spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
"รองจอมทัพหยาง เปลวเพลิงแห่งความโกรธที่มาจากวิหารทักษิณครามสวรรค์ วิหารหมื่นสมบัติ วิหารชิงหยางกำลังรอคอยให้เราไปดับมันอยู่ ข้ามีเพียงแค่คำเดียวเท่านั้น ถ้าท่านสามารถทำให้เปลวไฟแห่งความโกรธของพวกเขาดับลงได้ ข้าจะไม่ไล่ตามเรื่องของหลู่วูจิ "
เช็นกังยี่ตั้งเงื่อนไขไว้ตอนท้าย
ใบหน้าของหยางเซาดูเศร้าโศก ดับเปลวไฟแห่งความโกรธจากสามวิหารหรือ? เขารู้ว่าเขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เขาใกล้ชิดกับวิหารอุดรครามสวรรค์เสมอมา
เขาไม่ได้ทำธุรกิจกับอีก 3 แห่งและมีความสัมพันธ์กับพวกเขาเพียงปานกลาง
ถ้าแม้แต่ชื่อเสียงของจอมทัพไม่เป็นประโยชน์ แล้วเขาอยู่ในตำแหน่งไหน? เขาจะได้รับความอัปยศเท่านั้น
ปากของเขาแสดงรอยยิ้มที่แข็งทื่อเต็มไปด้วยความขมขื่น หยางเซาอดถามไม่ได้ เขาจึงพูดว่าท่านจอมทัพ "
ความผิดพลาดมาจากหลู่วูจิในครั้งนี้ แต่ข้ายังอยากถามว่า ใครคือเจี้ยงเฉินนี่กัน? เขายิ่งใหญ่มากถึงกับทำให้ทั้งสามวิหารร่วมกันทำเพื่อเขางั้นรึ? "
"เจ้าถามข้า แล้วข้าจะไปถามใคร?" เช็นกังยี่ถามด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
"เรื่องนี้ไม่สามารถล่าช้าได้ ท่านจอมทัพ ถ้าทั้งสามวิหารหมดความอดทน ข้าเกรงว่ามันจะกลายเป็นเรื่องยากมากที่จะพูดคุยกับพวกเขาในภายหลัง " ซูคึนกระตุ้นเปลวเพลิง
สายตาของเช็นกังยี่จ้องไปยังหยางเซาอย่างมีความหมาย
ดวงตาของหยางเซาต้องการหลบเลี่ยงการจ้องมอง แต่ไม่มีที่ไหนที่เขาจะซ่อนตัวได้ เขาทำได้เพียงยิ้มอย่างฉุนเฉียว "ท่านจอมทัพ ท่านรู้ดีว่าอิทธิพลของข้ามีขอบเขต ชื่อเสียงของข้ามีไม่มากพอที่จะดับโทสะวิหารทรงพลังทั้งสามได้ ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการ ข้าไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากที่ไหน ท่านช่วยให้คำแนะนำได้ไหม? เสนอของขวัญและคำขอโทษ?. ข้าสามารถสั่งให้หลู่วูจิไปทำเช่นนี้ได้ "
"เสนอของขวัญและคำขอโทษงั้นรึ?" ซูคึนยิ้มเยาะ "รองจอมทัพหยาง ท่านคิดว่าชีเซี่ยวหยาวและผู้อาวุโสหนิงเอะอะโวยวายเพียงเพื่อรับคำขอโทษ?"
หยางเซาไม่สามารถโต้กลับได้ ในขณะที่ซูคึนพูดให้เขาตกที่นั่งลำบาก ตอนนี้เขาตกอยู่ในสภาพที่ตกต่ำและต้องยอมให้ซูคึนเยาะเย้ยตามที่เขาต้องการ.
"ผู้อาวุโสฉี ท่านมีคำแนะนำหรือไม่ ? ท่านไม่สามารถทิ้งข้าในสภาพนี้ได้ ท่านต้องช่วยข้าสิ " ซูคึนเลือกใช้น้ำเสียงคะยั้นคะยอ ในขณะที่เขาถามฉีเทียนนานถึงคำแนะนำ.
