spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
1 ใน 4 วิหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรนภาจันทร์ ก็คือวิหารทักษิณครามสวรรค์อิทธิพลของวิหารนี้หากกล่าวถึงในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้แล้วหาผู้ใดเทียบเทียมได้
หากให้นำชื่อเสียงของวิหารทักษิณครามสวรรค์ไปเปรียบเทียบกับชื่อเสียงที่อื้อฉาวของวิหารอุดรครามสวรรค์แล้วล่ะก็ นับว่าวิหารทักษิณครามสวรรค์จะดูดีและเป็นมิตรกว่ากันมาก
และแน่นอนว่านี่ย่อมมีส่วนเกี่ยวข้องกับทำเลที่ตั้งด้วยเช่นกัน
เมืองหลวงของอาณาจักรนภาจันทร์ตั้งอยู่ในพื้นที่ตะวันออกเฉียงใต้ของอาณาจักรนภาจันทร์ พื้นที่แถบนี้จัดได้ว่าเป็นพื้นที่ซึ่งคนของราชวงศ์อาศัยอยู่
เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่วิหารทักษิณครามสวรรค์จะเป็นผู้ปกครองเมืองและกระทำการต่ำช้าอย่างวิหารอุดรครามสวรรค์
ภายในอาณาจักร อำนาจและอิทธิพลของพระราชวงศ์ยังคงมีบทบาทและสำคัญอย่างมาก หากวิหารทักษิณครามสวรรค์ล่วงเกินหรือทำการไม่ไว้หน้า ต่อไปพวกมันจะดำรงอยู่ได้อย่างไร?
จะมีใครอนุญาตให้คนอื่นมานอนกรนข้างหูอยู่บนเตียงตัวเองกันล่ะ?
ดังนั้นจึงค่อนข้างตรงกันข้ามกับการกดขี่ข่มเหงและเอารัดเอาเปรียบรังแกผู้คนอย่างวิหารอุดรครามสวรรค์ วิหารทักษิณครามสวรรค์จึงมีชื่อเสียงที่ดีเป็นพิเศษ อีกทั้งยังเป็นวิหารที่เข้าสังคมและเป็นมิตรมากที่สุดใน 4 วิหาร
วิหารชิงหยางนั้นค่อนข้างลึกลับและเก็บตัวมากที่สุด เหล่าสมาชิกศิษย์สาวกจากวิหารชิงหยางนั้นแทบไม่ออกมาจากหุบเขาชิงหยางเพื่อพบปะผู้คนสักเท่าไร
นอกเหนือจากจะไม่ค่อยปรากฏตัวพบปะผู้คนแล้ว พวกเขายังไม่มีธุรกิจอะไรกับโลกภายนอกอีกด้วย
วิหารหมื่นสมบัตินั้นมีการติดต่อกับผู้คนค่อนข้างมากและแพร่กระจายไปทั่วทุกพื้นที่ หากจะกล่าวง่าย ๆ พวกเขานั้นเน้นการทำธุรกิจคบค้าสมาคมกับทุกพื้นที่จะดีกว่า
ในความจริงแล้วคำกล่าวที่ว่าวิหารหมื่นสมบัติเป็นสถานที่ทำพิธีกรรมอย่างหนึ่งของนิกายพฤกษาสวรรค์ ต้องบอกว่ามันเป็นวิหารที่นิกายพฤกษาสวรรค์จัดตั้งขึ้นมาเพื่อค้าขายกับโลกภายนอกมากกว่า
นอกจากนี้ธุรกิจที่วิหารหมื่นสมบัติมีส่วนเกี่ยวข้องนั้นมีความหลากหลายอย่างมาก
โอสถวิญญาณ,อาวุธวิญญาณ,ทักษะต่อสู้,ทักษะลับ,ยันต์อาคม,ตราผนึก,สัตว์วิญญาณ ...
