spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
เฉียวไป่ชี่คิดขึ้นมาได้,เขาสำรวมตัวก่อนที่จะรีบเดินผลักประตูเข้าไป สิ่งแรกที่ทักทายเขาคือกลิ่นหอมที่ทำให้หัวใจของเขามีความสุขและทำให้จิตใจของเขาสดชื่นขึ้น ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังหลงเข้าไปในห้องแต่งตัวของสุภาพสตรี
เขายกศีรษะขึ้นเพื่อดูห้องที่จัดไว้อย่างดี มันคล้ายกับห้องของสาวโสดที่มาจากครอบครัวที่ได้รับการเลี้ยงดูและนับถือ มีหลายอย่างที่บ่งบอกถึงความขี้เล่นมีเสน่ห์ของสาวน้อยท่ามกลางความมั่งคั่งอันหรูหรา
ถ้าเขาไม่ได้เห็นมันด้วยสายตาของตัวเอง เฉียวไป่ชี่คงยากที่จะเชื่อว่านี่เป็นห้องของผู้อาวุโสหญิงวัยกลางคน
"เฉียวไป่ชี่รึ? ฮะฮะ มันเป็นไปได้หรือไม่ที่ข้ารู้เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกนี้เมื่อเร็ว ๆ นี้? เมื่อใดกันที่อาณาจักรนภาจันทร์ของเรามีอัจฉริยะหนุ่มคนหนึ่งที่หล่อที่สุดในโลกของโอสถ? "
เฉียวไป่ชี่อายุสามสิบกว่า ๆ และไม่ใช่เรื่องที่เกินจริงมากนักที่บอกว่าเขาเป็นหนุ่มอัจฉริยะที่หล่อเหลา
เฉียวไป่ชี่กุมมือตัวเองและหัวเราะ "การสรรเสริญของท่านสูงจนเกินไปขอรับ ท่านอาวุโสหนิงต่างหากที่มีความงดงามอย่างธรรมชาติและมีชื่อเสียงอันน่าอัศจรรย์ของตำนานแห่งความอ่อนเยาว์ ถึงแม้ว่าข้าจะอาศัยอยู่ในอาณาจักรตะวันออกตลอดมา แต่ข้าก็ได้ยินคำเล่าลือเกี่ยวกับท่านมานานแล้ว "
ที่เรียกกันว่า "ตำนานแห่งความอ่อนเยาว์" แน่นอนว่าเป็นการเยินยอ.
แต่ทั้งสองคำนี้มีรสนิยมและสิ่งใหม่ มันแตกต่างจากคำเยินยอปกติ.
เมื่อผู้อาวุโสหนิงได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้ว นางก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งและส่งรอยยิ้มที่เหมือนฤดูใบไม้ผลิเบ่งบานบนใบหน้าซึ่งอายุไม่สามารถแยกแยะได้
"ตำนานแห่งความอ่อนเยาว์? ใครกันที่พูดอย่างนั้น? ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน? " ดวงตาอันประณีตของผู้อาวุโสหนิงเต้น แสงกระเพื่อมผ่านดวงตาที่เย้ายวนใจของนางราวกับว่าน้ำจะไหลออกในเวลาใดก็ได้
"เอ๋ ? ผู้อาวุโสหนิงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนหรือ.? แต่ท่านผู้อาวุโสท่านเป็นปราชญ์ ไม่แยแสต่อความมั่งคั่งและชื่อเสียง ห่างไกลจากความคิดเห็นของสาธารณชน ท่านไม่สนใจเกี่ยวกับชื่อเสียงของท่านในโลกภายนอกอีกต่อไป"
คลื่นแห่งความเย้ายวนใจก็พัดมาอีกครั้งและผู้อาวุโสหนิงก็มิอาจปกปิดรอยยิ้มบนใบหน้าของนางได้
"ฮะฮะฮะ ... " ผู้อาวุโสหนิงยิ้ม "เฉียวไป่ชี่ ใช่หรือไม่? เจ้าเป็นคนที่น่าสนใจอย่างแท้จริง เมื่อสักครู่เจ้าบอกว่าเจ้ามาจากอาณาจักรตะวันออกใช่หรือไม่? "
“ใช่ขอรับ.”
