spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
เมืองหลวงของอาณาจักรนภาจันทร์ หน้าคฤหาสน์ใหม่ของเจี้ยงเฉิน
"พูดอีกทีซิ? เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นใครนะ? " เซี่ยวชานเอามือข้างหนึ่งไปกางหูทำท่าทางไม่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย "ข้าถามเจ้า เจ้าไม่ได้กินอาหารเช้ามาหรืออะไร? เจ้าพูดดังกว่านี้ไม่ได้เหรอ? "
หลู่วูจิฉุนเฉียว มันช่างน่าอัปยศอดสู!
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าผู้พิทักษ์ของเจี้ยงเฉินมีเจตนาทำให้เขาอับอายและเสียเวลา
แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน ถึงเขาจะน่าเกรงขามสักปานใด เขาก็ไม่กล้าที่จะโวยวาย เขาเก็บความกริ้วโกรธไว้ในใจและพูดเสียงดังว่า "ข้าคือหลู่วูจิและข้ามาที่นี่เพื่อขอโทษเจี้ยงเฉิน"
"หลู่วูจิรึ?" เซี่ยวชานหันกลับไปหาเพื่อนร่วมข้างเขา "ใครคือหลู่วูจิ? พวกเจ้าเคยได้ยินชื่อนี้ไหม? "
คนอื่น ๆ หัวเราะและส่ายหัว.
ทำไมหลู่วูจิจะไม่รู้ว่าผู้พิทักษ์เหล่านี้ตั้งใจจะเย้ยหยันเขา ด้วยท่าทางสูงส่งและหยิ่งของเขา หลู่วูจิเกือบจะต้องการดึงดาบออกมาจัดการกลุ่มคนที่ดูถูกเขา
อย่างไรก็ตาม,เขาก็ยังสามารถใช้สติที่เหลืออยู่น้อยนิดระงับอารมณ์ตัวเองไว้ เขารวบรวมความกล้าและพูดอย่างดังว่า "พี่น้อง ข้าได้นำเอาของที่เจ้านายของพวกเจ้าต้องการมาให้แล้ว มันเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ ข้ามาที่นี่เพื่อขอโทษเจ้านายของพวกเจ้า "
ในเวลานี้ เสียงหัวเราะลั่นมาจากสนามขณะที่เจี้ยงเฉินและเทียนโชเดินออกมาด้วยกัน
"ผู้บัญชาการเทียน ท่านได้ประสบปัญหาอย่างมากในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ข้าได้เข้ามาที่นี่แล้วให้ท่านกลับไปที่หน่วยเขี้ยวมังกรเพื่อรายงานสิ่งที่เกิดขึ้น ฝากคำทักทายไปถึงท่านจอมทัพด้วย "
เทียนโชจับมือเขาไว้ "ไม่เลย ข้าไม่ได้ลำบากอะไรเลย น้องเจี้ยง ข้าจะทำมันด้วยตัวเอง "
ทั้งสองพูดคุยและหัวเราะขณะที่พวกเขาเดินมาถึงประตูโดยไม่คำนึงถึงหลู่วูจิที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ราวกับว่าเขาไม่มีตัวตน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทียนโช เขาเหลือบผ่านหลู่วูจิเพียงครั้งเดียวเมื่อเขาเดินออกจากประตู เขาไม่ได้มองหลู่วูจิเต็ม ๆ เลยเมื่อเขาจากไป
หลู่วูจิโกรธสุด ๆ เขาเคยอยู่สูงเหนือคนอื่น เขาไม่เคยลดสายตาลงต่ำ ภายในหน่วยเขี้ยวมังกร แม้แต่ผู้บังคับบัญชาเทียนโชก็เป็นกันเอง เมื่อเขาเห็นหลู่วูจิ และมักจะทักทายเขาว่าแม่ทัพหลู่
เทียนโชกล้าที่จะไม่สนใจเขา หลู่วูจิ! เขากล้าที่จะละเลยแม่ทัพที่มีตำแหน่งสูงกว่าตำแหน่งผู้บัญชาการของตัวเอง!
