spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
| *ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ถ้าเป็นคนอื่นก็ลังเลใจสักหน่อยก่อนที่จะคุกเข่าคำนับและสาบาน พวกเขาจะกังวลเกี่ยวกับผลประโยชน์ส่วนตัว คำนึงเรื่องศักดิ์ศรีและพิจารณากำไรและการขาดทุนจากทุกด้าน
แต่ผู้อาวุโสเฟยค่อนข้างตรงไปตรงมา เขาคุกเข่าคำนับทันที
หลังจากนั้น เขาไม่ได้ลุกขึ้นมาพูดจาตลกขบขันเหมือนคนธรรมดา และเขาก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจ โกรธหรืออัปยศอดสูเลย
ผู้อาวุโสเฟยไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้น เขาทำให้ตัวเองมีหน้าหนาและเขาเข้าใกล้เจี้ยงเฉินด้วยรอยยิ้ม "นายน้อยเจี้ยง อาวุโสเฟยเป็นหนึ่งในพวกของท่านตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ท่านจะไม่ปล่อยให้คนของท่านต้องแย่ไปกว่านี้ใช่มั้ย? "
เขาถูมือในขณะที่เขาพูด และท่าทางของเขาก็ดูบ้าบิ่นมาก ดวงตาของเขามองไปรอบ ๆ อย่างกะทันหันและดูตลกมาก
กลับกลายเป็นเจี้ยงเฉินที่ต้องอึ้ง เขาคิดไปว่าชายชราคนนี้จะเถียงอีกสักพัก เขาอาจจะโกรธและปฏิเสธมัน
ใครจะคิดว่าชายชราคนนี้จะเด็ดขาด ?
ด้วยเหตุนี้เจี้ยงเฉินจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องอายและเจียมตัวแม้ว่าเขาจะต้องการ
"อาวุโสเฟย ท่านจะไม่เสียใจในเรื่องนี้จริง ๆ รึ? " เจี้ยงเฉินถาม
"เสียใจอะไร? ข้า อาวุโสเฟยมีชีวิตที่ยืนยาวและไม่เคยรู้จักว่าความเสียใจคืออะไร แต่ข้าคิดว่าถ้าข้าหันหลังกลับ ข้าคงจะต้องเสียใจจริง ๆ "
"โอ้? ท่านมั่นใจในตัวข้ามากขนาดนั้นเลยรึ? " เจี้ยงเฉินคิดว่าชายชราคนนี้แค่แสดงละคร มันอาจเป็นไปได้ว่ามีแรงจูงใจอื่นที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้หรือไม่ ?
“ฮ่า ฮ่า อาวุโสเฟยลุกขึ้นเดินด้วยความเย่อหยิ่ง "นายน้อย ข้าไม่ได้ใช้ชีวิตยืนนานจนถึงทุกวันนี้อย่างไร้ค่า เจ้าอยู่ในเมืองหลวงมากี่วันกัน ? เจ้าสามารถทำให้สามวิหารสนับสนุนเจ้าได้ นอกจากนี้พวกเขายังเสี่ยงที่จะหนุนหลังเจ้าโดยยอมมีเรื่องบาดหมางกับหน่วยเขี้ยวมังกร ส่วนข้ามีสิ่งที่อยากได้จากเจ้า แต่มันอาจเป็นไปได้ว่าวิหารทักษิณครามสวรรค์และวิหารหมื่นสมบัติก็มีเรื่องที่จะขอให้เจ้าทำเช่นกัน ? "
"เอาล่ะ แม้ว่าพวกเขาจะมีเรื่องขอให้เจ้าช่วย แต่อย่างน้อยที่สุดก็หมายความว่าเจ้าไม่ใช่คนธรรมดาเพราะเจ้าสามารถจูงจมูกของทั้งสามวิหารได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ข้าจะไม่เชื่อว่าแม้ว่าเจ้าจะกระทืบข้าจนตาย ถ้าเจ้าบอกว่าไม่มีอะไรลึกลับอยู่เบื้องหลังบุคคลแบบนี้ "
เมื่อเขาพูดถึงจุดนี้ อาวุโสเฟยยิ้มด้วยวิธีที่แสดงให้เห็นถึงความฉลาดของเขา "นายน้อย จะว่าอย่างไรเกี่ยวกับสมองของข้า เมื่อมันเข้าใจแบบนี้ ? "
"ไม่เลว ท่านพูดถูกหลายข้อ ท่านเด็ดขาดพอสมควร อาวุโส นี่เป็นสูตรโอสถกำเนิดวัฎจักรพิสุทธิ์ รับไปสิ " เจี้ยงเฉินล้วงมือหยิบกระดาษจากเสื้อคลุมและโยนมันออกไป
เมื่อเห็นว่าเจี้ยงเฉินกำลังโยนสูตรโอสถเหมือนเศษขยะ ผู้อาวุโสเฟยคิดว่าเจี้ยงเฉินกำลังล้อเล่นอยู่
โอสถกำเนิดวัฎจักรพิสุทธิ์เป็นโอสถสูตรโบราณ! แม้ว่าจะมีผู้อุปถัมภ์อยู่เบื้องหลังเจี้ยงเฉิน เขาก็คงจะไม่มอบมันให้ได้ง่าย ๆ?