"อาณาจักรตะวันออกอยู่ไกลจากที่นี่ อะไรทำให้ท่านมาไกลถึงอาณาจักรนภาจันทร์?"
"ท่านจะเชื่อข้าหรือไม่ถ้าข้าบอกว่าข้าถูกดึงดูดโดยชื่อเสียงของท่าน? ท่านอาจไม่ทราบว่าในวงการอันสูงส่งของอาณาจักรตะวันออก เราทุกคนชื่นชมรูปวาดส่วนตัวของท่าน กลุ่มชนชั้นสูงมีความภาคภูมิใจในการรวบรวมภาพวาดของท่าน แม้ว่าข้าต้องการเก็บสะสมมันไว้แต่โชคร้ายที่เงินของข้ามีจำกัด และข้าไม่มีทางแข่งขันกับขุนนางชั้นสูงเหล่านั้นได้ ข้ารู้สึกเสียใจอย่างแท้จริงภายในใจ แต่ตอนนี้ที่ข้าได้รับการต้อนรับจากท่านเป็นการส่วนตัว เมื่อข้ากลับไปในเวลานี้ข้าคงมีเรื่องคุยอวดอีกมากมาย"
เฉียวไป่ชี่เกาศีรษะของเขาค่อนข้าง "สุจริตใจ" เมื่อเขาพูดถึงเรื่องนี้และหัวเราะอย่างงุ่มง่าม
ผู้หญิงไม่ควรฟังคำโกหกของผู้ชาย การโกหกของเฉียวไป่ชี่ได้มาถึงระดับเกินกว่าความจริง ทำให้ผู้อาวุโสหนิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อคำพูดของเขา
ผู้อาวุโสหนิงหมกมุ่นอยู่กับความงามและหลงใหลในตัวเอง เสริมด้วยความจริงที่ว่านางมีความงามที่ต่างไปและมีพรสวรรค์ในการแต่งตัวให้ตัวเอง นางดูเหมือนกับหญิงอายุ 20 ปีแม้ว่าความจริงแล้วนางมีอายุมากกว่า 40 ปีด้วยซ้ำ
นี่คือสิ่งที่นางมักจะภาคภูมิใจ
นางอยากมีใบหน้าที่เต่งตึงดั่งสาวแรกรุ่นและนางอยากจะรู้ว่าชายต่างถิ่นคนนี้มาเพื่ออะไร แต่ตอนนี้เฉียวไป่ชี่ได้พูดจายกยอปอปั้นนาง พื่อวกับำจะไหลออกในเวลาใดก็ได้.จนทำให้นางหัวเราะคิกคักจนนางไม่สามารถสงวนทีท่าไว้ได้แม้ว่านางจะพยายามก็ตาม
นางพยายามทำหน้าครึมและยืดอกขึ้นมา "อืม เฉียวไป่ชี่ ข้ายอมรับว่าข้าเริ่มชื่นชมเจ้า เจ้าบอกว่าเจ้ามาที่นี่ในนามของหอสมปรารถนาใช่หรือไม่? "
“ใช่ขอรับ ” เฉียวไป่ชี่ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนี้เลย "ข้ามายังที่นี่เพื่อให้ผู้อาวุโสหนิงสมปรารถนา"
"อะไรรึ?" ผู้อาวุโสหนิงพบว่ายากที่นางจะสงบเสงี่ยม นางรีบลุกขึ้นยืนโดยที่ไม่ได้สวมรองเท้า "เจ้าสามารถทำให้ปรารถนาของข้าเป็นจริงงั้นรึ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าต้องการอะไร? "
“แน่นอนขอรับ! ท่านต้องการที่จะหยุดความสาวเอาไว้และรักษารูปโฉมสำหรับ 30 ปีถัดไป. "
"เจ้า ... เจ้ามีวิธีการทำแบบนั้นจริง ๆ หรือ?" ดวงตาของผู้อาวุโสหนิงเปิดกว้างขึ้นนางกำลังมีความหวังอันแรงกล้า นางกระตือรือร้นที่จะได้รับความช่วยเหลือและกังวลว่านางจะสูญเสียมันไป นางกลัวว่ากลัวเฉียวไป่ชี่จะให้คำตอบเชิงลบ
"ถ้าข้าไม่สามารถทำได้ ข้าจะกล้าขอพบท่านกระนั้นหรือ?" เฉียวไป่ชี่ยิ้ม
"แต่ ทำไมข้า?"