"เทียนโช เมื่อเรื่องของวันนี้ผ่านไป ข้าจะสั่งสอนเจ้าว่าการที่ทำให้ข้าไม่พอใจต้องชดใช้ด้วยราคาแพงขนาดไหน !"
หลู่วูจิกัดฟันและมองไปยังเทียนโชอย่างหยาบช้า
"หยุดมองเขาได้แล้ว ก่อนที่เจ้าจะต้องการแก้แค้น ก่อนอื่นเจ้าควรพิจารณาว่าเจ้าสามารถผ่านการสอบสวนในปัจจุบันนี้ได้ " เจี้ยงเฉินเข้าใจจิตใจของมนุษย์อย่างละเอียด เนื่องจากเขาได้ฝึกฝนจากทักษะหัวใจดั่งศิลาและนัยน์ตาแห่งพระเจ้า เขาจึงกล่าวได้ค่อนข้างแม่นยำ
"เจี้ยงเฉิน ตอนนี้เจ้าค่อนข้างภาคภูมิใจไม่ใช่เหรอ?" หลู่วูจิอดไม่ได้ที่จะถาม
เจี้ยงเฉินหัวเราะสบายใจ "ใช่ เจ้าไม่ใช่คนโง่ซะทีเดียว! เจ้าสามารถบอกได้แม้กระทั่งเมื่อข้ารู้สึกภาคภูมิใจในบางสิ่งบางอย่าง เจ้าพูดถูกข้าค่อนข้างภูมิใจ ทำไมข้าไม่ควรรู้สึกอย่างนั้น? คนที่อยากเหยียบข้าตอนนี้ ขอให้ข้ายอมรับข้อเสนอของเขาและขอร้องให้ข้าให้อภัย เจ้าบอกข้ามาสิว่า เจ้าจะไม่ภูมิใจรึถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับเจ้า? "
ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับหลู่วูจิแทน เขาจะยิ่งภูมิใจและหยิ่งมากขึ้น
แม้แต่หลู่วูจิเองก็ไม่อาจปฏิเสธประเด็นนี้ได้
"เจี้ยงเฉิน วัตถุดิบทั้งหมดอยู่ที่นี่ โปรดตรวจดูด้วย " หลู่วูจิไม่ใช่คนโง่ที่สุดในตอนท้าย เขารู้ว่าการทะเลาะกันด้วยวาจากับเจี้ยงเฉินตอนนี้ จะทำให้เกิดปัญหากับตัวเองเท่านั้น
"วางมันลง ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่กล้าที่จะโกงข้า " เจี้ยงเฉินหัวเราะ
"แล้วเรื่องของวิหารทั้งสามล่ะ? หลู่วูจิกังวลเรื่องนี้มากที่สุด ถ้าวิหารทั้งสามแห่งไม่สบายใจ เขาคงจะถูกถลกหนังและถูกดึงเส้นเอ็นทิ้งเมื่อเขากลับไป
"วิหารทั้งสามเกี่ยวอะไรกับข้า?" เจี้ยงเฉินยิ้ม
ใบหน้าของหลู่วูจิซีดเผือด "เจี้ยงเฉิน เจ้าหมายความว่าอะไร? เจ้ารับวัตถุดิบไปแล้ว เจ้าจะกลับคำพูดอย่างนั้นรึ ? "
เจี้ยงเฉินหัวเราะสบายใจและไม่พูดอะไร เขาหันไปพูดกับเซี่ยวชานและเซี่ยวชวนว่า "นำสิ่งของเหล่านี้ไปไว้ข้างในได้เลย"
หลังจากออกคำสั่ง เจี้ยงเฉินเดินก้าวเข้าไปในสนามทันที ทิ้งให้หลู่วูจิยืนอ้าปากค้างอยู่ข้างนอก หลู่วูจิไม่แน่ใจว่าเขาควรไปหรืออยู่ดี
"เจี้ยงเฉิน อย่าเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นมากจนเกินไป !" หลู่วูจิรู้สึกกังวลมาก
