spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
คำตอบของท่านอาจารย์ไม่ใช่สิ่งเย่ดายคาดหวังไว้ ในความเป็นจริง เย่ดายต้องการให้ท่านอาจารย์ยกย่องชื่นชมเขาและบอกว่าเขาตั้งคำถามได้ยอดเยี่ยม จากนั้นจึงชมเชยวิสัยทัศน์และความปรารถนาของเขาที่จะก้าวหน้า ในที่สุดเขาก็จะสนับสนุนให้เย่ดายใช้เป้าหมายนี้เป็นแรงจูงใจและมุ่งมั่นที่จะบรรลุ.
แต่น่าเสียดาย นี่คือคำตอบที่เย่ดายปรารถนา แต่การตอบของท่านอาจารย์แตกต่างกันอย่างมากมาย
อย่างไรก็ตามเย่ดายไม่กล้าแสดงความรู้สึกไม่พอใจเลยสักนิด เขาจึงเปลี่ยนสีหน้าเป็นท่าทางครุ่นคิด เขารำพึงเล็กน้อยก่อนที่จะพูดว่า "คำพูดของท่านอาจารย์เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่มุ่งเป้าไปที่สูงสุด ศิษย์จะต้องก้าวไปอีกระดับหนึ่งก่อนที่จะสามารถเข้าใจมุมมองของท่านอาจารย์ได้ ดูเหมือนว่าศิษย์จะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อให้เข้าใจภาพที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ และในขณะเดียวกันก็ต้องปรารถนาที่จะกลายเป็นคนที่มีอำนาจและมีความทะเยอทะยานพร้อมที่จะทำงานไปสู่เป้าหมายในการรวมอาณาจักรทั้งสิบหกเข้าด้วยกัน "
แม้ว่าท่านอาจารย์ไม่ได้ตอบในแบบที่เขาหวัง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เย่ดายหมดโอกาสที่จะแสดงความคิดเห็นและทัศนคติของเขาให้ท่านอาจารย์ฟังได้
ท่านอาจารย์ยิ้มและไม่ตอบ เขาจะตอบคำถามเพียงครั้งเดียวและมันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะพูดอะไรอีก
แม้ว่าด่านเฟยยังคงมีรอยยิ้มตามธรรมชาติ นางก็แอบสั่นหัว เย่ดายเพ้อฝันว่าตัวเองเป็นคนฉลาด
คนอย่างเย่ดายจะสามารถเข้าใจมุมมองที่ท่านอาจารย์ชี้ให้เห็นได้อย่างไร?
ด่านเฟยสามารถเข้าใจสิ่งที่ท่านอาจารย์หมายถึง เขาบอกว่าแรงผลักดันอันยิ่งใหญ่ที่จะรวมสิบหกอาณาจักรให้เป็นหนึ่งยังไม่ก่อตัวขึ้น
เขายังบอกกล่าวว่าเย่ดายไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์มุ่งมั่นและมีความทะเยอทะยานมากพอ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยคสุดท้ายในเรื่องการโต้เถียงที่ว่างเปล่าไร้ประโยชน์ ถ้าไม่มีทั้งสองเงื่อนไข อันที่จริงมันการต่อว่าเย่ดาย มันเป็นข้อบ่งชี้ที่เขาควรจะอยู่บนดินอย่างนอบน้อม และเขาควรละเว้นจากสิ่งที่เขาไม่อาจเข้าใจ
เป็นที่น่าเสียดายเย่ดายจมอยู่กับความคิดของตัวเองและไม่เข้าใจความหมายของคำสอนที่ได้รับจากท่านอาจารย์
เขายิ่งใหญ่มากเท่าไหร่กันถึงกล้าพูดถึงการหลอมรวมให้ทั้งสิบหกอาณาจักรกลายเป็นหนึ่งตอนนี้? ความแข็งแกร่งของเขายังไม่ถึงระดับที่ต้องการ แต่ความทะเยอทะยานไปไกลจนถึงขีดสุด นี่จะทำลายอาณาจักรและนำความหายนะให้กับประชาชน