ทุกอย่างนั้นได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมกันไม่ได้เน้นไปในด้านใดมากนัก และกล่าวได้ว่าแทบจะไม่มีการค้าใดที่วิหารหมื่นสมบัติไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
เนื่องจากวัตถุดิบส่วนผสมรองทั้ง 2 ชนิดที่ต้องการนั้นสามารถหาได้ในงานจัดนิทรรศการ เจี้ยงเฉินจึงไม่ค่อยเร่งรีบสักเท่าไรเพราะจะอย่างไรมันก็เหลืออีกแค่เพียงไม่กี่วันเท่านั้น
พ่อค้าเหล่านี้พยายามที่จะโก่งราคาเพื่อทำกำไร ทำให้พวกมันไม่คิดจะขายวัตถุดิบแก่เขาในตอนนี้ ถึงแม้ว่าเจี้ยงเฉินจะสามารถซื้อวัตถุดิบในตอนนี้โดยเสนอราคาที่สูงลิบเลยเขาก็สามารถกระทำได้ แต่เขาก็ยึดติดกับแนวทางการดำเนินชีวิตของเขาในช่วงนี้ โดยไม่คิดที่จะกระทำการใดให้กลายเป็นจุดเด่นขึ้นมา
และเขาก็ยังไม่สามารถบ่มกลั่นสุราได้ทันทีถึงแม้จะซื้อวัตถุดิบทั้ง 2 ชนิดนี้มาแล้ว
เพราะหากคิดจะบ่มกลั่นสุราใด ๆ สิ่งแรกที่ต้องมีก่อนคืออุปกรณ์และโรงกลั่น
อุปกรณ์ต่าง ๆ นั้นหาได้ไม่ยากเย็นเท่าไรนัก แต่การหาโรงกลั่นนั้นจำเป็นต้องเสียเวลาอยู่บ้าง แต่ว่านับเป็นเรื่องที่ดีนักที่เหล่าผู้คนในอาณาจักรนภาจันทร์แห่งนี้นิยมชมชอบสุรา ทำให้มีโรงกลั่นมากมายสำหรับเขา
ในอีกสองสามวันต่อมาเจี้ยงเฉินได้ส่งคนของเขาออกไปสอบถามรอบ ๆ จนในที่สุดก็มีโรงกลั่นตกลงทำสัญญาร่วมกันกับเขาในระยะเวลาสั้น ๆ
หลังจากที่จัดการทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว งานนิทรรศการที่วิหารทักษิณครามสวรรค์จัดขึ้นก็ได้มาถึง
ในตอนเช้าเจี้ยงเฉินนำคนของเขาติดตามไปยังงานนิทรรศการ
นอกเหนือจากวิหารหมื่นสมบัติที่มีอาคารหลักตั้งอยู่ในเมืองหลวงแล้ว ไม่มีวิหารใดที่มีอาคารตั้งอยู่ภายในเมืองหลวงอีก แต่ด้วยตัวตนที่ที่เป็นขุมกำลังของอาณาจักร แต่ละวิหารยังมีพื้นที่ส่วนตัวของพวกมันอยู่ภายในเมืองหลวงอยู่บ้าง
วิหารทักษิณครามสวรรค์เองก็เช่นกัน
เจี้ยงเฉินคิดว่าเขามาค่อนข้างเช้ามากแล้ว แต่ก็พบว่าเขาไม่ใช่คนแรกที่มาถึง เพราะเมื่อพวกของเขามาถึงก็พบผู้คนจำนวนมากที่จับจ่ายใช้สอยกันอยู่ก่อนแล้ว
ทุกห้างร้านค้ขายจัดแสดงอย่างมีสีสัน ฉากจากภาพอาคมต่าง ๆ นับว่ามีความอลังการสวยงามตระการตาอย่างยิ่ง ทำให้งานนิทรรศการนี้คึกคักอักโข