"เอารัดเอาเปรียบจากผู้อื่นรึ ?" เสียงที่สงบเยือกเย็นของเจี้ยงเฉินดังออกมาจากภายใน "หลู่วูจิ เจ้าคิดมากไป ในสายตาของข้า เจ้าไม่ใช่แม้แต่มนุษย์ เจ้ามีสิทธิคู่ควรอะไรที่ข้าจะรังแกเจ้า ? ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ อย่าทำให้ตัวเองต้องดูโง่เง่าอยู่หน้าประตูหน้าบ้านของข้า ข้ารู้สึกอายแม้ว่าเจ้าจะไม่ได้รู้สึกอะไรก็ตาม "
หลู่วูจิต้องการระเบิดอารมณ์แห่งความแค้น แต่เขารู้ว่าถ้าตอนนี้เขาไม่ควบคุมตัวเอง มันจะทำให้เจี้ยงเฉินมีข้ออ้างในการแก้แค้นเขา นี่คือดินแดนของเจี้ยงเฉิน และชายที่ฉลาดจะไม่สู้ในเวลาที่เขากำลังเสียเปรียบ
"เจี้ยงเฉิน เจ้ารอได้เลย เจ้ารับรายการวัตถุดิบแต่ไม่ได้รักษาส่วนของข้อตกลงไว้ ข้าไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้ในขณะนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าท่านลุงทำไม่ได้ ! " หลู่วูจิมีแนวคิดทันที “เอาล่ะ ข้าจะกลับไปรายงานท่านลุงถึงเรื่องทั้งหมด ข้าจะปรุงเสริมเติมแต่งและใส่ไฟให้ท่านลุงโกรธมากขึ้น เพื่อที่เขาจะได้เอาเรื่องกับเจี้ยงเฉิน "
หลู่วูจิกลับไปที่คฤหาสน์ของหยางเซาด้วยความกระตือรือร้นอันยิ่งใหญ่ เขาเล่าเกินจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและขยายความหยิ่งของเจี้ยงเฉินมากกว่าเดิมสิบเท่า
หลังจากที่เขาพึมพำคำพูดมากมาย หยางเซายกเท้าข้างหนึ่งขึ้นเตะก้นเขา “เจ้าทึ่ม! เจ้าโง่กว่าเจี้ยงเฉินเสียอีก! "
"อะไรอีก ...ข้าทำอะไรผิดอีก?" หลู่วูจิไม่ตอบสนองและแสดงสีหน้าที่ไร้เดียงสา
"เจ้าโง่ ? เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าเจี้ยงเฉินเป็นคนโง่ที่ยอมรับของขวัญและไม่ทำอะไรเลย? เราเพิ่งได้รับข่าวจากทุกฝ่ายว่าความร่วมมือทั้งหมดจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง "
“อ๊า?” หลู่วูจิรู้สึกทึ่ง ความพยายามในการโต้แย้งที่ผ่านมานั้นสูญเปล่า
หลู่วูจิเงยหน้าขึ้น เขามีความคิดอื่น "ท่านลุง ตอนนี้หุ้นส่วนทั้งหมดได้กลับมาแล้ว นั่นหมายความว่าวิหารทั้งสามแห่งหายโกรธแล้ว งั้นท่านจะยอมรับข้อเท็จจริงที่ว่าเจี้ยงเฉินหลอกหลวงเราอย่างมากมายงั้นรึ ? นี่ไม่ใช่ตัวท่านเลย "
"ยอมรับเรื่องนี้รึ?" หยางเซาหัวเราะอย่างเย็นชา "ไอ้เจี้ยงเฉินมันกระหายที่จะกลืนสิ่งของทั้งหมดของข้า เพื่อให้ข้ายอมรับเรื่องนี้!"
