spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
"รีบแยกย้ายกันค้นหามันเร็วเข้า!" ชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อสีเขียวกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่งการ แววตามันฉายชัดออกมาถึงความโลภ แต่ในขณะที่พวกมันและพรรคพวกอีก 2 คนกำลังจะแยกย้ายกันหานั้น...
"เฮ่อ พวกเจ้าไม่ต้องไปหาที่ไหนแล้วล่ะ..." น้ำเสียงเกียจคร้านแฝงความรำคาญดังขึ้นจากช่องทางข้างหน้าของพวกมัน จนทำให้พวกมันรู้สึกสับสนราวกับคนพึ่งตื่น
หลังจากนั้นไม่ถึงครึ่งลมหายใจ พวกมันก็เห็นชายหนุ่มในชุดสีม่วงค่อยๆก้าวเดินออกมาอย่างเกียจคร้าน...แล้วชายหนุ่มผู้นี้ไม่ใช่เป้าหมายที่พวกมันเฝ้าติดตามอยู่หรือไรกัน?
ต้วนหลิงเทียนปรายตามองชายวัยกลางคนทั้ง 3 ...เขาล่วงรู้ถึงตัวตนพวกมันตั้งแต่อยู่ในห้องรับรองที่สมาคมผู้หลอมโอสถแล้ว! ตอนนั้นที่เขากำลังเก็บเหรียญเงิน 10,000,000 เหรียญเข้าอกเสื้อ เขาก็สัมผัสได้ถึงแววตาแห่งความละโมบทั้งจิตสังหารแผ่วๆได้อย่างชัดเจน แม้แต่เด็กยังล่วงรู้จุดประสงค์พวกมัน ...และในยามที่เขาเดินออกจากสมาคมผู้หลอมโอสถ เขาก็สังเกตเห็นพวกมันสะกดรอยตามเขามา
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ร่างของพวกมันย่อลงเล็กน้อยก่อนที่จะพุ่งมาปิดล้อมหนทางของต้วนหลิงเทียนเอาไว้อยางรวดเร็ว ราวกับพวกมันกังวลว่า หลิงเทียนจะหาโอกาสหลบหนีไปได้ แต่พวกมันไม่คิดจะถามหลิงเทียนเลยสักคำ ว่าถ้าเขาคิดจะหนีแล้วเขาจะปรากฏตัวออกมา ด้วยท่าทางเหนื่อยหน่ายเช่นนี้ทำพระแสงด้ามง้าวอะไร?
แต่คงจะไปว่าอะไรพวกมันมากนักก็ไม่ได้ เพราะตอนนี้ในใจของพวกมันคงเต็มไปด้วยความโลภ ในเหรียญเงิน 10,000,000 เหรียญจนหน้ามืดตามัว ไม่หลงเหลือสติอันใดแล้ว
ชายวัยกลางคนหนึ่งในนั้นจับจ้องหลิงเทียนด้วยสายตาราวกับมองถุงเงิน มันกล่าวออกมาด้วยความโลภพร้อมเลียริมฝีปากที่แห้งผากของมัน “เด็กน้อย เจ้าส่ง 10,000,000 เหรียญเงินมาแต่โดยดีเสียจะดีกว่า...อย่างน้อยเจ้าจะได้ตายอย่างไม่ทรมาน ทั้งยังมีสภาพศพสมบูรณ์!"
"ผู้หลอมโอสถอายุ 18 ปีๆ... จุ๊ๆๆๆ การที่ชีวิตนี้ของข้า มีโอกาสได้สังหารผู้หลอมโอสถอัจฉริยะแห่งยุคเช่นนี้ บรรพบุรุษข้าคงภูมิใจมากแล้ว" ดวงตาของชายวัยกลางคนทอประกายวาวโรจน์ในขณะที่กล่าวออกมา มันมองหลิงเทียนด้วยสายตาราวกับหลิงเทียนเป็นศพไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น
ตาของต้วนหลิงเทียนหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาพร้อมรอยยิ้ม “นี่ ข้าขอถามอะไรสักหน่อยสิ หากตอนนี้ข้าส่งมอบเงินทั้งหมดให้พวกเจ้า พวกเจ้ายังจะฆ่าข้าอยู่หรือไม่?”
