หน้าแรก > ราชันสามภพ
ตอนที่ 146 ไม่เพียงแค่หมัด,แต่มันคือหมัดพิฆาต

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

แม้ว่าคนแซ่กวงเคยแสดงท่าทางที่เป็นอันตรายต่อภรรยาของเทียนหลง เมื่อได้ประจันหน้ากับเจี้ยงเฉิน เขากลับดูไม่โหดเหี้ยมแม้แต่น้อย คนแซ่กวงเกือบตายถึงสองคราภายใต้น้ำมือของเจี้ยงเฉิน

คราแรกเนื่องจากเจี้ยงเฉินมิต้องการที่จะสร้างศัตรูและไม่ได้ทำการโจมตีที่ร้ายแรงใดใดเพราะเขามีความปรารถนาที่จะแจ้งเตือนเพียงอย่างเดียว.

คราที่สอง เจี้ยงเฉินหมายใจให้คนแซ่กวงตาย แต่ภายหลังเขากลับได้รับการช่วยเหลือจากศิษย์พี่ของเขาอี้เฉียนสุ่ย.

เขาไม่ตายในเหตุอาภัพ แต่คนแซ่กวงยังได้ลืมเรื่องนี้ไปไม่กี่วันต่อมา แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่าเขาจะวิ่งเข้าหาเจี้ยงเฉินอีกครั้งในวันนี้?

"หลบไปให้พ้นทาง! " คนแซ่กวงคำราม. "เจ้าเด็กโง่ เจ้าได้ล่วงเกินศิษย์พี่หลิว,และเขาก็อยู่ในเมืองหลวงด้วยตอนนี้. หากเจ้าตระหนักถึงสถานการณ์ที่กำลังจะเกิด เจ้ายังพอมีเวลาที่จะไสหัวออกไปจากที่นี่. "

"ส่งสิ่งที่เจ้ายึดไปคืนมา" เจี้ยงเฉินพูดกล่าวแผ่วเบา

"ยึดอะไร? "  คนแซ่กวงแสร้งทำตัวโง่งมและถามกลับ

"อย่ามาทำเป็นไขสือ ก็ "พฤกษาทมิฬ" อย่างไรเล่า"

"พฤกษาทมิฬรึ? ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดถึงสิ่งใดกัน! หากเจ้าไม่ออกไปให้พ้นทางของข้า ข้าจะฟ้องร้องเจ้าว่ากำลังทำการโจรกรรม! " คนแซ่กวงแสยะยิ้มอันแสนจะน่ารังเกียจ "นี่คืออาณาเขตของวิหารทักษิณครามสวรรค์ วิหารอุดรครามสวรรค์ของข้ามีลมหายใจเดียวกันกับวิหารทักษิณครามสวรรค์ อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์ร่วมกัน เรารักใคร่ปรองดองกันในฐานะสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวเดียวกัน เจ้าเชื่อไหมว่าแค่ข้าเปล่งเสียงเรียก จะมีสาวกจากวิหารทักษิณครามสวรรค์จำนวนหลายร้อยคนรีบวิ่งออกมาทำร้ายเจ้า? "

คนแซ่กวงมีความชำนาญในการวางมาดใหญ่โตจากอิทธิพลของผู้อื่นได้เป็นอย่างดี. เว้นเสียแต่ว่า เมื่อสักครู่เขาไม่ได้ร่วมอยู่ในพื้นที่การจัดงานนิทรรศการนี้และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น.

"ใช้ลมหายใจเดียวกันและมีความสัมพันธ์ร่วมกันงั้นรึ? รักใคร่ปรองดองเหมือนสมาชิกในครอบครัวเดียวกันงั้นสินะ? " เจี้ยงเฉินหัวเราะอย่างขยะแขยง ถ้าพวกเขารักกันมากเหมือนกับสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน,แล้วทำไมใต้เท้าเป่ยถึงลงอาญาศิษย์จากวิหารอุดรครามสวรรค์จนถึงตายกันเล่า?

