spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
กล่าวได้ว่ารายการของเจี้ยงเฉินเป็นคำสั่งซื้อที่ยาวมากและค่อนข้างมีราคา
น่าเสียดายถ้าเขาจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป โดยการหลอกลวงผ่านจุดอ่อนของเป้าหมาย.
ไม่ใช่ว่าเจี้ยงเฉินเป็นคนโลภ แต่เขาไม่รู้ว่าจะมีโอกาสต่อไปอีกรึเปล่าถ้าเขาพลาดเรื่องนี้ ในที่สุดเขาก็ยืมอำนาจของวิหารทั้งสาม ถ้าเขาไม่ได้ใช้ประโยชน์จากศักยภาพนี้อย่างเต็มที่แล้วแผนการทั้งหมดนี้จะสูญเปล่า
สำหรับตัวละครเล็ก ๆ อย่างหลู่วูจิ เขาสามารถระบายความโกรธ ถ้าเขาได้ฆ่ามัน สำหรับคนระดับเจี้ยงเฉิน การฆ่าหลู่วูจิก็แค่เพียงการเหยียบมด
สิ่งสำคัญของเรื่องนี้คือ มันคุ้มค่ามากที่จะฉีกหยางเซาให้เป็นชิ้น ๆ อย่างโหดเหี้ยม
เมื่อหยางเซากลับถึงบ้าน หัวใจของเขากระตุกขึ้นทุกครั้งที่เขามองไปที่รายการ วัตถุดิบทั้งหมดในรายการเป็นส่วนผสมวิญญาณที่หายากและมีค่า
มันคงจะยากที่จะหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายอันมหาศาลหากเขาต้องการจะหาสินค้าให้ครบทั้งหมด เขาคำนวณสั้น ๆ ถ้าเขาต้องการที่จะรวบรวมทั้งหมด เขาต้องใช้อย่างน้อยหนึ่งในสามของสมบัติที่เขามีอยู่
หนึ่งในสามของความมั่งคั่งที่สะสมมาจากปีที่ผ่านมาในการขูดรีดจากผู้คน การสะสมของที่ถูกโจรกรรมและการรีดไถจากคู่กรณี ทั้งหมดจะถูกสูบออกในครั้งเดียว หยางเซารู้สึกเจ็บใจทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้
"แล้วถ้าให้หน่วยเขี้ยวมังกรช่วยจ่ายสักส่วนหนึ่งล่ะ? เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผลกำไรโดยรวมของหน่วยเขี้ยวมังกรอยู่แล้ว " หยางเซาคิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน
แต่เมื่อเขานึกถึงการแสดงออกอย่างเคร่งขรึมของจอมทัพ เขาก็ปล่อยให้แนวคิดนี้ผ่านไป ถ้าเขากล้าที่จะขอร้องอย่างอุกฉกรรจ์เช่นนั้น เป็นไปได้ว่าจอมทัพอาจจะถอดถอนเขาออกจากตำแหน่งในอีกไม่ช้า
เขาจะเป็นยังไงหากไร้ตำแหน่งรองจอมทัพ? คงไม่ต่างอะไรกับกองอุจจาระ
อย่างน้อยผู้คนก็ไม่เต็มใจที่จะเหยียบกองอุจจาระบนถนน อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาไม่ได้มีวาสนาที่ได้เป็นรองจอมทัพของหน่วยเขี้ยวมังกร เขาคงจะโดนศัตรูบุกมากระทืบจนตายไปแล้ว
"หลู่วูจิ ไอ้ถังขยะไร้ประโยชน์!" หยางเซาหดหู่ใจ นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ในการช่วยหลานชายของเขา แต่มันเกี่ยวข้องกับการเป็นหุ้นส่วนระหว่างหน่วยเขี้ยวมังกรกับวิหารหลัก 3 แห่ง