ฉีเทียนนานใช้เวลาวิเคราะห์อยู่พักนึงและพูดว่า "ข้าคิดว่าจุดแข็งของเรื่องนี้ยังอยู่ที่เจี้ยงเฉิน ความโกรธของวิหารทั้ง 3 แห่งอาจเป็นเรื่องที่ใหญ่หรืออาจเป็นเรื่องเล็ก ถึงแม้ว่าหลู่วูจิทำให้พวกเขาไม่พอใจ แต่เด็กอย่างเขาก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะและล่วงเกินด้วยคำพูด สุดท้ายแล้ว เรื่องจะจบลงเมื่อพวกเขาหายโกรธ พวกเขายังยึดมั่นต่อไปได้เนื่องจากเจี้ยงเฉินไม่ยอมรามือ "
เช็นกังยี่พยักหน้าเล็กน้อย หลังจากที่ได้พูดคุยกันมากมาย ฉีเทียนนานพูดตรงประเด็นที่สุด
"ฉีเทียนนานพูดถูก เจี้ยงเฉินเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า ไม่ว่าหน่วยเขี้ยวมังกรของเราจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรนี่เป็นเรื่องภายในของเราและเขาไม่สามารถสอบถามได้ อย่างไรก็ตาม เขาจะไม่ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น " ซูคึนพูดขึ้นมา "หลู่วูจิโยนเจี้ยงเฉินเข้าไปในคุกมืดและทำให้เขาได้รับภัยนานาคุกคาม จิตวิญญาณของชายหนุ่มคนนี้มั่นคงและแน่นอนว่าเขาจะไม่เต็มใจที่จะปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปได้ง่าย ๆ ".
"ผู้อาวุโสซูและผู้อาวุโสฉีพูดได้ตรงตามความเป็นจริง รองจอมทัพหยาง การแก้ไขปัญหานี้อยู่ในมือของเจี้ยงเฉิน หากเจี้ยงเฉินหายโกรธและเขายอมรับ วิหารทั้งสามก็จะปล่อยเราไปเช่นกัน"
เช็นกังยี่ถอนใจ การที่ทั้งสามวิหารประกาศความตั้งใจที่จะระงับความร่วมมือกับหน่วยเขี้ยวมังกร แน่นอนว่ามันเป็นเหมือนกับระเบิดร้ายแรง
ทุกวันสถานการณ์ก็ยังคงเป็นเช่นนี้ แต่มันคงมีสักวันที่หน่วยเขี้ยวมังกรจะกลับสู่สภาวะปกติได้
…
คนที่ถูกกล่าวถึง เจี้ยงเฉินกำลังยุ่งอยู่และเขาก็สงบสุขดี
เขาติดต่อกับโรงกลั่นเก่า ๆ และกำลังเตรียมการกลั่นสุราน้ำค้างเก้าแดนสรวง ตอนนี้วัตถุดิบทั้งหมดอยู่ในมือแล้ว ทุกอย่างก็พร้อม
พร้อมกันนี้ เขาเริ่มเตรียมโอสถวารีนิรันดร์ 4 ฤดู เมื่อเทียบกับสุราน้ำค้างเก้าแดนสรวง โอสถวารีนิรันดร์ 4 ฤดูปรุงแต่งได้ง่ายกว่า
นี่เป็นโอสถสำหรับรักษารูปลักษณ์ให้ดูอ่อนเยาว์ แถมยังกลั่นง่ายกว่าโอสถแห่งท้องทะเลลึกหรือโอสถชะตากรรมแห่งสวรรค์ซะอีก
"ไป๋ฉี เจ้าทำได้ดีมาก ข้าบอกได้เลยว่าอาวุโสหนิงให้ความสำคัญกับเจ้ามาก นี่เป็นโอกาสของเจ้า เจ้าเป็นศิษย์ของข้า แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถหาโอกาสที่จะก้าวไปข้างหน้าในหน้าที่การงานของตัวเองได้ "
เซี่ยวไป๋ฉีรู้สึกตื้้นตันใจ นายน้อย ศิษย์ยังคงชอบอยู่เคียงข้างท่านและทำงานให้กับท่าน "
"ข้าต้องการให้เจ้าเข้าไปทำงานในวิหารทักษิณครามสวรรค์ นี่จะช่วยให้เจ้าก้าวหน้าในอนาคตด้วย "
เป้าหมายแรกของเจี้ยงเฉินคือเต๋าแห่งศิลปะการต่อสู้