"ข้าไม่ต้องการพูดจาเปล่าประโยชน์ไร้สาระ. เจ้าจะคืนพฤกษาทมิฬหรือไม่? "

คนแซ่กวงมองไปที่เจี้ยงเฉินแล้วมองไปที่เด็กสาว พลางคิดว่า "หรือว่าทั้งสองคนนี้รู้จักกันมาก่อน? ไอ้เด็กคนนี้มาจากไหนกันเขาถึงรู้จักกับหญิงสาวซอมซ่อคนนี้? พิจารณาจากรูปลักษณ์ของหญิงสาวคนนี้,นางควรที่จะอยู่ในสลัมกันดาร เด็กคนนี้จะมีพื้นเพมากสักแค่ไหนเชียว? "

เมื่อเขาคิดได้เช่นนี้ ใจของคนแซ่กวงก็เริ่มแข็งกระด้างและมีความมั่นใจขึ้นมา "เจ้าอย่าได้พูดจาสามหาว ข้ามีพฤกษาทมิฬอยู่จริงซึ่งข้าขุดมันมาจากป่าเก่าที่อยู่ลึกเข้าไปในเทือกเขา เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกันที่จะมาบังคับข้าให้มอบมันให้แก่เจ้า? เจ้าต้องการปล้นคนในเมืองหลวงใช่หรือไม่? กฎหมายและระเบียบไม่ได้มีอยู่รึ? "

เมื่อคนน่าสมเพชลอบกัด,ความตายเท่านั้นที่รออยู่เบื้องหน้า.

เขาส่งเสียงร้องออกมาทันทีทันใด" 'จับขโมย' ! "

เจี้ยงเฉินขมวดคิ้ว,แต่เขาก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแทน. "ดี,เจ้าทำได้ดีมาก. ข้ากำลังกังวลเกี่ยวกับข้ออ้างที่จะใช้เพื่อรวบรวมหนี้เก่าของเรา. แต่เจ้ากลับช่วยให้ข้าแก้ปัญหาใหญ่นี้ได้ง่ายมากขึ้น "

"อะไรกัน เจ้ากำลังจะทำอะไร?" สีหน้าของคนแซ่กวงเปลี่ยนไปอย่างมาก.

"ทำอะไรงั้นรึ?”  เจี้ยงเฉินก้าวไปข้างหน้าอย่างขู่เข็ญ. "หยุดคนที่จะปล้นพวกเขา,ถ้าข้าจำไม่ผิด,เจ้าอาจโดนประหารชีวิตได้ทันที? พี่หยาง,กฎระเบียบดังกล่าวมีอยู่ภายในกฎหมายของราชอาณาจักรใช่หรือไม่? "

เฟิงหยางเปิดปากและเขาต้องการพูดเพื่อประนีประนอมแต่เขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างจึงเปลี่ยนใจ. เขาจึงกล่าวไปว่า "กฎระเบียบดังกล่าวมีอยู่ภายในกฎหมายของราชอาณาจักร. ยกเว้น,น้องเจี้ยง ... "

"แล้วเรื่องนี้ก็ง่ายด้วยกฎหมายนี้ "

เจี้ยงเฉินยิ้มอย่างสบายใจในขณะที่เขาเหยียบเท้าทั้งสองข้างออกไป,พร้อมด้วยกำปั้นทั้งซ้ายและขวา,ลอยล่องไปในอากาศ.

หมัดหนึ่งราวกับว่ามีดอกไม้หนึ่งร้อยดอกบานสะพรั่ง,และอีกหมัดหนึ่งราวกับว่าวิญญาณนับหมื่นนอนจำศีลอยู่.

มันเป็นศาสตร์ความลึกลับของทักษะ "หมัดศักดิ์สิทธิ์อันนิรันดร์"

ระดับพลังของคนแซ่กวงนั้นต่ำกว่าเจี้ยงเฉิน เขากำลังกลัวจนหัวหดเพราะตอนนี้เจี้ยงเฉินได้อัดเขาจนติดกำแพง.

คนแซ่กวงไม่มีเวลาที่จะตอบโต้กับทักษะหมัดที่น่าอัศจรรย์เหล่านี้,รู้ตัวอีกทีเขาก็รับหมัดทั้งสองเข้าที่หน้าอกเต็ม ๆ และบินออกด้านหลังเหมือนว่าวที่หลุดลอยจากสายป่าน

เจี้ยงเฉินกระโดดขึ้นและรีบวิ่งไปหาคนแซ่กวง และกำลังจะยื่นมือเข้าไปหยิบพฤกษาทมิฬ.

เสียงตะโกนดังขึ้นจากข้างหลังเขาว่า "หยุดซะ!"