อย่างน้อยเจี้ยงเฉินก็สามารถทำตามสิ่งที่เขาขอและเพิ่มเงื่อนไขต่าง ๆ ทำให้เขาเชื่อฟังเขาได้อย่างหมดใจก่อนที่จะมอบสูตรให้
เขาคลี่แผ่นกระดาษออกและมองดู อาวุโสเฟยเริ่มฟุ้งซ่านขณะที่มือของเขาสั่นอย่างหมดแรง มันเหมือนกับว่าร่างกายทั้งตัวของเขาถูกไฟฟ้าดูดขณะที่เขาแทบจะช็อค
"นี่ ... นี่คือโอสถกำเนิดวัฎจักรพิสุทธิ์จริง ๆ หรือ ? " อาวุโสเฟยร้องเสียงดังออกมา
อาวุโสเฟยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงกลั่นโอสถ แม้จะมีข้อเท็จจริงที่ว่าเขาไม่เคยเห็นสูตรโอสถกำเนิดวัฎจักรพิสุทธิ์ เขาก็เคยได้ยินชื่อของมันและได้ศึกษาทฤษฎีโอสถที่อยู่เบื้องหลังสูตร
ถ้าเป็นสูตรปลอม ผู้เชี่ยวชาญจะสามารถระบุข้อบกพร่องได้อย่างรวดเร็วเพียงพริบตา
ถ้าเป็นสูตรจริง ผู้เชี่ยวชาญก็จะสามารถมองเห็นความถูกต้องได้ด้วยพริบตาเช่นกัน
สูตรนี้อาจถูกเขียนอย่างเร่งรีบ แต่ส่วนผสม วิธีการกลั่น เคล็ดลับและอื่น ๆ ที่อยู่ภายในนั้นทั้งหมดนั้นถูกตรรกะและเหมาะสม เฉพาะผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นที่สามารถเขียนสูตรนี้ได้
"อะไร? ท่านคิดว่าข้าจะตบตาท่านด้วยสูตรปลอมงั้นรึ ? "
ท่าทีของอาวุโสเฟยทำให้เจี้ยงเฉินอ้าปากกว้าง
ขาของชายชรางอในขณะที่เขาคุกเข่าลงอีกครั้ง เขาคำนับ 3 ครั้ง
"ก่อนหน้านี้ท่านก็คำนับไปแล้ว นี่มันอะไรกัน? "
"ฮ่า ฮ่า การคำนับก่อนหน้านี้เป็นเพียงสถานการณ์ที่พาไป การคุกเข่าครั้งนี้มาจากใจ นายน้อย ถ้าท่านบอกให้ข้าไปทางทิศตะวันออกในอนาคต ข้าจะไม่ไปทางทิศตะวันตกเด็ดขาด ถ้าท่านบอกให้ข้าไปฆ่าใคร ข้าจะไม่กล้าสงสัยเลย!
"ลืมเสียเถิด ท่านเป็นผู้อาวุโสและมีชื่อเสียงในโลกภายนอกเช่นกัน มันจะมากไปถ้าข้าจะขอให้ท่านเรียกข้าว่านายน้อย ท่านเรียกข้าว่าน้องเจี้ยงหรือน้องเฉินก็พอ อย่าเรียกข้าว่านายน้อยเลย มันจะทำให้คนคิดว่าข้ามีภูมิหลังที่น่าทึ่งอยู่จริง ๆ "
"น้องเฉิน ถ้าเจ้าไม่มีภูมิหลังที่น่าอัศจรรย์แล้วคงไม่มีใครในราชอาณาจักรนภาจันทร์มีภูมิหลังที่น่าอัศจรรย์อีก" ผู้อาวุโสเฟยหัวเราะและเปลี่ยนแปลงชื่อที่เขาเรียกเจี้ยงเฉินอย่างเหมาะสม
อย่างน้อยอาวุโสเฟยก็พอจะเข้าใจอะไรได้บ้าง
แม้ว่าเจี้ยงเฉินดูเหมือนจะมาจากบ้านนอกอย่างอาณาจักรตะวันออก แต่ก็เห็นได้ชัดแม้ว่าจะมีใครใช้เท้าคิดแทนสมองยังเห็นว่าเขาไม่ธรรมดาอย่างที่เขาปรากฏตัว.