เป้าหมายของเจี้ยงเฉินในครั้งนี้ย่อมไม่พ้นวัตถุดิบ 2 อย่างที่เขาต้องการ
เมื่อเขามาถึงบริเวณที่มีสินค้าวางจำหน่าย แต่ทว่ากลับมีสิ่งของมากมายจนมองไปแทบตาลาย
อย่างไรก็ตามเจี้ยงเฉินย่อมรู้ดีวัตถุดิบ 2 ชนิดที่เขาต้องการนั้นไม่ใช่วัตถุดิบธรรมดา ร้านค้าแผงลอยทั่วไปคงไม่มีพวกมันวางจำหน่ายอย่างแน่นอน เฉพาะพวกที่มีความมั่งคั่งและเป็นเหล่ามหาอำนาจทั้ง 4 วิหารเท่านั้นที่พอจะมีพวกมันขาย
ดังนั้นเขาจึงเดินตรงไปยังพื้นที่พิเศษทันที
พื้นที่พิเศษนั้นเต็มไปด้วยพ่อค้าของเหล่ามหาอำนาจทั้งหลายในอาณาจักรนภาจันทร์
ทุกคนที่สามารถจัดห้างร้านแสดงในพื้นที่พิเศษนี้ได้แน่นอนว่าย่อมมีระดับสูงและสถานะไม่ธรรมดา
มันอาจจะกล่าวได้ว่าถึงแม้วิหารทักษิณครามสวรรค์จะเป็นผู้จัดนิทรรศการ แต่พวกมันก็ได้มีการชักชวนอีก 3 วิหารทั้งหลายมาค้าขายโดยการตกลงแบ่งผลประโยชน์กัน
เมื่อเจี้ยงเฉินและผู้ติดตามเข้าสู่พื้นที่พิเศษ สายตาคู่หนึ่งก็หันมาจับจ้องกลุ่มของเขาทันที
และคน ๆ นี้กลับเป็นหนึ่งในกลุ่มคนของวิหารอุดรครามสวรรค์ที่ได้สู้รบกับเจี้ยงเฉิน แต่คน ๆ นี้เป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับปราณแท้จริงเท่านั้นและก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร
เมื่อเขาเห็นเจี้ยงเฉิน เขาก็หดตัวพร้อมก้มศีรษะตัวเองลงเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเดินไปหาชายคนหนึ่งที่เป็นผู้ดูแลการจัดงานออกร้านของวิหารอุดรครามสวรรค์และไปกระซิบอะไรบางอย่างข้างหู
คนนี้แลดูมีอายุราว ๆ 20 ปีไม่มากน้อยไปกว่านี้สักเท่าไร อีกทั้งใบหน้าของมันยังแฝงความเจ้าเล่ห์ไว้ไม่น้อย เมื่อมันได้ยินคำกล่าวของชายที่มากระซิบข้างหู แววตาของมันก็เรืองวูบขึ้นมาพร้อมแฝงความโลภเอาไว้ ก่อนที่มันจะแกล้งหันมองมายังทิศทางที่กลุ่มของเจี้ยงเฉินอยู่คล้ายกับไม่เจตนา
มันเพียงแค่รีบเหลียวมองผ่าน ๆ เท่านั้นเพราะว่ากลัวศัตรูไหวตัวทัน
หลังจากนั้นเขาก็หันไปพยักหน้าให้กับผู้พูดก่อนที่จะกล่าวคำแนะนำอะไรไปคำสองคำ – เห็นได้ชัดว่าเขาเริ่มว่างแผนการคิดจะทำอะไรบางอย่าง
แน่นอนว่าสำหรับเจี้ยงเฉินที่กำลังสนใจวัตถุดิบอยู่ย่อมไม่ทันได้สนใจเรื่องนี้
"ท่านมี หญ้าลิลลี่ครามกับพฤกษาขนด หรือไม่?"
“ไม่มีเลย!”
"พ่อค้า หญ้าลิลลี่ครามกับพฤกษาขนดนี่ท่านขายราคาเท่าไร?"