"เด็กน้อย แค่พวกเราดูก็รู้แล้วว่าเจ้าต้องมีเบื้องหลังไม่ธรรมดาเป็นแน่ เพราะถึงขนาดเป็นผู้หลอมโอสถระดับ 9 ได้ตั้งแต่อายุ 18 ปีเช่นนี้ ... พวกเราจึงไม่คิดที่จะเสี่ยงอะไรทั้งนั้น เพราะจะอย่างไรเจ้าก็ได้เห็นหน้าค่าตาของพวกเรา 3 พี่น้องอย่างชัดเจแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็ไม่เหลือหนทางประนีประนอมกับพวกเราได้อีกต่อไป จะอย่างไรวันนี้ก็ต้องเป็นวันตายของเจ้า! " ชายวัยกลางคนที่สวมชุดเขียวกล่าวออกมาด้วยเสียงแหบต่ำ แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร
"อ่อ...แล้วนี่ พวกเจ้ายังมีวาจาอะไรจะกล่าวอีกหรือไม่?" มุมปากของต้วนหลิงเทียนยกขึ้นแสยะยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่จะผายมือออกมาพร้อมยักไหล่
ชายวัยกลางคนๆหนึ่งถึงแม้จะเต็มไปด้วยความโลภ แต่มันยังพอจับสังเกตเรื่องราวที่เริ่มไม่ชอบมาพากลได้...นี่ เพราะมันสัมผัสได้ว่า...ต้วนหลิงเทียนหาได้มีความหวาดกลัวอะไรแม้แต่น้อย ใบหน้าของมันเริ่มมืดลง พร้อมทั้งรีบกล่าวออกมาว่า "รีบฆ่ามันเร็วเข้า ข้าสังหรณ์ใจไม่ดีแล้ว! "
เมื่อได้ฟังคำกล่าวของพี่น้องที่แลร้อนรน ชายวัยกลางคนอีก 2 คนรวมทั้งคนกล่าวก็รีบเตรียมลงมือทันที เหนือร่างของพวกมันทั้ง 3 ปรากฏร่างเงาช้างแมมมอธโบราณจำนวนมากมาย เห็นได้ชัดว่าพวกมันล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ ...
ดวงตาของต้วนหลิงเทียนที่จับจ้องอยู่ทอประกายเล็กน้อยก่อนที่จะสะบัดแขนแล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงต่ำๆ "เสี่ยวเฮย!"
ฟุ่บ!
ทันใดนั้นเองราวกับมีอัสนีบาตสีดำปะทุขึ้นมาจากแขนเสื้อของหลิงเทียน มันพุ่งออกมาวนรอบตัวเขาก่อนที่จะพุ่งออกไปราวกับเส้นแสงบังเกิดเป็นภาพติดตา 3 เส้นทาง อีกทั้ง 3 เส้นทางนั้นยังมีร่องรอยของโลหิตเจือปนในอากาศราวกับเส้นแสงนั้นไปทะลวงผ่านม่านหมอกโลหิตอะไรมา และเมื่อเส้นสายอัสนีนั้นมาหยุดลงบนแขนของหลิงเทียนอีกครั้งก็เห็นได้ชัดว่าเป็นร่างของอสรพิษน้อยที่กำลังชูคอแลบลิ้นอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
พรูดดดด
ชายวัยกลางคนที่เตรียมจู่โจมหลิงเทียนเมื่อครู่พวกมันเห็นเพียงเส้นแสงปะทุขึ้นที่แขนของต้วนหลิงเทียนเท่านั้น ก่อนที่พวกมันจะทรุดลงไปกองกับพื้นราวกับหุ่นกระบอกไร้ด้าย ทรวงอกบริเวณหัวใจของมันบังเกิดน้ำพุโลหิตฉีดพุ่งออกมา อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด...
"เจ้า ... " มิคาด ชายวัยกลายคนชุดสีเขียวยังคงไม่ขาดใจตาย ทั้งๆที่หัวใจของมันแหว่งหายไปแล้ว มันยังใช้สายตาจับจ้องมายังชายหนุ่มชุดสีม่วงที่กำลังละเล่นกับอสรพิษสีดำตัวน้อยๆอยู่ได้อึดใจหนึ่ง...มันพยายามจะสูดลมหายใจ แต่น่าเสียดายที่มันไม่เหลือหัวใจไว้ให้เต้นสืบต่อไป สุดท้ายมันก็ได้แต่ตกตายไปอย่างสิ้นหวัง..