ถ้าเขา หยางเซา ดึงตัวเองออกจากสถานการณ์และไม่คิดเข้ามายุ่งเกี่ยว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลู่วูจิต้องตายอย่างแน่นอน เมื่อความร่วมมือกับสามวิหารถูกระงับ ความรับผิดชอบขั้นสุดท้ายจะยังคงขึ้นอยู่กับเขาที่จะต้องแบกรับ
เขาคงนั่งอย่างไม่สบายใจในตำแหน่งรองจอมทัพ
"ลืมมัน ลืมไปเถอะ" หยางเซาตัดสินใจอย่างเจ็บปวด "ในท้ายที่สุด ข้าต้องจ่ายเงินนี้ ข้าจะปล่อยให้เจ้าเด็กเจี้ยงเฉินเดินเฉิดฉายไปรอบ ๆ สักพัก เมื่อทั้งหมดนี้ผ่านพ้นไป ข้าจะทำให้มันถ่มน้ำลายออกมาพร้อมกับเนื้อและกระดูก! "
ท้ายที่สุดเขาก็เป็นคนที่เด็ดขาดและมีความทะเยอทะยาน เขาใช้เส้นสายทั้งหมดที่มีเพื่อเริ่มเก็บรวบรวมรายการวัตถุดิบ
อาณาจักรนภาจันทร์มีแหล่งทรัพยากรที่หลากหลาย และรายการวัตถุดิบของเจี้ยงเฉินก็อยู่ในอาณาจักรนภาจันทร์ รายการที่เขาระบุไว้ทั้งหมดสามารถหาซื้อได้
เวลา 5 วันผ่านไปภายในพริบตา
เจี้ยงเฉินดูไอน้ำขดตัวขึ้นไปในอากาศด้วยสายตาที่คงที่
ในขณะนี้ ทักษะนัยน์ตาแห่งพระเจ้าและหูของเทพแห่งลมประจิมถูกนำมาใช้งานได้สูงสุดและสามารถจับภาพรายละเอียดทั้งหมดได้
นี่เป็นขั้นตอนสุดท้ายในกระบวนการกลั่น เมื่อเปลวไฟลุกขึ้นสู่ความร้อนที่เหมาะสม พวกมันจะกรองของเหลวออกโดยอัตโนมัติและสุราน้ำค้างเก้าแดนสรวงจะไหลออกมาอย่างช้า ๆ
"หึม กลิ่นของดอกไม้เก้าชนิดที่แตกต่างกันสามารถสัมผัสได้จากกลิ่นหอมนี้ถ้าได้รับการวิเคราะห์อย่างประณีต แต่ก็ดูเหมือนมันจะกลายเป็นกลิ่นเดียวกัน ระยะเวลาและระดับความร้อนนี้เกือบจะได้ที่แล้วล่ะ "
"ดับเปลวไฟซะ"
เปลวไฟเผาไหม้ถึงความร้อนที่เหมาะสม เขาจึงเปิดท่อรองรับสุรา ของเหลวเช่นน้ำทิพย์ค่อย ๆ ไหลออกมาพร้อมกลิ่นหอมอันน่าจดจำ
เขาสามารถบ่มสุราน้ำค้างเก้าแดนสรวงระดับวิญญาณได้สำเร็จแล้ว!
หลังจากที่เจียงเฉินประสบความสำเร็จในการบ่มสุรา ในที่สุดเซี่ยวไป๋ฉีก็ประสบความสำเร็จในการปรุงแต่งโอสถวารีนิรันดร์สี่ฤดูหลังจากที่เขาล้มเหลวมาหลายครั้ง
สุราน้ำค้างเก้าแดนสรวงถูกเก็บลงในภาชนะไม้ที่เตรียมไว้แล้ว ภาชนะในการบรรจุสุราต้องได้รับการคัดเลือกเป็นพิเศษ หากเลือกประเภทของภาชนะที่ไม่ถูกต้องก็จะมีผลต่อระดับคุณภาพของสุรา
เจี้ยงเฉินจะไม่ทำผิดพลาดในเรื่องแบบนี้
สุราน้ำค้างเก้าแดนสรวงถูกกลั่นออกมาในปริมาณน้อยเหลือเกิน และจำนวนที่จะทำให้มึนเมาก็คือฟองของพืชที่สำคัญ เจี้ยงเฉินเตรียมวัสดุไว้จำนวนมาก แต่สุราที่มีสามารถเติมลงไปเพียงพอแค่ 9 ไห
แต่แน่นอนจำนวนนี้เป็นที่น่าอัศจรรย์มาก.