"เอ่อนี่เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้นไม่ได้มีเอาไว้ขาย"
"พี่ชาย, หญ้าลิลลี่ครามกับพฤกษาขนดท่านคิดราคาเท่าใดรึ!"
"ข้าต้องขอโทษด้วยแต่วัตถุดิบทั้งสองอย่างนี้ มีลูกค้าผู้หนึ่งสั่งจองเอาไว้แล้วคงขายให้กับท่านไม่ได้!"
“พ่อค้า ...”
"ข้าขอโทษ แต่ข้าไม่มีหญ้าลิลลี่ครามกับพฤกษาขนด"
เจี้ยงเฉินพบว่ามีบางสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นหลังจากที่เขาเริ่มสอบถามเกี่ยวกับส่วนผสมทั้งสอง เขาสามารถเข้าใจได้และไม่คิดติดใจหรือเอาเรื่องอะไรหากเป็นเมื่อ 2 วันก่อน ที่เหล่าพ่อค้าทั้งหลายต้องการกักตุนสินค้าเพื่อเอามาเก็งกำไรในวันงานนิทรรศการ
แต่นี่มันอยู่ในงานนิทรรศการที่เริ่มต้นขึ้นแล้วไม่ใช่หรือ แล้วพวกมันยังพยายามที่จะโก่งราคาสินค้าของพวกมันอีกทำอะไร? ตั้งแต่โบราณมามีผู้ใดทำธุรกิจเช่นนี้บ้าง
สินค้าของพวกมันแน่นอนว่าย่อมมี แต่พวกมันกลับพยายามหลีกเลี่ยงและหาข้ออ้างเพื่อที่จะไม่ขายให้เขา
หากพวกมันทำกับทุกคนเช่นนั้นเขาก็ไม่คิดอะไรมาก แต่ตอนนี้คนอื่นกลับซื้อหาสินค้าอะไรกันได้ตามปกติ แม้ว่าราคาที่พวกมันได้รับไปจะสูงสักหน่อยแต่ก็พอเข้าใจได้ ทว่าไม่มีใครในที่นี้ที่ถูกปฏิเสธหรือหาข้ออ้างไม่จำหน่ายสินค้าเช่นนี้อย่างที่เจี้ยงเฉินเจอเลย
ทุก ๆ ห้างร้านที่เขาเดินเข้าไปล้วนมีข้ออ้างที่จะกล่าวปฏิเสธเขาทั้งสิ้น
นี่เป็นเรื่องแปลกอย่างแท้จริง เจี้ยงเฉินไม่คิดว่าเขาจะไปบ่มเพาะสร้างความเกลียดชังอะไรให้พ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้ นี่เพราะเขาเป็นคนที่พึ่งมาถึงเมืองหลวงแห่งนี้ แล้วทำไมพวกมันถึงรวมตัวกันต่อต้านเขา
ตอนแรกเจี้ยงเฉินคิดว่าเป็นฝีมือของกลุ่มคนจากวิหารอุดรครามสวรรค์
เขาจึงหันไปมองที่ห้างร้านของวิหารอุดรครามสวรรค์อีกครั้งแต่พวกมันก็ดูกำลังยุ่งและวุ่นวายอยู่เพราะมีผู้คนอยู่แน่นขนัดเต็มร้านค้าของพวกมัน
เฉียวไป่ชี่เดินขึ้นมาข้างเจี้ยงเฉินก่อนที่จะกระซิบบอก "นายน้อยข้ารับใช้คนนี้พึ่งไปติดสินบนพ่อค้ามาจำนวนหนึ่งและได้กล่าวถามเกี่ยวกับเรื่องราวในครานี้ ดูเหมือนว่า ... พ่อค้าได้ตกลงกันไว้ว่าพวกเขาจะไม่ขายอะไรที่ท่านต้องการซื้อให้กับท่าน "
"ทำไมล่ะ?"