มีเสียงดัง วูช วูช วูช ในวินาทีถัดไป ชายหนุ่ม 6 คนแต่งกายด้วยอาภรณ์สีเหลืองจากหน่วยเขี้ยวมังกรยิงลูกศรคมไปยังที่เกิดเหตุ

หน่วยเขี้ยวมังกรทั้ง 6 คนล้อมรอบเจี้ยงเฉิน

"เจ้าเป็นใครและเจ้าบังอาจกล้าฆ่าคนในเวลากลางวันได้อย่างไร?" หน่วยเขี้ยวมังกรสอบปากคำ.

"ข้าขอตอบพวกท่านว่า,ชายคนนี้กำลังปล้นในตอนกลางวันแสก ๆ และข้าก็จำต้องใช้กำลังเพื่อนำของที่ถูกปล้นไปกลับมา."

"การโจรกรรมในตอนกลางวันแสก ๆ อย่างนั้นรึ? เจ้ามีหลักฐานไหม? "

"พฤกษาทมิฬที่เขานำไป,นั่นคือหลักฐาน. เจ้าของที่แท้จริงของพฤกษาทมิฬก็ยังอยู่ที่นี่,นางเป็นพยานได้ "

"เจ้าเป็นพยานรึ? เจ้าแน่ใจหรือว่าชายผู้นี้ขโมยพฤกษาทมิฬของเจ้าไป? " หน่วยเขี้ยวมังกรชี้ไปทางร่างของคนแซ่กวงและถาม.

ภรรยาของเทียนหลงมองยังเจี้ยงเฉินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกตัญญู,นางกัดริมฝีปากเบานิดหน่อยและพยักหน้าอย่างหนักแน่น "ใช่,นี่คือคนร้ายที่ขโมยพฤกษาทมิฬของข้า"

เนื่องจากมีการฆาตกรรมเกิดขึ้น,รองผู้บัญชาการของหน่วยเขี้ยวมังกรจึงไม่กล้าตัดสินใจอาชญากรรมที่เกิดขึ้นง่าย ๆ ไม่ต้องพูดถึงว่าดวงตาของเขากระตือรือร้นและเขาก็จำได้ว่าจำเลยเป็นศิษย์ของวิหารอุดรครามสวรรค์. เขาไม่อาจจะฟังความข้างเดียวได้.

เขากล่าวทันทีว่า "กรณีที่เกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์แล้วควรได้รับการดูแลอย่างเต็มที่. สิทธิและความผิดพลาดซับซ้อน,และข้าไม่อาจรับฟังเรื่องราวจากฝ่ายของเจ้าฝ่ายเดียว. ข้าคิดว่าเจ้าต้องกลับไปหน่วยเขี้ยวมังกรกับข้าและรอที่นั่นเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของเจ้าจนกว่าจะมีการตรวจสอบเรื่องนี้ทั้งหมด. ถ้าความจริงไม่ได้เป็นดั่งที่เจ้าได้กล่าวแล้ว,การฆ่าคนถือเป็นอาชญากรรมชั่วร้าย. "

เจี้ยงเฉินยิ้ม "ไม่มีปัญหาใด ๆ ที่ท่านจะนำตัวข้าไป,แต่ขอให้ข้าได้พูดอะไรสักไม่กี่คำได้หรือไม่"

เจี้ยงเฉินรู้ดีว่าเมื่อหน่วยเขี้ยวมังกรปรากฏตัวขึ้น เขาก็จะฝ่าฝืนกฎหมายถ้าเขาปฏิเสธที่จะเดินทางไปกับพวกเขาซึ่งจะทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้นไปอีก.

เนื่องจากเขาเพิ่งมาถึงที่นี่,เขาไม่จำเป็นต้องสร้างความวุ่นวายดังกล่าว.

เมื่อหน่วยเขี้ยวมังกรเห็นว่าเจี้ยงเฉินไม่สะทกสะท้านและกระวนกระวายไปกับคำสั่ง เขาก็ไม่กล้าที่จะรุกรานเจี้ยงเฉินเช่นกันเขาจึงพยักหน้าให้กับคำขอ.