เต๋าแห่งโอสถเป็นเพียงกำลังเสริมให้เขาติดตามเต๋าแห่งศิลปะการต่อสู้ เนื่องจากเขารับเซี่ยวไป๋ฉีเป็นศิษย์ เขาจึงจำเป็นต้องมีการพิจารณาถึงการงานในอนาคตของเขาเล็กน้อย
พูดได้ด้วยเหตุผล ถ้าเซี่ยวไป๋ฉีสามารถทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในคนของนิกายพฤกษาสวรรค์ได้ผ่านทางวิหารทักษิณครามสวรรค์ มันก็จะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเขา
เซี่ยวไป๋ฉีเป็นคนที่มีเหตุผลมาก พอ ๆ กับที่เขารู้ว่านี่คือสิ่งที่นายน้อยเตรียมไว้ให้เขา เขาพยักหน้า. "นายน้อย ท่านคือคนสำคัญที่สุดของข้าเสมอไม่ว่าข้าจะไปที่ไหนก็ตาม ถ้าท่านบอกให้ข้าไปยังวิหารทักษิณครามสวรรค์แล้ว ข้าก็จะทำงานอย่างเต็มใจ "
"ไป๋ฉี เจ้าไม่เคยทำให้ข้าผิดหวัง" เจี้ยงเฉินพยักหน้า "โอสถวารีนิรันดร์สี่ฤดูนี้จะเป็นวิธีที่ทำให้เจ้าก้าวหน้า ข้าจะสอนวิธีการทั้งหมดให้เจ้า "
เซี่ยวไป๋ฉีรู้สึกประทับใจมาก เขารู้ว่าเจ้านายของเขาไว้ใจเขาอย่างสมบูรณ์และเขาให้ความสำคัญกับเขาเป็นอย่างมาก
เจี้ยงเฉินได้ส่งสูตรโอสถให้กับเซี่ยวไป๋ฉีและให้คำแนะนำเคล็ดลับในการปรุงแต่ง ในความเป็นจริง เจี้ยงเฉินไม่ได้กลั่นกรองโอสถเม็ดนี้มากนักในชีวิตก่อนหน้านี้
แต่ในความทรงจำเกี่ยวกับชีวิตในอดีตของเขา,โอสถวารี 4 ฤดูมีผลลัพธ์อันน่าพิศวงที่เกี่ยวกับการรักษาความอ่อนเยาว์ไว้
ถ้าเขาใช้ส่วนผสมที่ดีกว่านี้เพียงเล็กน้อยในการกลั่นโอสถวารีนิรันดร์ 4 ฤดู มันจะมีผลลัพธ์ที่น่าทึ่งกว่าเดิม
หลังจากที่ได้มอบสูตรโอสถวารีนิรันดร์ 4 ฤดูให้กับเซี่ยวไป๋ฉี เจี้ยงเฉินมุ่งเน้นการผลิตสุราน้ำค้างเก้าแดนสรวง
ในอีกสามวันข้างหน้า เขาจะได้ดื่มด่ำกับการสร้างสุราน้ำค้างเก้าแดนสรวง ไม่ว่าใครจะมาขอพบเขา โกวยู่วและผู้คุ้มกันทั้งแปดจะคอยกีดกันพวกเขา
เฟิงหยาง ลูกศิษย์ของวิหารหมื่นสมบัติรีบเดินเข้ามา เนื่องจากปัญหาในเวลานี้ เขาได้รับการคัดเลือกโดยเฉพาะจากชีเซี่ยวหยาวและตอนนี้เขามีตำแหน่งเป็นผู้จัดกการ
แม้ว่าเขาจะเป็นรองผู้จัดการมาก่อน แต่เขาก็ยังได้เลื่อนตำแหน่งถึง 3 ระดับอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับศิษย์ธรรมดา
นี้ทำให้สาวกคนอื่นที่กระเสือกกระสนเป็นเวลาหลายปีต้องอิจฉาเขา เนื่องจากเขาได้ข้ามหน้าข้ามตาหลาย ๆ คน
เฟิงหยางรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ลืมว่าใครคือผู้มีพระคุณ เขารู้ดีว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจี้ยงเฉินที่ทำให้เขาสามารถครอบครองตำแหน่งนี้ได้ ไม่ว่าเขาจะยังคงนั่งอยู่ในที่นั่งนี้ต่อไปในอนาคต หรือแม้กระทั่งโอกาสที่จะก้าวไปข้างหน้าทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับเจี้ยงเฉิน!
