spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
แม้ว่าเจี้ยงเฉินได้พูดไปว่าเขาจะไม่สอบถามเรื่องภายในของหน่วยเขี้ยวมังกรก่อนที่เขาจะออกไป แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่จบแค่นี้ ทั้งหมดนี้ฟังดูเหมือนคำพูดที่อ่อนแอและผิวเผินสำหรับหลู่วูจิ
ถ้าเจี้ยงเฉินกล้าจริง เขาไม่ควรปล่อยเวลาที่ดีที่สุดที่เขาจะระเบิดอารมณ์ออกมาและสร้างสถานการณ์ให้รุนแรงยิ่งขึ้น เมื่อเวลานี้สิ้นสุดลงและเรื่องนี้ได้ผ่านไปแล้ว แม้ว่าเขาจะไล่ตามคดีนี้ ใครจะให้ความสนใจกับเขา เขาเป็นเพียงชาวต่างถิ่นตัวตลกบ้านนอกคนหนึ่ง?
"เขาเป็นแค่ตัวตลกบ้านนอกจากอาณาจักรกระจ้อยร่อย เขาไม่มีความกล้าเลย เขากลัวข้าโดยไม่มีเหตุผล อ๊าลืมมันไปเถอะ แม้ว่าตาแก่ซูจะไม่ชอบหน้าข้า เขาก็ทำอะไรข้าไม่ได้ ข้ามีท่านลุงคอยหนุนหลัง!
หลู่วูจิรู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้นเมื่อความคิดของเขาแล่นไปในจุดนี้ ถ้าซูคึนไม่ได้ถือสัญลักษณ์เขี้ยวมังกรอยู่ในมือแล้ว หลู่วูจิคงรีบลุกและหลบหนีออกจากสถานที่นี้ทันที
แต่เจี้ยงเฉินทำให้หลู่วูจิรู้สึกประหลาดใจที่เขาไม่ได้ไล่ตามเรื่องนี้ในทันที
ที่น่าประหลาดใจกว่าก็คือแม้แต่ซูคึนเองดูเหมือนจะไม่ได้ตั้งใจที่จะติดตามเรื่องนี้ต่ออีกด้วย เขาเพียงแค่โบกมือและกล่าวว่า "ภาวนาให้เรื่องนี้ได้รับการแก้ไขอย่างง่ายดายเพื่อตัวเจ้าเอง!"
หลังจากนั้นซูคึนก็จากไปพร้อมกับเหล่าทหารเสือของเขา
เมื่อซูคึนนำสัญลักษณ์เขี้ยวมังกรกลับไป หน้าของหลู่วูจิเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธและยืนขึ้นปัดฝุ่นออกจากเข่าของเขา "ช่างโชคร้ายจริง ๆ ที่เรื่องเล็กน้อยนี้ได้รบกวนใจท่านจอมทัพ ทำให้ตาแก่ซูมีโอกาสยืมอิทธิพลมายั่วโมโหข้า เฮงซวยอะไรเช่นนี้! "
"แม่ทัพหลู่" คนของเขากระวนกระวายด้วยความกลัว พวกเขาเดินเข้ามาใกล้เขา
"ยังจะหัวหดกันอยู่ได้ พ่อหรือแม่ของพวกเจ้าตายหรืออะไร? เรื่องนี้จบแล้ว พวกเจ้ายังจะทำหน้าน่ารังเกียจอยู่ทำไม? " หลู่วูจิด่า
"แม่ทัพหลู่ มีอะไรบางอย่างไม่ค่อยถูกต้องที่นี่".
