spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
เจี้ยงเฉินรู้สึกตื่นตะลึงไม่ต่างจากการเปิดม้วนความปรารถนาแรกสักเท่าไรเมื่อเขาเปิดม้วนความปรารถนาม้วนที่สอง
ตอนแรกนั้นเขาคิดว่าความปรารถนาในชั้นที่ 12 ของหอสมปรารถนาจะยากและเป็นความต้องการเลิศล้ำอะไรที่หามีผู้ใดสามารถกระทำได้แบบนั้น
แต่เขาพบว่าเขาคิดตื้นเกินไป
ทั้งสองม้วนความปรารถนานี้เพียงพอแล้วที่จะสลายความคาดหวังของเขาก่อนหน้านี้ไปจนหมดสิ้น
คนแรกนั้นเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของวิหารทักษินครามสวรรค์ซึ่งเพ้อฝันเกี่ยวกับการรักษาความงามและความเยาว์วัยของตนเอาไว้ ความปรารถนานี้ย่อมมาจากหญิงสาวที่หลงใหลในความงดงามและภาพฝันครั้งยังเยาว์วัย
ส่วนความปรารถนาม้วนที่สองนี้กลับเป็น..บุรุษผู้งมงายสุราคนหนึ่ง
คนผู้นี้เคยได้ลิ้มรสสุราชนิดหนึ่งที่มีนามว่า สุราน้ำค้าง 9 แดนสรวง โดยปริมาณที่เขาได้ลิ้มรสนั้นมีเพียงครึ่งจอกเท่านั้น และหลังจากครั้งนั้นแล้ว ตัวเขาก็ได้เดินทางข้ามผ่านผ่าน 1,000 ภูผามหานที ก็ไม่เคยได้พบเจอและลิ้มรสความกลมกล่อมนั้นอีกเลย
เขาได้แต่รำลึกถึงรสชาติที่ตราตรึงของสุรานั้นตลอดเวลาจนมันแทบจะกลายเป็นปีศาจในใจของเขาอยู่แล้วหลังจากที่ผ่านกาลเวลามาหลายทศวรรษ
เพราะฉะนั้นม้วนความปรารถนานี้คือ โอกาสที่เขาจะได้ลิ้มรส สุรา 9 น้ำค้างแดนสรวงนี้อีกครา เพื่อเติมเต็มความปรารถนาหลายทศวรรษของเขา
ผู้ใดก็ตามที่สามารถเติมเต็มความปรารถนาครั้งนี้จนทำให้เขาสมปรารถนาได้ สามารถมาพบเขาที่วิหารหมื่นสมบัติและขอเข้าพบรองประมุขวิหารหมื่นสมบัติเช่นเขาเป็นการส่วนตัวได้ในทันที
ส่วนของรางวัลที่เขาเตรียมไว้ให้ผู้ที่ทำให้เขาสมปรารถนาได้นั้น เป็นตำแหน่งผู้บริหารระดับกลางค่อนข้างสูงของวิหารหมื่นสมบัติ อีกทั้งยังมอบยศขุนนางขั้นที่ 5 ให้อีกด้วย รางวัลของคนผู้นี้ยังนับว่ามากมายกว่าสตรีที่หลงใหลในความงามจากวิหารทักษินครามสวรรค์เสียอีก
ได้พบเจอความปรารถนาทั้ง 2 ม้วนนี้เข้าไป เจี้ยงเฉินถึงกับไร้คำจะกล่าว
สตรีผู้ที่เกิดมาพร้อมความรักและหลงใหลในความงาม กับบุรุษผู้งมงายสุรา
"เฮ่อ นรกทั้ง 7 เถอะ! ถึงจะสุ่มต่อไปก็คงมิได้มีอันใดแตกต่าง ข้าหลงคิดว่าความปรารถนาในชั้นที่ 12 ของหอคอยสมปรารถนาจะเป็นเรื่องที่ยากเย็นอะไรมากกว่านี้เสียอีก ฮึ่ม ข้าคงคาดหวังมากเกินไป"เจี้ยงเฉินถอนหายใจออกมา