เมื่อผู้คุ้มกันกีดกันเข้าไว้ข้างนอก เฟิงหยางจึงไม่รู้สึกโกรธเลย แต่เขากลับรอคอยอย่างอดทน เขามาทุกเช้าและทุกคืน แม้กระทั่งฟ้าร้องและฟ้าแลบก็ไม่อาจขัดขวางเขาได้
คนที่มาจากหน่วยเขี้ยวมังกรก็ถูกกันอยู่นอกประตูเช่นกัน
รองจอมทัพหยางเซารักษาท่าทางได้ดีเป็นเลิศ เขาส่งชายคนหนึ่งมาพูดคุยกับเจี้ยงเฉินเพื่อดูว่าพวกเขาสามารถจัดการเรื่องนี้แบบส่วนตัวได้หรือไม่
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชายผู้นี้ยังไม่ได้ย่างเท้าเข้าไปผ่านประตู เขาถูกลากออกไปโดยผู้คุ้มกันส่วนบุคคล
หยางเซาจึงส่งคนที่มีอำนาจสูงกว่าพร้อมกับของขวัญจำนวนมาก รวมทั้งให้ความรู้สึกอยากจะมอบของขวัญเหล่านี้แทนคำขอโทษ ผู้คุ้มกันทำให้พวกเขาทั้งหมดต้องหันกลับ
เปลวไฟแห่งความโกรธมอดไหม้ในหัวใจของหยางเซา แม้จะมีอำนาจและสถานะของเขาในฐานะบุคคลสำคัญลำดับที่สามของหน่วยเขี้ยวมังกร แต่เขาก็ถูกปฏิเสธโดยชาวบ้านนอกต่างถิ่น!
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ หยางเซาจะโกรธมาก.
แต่คราวนี้ เขาจนปัญญา เขาระงับความโกรธและเดินทางไปเยี่ยมเยือนด้วยตนเอง เขาตัดสินใจที่จะคุยกับเจี้ยงเฉินด้วยสถานะของเขาในฐานะรองจอมทัพแห่งหน่วยเขี้ยวมังกร
แต่เขากลับถูกเพิกเฉย
"นายน้อยของข้าอยู่ระหว่างการการฝึกฝน ทุกเรื่องต้องรอจนกว่าเขาจะออกมา "
หยางเซาดับไฟของความโกรธภายในหัวใจด้วยความพยายามอย่างที่สุด และถามว่าเมื่อไหร่เจี้ยงเฉินจึงจะออกมา คำตอบที่เขาได้รับคือ "เราไม่แน่ใจ"
หยางเซา ผู้ที่มีความเฉลียวฉลาดล้ำลึกเกือบจะไม่สามารถควบคุมตัวเองไว้ได้ เขาเกือบจะสะบัดแขนเสื้อและจัดการคนหยาบคายพวกนี้ แต่เหตุผลบอกกับเขาว่าหากเขาเริ่มชกต่อย จะทำให้เกิดความอาฆาตแค้นและความสัมพันธ์กับสามวิหารจะถูกทำลายจนขาดสะบั้น
ไม่ว่าเขาจะมีพลังความสามารถมากเพียงใด แต่เขากลับไม่มีความกล้าหาญในเรื่องนี้ นอกจากนี้เขายังไม่อาจยอมรับผลร้ายของหายนะที่จะตามมาได้
เขากลืนกินความอัปยศอดสูนี้อย่างจริงจัง หยางเซาเตรียมที่จะกลับมาในอีก 2-3 วัน.
ชายคนหนึ่งเดินออกมาตอนที่เขากำลังจะจากไป "ช้าก่อน ท่านคือรองจอมทัพหยางใช่มั้ย?"
หยางเซาเพิ่งจะถูกประตูปิดใส่หน้า
เมื่อเขาได้ยินคำพูดนี้ ราวกับว่าผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังจมน้ำถูกดึงขึ้นมา คิ้วของเขาโค้งขึ้นอย่างมีความสุข. "ใช่ ข้าเอง"
เขาไม่กล้าที่จะอวดอ้างในขณะนี้หรือป่าวประกาศว่าเขาเป็นบุคคลสำคัญลำดับที่สามของหน่วยเขี้ยวมังกร
แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นเพียงแผ่นกระดาษเปล่าในอาณาจักรนภาจันทร์และแม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะไม่มีอำนาจหรือมีอิทธิพลแต่อย่างใด เขา หยางเซา ก็มิอาจวางโตได้ ณ เวลานี้
ทำไมหลู่วูจิถึงไม่มา?