หลู่วูจิใส่ไฟทันทีเมื่อได้ยินเรื่องนี้ "ท่านลุง ท่านมีแผนการอันยอดเยี่ยมอะไรในใจรึ?"
"วูจิ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าทำอะไรพลาดครั้งนี้? เจ้าผิดที่ออกตัวมากไป แน่นอนว่าข้าละเลยหน้าที่ในการกำกับดูแลในเรื่องนี้เช่นกัน สำหรับตอนนี้ อย่าเพิ่งเร่งทำอะไรเกินไป เจี้ยงเฉินทำให้วิหารอุดรครามสวรรค์ไม่พอใจ ทำไมเราต้องไปจัดการข้าศึกในนามของวิหารอุดรครามสวรรค์ด้วยเล่า? จำไว้ว่า ในอนาคตอย่าไปตอบโต้แทนคนอื่น เจ้าควรจะเป็นคนที่ควบคุมวิหารอุดรครามสวรรค์ให้ยึดติดกับความแค้น "
หลู่วูจิตบขา "ใช่แล้ว ! ข้าทำผิดจริง ๆ ครั้งนี้ มันเป็นเรื่องที่วิหารอุดรครามสวรรค์ควรจะจัดการด้วยตัวเอง ข้าออกหน้ามากไปเพราะข้าอยากจะแสดงผลงานที่แข็งแกร่งต่อหน้าองค์ชายใหญ่ "
"เจ้าต้องใช้สมองให้มากกว่านี้ในอนาคต!" หยางเซาวิเคราะห์ "องค์ชายใหญ่เก็บเรื่องที่เจ้าเสียสละไว้ในใจแน่นอน เจ้าสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้เพื่อสร้างความดีความชอบจากองค์ชายใหญ่ จำไว้ว่า เจ้าเลือกได้ว่าตัวเองจะเป็นมังกรหรืองู เมื่อเขาก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ในอนาคตและกลายเป็นองค์ราชา ขึ้นอยู่กับเจ้าว่าเจ้าจะยังคงขี้ขลาดตาขาวหรือก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งจอมทัพ ข้าสนับสนุนเจ้าได้จากด้านหลัง แต่ข้าก็ทำได้เพียงสิ่งที่ข้าสามารถทำได้"
หลู่วูจิครุ่นคิด
…
ภายในคฤหาสน์ขององค์ชายสี่เย่หลง
เย่หลงหัวเราะเสียงดัง "น้องชาย ข้าขอบอกว่าอีกครั้งที่ข้าประเมินความสามารถของเจ้าต่ำไป มาเถิด ให้ข้าคำนับเจ้าด้วยจอกสุราจอกนี้เถิด "
"ข้าขอคำนับน้องเจี้ยงเฉินด้วยเช่นกัน" เทียนโชยกจอกขึ้น เขารู้สึกปลื้มปิติในเจี้ยงเฉินมาก ความกตัญญูดังกล่าวคล้ายคลึงกับความรู้สึกขอบคุณของเฟิงหยางที่มีต่อเจี้ยงเฉิน
"ข้าละอายใจ ข้าหวังว่าข้าไม่ได้ทำให้องค์ชายสี่ต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้ " เจี้ยงเฉินยกจอกขึ้นและบอกกล่าวกับเทียนโชอีกว่า "พี่เทียน ขอแสดงความยินดีที่ท่านได้เลื่อนตำแหน่งให้เป็นรองแม่ทัพ"
"ทำให้ข้าต้องมีส่วนรึ?" เย่หลงยิ้ม "นี่เป็นสถานการณ์แบบที่ข้าอยากเห็นเมื่อข้าเชิญเจ้ามายังเมืองหลวง ยิ่งเจ้าทำให้เกิดปัญหาวุ่นวายมากขึ้น ข้าก็ยิ่งรู้สึกภาคภูมิใจ นี่เป็นการพิสูจน์ว่าการประเมินของข้าค่อนข้างถูกต้องและเป็นความจริง "