เฉียวไป่ชี่ทำท่าทีอธิบาย "มีไม่มากว่าทำไมและอย่างไร มีคำกล่าวในอาณาจักรตะวันออกของเราว่าผู้หญิงมีหน้าที่ในการเติมแต่งตัวเองให้งามดั่งดอกไม้ที่บานสะพรั่ง ในขณะที่ผู้ชายมีหน้าที่รับผิดชอบในการหารายได้และสนับสนุนครอบครัว ผู้หญิงมีความสวยงามและการแสวงหาความงามเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติและความรับผิดชอบของพวกนาง ส่วนผู้ชายสวรรค์ส่งงานของการคิดวิธีการต่าง ๆ เพื่อปกป้องความงามของผู้หญิง "
"ฮ่าฮ่า ! " ผู้อาวุโสหนิงไม่เคยได้ยินคำพูดที่เย้ายวนเช่นนี้มาก่อน นางรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งดั่งกับดอกไม้ผลิบานในใจของนาง ในเวลาเดียวกันนางยังอยากรู้เรื่องของเฉียวไป่ชี่ด้วยเช่นกัน นางแกล้งพูดด้วยความขวยเขินว่า "อย่าหยอกล้อข้าเกินจริงเช่นนั้นราวกับว่าเราเป็นสามีภรรยากัน"
"ฮ่าฮ่า ข้าพูดผิดไปงั้นรึ มันคือความใฝ่ฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชายทุกคนบนยุทธ์ภพที่จะทำให้ผู้อาวุโสหนิงสมปรารถนา?
ผู้อาวุโสหนิงรู้สึกขบขันกับคำพูดเหล่านี้ นางไม่สามารถหยุดยิ้มและหัวเราะได้ นางได้ละทิ้งภาพลักษณ์ของหญิงที่เคร่งขรึม นางมีความสุขมากจนแทบจะกระโดดโลดเต้น
"ฮืมม. เฉียวไป่ชี่ ข้าตระหนักดีว่าข้าชื่นชมเจ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ข้าตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าเจ้าจะช่วยข้าสำเร็จหรือไม่ก็ตาม ข้าจะจ้างเจ้าให้เป็นผู้ช่วยของข้า และข้าจะช่วยให้เจ้าได้รับตำแหน่งขุนนางขั้นที่ 5 อย่างสุดความสามารถ เจ้าเป็นคนที่น่าสนใจมาก! "
ผู้อาวุโสหนิงได้ให้สัญญาว่าจะมอบตำแหน่งขุนนางขั้นที่ 6 และพร้อมกับการเป็นศิษย์ส่วนตัวของนางลงบนม้วนความปรารถนา
แต่ตอนนี้ตำแหน่งของผู้ติดตามได้กลายเป็นผู้ช่วยและขุนนางขั้นที่ 6 ได้ถูกเพิ่มขึ้นไปเป็นขุนนางขั้นที่ 5 เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสหนิงปลาบปลื้มในคำหวานของเฉียวไป่ชี่อย่างมาก