ตั้งแต่ที่หยางเซาได้รับตำแหน่งบุคคลสำคัญลำดับที่สามของหน่วยเขี้ยวมังกร แม้กระทั่งท่านจอมทัพก็ไม่ซักถามเขาด้วยเสียงเช่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
แต่ตอนนี้สถานการณ์มีความสำคัญมากกว่าคน แม้ว่าเขาจะโดนตบหน้าด้านซ้าย แต่เขาก็ต้องเสนอแก้มขวาและรอยยิ้ม "หลู่วูจิได้ละเลยหน้าที่ของเขาในการจัดการคดีและได้รับการวางรากฐาน"
"ข้อหาละเลยหน้าที่งั้นรึ ท่านทำหน้าที่ได้ดีทีเดียว!" คนที่เดินออกมาจากข้างในคือลูกพี่ลูกน้องของเจี้ยงเฉิน หยูตง หัวหน้าผู้คุ้มกันส่วนตัวทั้งแปด
"ข้ามีรายการอยู่ในมือ ท่านดูซิ หยูตงแผ่คลื่นฉีทำให้แผ่นกระดาษลอยออกไปตรงหน้าหยางเซา
หยูตงมีปฎิกิริยาที่หยาบคายและทำให้หยางเซารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่เขาก็ยังเอื้อมมือไปคว้าแผ่นกระดาษขึ้นมา
หยูตงกล่าวอย่างสุภาพว่า "นี่คือข้อสรุปสุดท้ายของนายหนุ่ม วันที่ท่านรวบรวมสิ่งของเหล่านี้และส่งมอบให้กับเราคือวันที่ความโกรธของนายหนุ่มจะสงบลง "
หยางเซามองอย่างไม่สนใจแต่แล้วเขาก็ขมวดคิ้ว "หญ้าบุปผาเมฆาระดับสูง? ราชันโสมหยกม่วง? เหล่านี้ล้วนเป็นส่วนประกอบระดับสูงของเครื่องดื่ม นี้ ... นี่คือการกรรโชกทรัพย์ซึ่ง ๆ หน้า! ".
หยางเซาถึงกับอ้าปากค้างอย่างลืมตัว
หยูตงยิ้มเล็กน้อย "รองจอมทัพหยาง อย่าเพิ่งโกรธสิ ถ้าท่านคิดว่านี่คือการกรรโชกแล้วถือว่ามันเป็นเรื่องตลก และหลังจากที่ท่านได้อ่านแล้วก็ฉีกทิ้งได้เลย "
ฉีกทิ้งรึ? ถ้าความโกรธสามารถเผาไหม้รายการนี้ได้ มันคงกลายเป็นขี้เถ้าไปนานแล้ว อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ยังไงที่เขาจะฉีกมัน?
หากเขาฉีกมันแสดงถึงอะไร? นั่นหมายความว่าพวกเขาเป็นปฏิปักษ์อย่างเปิดเผยและประกาศสงครามกับวิหารทั้งสาม
"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ของข้าในคราวนี้ ถ้าหากข้ารวบรวมสิ่งเหล่านี้ได้ เจี้ยงเฉินจะประนีประนอมกับทั้งสามวิหารใช่หรือไม่ "
หยูตงกางมือออก ดูเหมือนเขาไม่ต้องการที่จะพูดมากขึ้น "ไว้พูดกันหลังท่านรวบรวมสิ่งเหล่านี้ได้"
เขาจ้องรองจอมทัพหยางและหันเดินเข้าไปด้านใน ทิ้งให้หยางเซายืนอยู่เก้ ๆ กัง ๆ อยู่ข้างนอกด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความขมขื่น
"เก็บไว้ในใจ,อดทน,อย่าเพิ่งระเบิดอารมณ์ตอนนี้ เจี้ยงเฉิน เจ้าสัตว์โง่นี้ ไอ้คนต่างถิ่น มันกล้าดียังไงถึงได้ข่มขู่ข้า!? รอดูเถอะว่าข้าจะจัดการกับมันยังไงหลังจากจบเรื่องนี้ทั้งหมด ใครจะคิดว่า ข้า หยางเซา คนที่ทำอะไรได้ตามใจชอบครึ่งค่อนชีวิตที่ผ่านมา แต่วันนี้เจ้าสุนัขเฝ้ายามของเจี้ยงเฉินกลับทำให้ข้าอับอาย เจี้ยงเฉิน เจี้ยงเฉิน !! " ไฟแห่งความอาฆาตลุกโชนในจิตใจของหยางเซา