"อะไรไม่ถูกต้อง? ตาแก่ซูต้องมีส่วนรู้เห็น พวกเจ้ากลัวอะไรกันอยู่ได้? ข้ามีท่านลุงคอยหนุนหลัง ตาแก่คนนั้นจะไม่สามารถทำอะไรได้มากหรอก! " หลู่วูจิไม่สนใจเลย
เขากัดฟันพูดว่า “ไอ้สัตว์เดรัจฉาน ไอ้ตัวตลกบ้านนอกเจี้ยงเฉินมันกล้าฉีกหน้าข้า ตราบเท่าที่มันยังอยู่ในราชอาณาจักรนภาจันทร์ ข้าต้องแน่ใจว่ามันตายอย่างน่าสยดสยอง! "
ถึงแม้ว่าหลู่วูจิไม่ได้รับอันตรายใด ๆ แต่ก่อนหน้านี้ชัยชนะอยู่ในมือของเขาและเขาได้ขู่เข็ญเจี้ยงเฉินต่าง ๆ นา ๆ อย่างอำมหิต เมื่อมาถึงขั้นสุดท้ายแล้ว สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอย่างรุนแรงและเขาก็ตกลงมาจากสวรรค์
เจี้ยงเฉิน ผู้ซึ่งถูกกำหนดให้ตายตามคำพูดของเขา ทำให้ตัวเองหลุดออกจากที่นั่น.
คำพูดที่ยโสและความภาคภูมิใจของเขากลายเป็นเรื่องตลกที่เกะกะระราน
เขาคุ้นเคยกับการทำตัวอย่างไรก็ตามที่เขาต้องการภายในเมืองหลวงและเขาสามารถสั่งใครก็ได้ตามใจชอบ เขาควบคุมลมหายใจและความตายของคนอื่น หลู่วูจิรู้สึกลึก ๆ ว่านี่เป็นเรื่องอัปยศและเป็นการดูถูกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดกับเขา
"ฮึ่ม หลังจากประสบปัญหานี้ เจ้าเด็กเจี้ยงเฉินเดินออกจากที่นี่ไปได้ ข้าต้องไปอธิบายเรื่องนี้กับวิหารอุดรครามสวรรค์ "
หลู่วูจิเดินกลับบ้านด้วยความรู้สึกหงุดหงิดนี้
เมื่อเขาเกือบจะถึงบ้าน เขาก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ควรจะอธิบายให้ลุงของเขาฟัง เขาจึงก็ออกไปยังคฤหาสน์ของรองจอมทัพหยางเซาทันที
"อะไรนะ? หลู่วูจิมาหาคนรับฟังเรื่องที่เกิดขึ้น ? " ถึงเวลานี้ หยางเซาได้รับความกดดันจากหลายฝ่ายแล้ว จนเขารู้สึกเหมือนกำลังถูกไฟเผาและเขากำลังจะเกรียมในอีกไม่ช้า เมื่อเขาได้ยินว่าหลู่วูจิขอเข้าพบ เขาโยนถ้วยชาลงและโวยวายเสียงดัง "ไอ้หลานโง่ มันมีมันสมองของหมูรึ? มันกล้ามาพบข้าในเวลานี้ได้อย่างไร?
ถึงแม้ว่าเขาจะสาปแช่งอย่างบ้าคลั่ง หลู่วูจิยังคงเป็นหลานชาย และพี่สาวของเขาก็ดูแลเขามาตั้งแต่เขายังเล็กอยู่ เมื่อหลู่วูจิเป็นบุตรชายคนเดียวของพี่สาวของเขา เขาถือว่าหลู่วูจิเป็นเหมือนบุตรชายของตัวเอง
"ท่านลุง ท่านต้องดำเนินการกับนามของหลานชาย ในนามของแม่สุดที่รักของข้าที่ตายไป!" หลู่วูจิเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับลุงหยางเซาของเขา และรู้ว่าถ้าเขาร้องไห้ ไม่ว่าหัวใจของลุงของเขาจะแข็งแค่ไหน เขาก็จะใจอ่อนในที่สุด
เขาใช้วิธีนี้หลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาในช่วงเวลาที่สำคัญและได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์เสมอ