ในขณะนี้หน้าผากของเซี่ยวไป๋ฉีเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ เขาเคยปรุงแต่งโอสถอื่นแต่โอสถวารีนิรันดร์สี่ฤดูนี้ มันไม่ใช่โอสถธรรมดาซึ่งเขาได้ใช้พลังงานมหาศาลในการปรุงมัน
นายท่าน ข้าทำสิ่งได้รับมอบหมายสำเร็จแล้ว "
จากโอสถวารีนิรันดร์สี่ฤดูทั้งหมดที่เซี่ยวไป๋ฉีได้ปรุงแต่ง เขาก็ได้โอสถ 4 เม็ดที่ดีที่สุด ส่วนใหญ่เป็นโอสถระดับสูง ซึ่งมีอันดับกลางน้อยกว่าหนึ่งในสิบส่วน
ไม่มีโอสถเม็ดระดับต่ำเลย
"ไป๋ฉี เต๋าในด้านการปรุงโอสถของเจ้าแกร่งขึ้นมาก"
เซี่ยวไป๋ฉีรีบพูดว่า "ทั้งหมดนี้เป็นเพราะท่านอาจารย์ผู้ทรงเกียรติได้สั่งสอนข้า"
นี่ไม่ใช่เพราะเซี่ยวไป๋ฉีเจียมเนื้อเจียมตัว เจี้ยงเฉินได้ให้คำแนะนำแก่เขาหลายเรื่องในแง่ของการปรับแต่งโอสถ เขาต้องการที่จะคว่ำทักษะเดิมในการปรับปรุงโอสถเม็ดทิ้งและช่วยให้เขาเริ่มดำเนินการตามแนวทางใหม่ ๆ เจี้ยงเฉินช่วยให้เขาเข้าใจว่าแนวความคิดที่เขาเข้าใจในอดีตน่าขันเพียงใด
เมื่อใดก็ตามที่เขามองเห็นทางลัด ทักษะของเซี่ยวไป๋ฉีจึงเพิ่มขึ้นเป็นธรรมดา เขาเป็นคนที่สามารถเรียนรู้ได้
"ไป๋ฉี ข้าจะแจกจ่ายโอสถเหล่านี้ให้กับเจ้า เนื่องจากเจ้ากำลังจะไปยังวิหารทักษิณครามสวรรค์ ทำไมไม่ทำให้ผู้อาวุโสหนิงมีความสุขมากขึ้นและมอบโอสถวารีนิรันดร์สี่ฤดูเป็นของขวัญให้กับนาง ? "
"นายท่าน ข้าขอถามหน่อยว่าผลลัพธ์ของโอสถวารีนิรันดร์สี่ฤดุเป็นยังไง? " แม้ว่าเซี่ยวไป๋ฉีจะรู้สึกว่าโอสถตัวนี้มีบางอย่างพิเศษ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ที่แท้จริงเป็นอย่างไร
"เจ้าเคยเห็นวัตถุดิบมาแล้ว ข้าจะบอกเจ้าว่าโอสถวารีนิรันดร์สี่ฤดูอยู่ในระดับสูงสุดของความสมบูรณ์แบบ มันน่าทึ่ง อาจมีผลทันที หรืออย่างน้อยภายใน 3 – 5 ชั่วยาม เข้าใจไหมเมื่อข้าพูดแบบนี้? "
"มันน่าทึ่งเช่นนั้นเลยรึ?" เซี่ยวไป๋ฉีไม่ค่อยรู้เรื่องศิลปะการรักษาความอ่อนเยาว์ไว้
เจี้ยงเฉินยังคงล้อเลียนเขาเพื่อความสำราญ "เจ้ารอจนกว่าผู้อาวุโสหนิงจะมอบกายให้เจ้า"
เจี้ยงเฉินไม่ได้พูดเกินจริงเลย โอสถวารีสี่ฤดูไม่เพียงแค่มีความสามารถในการขจัดจุดด่างดำและริ้วรอย
โอสถเม็ดนี้สามารถเปลี่ยนการทำงานของร่างกายภายในของผู้หญิงและปรับรูปแบบการทำงาน มันจะฟื้นฟูเลือดและลมปราณฉีของนาง ทำให้เส้นชีพจรมีชีวิตขึ้นมาใหม่ และนำพลังจากสวรรค์ลงมาต่อต้านกับการฟื้นตัว
คงจะไม่เกินจริงที่จะกล่าวได้ว่าแม้แต่ผู้หญิงที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยก็สามารถกลับมามีรูปร่างหน้าตาในช่วงอายุ 30 หรือ 40 ปี ถ้านางได้กินโอสถตัวนี้
ถ้าเป็นหญิงที่หน้าตาดี เมื่อกินโอสถนี้ นางจะได้รับประสิทธิผลสูงสุดและผลลัพธ์ที่ได้จะยิ่งน่าทึ่งมากขึ้น
เมื่อเห็นเซี่ยวไป๋ฉีหน้าแดง เจี้ยงเฉินระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เขากล่าวว่า "ไป๋ฉี เจ้าอายุสามสิบกว่าแล้ว เจ้าจะอายไปทำไมล่ะ?"