เฉียวไป่ชี่ใช้ทุกวินาทีอย่างคุ้มค่า เขาถอนหายใจ "ผู้อาวุโสหนิง พูดกันตามตรง โอกาสที่จะประสบความสำเร็จของเรื่องนี้นั้นมีเต็มสิบส่วน แต่ข้ามีพันธมิตรทางธุรกิจที่ทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ตอนนี้ข้ามีสูตรโอสถเม็ดอยู่ในมือสำหรับการรักษารูปลักษณ์ที่อ่อนเยาว์ให้มีนามว่า โอสถวารีนิรันดร์ 4 ฤดู แต่ก็ยังขาดส่วนผสมหลักนิดหน่อย "
"สถานการณ์ยากลำบากอะไรรึ?" ผู้อาวุโสหนิงรู้สึกตื่นตระหนกเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้
"เรื่่องมีอยู่ว่า สหายของข้าได้สูตรมานี้โดยบังเอิญ เขาให้สูตรแก่ข้าแต่ไม่ได้ให้ส่วนผสมสุดท้าย เขากำลังรอให้ข้าจ่ายเงินก่อนที่จะให้ส่วนผสมสุดท้าย "
"เงินไม่ใช่ปัญหา เขาเรียกเก็บเท่าไหร่กัน? " ผู้อาวุโสหนิงไม่ได้ขาดแคลนด้านการเงิน
"ข้าได้เตรียมเงินจนครบแล้ว แต่ตอนนี้เขาถูกจับด้วยเรื่องที่ดูยุ่งยากมากที่จะจัดการได้" เฉียวไป่ชี่กล่าวด้วยอาการซึมเศร้า
เขาตั้งใจจะใช้เส้นทางที่วุ่นวายนี้เพื่อทำให้ผู้อาวุโสหนิงหงุดหงิด ทำให้นางอยากรู้อยากเห็น ทำให้นางรู้สึกคันแต่ไม่สามารถเกาได้ และทำให้นางเอ่ยปากถามขึ้นมาเอง
"มันเกิดอะไรขึ้น?" ผู้อาวุโสหนิงเริ่มคลั่ง "ข้ามีเครือข่ายมากมายภายในราชอาณาจักรนภาจันทร์ มันเป็นเรื่องใหญ่ขนาดไหนเชียวที่วิหารทักษิณครามสวรรค์ของข้าไม่สามารถจัดการได้? "
"เขาฆ่าใครบางคน"
"เขาฆ่าคน เรื่องแค่นี้เองรึ? ข้าจะส่งคนไปพาเขาออกมาทันที หน่วยเขี้ยวมังกรจับตัวเขาไว้ใช่มั้ย? " ผู้อาวุโสหนิงค่อนข้างตรงไปตรงมา
"เขาฆ่าโจร."
"โจรงั้นรึ? การฆ่าคนร้ายกลายเป็นอาชญากรรมได้อย่างไรกัน? หน่วยเขี้ยวมังกรไม่รู้วิธีการจัดการคดีแล้วรึยังไง? "
"สิ่งสำคัญมันอยู่ที่โจรที่เขาฆ่ามีภูมิหลังที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง" เฉียวไป่ชี่ยังคงลากเรื่องต่อ
"ภูมิหลังที่แข็งแกร่งรึ? มันจะมีภูมิหลังอะไรที่แข็งแกร่งไปกว่าวิหารทักษิณครามสวรรค์? " ผู้อาวุโสหนิงพ่นลมทางจมูกและรู้สึกไม่พอใจ.