เจี้ยงเฉินเดินขึ้นไปหาเฟิงหยาง "พี่เฟิง,แม้ว่าท่านจะเป็นพยานที่เห็นเหตุการณ์,แต่ข้าจะไม่ขอให้ท่านเป็นพยานในตอนนี้. มีรายการอยู่ในแผ่นนี้,โปรดให้รองประมุขฉีของวิหารหมื่นสมบัติของท่าน. ถ้าเขาไม่ยอมรับท่าน,บอกเขาว่ามันมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับหอคอยสมปรารถนา "

"หืม?" เฟิงหยางสะดุ้ง. เขารู้สึกกังวลว่าเจี้ยงเฉินจะขอให้เขาเป็นพยาน และเขากำลังคิดอย่างเงียบ ๆ ว่าจะคุ้มกันไหมหากเขาจะต่อต้านวิหารอุดรครามสวรรค์เพื่อแลกกับมิตรภาพที่จะได้จากเจี้ยงเฉิน

เมื่อเห็นว่าเจี้ยงเฉินไม่ได้ตั้งใจจะขอให้เขาเป็นพยาน,หัวใจของเขาก็เบาลง แต่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยในเวลาเดียวกัน เจี้ยงเฉินเพียงต้องการให้เขาส่งรายการในกระดาษนี้ไปด้วย นั่นไม่ใช่เรื่องยากเลย.

"น้องเจี้ยง,โปรดวางใจได้ ข้าจะทำตามคำขอของเจ้า เจ้ามั่นใจได้เลยว่ารองประมุขฉีจะได้รับรายการนี้อย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ "

"ไป๋ฉี นำรายการนี้ไปและปกปิดส่วนผสมสำคัญเอาไว้. ไปคุยกับผู้อาวุโสหนิงของวิหารทักษิณครามสวรรค์" เจี้ยงเฉินให้รายการอีกใบไปกับเฉียวไป่ชี่.

รายการนี้มีสูตรโอสถเม็ดที่เจี้ยงเฉินเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ เรียกว่า "โอสถวารีนิรันดร์ 4 ฤดู" นี่เป็นสิ่งที่เจี้ยงเฉินเตรียมไว้สำหรับผู้อาวุโสหนิง.

ผู้อาวุโสหนิงได้ทิ้งม้วนปรารถนาไว้ที่หอคอยว่านางต้องการเป็นสาวในวัยสะพรั่งตลอดกาล. แม้ว่าเจี้ยงเฉินไม่สนใจเรื่องนี้มากนัก แต่เขาก็คิดขึ้นมาได้ทันทีว่าเขาจะมอบโอกาสนี้ให้กับเฉียวไป่ชี่

ตอนนี้เฉียวไป่ชี่เป็นคนที่เจี้ยงเฉินเชื่อถือใจและเขายังรู้ความหมายลึก ๆ เบื้องหลังการกระทำของเจี้ยงเฉินอีกด้วย เขาพยักหน้าเล็กน้อยขณะที่เขาหยิบม้วนกระดาษไป ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดที่กล้าหาญในการพิสูจน์ความจงรักภักดีของเขาต่อเจี้ยงเฉิน.

หลังจากที่เขาสรุปคำแนะนำให้กับโจวหยู่และเฉียวไป่ชี่ เจี้ยงเฉินก็หันไปพูดกับหยูตง "หยูตง ไปหาฐานที่มั่นของชิงหยางภายในเมืองหลวงและส่งข้อความไปยังผู้อาวุโสเฟยว่า ข้าได้รับเชิญให้ไปดื่มชากับหน่วยเขี้ยวมังกร เขาสามารถทำสิ่งที่เขาเห็นสมควรที่จะทำ หากเขายังคงคิดเกี่ยวกับโอสถกำเนิดวัฎจักรพิสุทธิ์,เขาควรรีบเตรียมการที่จะเข้าสู่เมืองหลวงทันที "

เจี้ยงเฉินรู้ดีว่าเขาเพิ่งจะมาถึงอาณาจักรนภาจันทร์และไม่คุ้นเคยกับประชาชนและดินแดน. เขายังไม่ได้สร้างเครือข่ายของเขาเลย. ถ้าเขาถูกจับกุมโดยหน่วยเขี้ยวมังกรและหากทางวิหารอุดรครามสวรรค์เข้ามาแทรกแซงเขา จะมากหรือน้อยเจี้ยงเฉินก็ต้องโดนอีกฝ่ายโกง.

