spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
จะอย่างไรสุดท้ายแล้วเจี้ยงเฉินคือผู้ที่มีชีวิตมาแล้วถึง 2 ชาติภพ ดังนั้นแล้วคนอย่างเขามีหรือที่จะถูกเด็กน้อยไม่เดียงสาใช้วิธีอ่อนด้อยราวทารกเช่นนี้มาสร้างความลำบากให้เขาได้?
เจี้ยงเฉินยิ้มออกมาอย่างแจ่มใส "ข้าไม่สามารถซื้อได้หรือ ใต้แผ่นฟ้านี้ยังมีอันใดที่ซื้อไม่ได้? "
ผู้ดูแลนี้ทำหน้าเย้ยยันความรั้นของเจี้ยงเฉินคราหนึ่ง ก่อนที่จะหันไปใช้แววตาจริงจังหันมองไปยังพ่อค้ารอบ ๆ ทุกคน เห็นได้ชัดว่ามันเจตนากล่าวตักเตือนพ่อค้าทุกคนในพื้นที่พิเศษนี้ เพื่อไม่ให้ค้าขายอันใดกับเจี้ยงเฉิน มิฉะนั้นจะถือว่าพวกมันไม่ไว้หน้าเขา และไม่ไว้หน้าวิหารอุดรครามสวรรค์
มีแต่เจี้ยงเฉินเท่านั้นที่เพิกเฉยการกระทำนี้ของมัน ตอนนี้เขาเพียงยืนนิ่งและเต็มไปด้วยรอยยิ้มมั่นใจ ที่ฉายชัดอยู่บริเวณมุมปาก
เขาจ้องมองไปยังห้างร้านทั้งหมดในพื้นที่พิเศษ พวกมันทั้งหมดก็หันมาสบตากับเจี้ยงเฉินแต่ก็หาได้หยาบคายหรือดูถูกอันใด พวกมันทำเพียงยิ้มรับเล็กน้อยก่อนที่จะส่ายหัวไปมา
เห็นได้ชัดว่าหากให้พวกมันต้องเลือกข้าง พวกมันก็ไม่เลือกคนจากต่างอาณาจักรเช่นเขา
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ราคาที่ดีทีสุดหากจำหน่ายให้วิหารอุดรครามสวรรค์ แต่จะอย่างไรพวกเขาก็ต้องไว้หน้าพวกมันอยู่ดี
อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยสถานการณ์มันบีบบังคับเช่นนี้ ก็จำเป็นต้องกระทำไปตามกฎหมู่
เมื่อผู้ดูแลห้างร้านของวิหารอุดรครามสวรรค์เห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ความเชื่อมั่นของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก เมื่อทุกคนต่างแสดงปฏิกิริยาเช่นนั้นออกมา และมันก็หันไปยิ้มเย้ยหยันเจี้ยงเฉิน ให้สำนึกถึงอำนาจของมัน พร้อมทั้งแสดงทีท่าท้าทายอีกด้วย
ทีท่าของมันนั้นเห็นได้ชัดอย่างมาว่ามีความหมายว่า ว่ายังไงเล่า? ทำไมเจ้าไม่ลองซื้อให้ข้าดูหน่อยล่ะ
เจี้ยงเฉินยังคงยืนอย่างไม่แยแสและสงบนิ่งราวกับเมฆไร้คลื่นลม ก่อนที่เขาจะระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นออกมา แล้วค่อย ๆ เดินไปยังใจกลางของพื้นที่พิเศษ
