรก็ตาม แม้ว่าเจ้าจะพูดถูก ทำไมถึงไม่เคยเกิดเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน? มัน…. นี่เป็นเรื่องฉับพลันหรือ ? "

"เจ้าโง่รึเปล่า! เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าเพิ่งพูดหรือว่ามันอายุประมาณ 30 ปี? มนุษย์เราเริ่มมีการพัฒนาเมื่อเราอายุ 13 หรือ 14 ปีและเริ่มเข้าใจเรื่องระหว่างชายและหญิง มังกรฟีนิกซ์เป็นหนึ่งในสัตว์ที่เจริญเติบโตช้าและเริ่มสืบพันธุ์หลังจากอายุ 30 สิบปีเท่านั้น มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเพราะยังเล็กอยู่ ตอนนี้เริ่มมีการพัฒนาแล้ว ความคิดของมันก็เริ่มเปลี่ยน เจ้าเข้าใจรึยัง?"

แม้แต่ผู้หญิงที่เปิดกว้างเช่นด่านเฟยก็หน้าแดงจากคำพูดของเจี้ยงเฉิน ด้วยเหตุผลบางอย่าง ถึงแม้บทสรุปของเจี้ยงเฉินก็ฟังดูเหมือนการพูดไร้เหตุผล แต่นางยังคงเชื่อว่ามันเป็นความจริงเจ็ดถึงแปดส่วน

ข้อสรุปของเจี้ยงเฉิงน่ากลัวและน่าตกใจ

ศิษย์สูงศักดิ์หลายคนไม่เชื่อเขาและรู้สึกว่าเจี้ยงเฉินกำลังพูดเรื่องโง่ ๆ ที่ไม่เป็นความจริง แต่แม้ว่าเขาจะพูดเรื่องไร้สาระ แต่พวกเขาก็ค่อนข้างชื่นชมความกล้าหาญของเขา

การพูดจาไร้สาระเช่นนี้ถือเป็นความเสี่ยงสูง คนที่นั่งอยู่บนเวทีก็คือเทพวิญญาณของราชอาณาจักรอาจารย์เย่ชองหลิว!

และเจี้ยงเฉินเพียงแค่พูดเอาสนุก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาก็เป็นคนเจ้าชู้และต้องการล้อเลียนด่านเฟย ถ้าด่านเฟยพรู้ว่าเขาโกหก เขาต้องตายศพไม่สวยแน่

แม้แต่องค์ชายจากราชวงศ์ ก็ไม่มีใครกล้าพูดตรงไปตรงมาต่อหน้าด่านเฟย มิฉะนั้น ด่านเฟยจะโต้ตอบอย่างสยดสยอง

เย่หลงทั้งพอใจและกังวลเมื่อมองเจี้ยงเฉิน เขารู้ดีว่าเจี้ยงเฉินมักทำเรื่องแปลกประหลาดและไม่เคยล้มเหลวเลย

เขารู้สึกยินดีที่เจี้ยงเฉินได้เคลื่อนไหว แต่รู้สึกเป็นห่วงว่าถ้าเขาทำมันพัง ผลที่ตามมาจะรุนแรงมาก

ท่านอาจารย์คงระงับความโกรธไม่ได้ และแม้แต่ด่านเฟยจะไม่แสดงบทพี่สาวใจดีกับเขาอีกต่อไป

เย่หลงอธิษฐานในใจ "เจี้ยงเฉิน โปรดอย่าทำให้มันยุ่งเหยิงไปกว่านี้เลย อืม ลืมมันไปเถอะ ข้าเป็นคนนำเจี้ยงเฉินมาที่นี่ ถ้าข้าไม่ไว้ใจเขาแล้วใครจะไว้ใจ ถ้าข้าจะใช้ใคร ข้าไม่ควรสงสัยในตัวเขา ถ้าข้าไม่ไว้ใจก็ไม่ควรใช้เขาแต่แรก ถ้าข้า เย่หลงกำหนดความมุ่งมั่นในการแข่งขันชิงตำแหน่งองค์รัชทายาท ข้าจะต้องมีความอดทนอย่างผู้ปกครอง ข้าเริ่มต้นทีหลังเย่ดาย หากข้าไม่กล้าที่จะเสี่ยงแล้วข้าจะเอาชนะเขาได้อย่างไร? "

เย่หลงเป็นคนที่เด็ดขาด เหมือนกับที่เขาเคยกล่าวไว้ ตอนที่เขาเลือกเจี้ยงเฉิน เขาและเจี้ยงเฉินคือทองที่ถูกฝังอยู่ในทราย

เขารู้สึกว่าเขาและเจี้ยงเฉินมีหลายอย่างคล้ายกัน พวกเขาถูกกำหนดให้โผล่ออกมาและทะยานเหนือฝูงชน

เขาจึงตัดสินใจที่จะเสี่ยงและเดิมพันทุกอย่างกับเจี้ยงเฉิน

ก่อนหน้านี้เจี้ยงเฉินเพิ่งจะต่อว่าเย่ดายอย่างหนักและทำให้เขารู้สึกอับอายขายหน้าในฐานะองค์ชายใหญ่ ตอนที่เขาเห็นเจี้ยงเฉินมีเรื่องที่ไม่ชอบมาพากล ไม่ว่าเขาจะมองดูอะไรก็ตามดูเหมือนว่าเจี้ยงเฉินกำลังพูดเรื่องไร้สาระ

เย่ดายรู้ว่านี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะเย้ยหยันฝ่ายตรงข้าม