เทียนโชยังยิ้มอยู่ "น้องเจี้ยง เรื่องคราวนี้ไม่จำเป็นว่าจะเป็นเรื่องไม่ดีสำหรับองค์ชายสี่ อย่างน้อยก็ยังไม่มีใครเคยโผล่ออกมาตอบโต้อำนาจขององค์ชายใหญ่ ถึงแม้ว่าองค์ชายใหญ่จะไม่ได้ออกหน้าอย่างเป็นทางการในเรื่องนี้ แต่โดยส่วนตัวแล้ว องค์ชายทุกคนต่างรู้ดีว่าองค์ชายใหญ่ต้องการใช้เรื่องนี้เพื่อแก้แค้นองค์ชายสี่ แต่เขาคาดผิดครั้งนี้ "
เทียนโชเป็นทหาร ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้บัญชาการหรือรองแม่ทัพ คำพูดของเขาตรงไปตรงมาและเปิดเผย เขาจะไม่อ้อมค้อม
นี่เป็นสิ่งที่เย่หลงชื่นชมเกี่ยวกับเทียนโช
"มาเถอะ ดื่ม" เจี้ยงเฉินไม่ได้คิดว่าเรื่องนี้จะพัวพันกับการต่อสู้อย่างลับ ๆ และการแข่งขันระหว่างองค์ชาย เขาจะไม่วางตัวเองลงบนแท่นเมื่อได้ยินพวกเขาพูด
หลังจากที่ได้ร่ำสุราสักพัก เย่หลงกล่าวอีกครั้งว่า "น้องชาย แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าทำไมวิหารทั้งสามแห่งถึงได้พยายามแข็งข้ออย่างหนักในเวลาเดียวกัน แต่ข้าต้องเตือนเจ้าไว้ ตำแหน่งและสถานะของเจ้ามีการเปลี่ยนแปลง จำนวนคนที่เฝ้าดูเจ้าก็จะเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ระวังสิ่งที่เจ้าจะทำ ไม่ว่าจะเป็นรองจอมทัพหยางแห่งหน่วยเขี้ยวมังกรหรือวิหารอุดรครามสวรรค์ พวกเขาเป็นพวกเดียวกัน "
"ถูกต้อง เจ้าต้องระวังการตอบโต้จากพวกเขา"
เจี้ยงเฉินพยักหน้า "ขอบคุณท่านที่เตือน ข้าเข้าใจแล้ว"
เย่หลงหัวเราะตรง ๆ และก็คิดถึงบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาทันใด "ใช่ น้องเจี้ยง ข้ามาหาเจ้าเพื่อบอกอะไรบางอย่าง"
“มีอะไรหรือ ?"
"เรื่องดังต่อไปนี้ อาจารย์ของข้า ท่านอาจารย์เย่ เย่ชองหลิว จะจัดเลี้ยงวันเกิดในอีกครึ่งเดือน องค์ชายทุกคนจะได้เข้าร่วมอวยพรวันเกิด ข้ามีบัตรเชิญว่างอยู่ 3 ที่เท่านั้น ข้าสามารถนำคนไปพร้อมข้าได้ 3 คน ข้าอยากรู้ว่าเจ้าสนใจหรือไม่? "
อวยพรวันเกิดรึ เจี้ยงเฉินไม่สนใจเรื่องนี้มากเท่าไหร่นัก แต่เมื่อเย่หลงพูดอย่างนี้ เขาก็ไม่ได้ขอความเห็นจากเจี้ยงเฉิน แต่ขอเชิญเขาให้เข้าร่วมงาน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถปฏิเสธได้
เจี้ยงเฉินยิ้มและพยักหน้า "อาจารย์ขององค์ชายต้องเป็นผู้สูงอายุที่มีเกียรติและสูงศักดิ์ มันต้องน่าตื่นเต้นมาก หากข้ามีโอกาสได้เข้าร่วมและคงได้ความรู้เพิ่มเติม เป็นเรื่องที่ดีมาก "