เรื่องสุดท้ายที่มันคิดในหัวก่อนจะตาย ...หากสวรรค์ให้โอกาสครั้งที่สองแก่มัน มันคงไม่นำชีวิตตัวเองอีกทั้งชีวิตพวกพี่น้องอีก 2 คนมาทิ้งเพียงเพราะเงิน 10,000,000 เหรียญนี้เป็นแน่
น่าเสียดายที่มันสายเกินไป!
"เฮ่ เจ้าตัวน้อย เจ้าพึ่งจะสังหารผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ไปถึง 3 คน เจ้าไม่คิดจะแสดงความภูมิใจอะไรหน่อยหรือ?" ต้วนหลิงเทียนลูบหัวของเสี่ยวเฮยอย่างชื่นชมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ก่อนที่จะนำมันกลับเข้าไปในแขนเสื้อ
"เฮ่อ ข้าก็ให้โอกาสพวกเจ้าแล้วน้า ... แต่พวกเจาไม่รับมันเอาไว้เอง น่าเสียดายจริงๆ" ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองไปทั้ง 3 ศพก่อนที่มุมปากของเขาจะเผยรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย...และแน่นอน เขาย่อมไปสำรวจว่าพวกมันมีสิ่งของมีค่าอะไรหรือไม่ ก่อนที่จะกวาดเรียบ!
ทันใดนั้นเองหลิงเทียนก็ชายตาไปมอง มุมหนึ่งของตรอกราวกับเขาจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างในทิศทางนั้น ก่อนที่จะเลิกสนใจแล้วเดินจากไป
หลังจากหลิงเทียนเดินจากไปไม่นาน ร่างหนึ่งที่อยู่ตรงตรอกที่หลิงเทียนชายตาไปไม่ผิดเพี้ยน ก็ก้าวเดินออกมา นัยน์ตาของชายผู้พึ่งโผล่ออกมาฉายแววประหลาดใจเอาไว้อย่างเห็นได้ชัด
"เขาจับสัมผัสข้าได้งั้นรึ? นี่มันเป็นไปได้อย่างไร ...แม้แต่สัตว์อสูรที่มีระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 4 ของเขายังไม่อาจรับรู้การคงอยู่ของข้าได้ แล้วเขาจะสัมผัสถึงตัวตนข้าได้อย่างไรกัน สงสัยข้าจะคิดมากไปเอง ... ช่างเถอะ จะอย่างไรก็คงไม่ต้องห่วงอะไรเขามากนัก หากเขามีสัตว์อสูรที่น่าสะพรึงนั่นคอยปกป้องเขาเช่นนั้น " ชายวัยกลางคนที่บ่นพึมพำกับตัวเองอยู่นี่ ไม่ใช่รองหัวหน้าสมาคมผู้หลอมโอสถแห่งเมืองหลวง อี้เหวินหรือหรือไง?
......
"ติดพิษของพังพอนทมิฬไร้ลักษณ์ แบบนั้น... แถมยังเป็นงานที่ประกาศจ้างเอาไว้ตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่แล้วแบบนี้ หากเจ้าพระยานั่นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติหรือเหนือกว่านั้น เช่นนั้นก็ยังคงทานทนฝืนประคองตัวเอาชีวิตรอดอยู่ได้ แต่หากไม่ใช่ ข้าเกรงว่าป่านนี้เขาจะขึ้นสวรรค์ไปนานแล้ว เอาเถอะ จะยังไงข้าก็ลองไปถามดูก่อนดีกว่า" หลังจากออกจากซอยเปลี่ยว ต้วนหลิงเทียนไม่ได้มุ่งหน้ากลับบ้านแต่อย่างไร แต่เขากลับสอบถามทางไปจวนของเจ้าพระยา และมุ่งหน้าไปแทน
หากเป็นอย่างที่เจ้าหน้าที่ชายในห้องรับรองบอกกล่าว สถานะของจวนเจ้าพระยานั่นนับว่าใหญ่โตไม่น้อย ท่าทางจะมีชื่อเสียงไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าตระกูลต้วนหรือตระกูลเซี่ยว...และมันก็เป็นไปตามคาด จวนเจ้าพระยานั้นกว้างใหญ่และมีพื้นที่ใหญ่โตสุดลูกหูลูกตา ตั้งตระหง่านอยู่อย่าน่าเกรงขาม ชวนให้ผู้คนที่จ้องมองรู้สึกไร้อำนาจ