"ข้าคิดว่าวิหารอุดรครามสวรรค์มีเจตนาที่จะทำให้ชีวิตของท่านลำบาก" เฉียวไป่ชี่คาดการณ์
"วิหารอุดรครามสวรรค์?" สายตาของเจี้ยงเฉินเริ่มเย็นชา ครั้งที่แล้วพวกมันก็สร้างความวุ่นวายและหาเรื่องพวกเขา จนทำให้เขารู้สึกรำคาญอย่างมาก วันนี้พวกมันยังคิดที่จะสร้างปัญหาอีก พวกมันอยากมีเรื่องกับเขาที่เมืองหลวงหรือไร?
ความรู้สึกขุ่นเคืองเริ่มปะทุขึ้นมาอีกทั้งยังเริ่มแฝงจิตสังหารออกมาแล้ว นี่เป็นเพราะเรื่องเก่ายังไม่สะสางพวกมันกลับกล้าสร้างเรื่องใหม่
“ฮึ่ม จะมีผู้ใดอีกเล่านอกจากวิหารอุดรครามสวรรค์? มันเป็นไปไม่ได้ที่เหล่าพ่อค้าเหล่านี้จะไม่ไว้หน้าวิหารอุดรครามสวรรค์ มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่เหล่า 4 วิหารจะรักษาหน้าตากันและกัน พวกเราไม่มีอำนาจใด ๆ ในเมืองหลวงและหามีผู้ใดหนุนหลังไม่ พวกมันย่อมยินดีที่จะร่วมมือกับวิหารอุดรครามสวรรค์มากกว่าใส่ใจพวกเรา "
เจี้ยงเฉินรู้สึกว่าการวิเคราะห์ของเฉียวไปชี่นั้นตรงจุดดี แต่วิหารอุดรครามสวรรค์ก็ละเล่นเป็นเด็กน้อยเกินไป ที่คิดลงมือกระทำเช่นนี้
"ในเมื่อพวกมันไม่เต็มใจจะขายสิ่งของที่ข้าคิดจะซื้อ แล้วพวกมันจะยังกล้าปฏิเสธคนอื่นอีกหรือหากข้าให้คนอื่นไปซื้อมาให้?"
เฉียวไป่ชี่ยิ้มอย่างเศร้าใจ "ข้าได้ยินมาว่าเหล่าวิหารอุดรครามสวรรค์ออกมาประกาศว่าพวกมันจะซื้อหญ้าลิลลี่ครามและพฤกษาขนด โดยพวกมันจะจ่ายราคาสำหรับวัตถุดิบนี้เป็น 2 เท่า "
"ฮ่า ๆ พวกมันยินดีที่จะจ่ายราคาแพง" เจี้ยงเฉินยิ้มอย่างเย็นชา "เช่นนั้นจะกล่าวว่า พวกมันคิดที่จะซื้อสิ่งที่ข้าต้องการให้จงได้?"