เฉียวไป่ชี่และโจวหยู่เอง ก็พูดไม่ออกเหมือนกันยามเห็นความปรารถนาในม้วน
อีกทั้งพวกเขายังได้รับรู้พร้อม ๆ กันไปว่า วิถีชีวิตของผู้ที่มีอำนาจและผู้ที่ไม่มีนั้น แตกต่างกันมากเพียงใดในเมืองหลวงของอาณาจักรนภาจันทร์แห่งนี้
บรรดาผู้ที่สามารถออกความปรารถนาอันน่าเบื่อเหล่านี้ได้ ไม่จำเป็นต้องสงสัยเลยว่าพวกมันคงเป็นผู้ที่มีอำนาจมากมายมหาศาลแน่นอน พวกมันต้องมีความมั่งคั่งอย่างล้นเหลืออีกทั้งยังมีอำนาจในมือที่ชี้เป็นชี้ตายผู้อื่นได้
มิฉะนั้นพวกมันคงไม่สามารถมอบตำแหน่งขุนนางขั้นที่ 5 หรือขั้นที่ 6 ที่นับว่าสูงส่งได้อย่างง่ายดายเพียงเพราะเติมเต็มความปรารถนาไร้สาระพวกนี้
เรื่องนี้นั้นคงมิอาจใช้ความฟุ่มเฟือยมาอธิบายได้ เพราะการดำรงชีวิตของผู้ที่มีอำนาจกับผู้ที่ไร้อำนาจนั้นแตกต่างกันอย่างล้นเหลือ ราคาที่มันจ่ายออกครั้งนี้อาจจะเล็กน้อยจนไม่นับเป็นอะไรก็เป็นได้
"นายน้อยพวกเราจะสุ่มเลือกอีกหรือไม่?" เฉียวไป่ชี่เองก็เป็นคนที่มิได้มีปัญหาเรื่องเงิน
"ไปกันเถอะ แค่ 2 อย่างก็พอ" เจี้ยงเฉินโบกมือออกมาอย่างไม่คิดมาก ความปรารถนาทั้งสองนี้เป็นเรื่องส่วนตัวและกระทำได้ง่ายนัก อีกทั้งยังมิมีปัญหาหรือไปขัดผลประโยชน์กับอิทธิพลใด ๆ ด้วย
" 2 อย่างนี้หรือขอรับ?" เฉียวไป่ชี่ตกใจเล็กน้อย "แต่เรา…"
"เป็นเพียงการหลอมกลั่นโอสถและบ่มสุราเท่านั้นหาได้เป็นเรื่องยากอะไรสำหรับข้าแม้แต่เพียงนิด" เจี้ยงเฉินนำม้วนภารกิจทั้งสองม้วนมาหนีบไว้ใต้รักแร้ก่อนที่จะเดินไปยังโต๊ะรับรองด้านหน้า
"ยินดีต้อนรับนายท่าน มีอันใดที่ข้าช่วยเหลือหรือขอรับ?" พนักงานต้อนรับที่โต๊ะรับรองด้านหน้าก็สุภาพมาก เขาพูดด้วยน้ำเสียงรื่นหูน่าฟังนัก
"ข้าสามารถเติมเต็มความปรารถนา 2 อย่างนี้ได้ ว่าแต่มันมีเวลาจำกัดหรือไม่?" เจี้ยงเฉินกล่าวถามออกมา
"ยอดเยี่ยมนักนายท่าน ส่วนเรื่องนั้นหาได้มีเวลาจำกัดไม่ เอ่อ...เพียงแต่ว่าความปรารถนานั้นหากท่านสามารถลงมือกระทำให้สำเร็จได้รวดเร็วเท่าไรนับว่าเป็นเรื่องที่ดีมากขึ้นเท่านั้น นี่เพราะอาจมีบุคคลผู้อื่นมาเลือกความปรารถนาเดียวกันกับท่านได้ และเมื่อเกิดการแข่งขันขึ้น ผู้ใดที่ไวกว่าและทำสำเร็จก่อนก็จะเป็นผู้ที่ได้รับรางวัลนั้นไป "
"เช่นนั้นเจ้าจะกล่าวว่า ข้าไม่สามารถนำม้วนภารกิจนี้ไปได้" เจี้ยงเฉินพยักหน้า