ที่จริงหยางเซาเต็มไปด้วยไฟแห่งความโกรธ แต่มันก็เหือดหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อได้เห็นหลู่วูจิใช้วิธีนี้
หลานชายของเขามีรูปลักษณ์คล้ายคลึงกับพี่สาวของเขามาก
"อ๋อ วูจิ เจ้าไม่ควรกลับมาที่นี่อีกแล้ว"
"ทำไม?" หลู่วูจิตกใจมาก เขาไม่เคยคิดว่าลุงของเขาซึ่งมักจะใจอ่อน จะพูดถ้อยคำหดหู่เช่นนี้ในวันนี้
"เจ้าบิดเบือนคดี แม้ว่าพวกเขาจะตั้งเพียงข้อหาละเลยหน้าที่ เจ้าควรอยู่ที่สำนักงานใหญ่ของหน่วยเขี้ยวมังกรและรอการตรวจสอบจากเบื้องบน แต่เจ้ากลับโผล่หัวมาที่นี่ บอกข้ามาสิว่า คนอื่นจะคิดยังไงกับเรื่องนี้? เจ้าเป็นหลานชายของข้า แต่เจ้าได้รับการยกเว้นเมื่อทำผิดงั้นรึ? "
หลู่วูจิไม่ใช่คนโง่ เขาเข้าใจถึงสิ่งที่หยางเซาหมายถึงทันที
แม้ว่าจะไม่มีปัญหามากมายกับข้อหากละเลยหน้าที่ เขาก็ยังต้องผ่านขั้นตอนตรวจสอบ การหนีกลับบ้านจะทำให้ผู้คนเอาไปซุบซิบกันอย่างไม่ต้องสงสัย – แม้ว่าเขาจะทำผิดพลาด แต่เขาก็จะไม่ถูกลงโทษเพราะเขาเป็นหลานชายของหยางเซา
สัญญาณชนิดนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มันทำให้เขาเสียเปรียบมาก
"ไอ้สัตว์นรกซูคึน ข้าสงสัยว่าทำไมเขาถึงได้ปล่อยข้าไปง่าย ๆ ?. เขากำลังขุดรูให้ข้า! "
หลู่วูจิยังมีมันสมองอยู่บ้างและเขาก็มาที่นี่เพื่อยั่วยุลุงของเขา
หยางเซาทั้งเสียใจและโกรธมากเมื่อได้เห็นท่าทางของหลู่วูจิ "งั้นเจ้าก็ไม่ได้โง่ซะทีเดียว"
"แล้วยังไงอีกล่ะ?" หลู่วูจิอารมณ์เสียมากเมื่อเขารู้ว่าโดนซูคึนหลอก
"มันยากที่จะพูด ลุงและหลานต้องแสดงละคร เราต้องแสร้งทำเป็นเศร้าและเสียใจ " หยางเซาโยนเชือกและหนามสองก้าน "ถอดเสื้อผ้าของเจ้าออกและมัดตัวเองซะ ข้าจะพาเจ้าไปหาจอมทัพเอง ท่านจอมทัพเป็นคนใจอ่อน ข้าหวังว่าข้าสามารถระงับความโกรธของเขาได้ด้วยการทำเช่นนี้ได้ "
การที่เต็มใจรับการลงโทษถึงแม้มันจะดูเป็นแผนเดิม ๆ แต่เป็นวิธีที่มีประโยชน์มากที่สุดเพื่อกู้สถานการณ์ในขณะนี้
"ท่านลุง ภูมิหลังของเจี้ยงเฉินมันเป็นยังไงกัน? ท่านได้รับข่าวคราวบ้างหรือไม่? ทำไมจอมทัพถึงออกหน้าแทนคนไร้ค่าอย่างมัน? " หลู่วูจิยังคงรู้สึกข้องใจกับเรื่องนี้ เขารู้สึกว่าเขาโดนปั่นหัวซึ่งเขากำลังสับสนมากที่สุดในครั้งนี้
"ข้ายังไม่ได้รับข่าวสารเกี่ยวกับรายละเอียดของสถานการณ์เลยเหมือนกัน ข้าเพียงได้รู้จากข่าวลับ ๆ ว่า ไม่เพียงท่านจอมทัพที่ดุเดือดไปกับเรื่องนี้แต่อาวุโสซูและอาวุโสฉีก็มีส่วนด้วยเช่นกัน "
"มันเป็นไปได้มั้ยที่พวกเขากำลังรวมตัวกันต่อต้านท่าน?" หลู่วูจิคิดถึงทฤษฎีสมคบคิดก่อน
“เป็นไปไม่ได้ หยางเซาส่ายหัว "อาวุโสซูมีความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นมิตรกับข้า ข้าเข้าใจดี แต่อาวุโสฉี เขาคงจะไม่ตั้งใจทำร้ายข้า ไม่ต้องมาตั้งคำถามมากมาย เรื่องนี้ไม่ควรล่าช้า ข้าจะลากเจ้าไปยืนต่อหน้าจอมทัพ"