ที่ประตูหน้าของจวนเจ้าพระยา ต้วนหลิงเทียนถูกทหารเกราะเบาทั้ง 4 คนรั้งเอาไว้
"เจ้าพระยานี่สมแล้วที่เป็นแม่ทัพใหญ่ที่ผ่านสรภูมิรบมามากมาย แม้แต่ทหารเฝ้าหน้าจวนของเขายังเป็นทหารที่อาบโลหิตในสนามรบมาไม่น้อย" ต้วนหลิงเทียนแน่นอนย่อมคุ้นเคยกลับกลิ่นอายของทหารวัยกลางคนทั้ง 4 ดี ...กลิ่นอายฆ่าฟันที่อาบเลือดต่างน้ำในสมรภูมิรบ
"เจ้าเป็นใคร?" ทหารที่อยู่ในชุดเกราะเบาตะโกนกล่าวถามต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงดุดัน
คิ้วของต้วนหลิงเทียนเพียงกระตุกขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวออกไป "ข้าจะเป็นใครก็ไม่สำคัญนักหรอก ข้ามาที่นี่เพราะต้องการทราบเรื่องราวประการหนึ่ง เจ้าพระยาเรืองฤทธิ์ ผู้เป็นเจ้าของจวนเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์แห่งนี้ ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่"
สำหรับหลิงเทียน ตราบใดที่เจ้าพระยาเรืองฤทธิ์อะไรนั่นยังมีชีวิตอยู่ เขาก็ยังมีโอกาส เพราะเขาคิดว่าคงไม่มีใครที่สามารถรักษาพิษของพังพอนทมิฬไร้ลักษณ์ได้ ถึงแม้มันจะผ่านไปแล้วถึง 3 ปี นี่เพราะพิษของพังพอนทมิฬไร้ลักษณ์ไม่ใช่พิษธรรมดาที่ใครก็สามารถรักษาได้!
"เจ้าเด็กโอหัง เหตุใดเจ้ากล่าวราวกับสาปแช่งเจ้าพระยาของพวกเรา?" ท่าทางของทหารทั้ง 4 กลับกลายเป็นดุร้าย กลิ่นอายอำมหิตและจิตสังหารแผ่ซ่านออกมาอย่างน่าหวาดกลัว พวกเขาคิดลงมือสั่งสอนหลิงเทียนแล้ว
แต่ทว่าคำกล่าวที่หลิงเทียนกล่าวออกไปกลับหยุดร่างของพวกเขาเอาไว้ได้ชะงัก
"ข้ามาที่นี่ เพื่อช่วยรักษาพิษให้แก่เจ้าพระยาของพวกเจ้า" ต้วนหลิงเทียนเพียงกล่าวออกมาช้าๆ อย่างไม่แยแส
แต่ถึงจะมีท่าทางอย่างไรก็ตาม ทว่าคำกล่าวนี้ของต้วนหลิงเทียนนั้นทำให้เหล่าทหารทั้งหลายล้วนต้องหยุดชะงักลง และหลังจากครู่หนึ่ง 1 ในทหารเหล่านั้นก็รีบวิ่งเข้าจวนเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์เพื่อไปแจ้งข่าว
"รอสักครู่ พี่ชายของข้ากำลังนำเรื่องไปรายงานท่านพระยา" หนึ่งในทหารเกราะเบาที่เฝ้าประตูจวนกล่าวออกมากับหลิงเทียน แม้เขารู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อคำกล่าวของชายหนุ่มตรงหน้าสักเท่าไร แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะละเลยปล่อยผ่านไปได้ หากชายหนุ่มคนนี้มีพื้นหลังที่ไม่ธรรมดาขึ้นมา แล้วพวกเขาไปละเลยจนทำให้เกิดความหมางใจ เกรงว่าพวกเขาอาจจะประสบเภทภัยเอาได้