"ถูกแล้วนายท่าน ต้องขออภัยอย่างยิ่งแต่ท่านมิสามารถนำพวกมันออกไปได้ โปรดกลับมาเมื่อท่านสามารถกระทำตามความปรารถนาได้สำเร็จ พวกเรามีวิธีที่จะตรวจสอบมากมายหลากหลายรูปแบบอย่างเคร่งครัด นายท่านมั่นใจได้เลย พวกเรานั้นรักษาความเป็นธรรมถูกต้องเที่ยงตรงไม่มีการบิดพลิ้วหรือมีปัญหาใด ๆ มานานนับพันปีแล้ว ต่อให้สายน้ำจะไหลย้อนกลับ พวกเราก็มิมีวันก่อให้เกิดความผิดพลาดใด ๆ "
"เช่นนั้นก็ดี ข้าจะรับทำความปรารถนา 2 อย่างนี้เอง"
"ตามนายท่านกล่าว รอสักครู่ข้าจะลงทะเบียนให้ขอรับ" ขั้นตอนต่าง ๆ เสร็จสิ้นในไม่ช้า
"นายท่านโปรดเก็บเอกสารชุดนี้เอาไว้อย่างระมัดระวังด้วยขอรับ มันจะเป็นหลักฐานยืนยันความถูกต้องในภายหลัง นายท่านยังมีอันใดที่ต้องการอีกหรือไม่"
เจี้ยงเฉินหัวเราะก่อนที่จะกล่าวออกมา "ข้าจะไปเดินดูรอบ ๆ "
สำหรับตอนนี้ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เจี้ยงเฉินนั้นมีความได้เปรียบมากกว่าคนอื่น ๆ ในการสนองความปรารถนา แต่หากเขากระทำมันมากเกินไปนั้นอาจจะเป็นที่อิจฉาไปถึงสวรรค์ชั้นฟ้า และดึงดูดเรื่องราวเลวร้ายเข้ามาได้
ยามนี้เขาเพียงต้องการตำแหน่งขุนนางเพื่อให้ซื้อที่อยู่ในเมืองหลวงนี้เท่านั้นไ การจะสร้างชื่อให้ตนเองได้ก็ต้องลงหลักปักฐานให้มั่นคงเสียก่อน
มิเช่นนั้นหากเขาทำตัวเด่นเกินไปจะดึงดูดความสนใจจากหลายฝ่ายและก่อให้เกิดปัญหากับเขาได้
ดั่งคำกล่าวที่ว่า ทำดีได้แต่อย่าเด่นจะเป็นภัย วิหคตัวที่นำหน้าไซร้...มักต้องศรก่อนเสมอ
เจี้ยงเฉินยังไม่คิดเป็นจุดศูนย์กลางความสนใจของหลาย ๆ ฝ่าย หลังจากที่พึ่งเดินทางมาถึงต่างที่ต่างถิ่นเช่นนี้ ดินแดนนี้หาใช่สถานที่ซึ่งเขามีรากฐานหนาแน่นไม่ จะเร่งรัดเติบโตมากเกินไปตอนนี้คงไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไร
หลังจากที่เจี้ยงเฉินได้ภารกิจเติมเต็มความปรารถนาแล้ว เขาก็เดินดูรอบ ๆภายในตัวหอคอยสมปรารถนาอีกสักครู่ ก่อนที่จะตัดสินใจออกมาเพราะผู้คนเริ่มหนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ
พวกเขาออกจากหอคอยสมปรารถนาด้วยความยากลำบากเพราะต้องฝ่าทะเลผู้คน หลังจากที่เจี้ยงเฉินฟันฝ่าคลื่นมนุษย์ออกมายังนอกของหอคอยสมปรารถนาได้ เขาก็ปาดเหงื่อเล็กน้อยก่อนที่จะสูดดมกลิ่นหอมของดอกลอเร็ลที่ฟุ้งขจรหอมกรุ่นเข้าไปเต็มปอดอย่างชื่นใจ "ไม่คิดเลยว่าประเทศนี้จักคิดค้นหอคอยสมปรารถนาเช่นนี้ออกมาได้!"