"เร่เข้ามา ทางวิหารอุดรครามสวรรค์ของพวกเรากำลังรับซื้อหญ้าลิลลี่ครามและพฤกษาขนด ผู้ใดมีให้นำมาจำหน่ายทางด้านนี้ พวกเราจะให้ราคาเป็น 2 เท่า! "
ทันใดนั้นคนของวิหารอุดรครามสวรรค์ก็ป่าวประกาศออกมาพร้อมทั้งเริ่มตะโกนเสียงดังที่ห้างร้านของมัน
มันหันมายิ้มและยังขยิบตาให้กับเจี้ยงเฉินอย่างหยามหยันราวกับจะโอ้อวดอำนาจของมัน
"บัดซบ!" โจวหยู่อดไม่ได้ที่จะกระชับกระบี่ของนางขึ้นมาพร้อมเตรียมชักออก
"อย่าใจร้อน" เจี้ยงเฉินสะบัดแขนเสื้อของเขาออกไปปะทะกับด้ามกระบี่ของโจวหยู่เอาไว้ไม่ให้นางชักกระบี่ออก
"พวกมันทำเกินไปแล้ว มากลั่นแกล้งพวกเราเช่นนี้!" องค์หญิงโจวหยู่โกรธจนหายใจแรงขึ้นมา หน้าอกของนางถึงกับกระเพื่อมขึ้นลงอย่างเห็นได้ชัด
เจี้ยงเฉินยิ้มบาง ๆ ก่อนที่จะเดินไปหยุดอยู่หน้าห้างร้านของเหล่าวิหารอุดรครามสวรรค์
"เจ้าคิดที่จะจำกัดตลาดใช่หรือไม่? หากข้าจำไม่ผิดนี่ย่อมเป็นงานนิทรรศการที่ทางวิหารทักษิณครามสรรค์จัดขึ้น แล้ววิหารอุดรครามสวรรค์มีอำนาจกีดกันตลาดเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร่" เจี้ยงเฉินกล่าวถามออกมาเรียบ ๆ
"เด็กน้อย เจ้าสามารถกินข้าวผิดชามได้ แต่มิสามารถกล่าววาจาผิดเพี้ยนเช่นนี้ นี่นับเป็นเรื่องราวการค้าที่ปกติ จำกัดตลาดกีดกันตลาดอันใด? อย่าได้กล่าววาจาวอนหลั่งโลหิตเช่นนี้" ผู้ดูแลห้างร้านคนนั้นกล่าววาจาเย้ยหยันออกมาก่อนที่จะส่งยิ้มให้เจี้ยงเฉิน
"ฮ่า ฮ่า ไม่ใช่เจ้าสมควรกล่าวว่าวิหารอุดรครามสวรรค์ไร้ความกล้าที่จะยินยอมรับผิดหรอกหรือ? พวกเจ้าล้าที่จะทำเรื่องราวอุบาทว์อื่น ๆ อย่างเช่นฆ่าชิง ปล้นทรัพย์ แต่ไม่กล้ายอมรับการกระทำเช่นนี้? เรื่องราวการค้าปกติ? ใบหน้าเจ้าไม่รู้สึกร้อนมั่งหรือไรยามกล่าววาจาผายลมเช่นนี้? " เจี้ยงเฉินหัวเราะออกมาอย่างเหยียดหยาม
ใบหน้าของผู้ดูแลเริ่มหมองคล้ำลง "อะไร? แล้วเจ้าเห็นกฎข้อใดที่ระบุเอาไว้หรือไม่ ว่าพวกเราห้ามใช้วิธีซื้อสินค้าเช่นนี้? หากเจ้าคิดว่ามีความสามารถพอที่จะแข่งขันกับข้าได้ก็เชิญกระทำออกมา นี่เป็นการแข่งขันที่ยุติธรรม! "
"การแข่งขันอย่างยุติธรรม?"
"อันที่จริงแล้ว" ผู้ดูแลกล่าว “ไม่ใช่ข้าผู้แซ่ชางดูถูกเจ้า แต่หากเจ้ามีปัญญาซื้อหญ้าลิลลี่ครามกับพฤกษาขนดได้จากที่นี่ ข้าผู้แซ่ชางยินดีคลานออกไปจากที่นี่!”
ผู้ดูแลคนนี้นับว่ามีสายตาแหลมคมไม่น้อยมันย่อมดูออกมาว่าเจี้ยงเฉินหามีอำนาจใด ๆ ในเมืองหลวงนี้ไม่ มิฉะนั้นเขาจะไม่ใช้วิธีการนี้เพื่อซื้อวัตถุดิบทั้ง 2 อย่างนั่น
คนที่อาศัยวิธีเดินหาซื้อสิ่งของด้วยตัวเองเช่นนี้นับว่าแตกต่างกับวิหารอุดรครามสวรรค์อย่างเขามากนัก แล้วพ่อค้าที่กระทำการค้าในที่แห่งนี้จะกล้าไม่ไว้หน้าเขาที่เป็นคนของวิหารอุดรครามสวรรค์ แล้วหันไปจำหน่ายสินค้ากับเจี้ยงเฉินที่หาได้มีสถานะใด ๆ ได้เช่นใดเล่า?