อีกทั้งหากมันมีผู้แข็งแกร่งอยู่เบื้องหลังจริงๆ ตัวตนนั้นอาจจะสามารถรักษาพิษให้แก่ท่านเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์ได้ และนั่นคงจะเป็นความสูญเสียอย่างที่พวกมันจะไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิตหากกระทำการก้าวร้าวจนทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าไม่พอใจ จนพลาดโอกาสรักษาท่านเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์ไป นอกจากนี้พวกมันยังสัมผัสได้ว่าชายหนุ่มในชุดสีม่วงนี้หาได้ง่ายดายไม่ ท่าทางและการเคลื่อนไหวของมันไม่เหมือนคนธรรมดา เช่นนั้นมันก็ย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าปัจจุบัน หลิงเทียนจะแต่งหน้าแต่งตาจนให้ดูกลมกลืนไปกับผู้คนและยากที่จะแยกแยะจุดเด่น เสมือนราวกับว่าขอเพียงเขาเดินปะปนไปกับฝูงชนเขาก็จะสามารถแฝงตัวไปได้อย่างง่ายดาย แต่ท่าทางและการกระทำของเขายามนี้ก็ยังดูเหนือชั้นกว่าคนธรรมดาไปไกลโข
ในเวลาต่อมาทหารที่วิ่งเข้าไปรายงาน ก็รีบวิ่งออกมากล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงทีต่างจากตอนแรกลิบลับว่า "นายท่าน ท่านพระยาเรียนเชิญท่านเข้าไปด้านในขอรับ"
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าก่อนที่จะเดินตามทหารเข้าจวนเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์ไป
ภายในห้องโถงของจวนเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์
ชายวัยกลางคนที่ดูสุภาพและน่าเกรงขาม ถึงแม้จะใส่ชุดลำลองแต่ยังคงความภูมิฐานและสง่างาม แต่ทว่ายามนี้กลับฉายแววร้อนใจจนถึงขั้นลุกเดินไปมาในห้องโถง ...
"ท่านพ่อ ไม่ใช่ทหารรายงานมาว่าคนที่มาเป็นเพียงแค่ชายหนุ่มหรือหรือขอรับ? ชายหนุ่มที่มีอายุประมาณ 25 ปีกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัยและประหลาดใจ ในขณะที่มองบิดาเดินวนไปวนมาอย่างร้อนใจ
"ลูกเฝิน เป็นเวลากว่า 3 ปีแล้วที่ปู่เจ้าได้รับพิษมา แม้แต่หัวหน้าสมาคมผู้หลอมโอสถ ที่เป็นผู้หลอมโอสถระดับ 6 ยังไม่อาจช่วยรักษาท่านได้ หลังจากนั้นแม้ว่าจวนเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์ของเราจะมอบรางวัลและให้คำมั่นอย่างไรตาม ก็ยังหามีผู้ใดมาไม่ ยามนี้...อาการของปู่เจ้าไม่ค่อยสู้ดีแล้ว หากพิษร้ายนี่ยังไม่ได้รับการรักษา เกรงว่าท่าน...อาจจะอยู่ได้ไม่ถึง 1 ปี”
"ดังนั้น ข้าจึงไม่มีอะไรจะเสีย ไม่ว่าจะอะไรก็ตามข้าต้องขอทดลองดูก่อน อีกทั้งเจ้าไม่คิดบ้างหรือว่า ชายหนุ่มผู้นี้อาจมีผู้ใดที่แข็งแกร่งอยู่เบื้องหลังของมันก็ได้?” ชายวัยกลางคนที่แลดูแข็งแกร่งสุภาพภูมิฐาน แต่แลดูร้อนใจไม่น้อยจนต้องเดินไปเดินมาอยู่นี้ แท้จริงแล้วเขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่แห่งกองทหารม้ารักษาพระองค์ พระยาเรืองฤทธิ์แห่งอาณาจักรนภาล่อง นี่เหวี่ย!
ปกติแม้กระทั่งตอนที่เข้าเฝ้าองค์ราชาแห่งอาณาจักรนภาล่องเขาก็ยังไม่มีทีท่าร้อนรนหรือสูญเสียความสงบเช่นนี้มาก่อน ...