เฉียวไป่ชี่ถอนหายใจ "ข้าขอพูดตามตรงเลยละกัน เขาฆ่าศิษย์ของวิหารอุดรครามสวรรค์"
"วิหารอุดรครามสวรรค์รึ?" ผู้อาวุโสหนิงร้องตะโกนเบา ๆ และพยักหน้าอย่างหนักใจ "ตอนนี้ข้าเชื่อเจ้าแล้วล่ะ วิหารอุดรครามสวรรค์ชอบทำตัวเป็นเหมือนโจรชั่วร้ายอยู่เสมอ "
"เอ๋ ข้าได้ยินมาว่าวิหารอุดรครามสวรรค์กดดันหน่วยเขี้ยวมังกรอย่างหนักในการตัดสินคดีนี้จากเรื่องของการป้องกันตัวเองให้กลายเป็นการฆาตกรรมคนบนถนน ดูเหมือนว่าพวกเขาได้ส่งข้อความข่มขู่เพื่อไม่ให้ใครหน้าไหนต่อต้านพวกเขาในประเด็นนี้ ไม่ว่าคนที่ออกมาปกป้องจะมีอิทธิพลในการสั่งการมากเพียงใดก็ตาม "
"ช่างเห็นแก่ตัวเสียจริง!" ผู้อาวุโสหนิงดื่มเหล้าที่เฉียวไป่ชี่ยกให้ไปหลายจอก นางจะคิดได้อย่างไรว่าความหมายของสิ่งที่เฉียวไป่ชี่พูดคือการนำนางไปสู่ข้อสรุปบางอย่างและแม้กระทั่งการกระตุ้นความโกรธของนางอย่างตั้งใจ?
"ข้าต้องการจะดูว่าเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร นี่เป็นดินแดนของตระกูลเย่และอาณาเขตของอาณาจักรนภาจันทร์ วิหารอุดรครามสวรรค์วิ่งอาละวาดในภาคตะวันตกของราชอาณาจักร พวกเขาพยายามที่จะปกปิดท้องฟ้าในเมืองหลวงด้วยมือข้างหนึ่งอย่างนั้นรึ?
"เฉียวไป่ชี่,ข้าจะเขียนสาสน์ให้เจ้า ให้นำไปที่หน่วยเขี้ยวมังกรและให้พวกเขาจัดการคดีให้เป็นกลาง "
ผู้อาวุโสหนิงเป็นผู้สูงอายุที่มีอำนาจที่แท้จริงภายในวิหารทักษิณครามสวรรค์ นางมีตำแหน่งที่สูงและมีอิทธิพลมาก นางอยู่ในอันดับที่ต่ำกว่าคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น คำพูดของนางมีอำนาจอันยิ่งใหญ่ในวิหารทักษิณครามสวรรค์ และนางก็เป็นคนที่โดดเด่นมีชื่อเสียงในราชอาณาจักรนภาจันทร์
สาสน์นของนางมีความสำคัญไม่ต่างจากขุนนางและเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจที่ศาล
เฉียวไป่ชี่รู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ว่า "ทุกอย่างจะเป็นเรื่องง่ายด้วยสาสน์ส่วนตัวของผู้อาวุโส นี่คือสูตรที่ข้าได้รับ ข้าเสนอให้ท่านได้ตรวจสอบมันก่อน เมื่อสหายของข้าได้รับการปล่อยตัวและเมื่อสูตรถูกรวมเข้ากับส่วนผสมสุดท้าย โอสถวารี 4 ฤดูจะบรรลุผล! "
ผู้อาวุโสหนิงยอมรับสูตรนี้อย่างมีความสุข ความประทับใจในตัวเฉียวไป่ชี่เพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง นางคิดว่าเฉียวไป่ชี่มีเหตุผลที่สมเหตุสมผลเนื่องจากเขาไม่ได้พยายามซ่อนหรือระงับสูตรไว้ ใครจะคิดว่าผู้ชายที่มาจากเมืองเล็ก ๆ เช่น อาณาจักรตะวันออกจะมีอิทธิพลมากกว่าผู้ชายในอาณาจักรนภาจันทร์.