เขาชูแขนข้างหนึ่งของเขาขึ้นมาและมีขวดหยกใบหนึ่งถืออยู่ในมือข้างนั้น เสียงของเขาดังขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ด้วยความใจเย็นพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปากอย่างมั่นใจ “ข้ามีโอสถแห่งท้องทะเลลึกระดับสูงสุดอยู่ที่นี่ ซึ่งมันสามารถฟื้นฟูพลังปราณได้ถึง 7 ส่วน ข้าคงไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับโอสถตัวนี้อีก สำหรับการค้าขายโอสถเม็ดนี้ข้าคิดราคาแค่เพียงหญ้าลิลลี่คราม 10 กำ กับพฤกษาขนดเพียง 20 ขด เท่านั้น ผู้ใดมีสามารถนำมันมาแลกเปลี่ยนกับข้าได้เลย มาก่อนได้ก่อน ไม่ต้องรอเวลาจนครบกำหนด”
การเคลื่อนไหวเล็ก ๆ ก่อนหน้านี้ ที่เรียกว่ากฎหมู่นั้นมันช่างอ่อนแอนัก สามารถกระทำได้กับเพียงเหล่าผู้อ่อนแอไร้ราคาเท่านั้น
ไม่มีกฎหมู่ใด ๆ ที่ยั่งยืน เมื่อมันพบกับผลกำไรที่ยั่วยวนเช่นนี้ เมื่อเจอเรื่องเช่นนี้กฎหมู่ หรือการฮั้วกัน ก่อนหน้านี้ก็ไร้ประโยชน์ทันที
โอสถแห่งท้องทะเลลึก ระดับสูงสุด ที่สามารถฟื้นฟูพลังปราณได้ถึง 7 ส่วน
ในบรรดาโอสถฟื้นพลังปราณที่ปรากฏอยู่ในทั้ง 16 อาณาจักรแห่งนี้ โอสถที่สามารถฟื้นฟูพลังปราณได้มากที่สุดที่จำหน่ายกันและหาพบได้มากที่สุดคือ 4 ส่วน
บางครั้งโอสถฟื้นฟู 5 ส่วนอาจจะปรากฏขึ้นมาบ้าง
อย่างไรก็ตามโอสถที่สามารถฟื้นฟูพลังปราณได้ถึง 7 ส่วนเช่นนี้ยังไม่เคยปรากฏออกมาก่อน
หอโอสถนั้นได้เริ่มผลิตโอสถแห่งท้องทะเลลึกในอาณาจักรตะวันออกเมื่อไม่กี่เดือนก่อนเท่านั้น แต่กำลังการผลิตของมันก็ไม่ได้นับว่าสูงอะไรมากมาย เชนนั้นจำนวนโอสถที่ตกมาถึงอาณาจักรนภาจันทร์กล่าวได้ว่าน้อยนิดจนน่าสงสาร
แต่เมื่อโอสถแห่งท้องทะเลลึกนั้นได้แพร่มาสู่อาณาจักรนภาจันทร์ มันก็แทบก่อคลื่นลมจนบ้าคลั่ง มันกลายเป็นสิ่งที่ต้องการกันมากที่สุดในวงกว้างเพียงชั่วพริบตา แต่ว่าโอสถนี้กลับหาได้ยากเย็นนักในอาณาจักร...และกว่าจะพบเจอสักเม็ดก็พบแค่ในหมู่ชนชั้นสูงเท่านั้น
นี่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร ด้วยกำลังผลิตของหอโอสถนั้น เพียงแค่ผลิตและจัดจำหน่ายในอาณาจักรตะวันออกเอง ก็หาได้เพียงพอต่อความต้องการไม่ คำสั่งซื้อของมันนั้นกล่าวได้ว่านับไม่ถ้วน
จำนวนเม็ดยาที่จะหลั่งไหลไปสู่อาณาจักรอื่นใน 16 อาณาจักรนั้นนับว่าน้อยนิดเอามาก ๆ
ดังนั้นถึงแม้โอสถแห่งท้องทะเลลึกจะมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมากในอาณาจักรนภาจันทร์ แต่ทว่าผู้ที่มีมันอยู่กลับมีจำนวนน้อยนิดเพียงหยิบมือ