"ในท้ายที่สุดเย่ดายยังคงคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าที่เขาเป็นอยู่จริง ๆ " ด่านเฟยถอนหายใจ
ดวงตาที่สวยงามของนางเปลี่ยนทิศทางและมองไปที่เย่หลง "เย่หลง เจ้าอยู่ในอันดับสอง เจ้ามีคำถามอะไรจะถามท่านอาจารย์? "
เย่หลงเคร่งเครียดเขาถามอย่างจริงจังว่า "ท่านอาจารย์ คำถามของข้าเกือบจะตรงกันข้ามกับคำถามพี่ใหญ่ในแง่ของแนวความคิด ข้าได้พิจารณาว่า ราชอาณาจักรจะนับว่าแข็งแกร่งด้วยสิ่งใด อาณาจักรกว้างใหญ่ไม่มีแนวพรมแดน หรืออาณาจักรมีความเจริญรุ่งเรืองและผู้คนอยู่อย่างสงบ? สำหรับราชวงศ์ที่เข้มแข็ง แม้ว่าจะแกะสลักพรมแดนใหม่ ๆ ทุกวัน ถ้าคนยากจนและทหารในแนวหน้าต้องประสบกับความสูญเสียที่สูง จะมีความหมายอะไรที่ต้องให้กองกำลังล้มตายกับการสู้รบในสงครามอย่างนี้?
เย่ดายไม่รู้สึกอะไรกับคำถามของเย่หลง
เห็นได้ชัดว่าเย่หลงคำถามนี้เพียงเพื่อถามไปตามน้ำ คำถามของเย่ดายเกี่ยวข้องกับการรวมกันของราชอาณาจักรทั้งสิบหก,ในขณะที่เย่หลงถามว่าอะไรคือประโยชน์ของสงครามที่ต้องรุกราน!
ไม่ว่าใครจะมองคำถามนี้อย่างไร ก็ตรงกันข้ามกับคำถามที่เขาถาม
ท่านอาจารย์ไม่ได้มีท่าทีโกรธกับคำถามของเขาแต่อย่างใด เขาคิดสั้น ๆ แล้วพูดว่า "เหล่าทหารเป็นผู้ชาย หากทหารและแม่ทัพไม่มีแรงจูงใจและเป้าหมายในการสู้รบ ในแนวหน้าพวกเขาจะไม่มีความสุข สงครามดังกล่าวไม่มีความหมาย การขยายพรมแดนไม่จำเป็นต้องเป็นความชั่วร้าย ในทางกลับกัน การตั้งกองทัพไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่ดี ความแตกต่างระหว่างความดีและไม่ดีถูกกำหนดโดยเจตนาของสงคราม ถ้าการขยายพรมแดนสามารถช่วยให้ผู้คนจำนวนมากมีชีวิตที่ดีขึ้น สงครามนี้ก็ถือเป็นเรื่องดี มุมมองของผู้อาวุโสคนนี้คือจุดประสงค์ในการขยายพรมแดนไม่ไใช่เพื่อให้มีอาณาเขตกว้างใหญ่ แต่เพื่อช่วยเหลือผู้คนให้มีชีวิตที่รุ่งเรืองและสงบสุขมากขึ้น! ถ้าผู้กุมอำนาจไม่ไตร่ตรองเป้าหมายนี้ เขาจะสูญเสียทิศทางที่ถูกต้อง "
เย่หลงฟังอย่างใจจดใจจ่อ เขาพยักหน้าเล็กน้อยขณะที่เขากลับมาที่เบาะนั่ง เขาต้องการเวลาในการดูดซับและแยกแยะคำเหล่านี้
"เอาล่ะ ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่เจ้าของของขวัญลำดับหนึ่งจะถามคำถาม. ตามกฎ เจ้าของสามารถถามคำถามได้ 2 ข้อ "
ด่านเฟยจ้องไปที่เจี้ยงเฉิน
นางเป็นคนฉลาดและรู้ดีว่าสุราน้ำค้างเก้าแดนสรวงไม่ใช่สิ่งที่ทั้งสามคนวางแผนไว้ด้วยกัน
นางมั่นใจเต็บสิบส่วนว่าหนุ่มแปลกหน้าผู้นี้แต่งเรื่องขึ้นมา
ด่านเฟยไม่ใช่ผู้หญิงสอดรู้ แต่ในขณะนี้นางค่อนข้างอยากรู้เรื่องเจี้ยงเฉิน
นางอยากจะรู้ว่าชายหนุ่มคนนี้จะถามคำถามอะไรกับท่านอาจารย์? คำถามเกี่ยวกับเต๋าศิลปะการต่อสู้? หรือคำถามอื่น ๆ ?