ดังนั้นผู้ดูแลคนนี้ย่อมรู้สึกมั่นใจอย่างมากในยามลั่นวาจาอวดดีลักษณะนี้ออกมา เขาต้องการที่จะบีบบังคับและกดขี่เจี้ยงเฉินในวันนี้ เพื่อเป็นการแสดงออกให้ศิษย์พี่หลิวรับรู้ความจริงใจ เพื่อที่เขาจะได้กลายเป็นคนโปรดของศิษย์พี่หลิว
ถึงแม้ว่าศิษย์พี่หลิวจะไม่ได้อยู่ที่นี่วันนี้ แต่ข่าวของการกระทำเขาย่อมล่วงรู้ไปถึงศิษย์พี่หลิวอย่างแน่นอน
ผู้ดูแลได้คิดกระทำการต่ำตมเช่นนี้เพื่อเอาอกเอาใจผู้ฝึกตนอาณาจักรปราณวิญญาณ...
นอกจากนี้เขายังเชื่อมั่นอย่างมาก เพราะตัวเขาได้อยู่ในสายธุรกิจนี้เป็นเวลาหลายปีมาแล้ว และมีเส้นสายเยอะแยะมากมายนัก บรรดาพ่อค้าแม่ขายที่ปรากฏตัวในวันนี้ล้วนแล้วแต่เป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาทั้งนั้นแล้วจะมีผู้ใดกันที่คิดที่จะไม่ไว้หน้าเขา?
นอกจากนี้เด็กน้อยผู้นี้แลไปเหมือนคนจากต่างอาณาจักร แต่ถึงจะเป็นคนในอาณาจักรนี้แล้วจะอย่างไร พ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายในห้องนี้กล้าล่วงเกินเขาที่มาจากวิหารอุดรครามสวรรค์เพื่อคนธรรมดาหรือ
เจี้ยงเฉินจ้องมองไปยังชายตรงหน้าที่เป็นผู้ดูแลก่อนที่จะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ พ่อค้าที่กำลังเฝ้าชมดูอยู่ราวกับเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องขบขันเท่านั้น...ทันใดนั้นเจี้ยงเฉินก็แสยะยิ้มออกมา
"คลานออกไปเช่นนั้นหรือ? เจ้าแน่ใจ?"
ผู้ดูแลคนนั้นยืดอกขึ้นมา "ใช่ หากเจ้าสามารถซื้อวัตถุดิบทั้ง 2 อย่างนั่นได้ในที่แห่งนี้ ข้าจะคลานรอบตลาดนี้ 3 รอบ แล้วเจ้าคิดจะทำเช่นไรเล่าหากไม่สามารถซื้อหาได้? "
เนื่องจากตอนนี้เขาคิดที่จะปราบปรามความโอหังของเจี้ยงเฉิน ผู้ดูแลย่อมไม่คิดแค่จะกักตัวเจี้ยงเฉินไว้ในตลาดนี้เท่านั้นื ยิ่งมันทำให้เจี้ยงเฉินอับอายได้มากเท่าไรในวันนี้ ในวันหน้ามันยิ่งมีทุนรอนที่จะได้รับความโปรดปรานจากศิษย์พี่หลิงมากขึ้นเท่านั้น
ไม่เพียงแต่เขาต้องการทำให้เจี้ยงเฉินสิ้นไร้หนทางจนต้องอับอายในวันนี้ เขายังคิดที่จะเหยียดหยามเจี้ยงเฉินและกำราบมันให้หลาบจำจนมันไม่กล้ามีหน้าอาศัยอยู่ในเมืองหลวงอีกต่อไป...