ชายหนุ่มคนที่เอาสูตรโอสถกำเนิดวัฎจักรพิสุทธิ์โบราณออกมาได้ง่าย ๆ เช่นนี้จะเป็นคนที่มีภูมิหลังธรรมดาได้เช่นไร?
ในขณะนี้ ระลอกอารมณ์ได้เพิ่มขึ้นในใจของชายชรา เขาได้เห็นคนหนุ่มสาวใจกว้างมามากมาย แต่คนที่สามารถให้สูตรโอสถโบราณเหมือนกับว่ามันหาได้ข้างถนน นี่เป็นครั้งแรกของเขาจริง ๆ
เพียงแค่การวางตัวของเจี้ยงเฉินก็เพียงพอแล้วที่จะทิ้งห่างกลุ่มคนหนุ่มสาวในเมืองหลวงในฝุ่นละออง และเพื่อไม่ให้พวกเขาพูดอะไรได้อีก
"ฮ่า ฮ่า ชายชราคนนี้ยังคงฉลาดและเป็นอัจฉริยะ ถ้าข้าคุกเข้าคำนับช้าไปอีกนิดหรือไม่ค่อยเด็ดขาด บางทีน้องเฉินคงจะไม่ไว้วางใจข้ามากนัก และอาจจะไม่ได้ให้สูตรโอสถกำเนิดวัฎจักรพิสุทธิ์แก่ข้าอีกต่อไป ข้าช่างหลักแหลมจริง ๆ ! ฮืม น้องเฉินมีภูมิหลังที่น่าทึ่งมาก เขาต้องมีสิ่งดี ๆ อีกมากมายอยู่กับเขา ข้าต้องติดตามน้องเฉินทุกฝีก้าวอย่างใกล้ชิด ใครจะรู้อาจมีความประหลาดใจมากขึ้นในอนาคต ให้ตายซิ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าข้าเคยทำให้ผู้อาวุโสของนิกายพฤกษาสวรรค์ไม่พอใจและถูกส่งตัวมายังอาณาจักรนี้มานานหลายทศวรรษแล้ว โอ้หืม บางทีการติดตามน้องเฉิน จะทำให้ข้าสามารถกลับเข้าไปยังนิกายพฤกษาสวรรค์ได้ในภายหน้า ! "
แม้ว่าผู้อาวุโสเฟยได้พูดทุกสิ่งทุกอย่างในหุบเขาชิงหยางแล้ว แต่เขาก็มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ที่ผ่านมาที่ทั้งเศร้าและขมขื่น ในความเป็นจริงเขาได้ทำให้คนที่มีกำลังมหาศาลภายในนิกายพฤกษาสวรรค์ไม่พอใจ เขาจึงไม่สามารถกลับไปได้อีก ดังนั้นเขาจึงวิ่งไปที่อาณาจักรนภาจันทร์และกลายเป็นหัวหน้าของสถานที่ทางโลก ด้วยความสามารถของเขา นี่เป็นความเศร้าโศกอย่างมากสำหรับเขา
ผู้อาวุโสเฟยอยากจะกลับไปที่นิกายทุกวินาทีในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมานี้และแก้แค้น
ช่างน่าสงสารที่ความสามารถและชะตาของเขาถูกจำกัด เขาทำผิดต่อผู้อาวุโสของนิกายพฤกษาสวรรค์ มันเกือบเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะกลับไปที่นิกาย
ถึงกระนั้นผู้อาวุโสเฟยคนนั้นก็ไม่เคยยอมแพ้ การกลับไปยังนิกายกลายเป็นเป้าหมายในชีวิตนี้และยังเป็นปีศาจภายในของเขา
ทุกอย่างที่เขาทำคือการแสวงหาเป้าหมายนี้
ยกเว้นความเป็นจริงเป็นสิ่งที่โหดร้ายและโหดเหี้ยม ไม่ว่าเขาจะพยายามจะทำอะไร เขาก็มักจะทำให้เป้าหมายยิ่งไกลออกไป ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่สามารถมองเห็นแสงเรืองรองแห่งความหวัง
อย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวของเจี้ยงเฉินทำให้ประตูที่ดูเหมือนจะปิดตัวลงอย่างฉับพลันเกิดรอยแตกซึ่งทำให้ลำแสงส่องเข้ามาได้
เจี้ยงเฉินจะรู้ได้อย่างไรว่าชายชราคนนั้นจะมีความคิดบ้าคลั่งแบบนี้ ? เขาเพียงแต่เห็นว่าบางครั้งผู้อาวุโสเฟยดูโง่เขลาและร้องไห้อย่างเจ็บปวดสักครู่ราวกับกำลังครุ่นคิดถึงบางอย่าง