เจี้ยงเฉินสัมผัสได้ว่าด่านเฟยกำลังจ้องเขาอยู่ เขายิ้มเฉย ๆ และเอียงร่างซ่อนตัวอยู่หลังเย่หลง
ไม่ใช่ว่าเจี้ยงเฉินกำลังวิ่งหนีจากอะไร เขาไม่ต้องการทำตัวเป็นจุดสนใจ สิ่งที่เขาอยากทำมากที่สุดคือการหลับตาและพักผ่อนสักหน่อย จำลองการสู้รบกับผู้ฝึกปราณจิตวิญญาณ
เพราะเขาจะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายของซินวูดูวต่อไป เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นและความตายของพี่น้องเซี่ยว
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เจี้ยงเฉินไม่สนใจเรื่องนี้อย่างแท้จริง เขารู้ว่าถ้าเขาถามคำถาม ทุกคนจะนำเรื่องของเขาไปพูดคุยซุบซิบนินทาหลายรูปแบบ
เป็นการดีที่จะหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ถ้าเป็นไปได้
เมื่อเทียนโชเห็นอาการของเจี้ยงเฉินแบบนี้ เขารู้ดีว่าเจี้ยงเฉินได้ตัดสินใจที่จะสละโอกาสและเขาไม่ได้แสร้งเสียสละ เขากล่าวกับหลินเฉียนลี้ว่า "เฉียนลี้ เจ้าถามก่อน"
หลินเฉียนลี้ต้องการคัดค้านเพราะเขารู้สึกอาย แต่สุดท้ายแล้วความแน่วแน่ที่มีต่อเต๋าศิลปะการต่อสู้ได้เอาชนะความอาย เขาจึงก้าวออกไป
"ท่านอาจารย์ ศิษย์ หลินเฉียนลี้ จากวิหารทักษิณครามสวรรค์ อยากจะขอเรียนคำถามเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้แห่งเต๋า ศิษย์ได้พยายามอย่างต่อเนื่องหลังจากตัดผ่านความสมบูรณ์แบบที่ยอดเยี่ยมของ 12 เส้นชีพจรในดินแดนฉี ข้าได้นั่งสมาธิอย่างขันแข็งเป็นเวลา 3 ปีแต่ไม่เคยได้รับ ศิษย์ต้องการจะถามท่านอาจารย์ว่า ความสมบูรณ์แบบของ 12 เส้นชีพจรฉีเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาที่ไร้สาระในท้ายที่สุดใช่หรือไม่? "
ตาของอาจารย์ผู้ทรงเกียรติยิงลำแสงฉูดฉาดเข้าไปในหัวใจของหลินเฉียนลี้เหมือนลูกศรคมชัดที่ไร้คู่แข่ง
"เจ้าอยู่ในระดับครึ่งก้าวอาณาจักรปราณจิตวิญญาณใช่หรือไม่? และเจ้ายังคงไม่สามารถปล่อยการยึดมั่นของเจ้าไปในความสมบูรณ์แบบที่ดีได้หรือ? ไม่เคยมีสิ่งใดที่ยอดเยี่ยมมากนักในเส้นทางศิลปะการต่อสู้แห่งเต๋า ความสมบูรณ์แบบหมายถึงไม่ต้องมีการปรับปรุงอีกต่อไป เจ้ายึดมั่นในความสมบูรณ์แบบที่ยอดเยี่ยม แต่เจ้าไม่รู้ตัวว่าเจ้าได้ผ่านช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการก้าวเข้าสู่อาณาจักรแห่งปราณจิตวิญญาณไปแล้วหรือยัง "
คำพูดเหล่านี้เป็นประกายไฟระหว่างความมืดสลัว มันส่องแสงให้กับโลกเต๋าศิลปะการต่อสู้ของเขา