"ใช่แล้วล่ะ นอกจากนี้เจ้ายังจะได้เส้นสายเพิ่มและยังจะได้ยกระดับความรู้อีกด้วย เจ้าเพิ่งมาถึงราชอาณาจักรนภาจันทร์ เจ้าคงไม่รู้จักและชื่นชมอาจารย์เย่ "
เมื่อเทียนโชได้ยินชื่อของอาจารย์เย่ เขาก็มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเคารพนับถือ ในขณะเดียวกันเขาก็ยืดร่างกายให้ตรงเพื่อให้เกียรติ
"น้องเจี้ยง อาจารย์เย่เป็นเทพวิญญาณคุ้มครองราชอาณาจักรสำหรับราชวงศ์ปัจจุบัน ระดับการฝึกของเขาลึกลับและหยั่งไม่ถึง มีคนบอกว่าแม้กระทั่งผู้อาวุโสของวิกายพฤกษาสวรรค์ยังชื่นชมกับระดับการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ของอาจารย์เย่"
"เทพวิญญาณรึ?" เจี้ยงเฉินผงะ เขารู้ว่ามีเพียงผู้ฝึกฝนจุดสูงสุดของอาณาจักรปราณจิตวิญญาณเท่านั้นที่มีสิทธิ์ที่จะถูกเรียกว่าเป็นเทพวิญญาณ คนที่ถูกเรียกว่าเป็นเทพวิญญาณคือคนที่เหนือจุดสูงสุดของอาณาปราณจิตวิญญาณ
“ใช่แล้ว” เสียงของเทียนโชเต็มไปด้วยความนับถือ "น้องเจี้ยง ใช่ วิหารทั้งสี่นั้นมีอำนาจมาก แต่แม้กระทั้งประมุขของทั้งสี่วิหารยังต้องเรียกตัวเองว่าศิษย์น้องต่อหน้าอาจารย์เย่ เจ้าจะพูดถึงความแข็งแกร่งของอาจารย์เย่ว่าอย่างไรดี? "
แม้แต่เจี้ยงเฉินก็รู้สึกแปลกใจในตอนนี้ อาณาจักรนภาจันทร์มีผู้พิทักษ์อาณาจักรที่เข้มแข็งขนาดนี้ ในทางตรงกันข้าม คนที่เรียกตัวเองว่าบรรพบุรุษอาวุโสของราชอาณาจักรตะวันออกที่ไม่เคยโผล่หน้าออกมาเลยกลับเป็นเรื่องตลก
"อาจารย์เย่ยังเป็นปู่ของราชวงศ์ใช่หรือไม่?" เจี้ยงเฉินอยากรู้อยากเห็น
เย่หลงถอนหายใจ "ท่านพ่อไม่เคยพูดถึงสถานะของเขากับเรา เรารู้ว่าเขาใช้แซ่เย่ แต่เราไม่รู้ว่าเขาเป็นบรรบุรุษอาวุโสของราชวงศ์หรือไม่ เรารู้เพียงว่าเขากำลังจะฉลองวันเกิด แต่ไม่รู้ว่าเขาอายุเท่าไหร่ "
ชายชราคนหนึ่งที่ลึกลับดังกล่าวทำให้เกิดความปรารถนาอันแรงกล้าในหัวใจของเจี้ยงเฉิน
เทพวิญญาณคุ้มครองราชอาณาจักร แค่ได้ยินคำนี้ เจี้ยงเฉินตัดสินใจว่าจะไปพบกับเขาไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม นอกจากนี้เขายังต้องการเห็นว่าผู้ที่บ่มเพาะจนถึงจุดสูงสุดของอาณาจักรปราณจิตวิญญาณบนโลกนี้เป็นอย่างไร
บางทีเขาอาจจะได้รับแรงบันดาลใจจากเขาเกี่ยวกับอาณาจักรปราณจิตวิญญาณ