เขาก้าวไปข้างหน้าและโห่ร้อง "เจี้ยงเฉิน พี่ด่านเฟยมีเสน่ห์สวยงามที่หาได้ยาก เจ้าหยุดพูดจาต่ำช้าต่อหน้านาง! เจ้าวินิจฉัยอะไรแบบนี้? เจ้ากำลังทำตัวเหมือนคนอันธพาล! ต่ำช้าสิ้นดี! "

เย่ดายทำตัวสุภาพอ่อนโยนและสง่างามเพื่อปกป้องด่านเฟย

เขากอดอกอีกครั้งและพูดกับด่านเฟยว่า "พี่ด่านเฟย เด็กคนนี้เป็นบุตรชายของขุนนางเล็ก ๆ ในอาณาจักรตะวันออก เขาเป็นคนบ้านนอก เขาจะรู้อะไรเกี่ยวกับสัตว์วิญญาณ? เจ้าวายร้ายนี้พูดเก่ง และเขาเชี่ยวชาญอย่างมากในการโกหก พี่ด่านเฟย อย่าตกหลุมกลลวงของเขา "

หลู่วูจิยังกล่าวเสริมอีกว่า "ใช่แล้ว นอกเหนือจากปากที่มีไหวพริบและลิ้นกะล่อนแล้ว เจ้านี่ยังไม่มีความสามารถอะไรเลย"

องค์ชายสามเย่เซียวก็ถอนหายใจด้วย "บุตรขุนนางและลูกศิษย์ชั้นสูงของราชอาณาจักรนภาจันทร์ของเราพร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่นั่งอยู่ที่นี่ เรากำลังฟังเด็กบ้านี่พูดพล่ามไร้สาระ"

เย่ดายรู้สึกมั่นใจมากขึ้นเมื่อได้รับการสนับสนุนจากหลาย ๆ คน เขาโห่ร้องด้วยความชอบธรรม "น้องสี่ ถ้าเจ้ายังอยากมีหน้าในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของราชวงศ์ บอกเด็กบ้านนอกคนนี้ให้หุบปากซะ เจ้าพูดจาลามก เจ้ากำลังดูหมิ่นพี่สาวด่านเฟย. "

กลับกลายเป็นว่าเจี้ยงเฉินก่ออาชญากรรมครั้งใหญ่

การดูหมิ่นพี่ด่านเฟยถือเป็นความผิดทางอาญาที่เพียงพอที่จะทำให้บุตรชายขุนนางและลูกศิษย์หลายคนเห็นว่าเขาเป็นศัตรู

ต้องรู้ว่าชายหนุ่มเหล่านี้ส่วนใหญ่ประทับใจด่านเฟย นางสวยสง่างาม ผ่าเผยและมีเกียรติ นางเป็นเทพธิดาที่บุตรชายขุนนางชั้นสูงหลายคนใฝ่ฝัน

รูปลักษณ์ที่สวยงาม โดดเด่นสง่างามและท่าทางอันอ่อนช้อย ทั้งนางยังเป็นศิษย์โปรดที่สุดของท่านอาจารย์ ไม่ว่าพวกเขาจะมองนางจากมุมไหน ด่านเฟยก็เป็นเทพธิดาที่สมบูรณ์แบบที่สุด

หลายครั้งที่เย่หลงถูกเย่ดายเยาะเย้ยและเขากล่าวด้วยความไม่พอใจว่า "องค์ชายใหญ่ ข้าให้เกียรติท่านในฐานะพี่ชายและทุกครั้งที่ท่านกดขี่ข้า ข้าก็พยายามคิดในแง่ดีเสมอ ท่านบอกว่าเจี้ยงเฉินพูดจาเหลวไหล ไม่มีข้อมูล ข้าต้องการถามท่านว่า ท่านมีหลักฐานอะไรบ้างว่าเขากำลังพูดเรื่องไม่จริง? เนื่องจากคนที่ท่านเชิญมาไม่สามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้ ท่านจึงไม่อนุญาตให้แขกของข้าออกความเห็นงั้นรึ? "

"หลักฐานรึ ? คำไร้สาระของเขาจำเป็นต้องมีหลักฐานด้วยรึ? " เย่ดายยิ้มเยาะและสงสัยว่าทำไมเย่หลงโง่มากขนาดนี้ หรือเป็นเพราะสมองของเขาโดนประตูหนีบ

"หากท่านไม่มีหลักฐาน เท่ากับว่าท่านใส่ร้ายเขา " เย่หลงโกรธจัดและไม่ยอมถอยหลังเลย เขารู้ว่าถ้าเขาถอยออกจากที่นี่แล้ว ชีวิตทั้งชีวิตของเขาจะเหมือนกับการโดนองค์ชายใหญ่เหยียบให้จมดิน เขาคงไม่มีโอกาสโงหัวขึ้นมา

ในทางตรงกันข้าม ถ้าเขายืนหยัดต่อสู้หรือสามารถเอาชนะได้ ก็จะเป็นการเพิ่มชื่อเสียงของเขาภายในเมืองหลวงและทำให้เขามีสิทธิ์ที่จะแข่งขันกับองค์ชายใหญ่!

เห็นพี่น้องสองคนยืนกรานว่าฝ่ายตนถูก ด่านเฟยตกที่นั่งลำบาก ในขณะนั้น นางจะเผชิญกับปัญหาที่ไม่จำเป็นถ้านางลำเอียงไปทางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งและนางอาจทำให้เกิดความวุ่นวายมากยิ่งขึ้น

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.