ทหารของหน่วยเขี้ยวมังกรอาจตัดสินคดีความตามกฎหมาย แต่นั่นก็จะเป็นไปได้ด้วยดีหากวิหารอุดรครามสวรรค์ไม่ได้เข้าไปแทรกแซง

เมื่อใดที่วิหารอุดรครามสวรรค์เข้ามาแทรกแซง ถ้าเจี้ยงเฉินไม่ได้มีวิธีการอื่นใดแล้ว ด้วยตัวตนของเขาในฐานะชาวต่างถิ่นที่เพิ่งมาถึง เขามั่นใจว่าเขาจะจบลงด้วยเคราะห์ร้าย

ในขณะนี้เจี้ยงเฉินไม่ขัดข้องที่จะใช้กำลังของคนอื่น.

เจี้ยงเฉินไม่ได้กลับชาติมาเกิดเพื่อเป็นคนที่เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม เขาได้รวมปัจจัยที่เป็นประโยชน์ทั้งหมดของเขาเพื่อขจัดปัจจัยที่เสียเปรียบทั้งหมด แน่นอนเขารู้ถึงคุณค่าของการใช้กำลังของคนอื่นที่จะเข้ามาช่วยเหลือ

หลังจากที่ได้สรุปงานทั้งหมด เจี้ยงเฉินได้กลับมายังหน่วยเขี้ยวมังกรอย่างรวดเร็วและยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า "พวกท่านนำข้าไปได้เลย ข้าขอพูดว่า ข้าหวังว่าพวกท่านจะสามารถตัดสินได้ตามกฎหมาย หญิงสาวคนนี้เป็นพยาน ข้ายังหวังอีกว่านางจะไม่ได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม "

รองผู้บัญชาการของหน่วยเขี้ยวมังกรไม่คิดที่จะเสียความระมัดระวังเมื่อเห็นอากัปกิริยาที่ผิดปกติของเจี้ยงเฉิน. "หน่วยเขี้ยวมังกรของข้านั้นยุติธรรมและเป็นกลางเมื่อต้องตัดสินความ เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้ "

….

ในโรงเตี๊ยมหรูหราบางแห่งภายในเมืองหลวง.

ชายหนุ่มบางคนสวมอาภรณ์ของวิหารอุดรครามสวรรค์กำลังดื่มกินอย่างสำราญและมีช่วงเวลาที่ดี.

ทันใดนั้นคนรับใช้คนหนึ่งก็เดินเข้าไปและกระซิบบางอย่างในหูของชายหนุ่มที่มีรอยแผลเป็นคนนั้น หน้าของชายหนุ่มคนนั้นเปลี่ยนไปทันที.

"อะไรนะ?" ชายหนุ่มที่มีรอยแผลเป็นพุ่งขึ้นยืน,ตาของเขาเต็มไปด้วยแสงที่สยดสยอง,และใบหน้าของเขามืดมากจนดูเหมือนว่าเขาอยากจะกลืนกินใครสักคน. “เจ้าพูดว่าอะไรนะ? พูดอีกทีสิ? "

คนรับใช้กลัวจนตัวสั่นและพูดตะกุกตะกักว่า "นี่เป็นข่าวที่เพิ่งจะได้รับมาว่า ศิษย์พี่ชางเมิงถูกโบยจนถึงแก่กรรมโดยใต้เท้าของวิหารทักษิณครามสวรรค์ในงานนิทรรศการ และศิษย์พี่กวงก็ถึงแก่กรรมแล้วด้วยหมัดพิฆาตเพียงหมัดเดียวโดยคนที่อยู่บนถนน "

“เจ้าพูดบ้าอะไรกัน? บุคคลที่ยากจะระบุเพศ สวมใส่อาภรณ์ที่มีมนต์ขลัง จ้องมองด้วยสายตาอาฆาต "ชางเมิงถูกทำร้ายจนตายรึ?"

"พูดให้มันชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น?"

คนรับใช้พยายามรวบรวมความกล้าหาญในการควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของเขาและพูดว่า "นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ศิษย์พี่ชางเมิงเห็นไอ้สารเลวที่มีปัญหากับท่านคราวก่อน ... แล้ว ... "

คนรับใช้พูดจาตะกุกตะกักและในที่สุดก็อธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน.