หลังจากที่ข้ามผ่านกาลเวลามานับพันปีแล้ว หอคอยสมปรารถนาก็ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่เอาไว้สำรับเติมเต็มความปรารถนาอีกอย่างเดียวเท่านั้น มันยังจัดเป็นสมบัติของชาติอีกด้วย เป็นมรดกที่สำคัญของอาณาจักรอีกทั้งยังเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คน
เช่นเดียวกันกับหลาย ๆ อาณาจักร ที่ต้องมีงานเฉลิมฉลองอะไรสักงานประจำปี ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เพื่อรักษาวัฒนธรรมดีงามให้สืบสานต่อไป
ทุกคนที่อยู่ในอาณาจักรตั้งแต่ชนชั้นราชาลงมาจนกระทั่งถึงสามัญชนต่างเตรียมพร้อมมีส่วนร่วมในงานนี้ทั้งสิ้น นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญว่า เพราะเหตุใดประชาชนจึงมีความกระตือรือร้นนักเมื่อหอคอยสมปรารถนาเปิดออก
หลังจากที่กลับมาถึงโรงเตี๊ยม เจี้ยงเฉินก็เข้าห้องตัวเองก่อนที่จะลั่นดาลประตู พร้อมทั้งหยิบกระดาษพู่กันมาเตรียมจดรายการที่คิดออก
ความทรงจำนับล้านปีในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขานั้น อัดแน่นไปด้วยแก่นแท้และสาระสำคัญของเกือบทุกสายอาชีพ ผู้บ่มสุราเองก็เคยเป็นสิ่งหนึ่งที่เขาหมกมุ่นอยู่กับมันจนมีความสำเร็จไม่น้อย นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาต้องใช้เวลาในการเรียบเรียงและค้นหาในความทรงจำอยู่นานพอสมควร
นี่เป็นเพราะผู้ฝึกตนนั้นจำนวนมากนั้นมีสิ่งที่ต้องค้นหาและฝึกฝนมากมายนับไม่ถ้วน หนทางของผู้ฝึกตนนั้นช่างยาวไกลและแทบจะไร้ที่สิ้นสุด ทุกอย่างล้วนต้องการเวลาทำความเข้าใจอีกทั้งบางสิ่งบางอย่างแค่ห้วงคำนึงก็บรรลุได้ การจะไปทุ่มเทเวลาเพื่อทำสิ่งอื่นนั้นคงไม่มีผู้ใดคิดกระทำ
ดังนั้นการบ่มสุรานี้เองจึงหาผู้ที่บรรลุแก่นแท้ได้ยากยิ่งนัก
แต่การดื่มสุรา,ลิ้มรสสุราเลิศล้ำและการงมงายสุราเองก็เป็นเรื่องที่มีผู้คนมากมายกระทำและให้ความสนใจ
และสิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นก็คือ ผู้หลอมกลั่นปรุงแต่งโอสถนั้นมักจะนิยมบ่มสุราด้วยเช่นกัน บางคนนั้นเชี่ยวชาญในหนทางทั้งสองสายนี้อย่างล้ำลึก
การเสริมโอสถจิตวิญญาณบางอย่างลงในสุราหรือการหลอมกลั่นสุราจิตวิญญาณเองก็นับว่าให้ผลลัพธ์อัศจรรย์นัก และมันตอบสนองความต้องการของผู้ฝึกตนส่วนมากได้อย่างดีเยี่ยม
ในชีวิตที่แล้วเจี้ยงเฉินเองก็ดำเนินอยู่บนหนทางสายนี้มาไม่น้อย
ตัวเขานั้นหาได้ไม่คุ้นเคยกับสุราน้ำค้าง 9 แดนสรวงนี้ไม่ เพราะแท้จริงแล้ว...มันเป็นสุราที่ตัวเขาเป็นผู้คิดค้นและบ่มกลั่นออกมาในชีวิตที่แล้ว
เพียงแต่ระดับของสุราน้ำค้าง 9 แดนสรวงที่เขาบ่มเพาะและดื่มกินเป็นประจำในชีวิตที่แล้วนั้น ไม่ใช่สุราที่รองเจ้าวิหารหมื่นสมบัติมีสิทธิ์ได้ลิ้มลองอย่างแน่นอน สุราน้ำค้าง 9 แดนสรวงนั้นแบ่งออกเป็นระดับ สามัญ,วิญญาณ,พิภพ,สวรรค์
ในชีวิตที่แล้วของเจี้ยงเฉินนั้น เขาได้ศึกษาและเรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับการบ่มสุรามาไม่น้อย เขาจึงสามารถจำแนกระดับของสุราได้เป็นอย่างดี
เรื่องที่เขานั้นสงสัยอยู่ในตอนนี้นั้นก็คือ ที่แท้แล้วรองประมุขวิหารหมื่นสมบัตินั้น มันได้มีโอกาสไปดื่มชิมลิ้มลองสุราระดับใดมากันแน่ระหว่าง สามัญ กับ วิญญาณ?