หลินเฉียนลี้คล้ายกับการถูกฟ้าผ่าในช่วงเวลานั้นขณะที่เขายืนอยู่ที่นั่นกลายเป็นหิน ทันใดนั้นแสงสว่างของความเข้าใจได้หลุดออกมาจากดวงตา เมื่อรอยยิ้มแจ่มใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
เขาโค้งคำนับอย่างลึกซึ้ง "ขอบคุณท่านอาจารย์มาก ที่ช่วยพัดพาก้อนเมฆให้หมดไปและให้ศิษย์เห็นท้องฟ้าได้ชัดเจนขึ้น"
ท่านอาจารย์ยิ้มอย่างสุขุมและไม่ได้พูดอะไรอย่างอื่น เขาค่อนข้างชื่นชมการตัดสินใจและความสามารถที่แข็งแกร่งในการทำความเข้าใจของหลินเฉียนลี้
"ศิษย์ เทียนโช ... " เขาเดินขึ้นไปบนเวที
แม้ว่าเจี้ยงเฉินได้กล่าวไว้แล้วว่านี่เป็นของขวัญจากทั้งสามคน หลินเฉียนลี้ได้ถามคำถาม 1 ข้อและอีกข้อเป็นของเทียนโช
นี่ไม่ได้หมายความว่าเจี้ยงเฉินไม่มีโอกาสที่ถาม
เจี้ยงเฉินไม่ได้ถามรึ? แม้กระทั่งผู้คนที่อยู่ฝั่งเย่ดายก็รู้สึกประหลาดใจ
หลู่วูจิได้แช่งเจี้ยงเฉินในใจว่า "เจี้ยงเฉินเจ้าโง่ มันแกล้งทำเป็นใจกว้างและให้โอกาสสำคัญแก่คนอื่นได้ยังไง? มันโง่ ไม่เป็นไรข้าเข้าใจ บัดซบจริง ทำไมโอกาสที่ดีเช่นนั้นไม่ตกอยู่ในตักของข้า? "
แม้ว่าด่านเฟยเพิ่งจะหักหน้าหลู่วูจิ แต่เขายังคงเคารพนับถือเย่ชองหลิวเหมือนกับทุกคน
เขาฝันถึงการมีโอกาสได้ถามอะไรซักอย่าง แต่เขารู้ดีว่าเขาไม่มีทางได้โอกาสนั้น
ขณะที่เขามองดูเทียนโชเดินขึ้นไปบนเวที เขาอิจฉาเทียนโชมาก เขารู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาถูกกัดโดยงูพิษ ไอ้สวะไร้ค่าเทียนโช เขาเคยเป็นคนที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของหลู่วูจิ คนที่ไม่มีอะไรมาเทียบเขาได้ เขามีโอกาสได้ขึ้นไปเพื่อถามคำถามของอาจารย์ได้อย่างไร?
"คนสวะได้รับสิ่งที่ปรารถนา!" หลู่วูจิสาปแช่งในใจ เขาทำได้เพียงดูถูกคนที่ได้รับสิ่งที่เขาต้องการ
ด่านเฟยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นางอยากรู้เกี่ยวกับเจี้ยงเฉิน จริง ๆ แล้วอยากรู้ว่าเขาจะถามคำถามอะไร
แต่แม้ว่านางจะรอและรอ ผลสุดท้ายก็คือไม่มีคำถามอะไรจากเจี้ยงเฉิน
เรื่องนี้ทำให้ความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเจี้ยงเฉินเพิ่มมากยิ่งขึ้น
คำถามของเทียนโชเกี่ยวข้องกับศิลปะการต่อสู้แห่งเต๋า เห็นได้ชัดว่าท่านอาจารย์เป็นครูที่สอนโดยไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ว่าใครเป็นคนถาม เขาก็ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเป็นธรรมและให้คำอธิบายที่ตรงเป้าหมาย
คำตอบสุดท้ายของเขาก็ทำให้เทียนโชได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกัน
เมื่อท่านอาจารย์ตอบคำถามของเทียนโชเสร็จเรียบร้อยแล้ว องค์ชายเย่ดายได้หายใจด้วยความสบายใจเป็นเวลานาน ช่วงเวลาโชคร้ายได้จบลงซะที
พิธีมอบของขวัญจบลงแล้ว
แม้ว่าเขาจะอยู่ในอันดับที่สาม ซึ่งทำให้เขารู้สึกหดหู่
แม้กระนั้นก็ตามเขาก็คาดการณ์อย่างเต็มที่ในส่วนต่อไป เนื่องจากน้องสาวด่านเฟยเพิ่งกล่าวว่าจะมีการเพิ่มรายการอื่นหลังจากของขวัญถูกนำเสนอ
เย่ดายตั้งหน้าตั้งตารอเพราะเขาได้เตรียมตัวมานานและหนักสำหรับมัน เขาทุ่มเทอย่างหนักไม่ว่าจะจ่ายไปเท่าไหร่และได้เชิญศิษย์ของนิกายพฤกษาสวรรค์ให้มางาน
"ข้าหวังว่าหน่วยข่าวกรองจะถูกต้องในครั้งนี้ และรายการพิเศษที่ด่านเฟยกล่าวต้องตรงกับของที่ข้าเตรียมไว้ ถ้าข้าสามารถช่วยลดภาระของท่านอาจารย์ได้ ข้ามั่นใจว่าข้าจะกลายเป็นศิษย์รักที่เขาโปรดปรานมากที่สุด เมื่อข้าขึ้นครองบัลลังก์ในอนาคต ข้าแน่ใจว่าจะได้รับการสนับสนุนและการอนุมัติจากท่านอาจารย์ผู้ทรงเกียรติ! "
ดวงตาของเย่ดายเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นขณะที่เขามองไปยังด่านเฟย หัวใจของเขาขยับเข้าสู่พิธีถัดไป
เมื่อเขานึกถึงคำสัญญาของด่านเฟย เลือดทั้งหมดที่อยู่ในร่างก็เริ่มเดือดเป็นฟอง ...
ผู้ที่สามารถช่วยท่านอาจารย์แก้ปัญหานี้ได้ จะได้รับความช่วยเหลือ บุญคุณจากเขา.!
หลังจากที่ท่านอาจารย์พยักหน้า ด่านเฟยได้ขึ้นไปที่ด้านหน้าของเวทีอีกครั้งและส่งยิ้มหวาน "ทุก ๆ คน ข้าเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้จะมีการเพิ่มส่วนในงานวันนี้หลังจากที่ได้นำเสนอของขวัญ ตามข้อตกลงล่วงหน้า ใครก็ตามที่สามารถช่วยท่านอาจารย์แก้ปัญหาของเขาในส่วนนี้จะได้รับความช่วยเหลือจากเขา โปรดจำไว้ว่านี่เป็นความโปรดปราน บุญคุณที่ท่านอาจารย์จะทำทุกอย่างในการตอบสนอง ทุกคนโปรดใช้สมองอย่างชาญฉลาด "
"ความช่วยเหลือที่เขาจะใช้พลังงานเต็มที่เพื่อตอบสนองความต้องการงั้นรึ?"
"สวรรค์โปรด! กี่ปีผ่านไปแล้วที่ท่านอาจารย์ได้ทำสัญญาเช่นนี้? "
"หึ หึ หากข้าได้รับความกรุณาจากท่านอาจารย์ เพียงคำพูดจากปากเขา ข้าก็จะได้เข้าร่วมนิกายพฤกษาสวรรค์"
"เราต้องทำทุกอย่างเพื่อโอกาสนี้!"
"เฮ้ แม้กระทั่งองค์ราชาก็อาจจะอิจฉาใครก็ตามที่ได้รับความช่วยเหลือนี้"
"ฮ่า ฮ่า ถ้าข้าได้รับความช่วยเหลือนี้ ข้าจะขอเป็นผู้ติดตามท่านอาจารย์ทันทีและข้าจะได้สิงสถิตอยู่กับพี่สาวด่านเฟยด้วยวิธีนี้ ฮ่า ฮ่า ... "
ความคิดและความทะเยอทะยานหลากหลายรูปแบบซึมซับไปทั่วลานสนามในขณะนี้