หยางเซาเป็นคนที่มักใหญ่ใฝ่สูงที่มีพรสวรรค์ในการเล่นเกมจิตวิทยา เขาจึงถูกแต่งตั้งเป็นรองจอมทัพ เขาเป็นบุคคลลำดับสามในหน่วยเขี้ยวมังกรและมีอำนาจในการแต่งตั้งและถอดถอน
แน่นอน เมื่อหยางเซาปรากฏตัวที่ประตูหน่วยเขี้ยวมังกรพร้อมกับหลู่วูจิที่ถูกมัดมือมัดเท้า เขาสาปแช่งหลู่วูจิอย่างบ้าคลั่งในขณะที่ลากตัวเขาตามหลังไป
"นั่นคือรองจอมทัพหยาง เขาทนไม่ได้แม้กระทั่งเมื่อหลู่วูจิทำผิดพลาดและได้นำตัวเขามาที่นี่ด้วยตัวเอง น่าชื่นชมที่เขาลงโทษเครือญาติของตัวเองในนามของความยุติธรรม! "
"เมื่อองค์ชายทำผิด การลงโทษของเขาก็เหมือนกับสามัญชน ดูเหมือนหลู่วูจิจะประสบภัยพิบัติครั้งใหญ่คราวนี้ รองจอมทัพหยางจะไม่ปกป้องเขาอย่างแน่นอน "
"ใช่แน่นอน รองจอมทัพหยางมีเป้าหมายและเป็นกลาง เขาจะแสดงความลำเอียงได้อย่างไร?.
ความคิดเห็นเหล่านี้ทำให้ภายในของหยางเซาพุ่งพล่าน มันยืนยันได้ว่าเขาต้องทำสิ่งที่ถูกต้อง
"ท่านจอมทัพ ข้า หยางเซากลัวมากและข้าได้จับสัตว์ตัวนี้ไว้เพื่อรอคอยการตัดสินของท่าน!"
เมื่อเขาเห็นจอมทัพเช็นกังยี่ หยางเซาก็เตะก้นของหลู่วูจิและกรีดร้องว่า "เจ้าสัตว์โง่ ทำไมเจ้าถึงไม่นั่งคุกเข่าและขอร้องให้ท่านจอมทัพอภัยให้เจ้า?"
ถึงหลู่วูจิจะโง่เขลาเพียงใด แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะลุกขึ้นสู้ต่อหน้าผู้มีอำนาจอย่างหลู่วูจิ เขากล่าวด้วยความเคารพและเกรงกลัวว่า "ท่านจอมทัพ ข้าเป็นเด็กและไม่รู้เรื่องราว ข้าไม่มีประสบการณ์ในการจัดการคดี เรื่องนี้ทำให้ข้าต้องทำผิดพลาดในการตัดสินใจที่ลำเอียงในคดีนี้ ข้ายินดีที่จะรับโทษจากท่านจอมทัพ "
คำพูดเหล่านี้ค่อนข้างฉลาดแกมโกง เขาทำให้ตัวเองรอดพ้นจากการใส่ร้ายเจี้ยงเฉินและใช้เรื่องไร้สาระเช่นว่า "เขายังเป็นเด็กและไม่รู้เรื่องราว ขาดประสบการณ์ในการจัดการคดี" เพื่อกลบเกลื่อนเรื่องนี้
จากนั้นเขาก็กล่าวบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับความเต็มใจที่จะยอมรับการลงโทษจากท่านจอมทัพซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ลื่นไหลมาก เขาควรจะได้รับการตรวจสอบจากฝ่ายวินัยของหน่วยเขี้ยวมังกรและยอมรับการตัดสินของกองทัพ
ถ้าจอมทัพสั่งให้ลงโทษเขา นั่นหมายความว่าเขาจะไม่ต้องรับการลงโทษของกองทัพ
หยางเซาพูดด้วยความทุกข์ทรมาน "ท่านจอมทัพ เป็นเพราะข้ายุ่งมาก ข้าจึงไม่มีเวลาอบรมเด็กคนนี้ เขาได้กระทำความผิดอย่างร้ายแรงครั้งนี้ หากว่าท่านต้องการถอดถอนเขาออกจากตำแหน่งหรือลงโทษเขา ข้าหยางเซา จะไม่แก้ต่างแทนเขา "