และนอกจากนี้พวกมันก็ไม่มีผู้ใดสักคนเดียวที่เคยได้ยินเรื่องราวของโอสถแห่งท้องทะเลลึกที่สามารถฟื้นฟูพลังปราณได้มากมหาศาลถึง 7 ส่วนเช่นนี้
พื้นที่การค้าพิเศษพลันแปรเปลี่ยนเป็นเงียบสงบราวคนตายหลังจากที่เจี้ยงเฉินกล่าวจบคำ คำว่าโอสถแห่งท้องทะเลลึกระดับสูงสุดนั้นสะกดทุกคนให้ตื่นตะลึง
ทุกคนตอนนี้ดูเหมือนจะพูดไม่ออกเพราะพบเจอเรื่องน่าตกตะลึงและยอดเยี่ยมเช่นนี้
"โอสถแห่งท้องทะเลลึกระดับสูงสุด? ฟื้นฟูพลังปราณได้ 7 ส่วน? " ราวกับหัวใจของทุกคนเริ่มเต้นต่ออีกครั้ง
"ใช้เพียงหญ้าลิลลี่คราม 10 กอ และ พฤกษาขนด 20 ขด เท่านั้นเองหรือ? นี่มันเรื่องล้อเล่นอันใด? "
"เป็นไปไม่ได้? มูลค่าของหญ้าลิลลี่ 10 กอ กับพฤกษาขนด 20 ขด เทียบเท่าราคาของโอสถแห่งท้องทะเลลึกระดับสูงสุด? พูดจริงหรือ? "
"เด็กน้อยคนนี้อาจจะกำลังโมโหแล้วกล่าววาจาเลอะเลือนออกมา?"
คำกล่าวอาจจะไร้สาระ แต่โอสถมิมีทางไร้สาระ เจี้ยงเฉินนั้นไม่ได้คิดเพียงเขียนเสือให้วัวกลัว มันเพียงเอียงขวดหยกปล่อยให้โอสถแห่งท้องทะเลลึกระดับสูงสุดกลิ้งออกมาอยู่บนมือเท่านั้น
เมื่อเม็ดยากลิ้งออกมาทุกคนก็ล้วนจับจ้องไปที่มัน
และเพียงแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ลมหายใจของพวกมันเริ่มกระชั้นหอบถี่ด้วยตาของพวกมันพลันเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นมา
มันเป็นโอสถแห่งท้องทะเลลึกจริง ๆ!
สีสันกับประกายของมัน ,รูปร่าง,ลักษณะ และก็รูปลักษณ์ของมันยามที่ปรากฏออกมานั้นทุกคนสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณอย่างเต็มเปี่ยม ราวกับโอสถเม็ดนี้นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานแห่งชีวิตที่บริสุทธิ์ เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและพลังชีวิต
การปรากฏของมันเช่นนี้แทบไม่ต่างอันใดกับบุรุษพานพบสตรีโฉมงามล่มเมืองดั่งนางฟ้านางสวรรค์ลงมาจุติ ที่สวมชุดผ้ารัดทรวดทรงองค์เอวให้ขับเด่นรูปลักษณ์สมบูรณ์แบบราวสวรรค์สร้าง กำลังเดินกรีดกรายโยกย้ายยั่วเย้าอยู่ตรงหน้า อีกทั้งผ้าผืนนั้นช่างเบาบางยิ่งนัก แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะละสายตาไปจากภาพตรงหน้า หรือห้ามไม่ให้เลือดลมต้องสูบฉีดอย่างบ้าคลั่งจนแทบจะทะลักล้นออกมา
ผู้ใดจะไปต้านทานความเย้ายวนเช่นนั้นได้?
คำว่าไว้หน้าคืออันใดหรือ? กฎหมู่หรือการฮั้วหรือ? กดดันและคว่ำบาตรกลุ่มชาวต่างชาติหรือ ? จะให้ไว้หน้าวิหารอุดรครามสวรรค์หรือ?