บุคคลที่ดูละม้ายคล้ายสตรีนั้นก็คือศิษย์พี่หลิว,หลิวเคียน เขาคือคนที่ไล่ต้อนเจี้ยงเฉินเข้าไปในหุบเขาชิงหยางและเกือบจะโดนฝ่ามือพิฆาตของผู้อาวุโสเฟย. การบ่มเพาะของผู้ฝึกคนนี้ได้ตัดผ่านไปยังขอบเขตจิตวิญญาณครึ่งก้าวและตอนนี้ได้เข้าสู่ระดับแรกของปราณจิตวิญญาณแล้ว. ตอนนี้เขาเป็นหัวหน้ากลุ่ม.

หลิวเคียนไม่ได้รู้สึกใยดีอะไรกับการตายของศิษย์พี่กวง ต่างกันกับข่าวการตายของชางเมิง ชางเมิงเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลิวเคียน และทั้งสองได้เข้าร่วมวิหารอุดรครามสวรรค์ด้วยกันตั้งแต่เด็ก

ชางเมิงมีพรสวรรค์มากในด้านธุรกิจ. เส้นทางของการฝึกอบรมไม่สามารถเดินได้โดยไม่มีเงิน. ความจริงที่ว่าเขา หลิวเคียน มีความสำเร็จดังกล่าวในด้านการฝึกอบรม ไม่สามารถมองข้ามการมีส่วนร่วมในด้านการเงินของชางเมิง

หลิวเคียนปฏิบัติตัวต่อชางเมิงเหมือนเขาเป็นน้องชาย จู่ ๆ เขาก็ได้ยินว่าชางเมิงถูกทุบตีจนถึงแก่กรรมโดยแม้จะเป็นใต้เท้าผู้ทำตามกฎ แต่เขากำลังฉงนว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร.

"ไอ้เด็กบัดซบคนนี้อีกครั้ง" หลิวเคียนกัดฟัน ขณะเดียวกันเปลวเพลิงแห่งความโกรธเต้นอยู่ในดวงตาของเขา "คราวที่แล้วเจ้าโชคดีและหนีไปที่หุบเขาชิงหยาง ถ้าเจ้าซ่อนตัวอย่างขี้ขลาดในหุบเขาชิงหยาง ข้าคงจะไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้ ตอนที่เจ้ารนหาที่ตายในเมืองหลวง ข้ายอมเขียนชื่อกลับหลังหากข้าไม่สามารถฆ่าเจ้าได้! "

ชายที่มีแผลเป็น อี้เฉียนสุ่ย เป็นหนึ่งในฆาตกรที่ไล่ตามเจี้ยงเฉินมาก่อน

เขากล่าวว่า "ศิษย์พี่หลิว,ชายคนนี้ค่อนข้างแปลก. เขาจะโผล่ขึ้นมาได้อย่างไรหลังจากที่ตกอยู่ในเงื้อมมือของผู้อาวุโสเฟยในหุบเขาชิงหยาง? "

"ใช่. ผู้อาวุโสเฟยมีชื่อเสียงในเรื่องเล่ห์เหลี่ยมในการจัดการ. เขาไม่เห็นแม้แต่หัวของคนในวิหารอุดรครามสวรรค์. เขาจะปล่อยให้เด็กคนนี้ผุดขึ้นมาในเมืองหลวงแบบนี้โดยไม่ได้เป็นทาสโอสถ 20 ปีได้อย่างไร? " คนที่พูดนั้นเป็นหนึ่งในผู้ฝึกตนครึ่งก้าวปราณจิตวิญญาณที่ไล่ตามเจี้ยงเฉินมาก่อน เขาคือคนที่มีตาเป็นรูปสามเหลี่ยม.

หลิวเคียนหายใจแรงด้วยโทสะ. "ผู้อาวุโสเฟยมันมีอำนาจทำทุกสิ่งในหุบเขาชิงหยาง,แต่กฎบ้า ๆ ของมันใช้ไม่ได้ภายในเมืองหลวง. เวลานี้,ไม่ว่าใครเป็นผู้สนับสนุนของไอ้เด็กบัดซบนั้น,ข้าจะเป็นยมทูตของมัน. "

อี้เฉียนสุ่ยหัวเราะสนั่น "ข้าคิดว่าเนื้อติดมันนี้บินหายลับไปแล้ว แต่ใครรู้ว่าเราจะได้ตัวมันทันทีที่ทำมันหลุดมือไป. ดูเหมือนว่าการเดินทางมาเมืองหลวงในครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกที่สุด "

 

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.