เซี่ยวไป๋ฉีได้รับการดูแลเป็นผู้สืบทอดของซงเทียนซิงตั้งแต่ยังเยาว์ภายในหอโอสถ และวันของเขาก็ผ่านไป ทุกวันเขาหมกหมุ่นอยู่กับธุรกิจและโอสถวิญญาณเท่านั้น
เขามีประสบการณ์กับเรื่องของชายและหญิงบ้าง แต่แทบจะไม่มีประสบการณ์พิเศษเชิงลึกเลย
"เอาล่ะ นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ข้าแน่ใจว่าพวกเขากำลังกังวล ถ้าเราไม่ให้พวกเขาลิ้มรสความหวาน พวกเขาจะคิดว่าเราเป็นคนหลอกลวง "
แม้ว่าเฟิงหยางจะมีอารมณ์ปกติดีในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา แต่เขาก็ยังกังวลอยู่มาก ตอนนี้เขารู้ว่าทำไมรองประมุขชีจึงให้ความสำคัญกับเจี้ยงเฉิน
เจี้ยงเฉินสามารถช่วยรองประมุขชีให้สมปรารถนาได้จริงหรือไม่? เขายังรู้สึกคลางแคลงใจเล็กน้อย ถ้าเจี้ยงเฉินทำอะไรผิดพลาด เขา เฟิงหยางจะต้องสูญเสียทุกสิ่งด้วยเช่นกัน
เพราะเขาเป็นคนกลาง
เขาจึงมาทั้งในช่วงเช้าและกลางคืน นอกจากนี้ยังช่วยคลายความร้อนรนของเขาได้บ้าง
"ฮ่า ฮ่า พี่เฟิงขอโทษที่ทำให้ท่านต้องรอ"
"อ๊า ? น้องเจี้ยง ท่านออกมาจากการฝึกฝนแล้ว รองประมุขของเราพูดถึงท่านทุกวัน นี่ทำให้ข้ารู้สึกวิตก "
เจี้ยงเฉินมองไปที่เฟิงหยางและยิ้มว่า "ดูเหมือนว่าพี่เฟิงเลื่อนตำแหน่งได้เร็วมาก"
"เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ก็ต้องขอบคุณน้องเจี้ยง วันนี้ข้าได้ประสบความสำเร็จและทั้งหมดนี้ข้าเป็นหนี้บุญคุณท่าน " เฟิงหยางพูดอย่างจริงใจ
"เอาล่ะ ข้าคาดไว้แล้วว่าสองสามวันที่ผ่านมา ท่านอยู่อย่างลำบากใจ ประมุขของท่านก็ได้พยายามอย่างมากในเรื่องนี้เกี่ยวกับธุรกิจของหน่วยเขี้ยวมังกร ข้าควรจะไปเยี่ยมเขาและแสดงความรู้สึกของข้า"
“อ๊า?” เฟิงหยางรู้สึกตื่นเต้นอย่างสุดซึ้งทันที "น้องเจี้ยง ... "
"ไปกันเถอะ" เจี้ยงเฉินตบไหล่เขา
เฟิงหยางรู้สึกดีใจเกินกว่าที่จะวัดได้และหัวใจของเขาก็เต้นระรัว เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็รู้สึกอับอายทันทีที่เขาเห็นว่าเจี้ยงเฉินมีท่าทางสงบ
"ใช่ น้องเจี้ยงเป็นคนที่ทำสิ่งมหัศจรรย์และเขาไม่ได้เป็นคนโอ้อวดหรือใจร้อน แม้ท้องฟ้าจะถล่มลงมามันก็ไม่น่าตื่นเต้นเลย เมื่อเปรียบเทียบกับเขา ข้าแทบจะไม่สามารถรักษาความสงบไว้ได้ " เฟิงหยางอดไม่ได้ที่จะคิดอย่างนั้นเมื่อเขาเห็นว่าพฤติกรรมของเจี้ยงเฉินช่างใจเย็นและสงบ