น่าหัวร่อ
ธุรกิจก็คือธุรกิจ ผลกำไรย่อมมาเป็นอันดับ 1
"น้องชาย เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ข้ายินดีที่จะมอบหญ้าลิลลี่คราม 20 กอ และก็พฤกษาขนด 40 ขด สำหรับการแลกเปลี่ยน หรือหากไม่พอขอเพียงเจ้าเอ่ยปากมาข้ายินดีที่จะจัดหามาให้"
"อย่าได้ฟังเขาเลย นี่เป็นอาณาเขตของวิหารทักษินครามสวรรค์เรา มิมีผู้ใดสามารถหาวัตถุดิบไปได้มากกว่าพวกเราอีกแล้ว น้องชายเพียงเจ้าติดต่อกับเรามิว่าอันใดที่เจ้าต้องการขอให้บอก "
"สวรรค์ช่วยเถอะกล้ากล่าวอวดอ้างถึงวัตถุดิบต่อหน้าพวกเราคนของหุบเขาชิงหยางหรือ? เจ้าไม่ละอายหรือไร? ใครในหมู่พวกเจ้าที่จะมีหญ้าลิลลี่ครามและพฤกษาขนดที่คุณภาพดีและจำนวนเยอะเท่าพวกข้า? "
หุบเขาชิงหยาง?
เจี้ยงเฉินอดไม่ได้ที่จะมองไปยังทิศทางของคนกลุ่มนั้น เป็นชายวัยกลางคนที่แต่งกายราวกับชาวไร่ชาวนา นับว่าเป็นคนที่ดูแล้วไม่น่าจะเป็นมิตรกับผู้คน
อย่างไรก็ตามตอนนี้ดูจากขนคิ้วของชายคนนี้ที่ราวกับกำลังจะเริงระบำไปด้วยความยินดี เมื่อเขาเห็นเจี้ยงเฉินมองมา เขาก็พยักหน้าและดูท่าทางเป็นมิตรและยินดีมากขึ้นเรื่อย ๆ นับว่าใบหน้าตลกขบขันและเป็นมิตรของมันที่แสดงออกอยู่ยามนี้ช่างเชื้อเชิญได้ดูจริงใจนัก
"สหายผู้นี้ไม่ทราบข้อตกลงระหว่างข้ากับผู้อาวุโสเฟยหรือไร? มิฉะนั้นก่อนหน้านี้เขาจะกล้าปฏิเสธที่จะขายวัตถุดิบพวกนั้นให้แก่ข้าและไปเข้าร่วมกับวิหารอุดรครามสวรรค์ได้อย่างไร? "
เจี้ยงเฉินหาได้ใส่ใจเรื่องหยุมหยิมเช่นนี้ เขายังคงไม่กล่าวอะไรทำเพียงเฝ้ามองไปรอบ ๆ มองดูทุกผู้คนพร้อมรอยยิ้มเท่านั้น
“น้องชาย, เอาอย่างนี้เป็นไร หากน้องชายเห็นแก่หน้าพวกเราวิหารทักษิณครามสวรรค์ทำการค้ากับพวกเราวันนี้ ต่อไปหากน้องชายต้องการโอสถจิตวิญญาณชนิดใดน้องชายสามารถรับส่วนลดร้อยละ 10 เป็นอย่างไร”
"ข้าจะกล่าวอีกครั้ง ทุกคนอย่าได้ลืมเลือนว่าหากกล่าวถึงเรื่องโอสถวิญญาณ จะมีผู้ใดในอาณาจักรนภาจันทร์สามารถเทียบกับหุบเขาชิงหยางของเราได้? พวกเรามีความเชี่ยวชาญด้านการหลอมปรุงแต่งโอสถ และนั่นนับเป็นจุดเด่นของพวกเรา" ชายที่สวมใส่ชุดชาวนาจากหุบเขาชิงหยางกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ
“เพ้ย! มองไปรอบ ๆ ตัวของพวกเจ้า ! หากกล่าวถึงสิ่งล้ำค่า พวกเจ้ากล้าละเลยวิหารหมื่นสมบัติเราได้อย่างไร? พวกเจ้าแค่เพียงจำหน่ายสมุนไพรวิญญาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น กล้าแข่งขันด้านการค้ากับพวกเราวิหารหมื่นสมบัติหรือ?” ศิษย์ของวิหารหมื่นสมบัติได้ก้าวออกมาโต้แย้งกับทุกคนทันที ก่อนที่จะหันมาเผชิญหน้ากับเจี้ยงเฉินพร้อมรอยยิ้ม
"น้องชาย ท่านคงเคยได้ยินเรื่องราวของวิหารหมื่นสมบัติของพวกเรามาใช่หรือไม่ ? พวกเรานั้นทำการค้าอย่างเป็นธรรมและยุติธรรมนัก อีกทั้งหากจะกล่าวถึงเรื่องการประเมินค่าหรือทำการแลกเปลี่ยนโอสถวิญญาณแล้วล่ะก็ พวกเราย่อมชำนาญที่สุด โอสถแห่งท้องทะเลลึกระดับสูงสุดที่ทรงคุณค่าเช่นนี้ยากนักที่จะพบได้ในอาณาจักรนภาจันทร์แห่งนี้ มันไม่สมควรแลกเปลี่ยนกับหญ้าลิลลี่ครามหรือพฤกษาขนดแต่อย่างไรเพราะมันเลอค่าเกินไป น้องชายท่านนี้ลองฟังเรื่องราวนี้ดูเป็นอย่างไร ทางวิหารหมื่นสมบัติเราจะมอบหญ้าลิลลี่ครามและพฤกษาขนดให้เจ้าโดยมิคิดมูลค่า ถือซะว่าเป็นสัญลักษณ์แทนมิตรภาพ ข้ามีเพียงคำขอประการเดียวเท่านั้นคือต้องการให้น้องชายส่งมอบโอสถแห่งท้องทะเลลึกนี้มาให้ทางวิหารหมื่นสมบัติของเราทำการจัดประมูลให้ท่านในงานประมูลสินค้าประจำเทศกาลฤดูใบไม้ร่วง นี่เพราะพวกเราอาจะได้ราคาที่พิเศษนัก ท่านคิดว่าอย่างไร? ท่านไม่เพียงไม่สูญเสียอันใดแต่ยังได้รับผลกำไรอย่างมาก อีกทั้งท่านยังได้รับเกียรติเป็นลูกค้าระดับพิเศษของวิหารหมื่นสมบัติเราอีกด้วย ตัวข้าเองก็ได้ผลตอบแทนจากค่านายหน้าวิหารหมื่นสมบัติก็ได้ชื่อเสียง ล้วนเป็นสถานการณ์ที่ดีสำหรับทุกฝ่าย! "
ศิษย์คนนี้นั้นแน่นอนว่าต้องเป็นศิษย์จากวิหารหมื่นสมบัติ เห็นได้อย่างยิ่งว่ามันมีความสามารถด้านการเจรจาทำการค้าและธุรกิจนัก วาจาเจรจาพาทีของมันนั้นล้วนกล่าวถึงผลประโยชน์และผลกำไรของทั้งสองฝ่าย อีกทั้งแยกแยะประโยชน์ส่วนตัวและธุรกิจออกจากกันอย่างดี สิ่งนี้เองแทบจะล่อลวงเจี้ยงเฉินแล้ว
ในเวลานี้คนที่รู้สึกย่ำแย่มากที่สุดมิพ้นผู้ดูแลของวิหารอุดรครามสวรรค์ ใบหน้าของเขานั้นหมองคล้ำราวกับมีคนเอาน้ำหมึกมาสาดซัดใส่เลยทีเดียว
พ่อค้าทุกคนนั้นได้ทรยศและหักหน้าเขาอย่างสิ้นเชิง ก่อนที่จะหันไปต่อสู้กันเองเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์ อีกทั้งพวกมันยังพยายามแข่งขันกันเสนอผลประโยชน์เพื่อเอาใจบุคคลที่เขาหาเรื่องด้วยเมื่อครู่
นี่คืออะไร?
นี่คือการตบหน้าเขา นี่เป็นการตบหน้าเขาท่ามกลางผู้คนอย่างแท้จริง มันเป็นการตบหน้าศิษย์ของวิหารอุดรครามสวรรค์ท่ามกลางสายตาของทุกคน!