"ถูกแล้วท่านพ่อ จะอย่างไรพวกเราก็ไม่มีอะไรจะเสีย หากเขาสามารถรักษาพิษให้ท่านปู่ได้จริงๆ ข้า นี่เฝิน เองก็จะขอบคุณเขาอย่างสุดซึ้ง!" ชายหนุ่มเองก็พยักหน้ารับคำบิดาของมัน
นี่เพราะคนที่เขาเคารพมากที่สุดในชีวิตคือ คุณปู่ของเขา ที่ครั้งหนึ่งเคยนามกระเดื่องเลื่องระบือไปทั่วอาณาจักรนภาล่อง และยังได้รับการอวยยศโดยตรงจากองค์ราชา จนกลายมาเป็นเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์ กล่าวได้ว่าที่จวนเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์ยิ่งใหญ่และมีอำนาจเกริกไกรจนถึงทุกวันนี้ล้วนเป็นน้ำมือของ ท่านปู่คนนี้ของเขาทั้งสิ้น
"ท่านพระยา แขกมาถึงแล้วขอรับ" เสียงของนายทหารรายงานมาจากนอกห้องโถง
นี่เหวี่ยพลันหยุดเดินวนไปวนมาทันที เมื่อได้ยินเสียงกล่าวรายงานที่ดังราวกับฟ้าร้องของทหาร "ให้เขาเข้ามา"
ต้วนหลิงเทียนที่ก้าวเข้ามาในห้อง สิ่งแรกที่เขาเห็นคือ ชายวัยกลางคนที่แลดูแข็งแกร่งภูมิฐานและท่าทางจะมีอำนาจไม่น้อย
‘ชายคนนี้...หากเดาไม่ผิดเขาคงเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งกองทหารม้ารักษาพระองค์ พระยาเรืองฤทธิ์แห่งอาณาจักรนภาล่อง นี่เหวี่ยสินะ ... หืม? นี่มัน เขาไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติเช่นเดียวกับผู้ว่าการมณฑลทั้ง 18 มณฑลนี่นา จากที่ดูเหมือนว่าเขายังไม่ผ่าน ทัณฑ์สายฟ้า 6-9 แห่งสวรรค์เสียด้วยซ้ำ อย่างมากเขาก็ยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งครึ่งก้าวสู่แรกสัมผัสธรรมชาติ’ ต้วนหลิงเทียนคิดขึ้นมาในใจ หลังจากอาศัยความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด เขาก็สามารถระบุระดับของชายตรงหน้าได้ทันที
"ท่านพระยาเรืองฤทธิ์" ต้วนหลิงเทียนค่อยๆเดินเข้ามา ก่อนที่จะส่งยิ้มไปให้นี่เหวี่ย โดยไม่ได้ทำการประสานมือคารวะหรือทำความเคารพอย่างทหารแต่อย่างไร
"ช่างกล้านัก" ทันใดนั้นเองมีเสียงกล่าวดังออกมาจากด้านหลังพระยาเรืองฤทธิ์
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองไปยังชายที่กล่าวคำเมื่อครู่ และเขาพบว่า หน้าตาของมันละม้ายคล้ายคลึงกับนี่เหวี่ยอยู่ 5-6 ส่วน ...ซ้ำมันยังถลึงตามองเขาอยู่อีกด้วย
"พระยาน้อย ข้าสงสัยเหตุใดท่านถึงกล่าวว่าข้า ‘ช่างกล้า’ กันเล่า?" ต้วนหลิงเทียนยิ้มออกมาเบาๆ เขาพอคาดเดาตัวตนของชายตรงหน้าได้
"เจ้าพบแม่ทัพใหญ่แห่งกองทหารม้ารักษาพระองค์ พระยาเรืองฤทธิ์แห่งอาณาจักรนภาล่อง แต่ยังกล้าไม่ทำความเคารพ! เช่นนี้ไม่เรียกว่ากล้าหาญหรือ?" ชายหนุ่มกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงต่ำ
"เฮ่ ท่านพระยาน้อย สิ่งที่ท่านกล่าวนั้นแลดูจะไม่ค่อยถูกต้องสักเท่าไรนา... ไม่ใช่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของการทำความเคารพคือความจริงใจหรอกหรือ? หากข้าไม่มีความเคารพนับถือในหัวใจแล้วแสร้งทำความเคารพออกไป ท่านจะพอใจหรือไร? หรือว่าท่านพระยาน้อยชมชอบคนประจบสอพลอ และไร้ความจริงใจกัน" ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาพร้อมหัวเราะ