"นี่เป็นโอกาสของข้า น้องเจี้ยงไม่ใช่คนธรรมดาที่ถูกคุมขังอยู่ในที่เดียวเท่านั้น ถ้าข้าสามารถตีสนิทกับน้องเจี้ยงได้ บางทีข้าอาจจะมีโอกาสมากขึ้นในอนาคต ดูเหมือนว่าข้าจะต้องกระตุ้นความพยายามให้มากขึ้นเพื่อที่ข้าจะได้ไม่ล้าหลังจนเกินไป มิฉะนั้นระยะห่างระหว่างน้องเจียงกับข้าจะเพิ่มขึ้นในวันต่อ ๆ ไป ข้าจะไม่มีสิทธิ์ตีสนิทกับคนสำคัญเช่นเขาในอนาคต "
แม้ว่าเฟิงหยางจะมีบุคลิกที่ถ่อมตน แต่เขาเป็นคนที่เฉียบแหลมมาก เขารู้ว่าเขาสามารถก้าวจากศิษย์ต่ำต้อยไปยังตำแหน่งผู้จัดการระดับกลางและไม่ต้องสงสัยเลยว่าบุคคลที่จะเปลี่ยนโชคชะตาของเขาได้คือเจี้ยงเฉิน
เมื่อเขาได้พบกับใครบางคนเช่นนี้แล้วยังไม่สำนึกบุญคุณ เท่ากับว่าเขาเป็นคนโง่
"ในอนาคต ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ข้า เฟิงหยาง ต้องยืนอยู่เคียงข้างน้องเจี้ยงอย่างแน่วแน่และข้าจะเป็นเพื่อนตาย แม้แต่ผู้ติดตามหรือลูกน้องของเขา แม้ว่าข้าจะเป็นสุนัขและต้องฟังคำสั่งของเขา ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะกลายเป็นคนที่น้องเจี้ยงเชื่อใจ! "
เฟิงหยางคิดอย่างคึกคักขณะที่เขาเดินไป
…
ชีเซี่ยวหยาวใช้สายตาอันพิสดารจ้องไปทางเจี้ยงเฉิน เขาจ้องเขม็งไปยังชายหนุ่มคนนี้ที่ทำให้เขานอนกระสับกระส่ายทั้งคืนก่อนที่เขาจะได้เห็นหน้าเจี้ยงเฉินซะอีก
"เจี้ยงเฉินแห่งอาณาจักรตะวันออก ... " ดวงตาของชีเซี่ยวหยาวจู่ ๆ ก็เปิดกว้างขึ้นขณะที่เขาลุกขึ้นนั่ง "เอาล่ะ ข้าจะไม่ใส่ใจกับเรื่องสัพเพเหระเล็ก ๆ น้อย ๆ ข้าสนใจเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น สุราอยู่ที่ไหน? "
เจี้ยงเฉินแสยะยิ้มและเหลือบไปยังจอกสุราตรงหน้าชีเซี่ยวหยาว "กล่าวกันว่าสุรารสเลิศควรจับคู่กับจอกที่สว่างไสว สุราชั้นดีควรมีภาชนะที่เหมาะสม ใครก็ได้มาเอาขยะนี้ออกไปก่อนจะได้มั้ย? มันรกหูรกตาข้ายิ่งนัก ท่านมีจอกโบราณอื่นหรือไม่? ถ้าไม่มี ก็ขอเป็นจอกใหม่ ๆ จะได้มั้ย? "
เจี้ยงเฉินจะดูดีถ้าเขายังคงเงียบสงบและไม่ได้ปริปาก แต่เมื่อเขาทำ เขาเกือบทำให้เฟิงหยางกลัวจนฉี่ราด เจี้ยงเฉินเป็นคนที่กล้าหาญมาก นี่คือรองประมุขแห่งวิหารหมื่นสมบัตินะ!
ชีเซี่ยวหยาวผงะแล้วก็เปลี่ยนมาส่งยิ้มกว้าง เขากางมือออก "เฟิงหยาง ไสหัวออกไปเลย ข้าไม่อยากสิ้นเปลืองสุราอันล้ำค่าให้แก่เจ้า "
เฟิงหยางรู้สึกว่านับเป็นคำด่าของชีเซี่ยวหยาวที่ค่อนข้างหวานเกินไป และเขาหัวเราะเบา ๆขณะที่เขาถอยออกจากห้อง