"ผู้อาวุโส ท่านมีความสุขมากกับสูตรโอสถเม็ดนี้ หรือมีบางอย่างผิดปกติกับสมองของท่าน ? "
"อะไร 'แค่สูตรโอสถนี้หรือ' ? " ผู้อาวุโสเฟยตะโกนออกมา "สูตรโอสถนี้เป็นเส้นเลือดของข้า น้องเฉิน เจ้าเป็นคนที่ช่วยชีวิตข้าไว้ "
"ท่านหยุดพูดพล่ามเถอะ โอ้ใช่ ข้ามีอะไรให้ท่านทำ "
“มีอะไรหรือ? ว่ามาเลยน้องเฉิน หากข้าทำได้ไม่ดี ก็เตะก้นข้าได้เลย " ชายชราทุบหน้าอก
"หาห้องโอสถแบบมาตรฐานให้ข้า จะดีมากถ้าเป็นห้องที่มีเตาหลอมเพื่อปรุงแต่งเม็ดโอสถ"
"ห้องโอสถแบบมาตรฐาน? มีเตาหลอมเพื่อปรับแต่งโอสถเม็ด? " ผู้อาวุโสเฟยถึงกับสับสน "น้องเฉิน เตาหลอมคืออะไร?"
พรวด ....
เจี้ยงเฉินเพิ่งจิบชาเข้าไป เมื่อได้ยินคำถามดังกล่าว เขาจึงพ่นชาในปาก เขาพ่นมันจนทั่วใบหน้าอาวุโสเฟย
ผู้อาวุโสเฟยไม่ได้เช็ดมันออกหรือเคลื่อนไหวใด ๆ เขาเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไร้เดียงสา "น้องเฉิน อย่าทำอย่างนั้น ข้าไม่ทราบจริง ๆ ว่าเตาหลอมคืออะไร "
เจี้ยงเฉินยังคงนิ่งงันไร้ซึ่งคำพูด เขายังคงประเมินโครงสร้างพื้นฐานของราชอาณาจักรนภาจันทร์สูงเกินไป หลังจากได้ครุ่นคิด เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ โอสถส่วนใหญ่ที่ใช้ในอาณาจักรปราณแท้จริงอาจผ่านการกลั่นโดยใช้หม้อโอสถสามัญ ใครจะไปใช้เตาหลอมในการปรุงแต่งโอสถ?
แม้ในหมู่โอสถระดับจิตวิญญาณมีน้อยมากที่จำเป็นต้องมีการกลั่นโดยใช้เตาหลอม
"น้องเฉิน อย่าเงียบสิ นี่ต้องเป็นความรู้ขั้นสูงมาก โปรดอธิบายให้ข้าฟังด้วย ข้ายังอยากจะเรียนรู้เพิ่มเติม "
เมื่อเห็นว่าชายชรามีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความปรารถนา เจี้ยงเฉินไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
"เตาหลอมก็คือเตาหลอมไงเล่า มันใช้โครงสร้างภายในเพื่อเสริมเต๋าของการปรับแต่งโอสถ โอสถที่มีความซับซ้อนบางครั้งอาจไม่สามารถควบคุมได้ด้วยการฝึกฝนบ่มเพาะในระดับสามัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องควบคุมเปลวไฟ หากผู้ปรุงโอสถมีระดับไม่สูงพอ เขาอาจถูกควบคุม ถ้าเขาใช้เตาหลอมมันจะทำให้เขาสามารถจัดการกับการก่อตัว และใช้มันเพื่อสร้างพลังงานเพื่อช่วยในการปรับแต่งเม็ดโอสถ แม้ว่าค่าใช้จ่ายนี้จะสูงมาก แต่ก็สามารถช่วยให้เจ้าของโอสถเม็ดมีเวลาในการกลั่นโอสถได้ง่ายขึ้น ในขณะที่โอกาสในการประสบความสำเร็จก็จะสูงขึ้นมาก "
"ใช้ประโยชน์ของการก่อตัวเพื่อปรับแต่งโอสถ?" ความรู้เรื่องของเต๋าโอสถได้เปลี่ยนผู้อาวุโสเฟยและมันได้เปิดมิติใหม่ให้กับเขา ทำให้เขาสามารถมองเห็นโลกใบใหม่ของเต๋าโอสถ
"เตาหลอมอันอัศจรรย์มีอยู่ในโลกนี้หรือไม่ ? อะไร ... อัจฉริยะคนไหนคิดค้นสิ่งนี้? ใช้เตาหลอมเพื่อช่วยปรับแต่งโอสถ นี่เป็นนวัตกรรมของอัจฉริยะ! " ใบหน้าของชายชราเต็มไปด้วยความน่าตื่นเต้นขณะที่น้ำลายของเขาบินไปทั่ว เขาตื่นเต้นมากที่ได้หมุนวนไปมาในวงกลมที่เขายืนอยู่
นวัตกรรมของอัจฉริยะรึ?