แต่เขาย่อมรู้ดีถึงเหตุผลที่คนพวกนี้ราวกับเสียสติไป หากเป็นคนอื่นมาเสนอเช่นนี้เขาเองก็คงกระทำดุจเดียวกันกับพวกมัน
จะมีผู้ใดต้านทานโอสถแห่งท้องทะเลลึกระดับสูงสุดได้กัน?!
เมื่อเห็นว่าบรรยากาศในพื้นที่พิเศษนี้กำลังเริ่มระอุขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าของเขาเองก็เริ่มร้อนผ่าวขึ้นมามากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับกำลังจะเดือดเช่นกัน เขาต้องการที่จะหลบหนีออกไปก่อนที่ทุกคนจะหันมาสนใจเขาเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียหน้ามากไปกว่านี้
นี่ต้องรู้ว่าก่อนหน้านี้เขาได้ลั่นวาจาเขื่องโขเอาไว้ ว่าหากเจี้ยงเฉินสามารถซื้อหญ้าลิลลี่ครามกับพฤกษาขนดได้ในพื้นที่พิเศษแห่งนี้ เขาจะคลานไปรอบ ๆ เป็นจำนวน 3 รอบ!
ตอนนี้เมื่อมองจากสถานการณ์ปัจจุบันอย่าว่าแต่จะขายหรือซื้อสินค้าอันใดเลย พวกมันแทบแข่งกันประเคนวัตถุดิบใส่พานถวายให้ไอ้เด็กนั่นแล้ว เขาย่อมเสียหน้ามากอย่างแน่นอนหากยังคิดรั้งอยู่สืบไป
“เฮ่? พี่ชายแซ่ชาง นั่นท่านจะไปไหนกันเล่า? "
นับเป็นเรื่องบัดซบอย่างถึงขีดสุด! ที่มีเสียงเล็กแหลมเสียงหนึ่งรั้งเขาเอาไว้ในขณะที่กำลังก้าวประตูออกไปได้ครึ่งตัว อีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้น
มีบางคนกำลังจับผิดเขา!
ยามนี้ศิษย์ของวิหารอุดราครามสวรรค์แทบจะแทรกไปในรอยแตกของแผ่นดินเพื่อหลบหนี ตอนนี้ด้วยเสียงเล็กแหลมที่ดังขึ้นทำให้คนทั้งหมดหันไปมองเขา ทำให้เขาไม่สามารถจากไปในลักษณะนี้ได้ เขาหลบหนีออกในลักษณะนี้ไม่ได้
สีหน้าการแสดงออกของมันยามนี้ราวกับมีคนเอาอุจาระไปป้ายหน้าหรือปัสสาวะรดหน้ามัน มันรีบกล่าววาจาออกมาพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโป้ปดทันที
"ข้า ... ข้าจะไปส้วม...ไปปลดทุกข์มีอันใด" ผู้ดูแลชางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงขมขื่นอีกทั้งยังแสดงท่าทางมีพิรุธอย่างยิ่ง
ข้ออ้างเหลวไหลนี้เมื่อดังขึ้นล้วนแล้วแต่สร้างความตลกขบขันแก่ทุกผู้คนในพื้นที่จนต้องระเบิดเสียงหัวร่อออกมา เนื่องจากตอนนี้ทุกคนล้วนหักหน้ามันหมดโดยพร้อมเพรียงกันกฎหมู่หรือการฮั้วกันอะไรนั่นก็ไร้ซึ่งความหมายไปอย่างสิ้นเชิง
เจี้ยงฉินยิ้มออกมา "ดูท่าทางวาจาเขื่องโขที่ลั่นออกมาอย่างมั่นใจก่อนหน้านี้คงมิต่างอันใดกับลมที่ผายออกมาเท่านั้น ข้านั้นกลับหลงคิดไปว่าวิหารอุดรครามสวรรค์ของพวกเจ้านั้นจะมีมุมที่ยิ่งใหญ่และอำนาจอย่างแท้จริง แต่ดูเหมือนพวกเจ้าทำได้เพียงห่มหนังเสือข่มขู่ผู้อื่นเท่านั้น "
"เจ้า..บัดซบ อย่าโอหังให้มันมากนัก!"