…
เมืองหลวง ภายในวิหารหมื่นสมบัติ
มี 2 คนที่มีอำนาจอยู่ในวิหารหมื่นสมบัติ – หนึ่งในนั้นคือประมุข ซิวหยานและอีกคนหนึ่งคือรองประมุขชีเซี่ยวหยาว
ในขณะนี้ รองประมุขชีเซี่ยวหยาวกำลังนั่งอยู่ในสนามพักผ่อนและดื่มด่ำกับสุรารสชุ่มฉ่ำ
เวลานี้ทุก ๆ วันเป็นช่วงที่เขามักมีความสุขไปกับสุราชั้นดี เขายังคงนิสัยนี้ไว้นานหลายสิบปี ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เขายังคงต้องดื่มสุราแม้ว่าท้องฟ้าจะถล่มลงมา
เขาดื่มเหล้าองุ่นจนหยดสุดท้าย วางมันลงและเลียลิ้นและริมฝีปาก เขาถอนหายใจและกล่าวว่า "เหล้าชั้นดีต้องทำแบบนี้ แต่ก็น่าเสียดายที่แม้ว่าจะมีสุราชั้นดีอยู่มากมายมันก็มีดีแค่ที่รสชาติ สุราชั้นเลิศที่ทำให้หัวใจและวิญญาณของนักดื่มโหยหานั้นมันช่างยากที่จะพบเจอเช่นเดียวกับขนนกฟีนิกซ์และเขาของยูนิคอร์น ช่างน่าเสียดาย ... น่าเสียดาย ... เมื่อใดกันที่ข้าจะได้ลิ้มรสสุราน้ำค้างเก้าแดนสรวงอีกครั้ง? "
เหมือนมลทินในสิ่งที่สมบูรณ์แบบ รองประมุขชีเรอออกมาด้วยความเมา ชีวิตแบบนี้เป็นที่น่าพอใจและสนุกสนานกับเขามากที่สุด
เห็นได้ชัดว่าในที่สุดเขาก็ดื่มเหล้าองุ่นจนหมด ผู้ติดตามเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง "นายท่าน มีศิษย์คนหนึ่งที่มีนามว่าเฟิงหยางรออยู่ข้างนอก ขออนุญาตที่จะพบท่าน เขารอประมาณครึ่งชั่วยามแล้ว เมื่อได้ยินว่าท่านกำลังจิบสุราอยู่ข้างใน "
"เฟิงหยาง?" รองประมุขชีค่อยหลับตาลง เขาดูเหมือนจะจำได้ว่ามีศิษย์ชื่อนี้อยู่ในวิหารหมื่นสมบัติ
วิหารหมื่นสมบัติมีศิษย์นับพันนับหมื่นคน ชีเซี่ยวหยาวจำได้เพียงชื่อของตัวเองเท่านั้น
"เจ้าคิดว่าข้ามีเวลามากนักหรือไง? มากพอให้แม้แต่ศิษย์สามัญสามารถเข้ามาขอพบงั้นรึ? ชีเซี่ยวหยาวนั้นหยิ่งยโสและเขายังถือตัวมากกว่าผู้อาวุโสหนิง
"ไม่ใช่ขอรับ ข้าน้อยยังบอกเขาด้วยว่าสถานะอย่างเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะขอเข้าพบท่านโดยตรง แต่ไม่ว่าข้าจะพูดอะไรก็ตาม ชายคนนี้ก็ไม่ยอมกลับไป ดูเหมือนเขาจะกังวลมากจากการปรากฏตัวของเขา "
"วิหารหมื่นสมบัติรับศิษย์ที่ไม่เข้าใจกฎนี้เข้ามาได้ยังไงกัน? " ชีเซี่ยวหยาวแสดงออกด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ
"เขาบอกว่าเขากล้ามาขอพบเพราะเรื่องของหอคอยสมปรารถนา" ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องตอบอย่างตรงไปตรงมา
"เจ้าพูดว่าอะไร? หอคอยสมปรารถนางั้นรึ? " ชีเซี่ยวหยาวซึ่งตอนแรกดูเซื่องซึมก็ฟื้นขึ้นมาและเลือดสูบฉีด ร่างกายของเขาแตกตื่นเหมือนน้ำพุที่พุ่งออกมา "เขาอยู่ที่ไหนล่ะ? เร็วเข้า,ไปนำตัวเขามา พวกเจ้ามัวทำบ้าอะไรอยู่ ทำไมไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้? "