ถ้าเป็นเวลาอื่น เช็นกังยี่จะโบกมือด้วยรอยยิ้ม
อย่างไรก็ตาม หยางเซาพบว่าตอนนี้มีบางสิ่งที่แตกต่างออกไป เช็นกังยี่ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เขาไม่ได้แสดงความคิดเห็นและไม่ได้เสนอการลงโทษ เขาไม่มองหลู่วูจิด้วยซ้ำ
สถานการณ์แปลกประหลาดนี้ทำให้หัวใจของหยางเซาพังทลายลง ความรู้สึกไม่สบายใจเริ่มกระจายออกไปภายในหัวใจของเขา
ในขณะนี้ มีคนอีก 2 คนเดินเข้ามาทางประตู พวกเขาคือซูคึนและฉีเทียนนาน
ซูคึนมีสีหน้าที่วุ่นวายขณะที่เขามองไปยังหยางเซาและหลู่วูจิที่ถูกมัดมือมัดเท้า เขาเดินผ่านพวกเขาพลางแสยะยิ้ม
สำหรับฉีเทียนนาน เขาส่ายหน้าอย่างมึนงงและไม่กล้าสบตาหยางเซา เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการพูดคุยกับหยางเซามากนัก
สถานการณ์แบบนี้ทำให้หยางเซารู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น
ปฏิกิริยาของซูคึนเป็นไปตามคาดเนื่องจากเขาเป็นคู่แข่งเก่า แต่การที่ฉีเทียนนานตั้งใจหลบหน้าเขานั้นมีความหมายมาก
เป็นไปได้หรือไม่ที่มันจะมีอะไรมากกว่านี้?
เช็นกังยี่ถอนหายใจเบา ๆ "รองจอมทัพหยาง ปัญหาที่สำคัญที่สุดตอนนี้ไม่ใช่วิธีจัดการกับหลานชายของเจ้า แต่จะบรรเทาความโกรธจากทุกฝ่ายได้อย่างไร"
"ท่านหมายความว่ายังไง?" หยางเซามืดแปดด้านอยู่ชั่วขณะ แม้ว่าหน่วยเขี้ยวมังกรได้บิดเบือนคดี นั่นเป็นเรื่องภายใน แล้วคนอื่นจะมาโกรธอะไร?
"ดูเหมือนว่าหลานชายของท่านยังไม่ได้บอกท่านทุกอย่าง?" ซูคึนยิ้มอย่างเย็นชา
"เจ้าหมูสกปรก เจ้าปิดบังอะไรอีก?" หยางเซาเสียหน้าและเตะหลู่วูจิ เขาโกรธจริง ๆ ในตอนนี้และไม่ได้เตะหลอก ๆ หลู่วูจิกลิ้งไปบนพื้นด้วยความเจ็บปวด
เช็นกังยี่ขมวดคิ้ว "เนื่องจากท่านไม่ทราบ รองจอมทัพฉีช่วยเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้รองจอมทัพหยางฟังที คนที่ผูกกระดิ่งไว้จำเป็นต้องเป็นคนแก้กระดิ่งเอง และทั้งสองคนต้องแก้ไขปัญหานี้ "
ฉีเทียนนานพยักหน้า "นี่เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ... "
ฉีเทียนนานได้กล่าวถึงรายละเอียดของเรื่องนี้อีกครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับผู้อาวุโสหนิงและชีเซี่ยวหยาว
เมื่อเขาเล่าไปถึงเหตุการณ์ของผู้อาวุโสเฟยจากหุบเขาชิงหยาง เขารีบกลบเกลื่อนเรื่องนี้โดยเร็วที่สุดเนื่องจากการพิจารณาใบหน้าของจอมทัพเช็นกังยี่
ใบหน้าของหยางเซาเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ และเขาต้องการที่จะร้องไห้แต่ไร้ซึ่งน้ำตา เขารู้ว่าหลานชายของเขาอาจก่อให้เกิดปัญหา แต่คราวนี้มันมากเกินไป
นี่เป็นภัยพิบัติรุนแรงที่จะทำให้หน่วยเขี้ยวมังกรต้องหงายหลังลงบนถ่านร้อน!