"ผู้ใดกันที่โอหังก่อน? แล้วผู้ใดกันที่ยังพยายามกล่าววาจาเขื่องโขโอหังไม่เลิกรา? แล้วผู้ใดกันที่เป็นคนลั่นวาจาอย่างยโสบอกกล่าวเอาไว้อย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า หากพวกเราสามารถซื้อขายวัตถุดิบ 2 ชิ้นนี้ได้ มันจะคลานไปรอบ ๆ บริเวณ 3 รอบ" โจวหยู่อดไม่ได้ ที่จะก้าวออกมายืนเท้าสะเอวอย่างถือดีก่อนพ่นวาจาถล่มมันออกมา "แล้วตอนนี้เจ้าคิดที่จะคลานไปรอบ ๆ บริเวณนี้ด้วยตัวเอง หรือจะให้มารดาล่ามเชือกแล้วจูงเจ้าคลานไปกันล่ะ? "
"ข้า ... " ในฐานะที่เป็นคนของวิหารอุดรครามสวรรค์ ตั้งแต่เกิดมา คนแซ่ชางผู้นี้พึ่งเคยได้รับความอัปยศและเสียหน้ามากถึงขนาดนี้ เขาได้แต่มองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาอ้อนวอนแก่ทุกคนที่เขารู้จัก โดยหวังว่าจะมีผู้ที่ยื่นมือมาช่วยเหลือเขาได้
แต่ใครจะยื่นมาช่วยเหลือมันในสถานการณ์เช่นนี้?
ทุกคนนั้นรู้จักกัน แต่เหตุผลที่มาตั้งห้างร้านที่นี่นั่นก็เพื่อธุรกิจ ก่อนหน้านี้พวกเขาสามารถร่วมมือกันข่มขู่คนแปลกหน้าหรือคนต่างอาณาจักรได้ แต่ตอนนี้เขารู้ดีว่าไม่เพียงไม่อาจข่มขู่คนแปลกหน้าคนนี้ แต่หากมีผู้ที่กล้าออกมาพูดให้คนแซ่ชางตอนนี้คงเป็นผู้ที่เสียสติหรือยินดีที่จะโยนสมองทิ้งไปครึ่งหนึ่งเป็นแน่
เมื่อกำแพงใกล้จะพังทลายลงทุกคนก็ได้แต่ช่วยกันผลักมันเท่านั้น แต่แม้จะไม่มีผู้ใดก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อผลักมัน แต่การแสดงออกโดยการวางเฉยโดยที่เฝ้ายืนดูเฉย ๆ ด้วยสีหน้าราวกับรับชมเรื่องสนุกสนานอยู่นั้น ก็ไม่แตกต่างอันใดกับการที่ทุกคนเร่งผลักดันกำแพงนี้ให้พังทลายลงแม้แต่น้อย
“ลืมมัน ลืมมันไปซะ กลุ่มคนที่ไร้เกียรติและหวังแต่เพียงผลกำไรนั้นหามีผู้ใดรักษาคำพูดไม่ ข้าศิษย์ของวิหารอุดรครามสวรรค์ยินยอมตกตาย ไม่ขออยู่ให้อับอายขายขี้หน้า "
ผู้ดูแลแซ่ชางนั้นยืนตัวตรงพร้อมทำท่ายื่นคอออกมา ก่อนที่จะเล่นละครออกมาราวกับคนขี้โกง "เจ้าเพียงปลิดปลงศีรษะข้าให้ตกตาย หรือลืมมันไปซะ แต่จะให้ศิษย์วิหารอุดรครามสวรรค์เช่นข้าต้องคุกเข่าให้เจ้า! นั่นเป็นไปไม่ได้เลย! "