อีกครั้งที่เจี้ยงเฉินไม่รู้ว่าจะพูดอะไร นี่เป็นเรื่องธรรมดาเหมือนอาหารที่ปรุงสุกในบ้านในสายตาของเจี้ยงเฉิน ไม่มีอะไรที่โดดเด่นเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
กล่าวได้ว่า ราชอาณาจักรนภาจันทร์ก็เป็นเพียงสถานที่เล็ก ๆ เรื่องที่พวกเขาได้สัมผัสมีเพียงเล็กน้อย
วัตถุดิบจิตวิญญาณที่เจี้ยงเฉินได้รับจากหลู่วูจิได้รับการปรุงแต่งให้เป็นโอสถจริง ๆ
โอสถเม็ดนี้มีอัตราความสำเร็จต่ำมาก เพื่อประโยชน์ในการประกัน เจี้ยงเฉินคิดว่าจะใช้เตาหลอม แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าราชอาณาจักรนภาจันทร์จะไม่มีสิ่งนี้
"อาวุโสเฟย ไม่มีเตาหลอมจริง ๆ รึ แล้วห้องโอสถที่เหมาะสมมีมั้ย? อย่างน้อยก็ต้องมีใช่ไหม? "
ผู้อาสุโสเฟยหัวเราะ "ไม่ใช่ปัญหาเลย หุบเขาชิงหยางเป็นที่ตั้งของสถานที่ที่เชี่ยวชาญในศาสตร์เต๋าโอสถมากที่สุดจากทั้งสี่วิหาร เรามีฐานที่มั่นมากมายในเมืองหลวงและมีห้องโอสถมากมาย ข้ามักจะปรุงแต่งโอสถในเมืองหลวงเช่นกัน น้องเฉิน เจ้าต้องการตอนนี้หรือ ... ? "
"ยิ่งเร็วได้ยิ่งดี"
"เอาล่ะ ข้าจะไปเตรียมให้พร้อมทันที" ผู้อาวุโสเฟยเป็นคนรักษาคำพูด เขารีบไปทันที
"เอ้ ดูเหมือนว่าสถานที่เริ่มต้นของข้าหลังจากการเกิดใหม่จะต่ำมาก ดูเหมือนว่าข้าต้องคิดใหม่อีกครั้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากมันไม่มีแม้กระทั่งของธรรมดาอย่างเตาหลอม
โอสถที่เจี้ยงเฉินต้องการกลั่นครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย มันคือกุญแจสู่ความสำเร็จในการหล่อหลอมร่างกายของเขา คือการตัดมหาสมุทรปราณจิตวิญญาณ และการเปลี่ยนจากโลกีย์ไปสู่จิตวิญญาณ
ไม่ใช่ว่าเจี้ยงเฉินรู้สึกกระตือรือร้นกับผลลัพธ์ แต่เขาเห็นว่าระดับพละกำลังศิลปะการต่อสู้แห่งเต๋าของเขาอยู่ในระดับต่ำเกินไป สิ่งนี้ทำให้ยากที่เขาจะปกป้องตัวเองในโลกนี้
เจี้ยงเฉินไม่ต้องการให้ชีวิตของเขาอยู่ในความดูแลของคนอื่น ดังนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องตัดผ่าน!