สำหรับระดับสูงกว่านี้แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะมีโอกาสได้ลิ้มลอง เพราะมีแต่เซียนสวรรค์เท่านั้น
เจี้ยงเฉินสงสัยว่าน่าจะเป็นระดับวิญญาณ เพราะถ้ามันเป็นเพียงสุราระดับสามัญคงเป็นไปไม่ได้ที่รองประมุขวิหารจะกล่าวถึงมานับหลายปีเช่นนี้ อีกอย่างตัวเขาเป็นถึงรองประมุขวิหารหมื่นสมบัติน่าจะมีประสบการณ์ได้ลิ้มรสสุราไม่น้อย
สำหรับสุราน้ำค้าง 9 แดนสรวงนี้หากจะกล่าวกันจริง ๆ แล้วมันสมควรมีนามว่า สุรา 9 บุบผาสวรรค์ เสียมากกว่า เพราะมันถูกบ่มกลั่นมาจากสาระสำคัญของยอดบุปผาล้ำลึกสุดหยั่งของแดนสวรรค์ เพื่อหลอมสร้างผสมผสานบังเกิดเป็นโอชารสกลมกล่อมลึกล้ำมิรู้ลืมให้แก่ผู้ที่ได้ลิ้มลอง
สุราชนิดนี้นั้นกล่าวได้ว่ามีกลิ่นหอมตราตรึงสลักลึกไปถึงจิตวิญญาณ อีกทั้งด้วยรสชาติที่ไร้คู่เปรียบทำให้ผู้ที่ได้จิบมันเพียงเล็กน้อยก็ยากที่จะลืมเลือน
เจี้ยงเฉินย่อมเข้าใจความรู้สึกของรองประมุขวิหารหมื่นสมบัตินั้นดี ว่าการที่มันบอกว่าได้ลิ้มรสเพียงครั้งยากรู้ลืมเป็นเช่นไร และเหตุใดมันจึงงมงายอยากดื่มสุราชนิดนี้ถึงเพียงนี้ เพราะเรื่องนี้ย่อมเป็นเอกลักษณ์ของสุรา 9 บุบผาสวรรค์นั่นเอง ลิ้มรสเพียงครั้งคำนึงหานิจนิรันดร์
ผลลัพธ์ของนักดื่มทุกผู้ต้องประสบนั้นก็คือ ล้วนแล้วแต่คำนึงหาทั้งสิ้น อีกทั้งผลของการดื่มสุรานั้นมักจะเกิดหลังจากที่ดื่มไปหมดสิ้นแล้ว และสุราน้ำค้าง 9 แดนสรวงนี้เองก็ขึ้นชื่อเรื่องนี้เป็นอย่างดีในการทำให้ผู้คนหลงงมงายไม่รู้ตัว นักดื่มทั้งหลายมักถูกผลลัพธ์นี้เล่นงานหลังจากดื่มไปครั้งแรกเสมอ
ดูเหมือนว่ารองประมุขวิหารหมื่นสมบัตินั้นจะเป็นผู้งมงายในสุราเลิศรสโดยแท้จริง มิฉะนั้นเขาคงไม่ยินยอมที่จะจ่ายราคาสูงถึงขนาดนี้และหวังว่าจะได้ลิ้มลองมันอีกครั้งอย่างโหยหาทุกลมหายใจเข้าออกแบบนี้
เจี้ยงเฉินได้จดวัตถุดิบและส่วนผสมที่จำเป็นในการบ่มกลั่นสุราน้ำค้าง 9 แดนสรวงนี้ทั้งในระดับสามัญ และระดับวิญญาณที่เขาได้รำลึกขึ้นมาจากความทรงจำของเขา สำหรับระดับที่มีไว้สำหรับเซียนดื่มกินนั้นคงไม่จำเป็น
ส่วนผสมของสุราน้ำค้าง 9 แดนสรวงนี้ไม่สามารถผิดพลาดได้แม้แต่น้อย
ถึงแม้ว่าเขาจะรวบรวมบุปผาได้ครบทั้ง 9 ชนิด แต่ถ้าเกิดเขาเลือกส่วนผสมรองที่พลาดไปแม้เพียงองคุลี จะทำให้บังเกิดผลขัดแย้งไม่สมดุลขึ้นมา กลับกลายเป็นตัวทำลายสรรพคุณและแก่นแท้ของสาระสำคัญจากดอกไม้หลักทั้ง 9 จนกลายเป็นของเสียโดยสิ้นเชิง
และส่วนผสมสำหรับสุราน้ำค้าง 9 แดนสรวงในระดับ สามัญ และระดับ วิญญาณ นั้นก็นับว่าแตกต่างกันอย่างมหาศาล
แน่นอนว่าส่วนผสมและวัตถุดิบหลักของสุราน้ำค้าง 9 แดนสรวงระดับสามัญนั้นไม่ได้หายากเย็นและราคาก็ไม่ได้สูงมากมาย มันไม่ยากที่จะรวบรวมแม้แต่น้อย
แต่กลับเป็นส่วนผสมหลักและวัตถุดิบของสุรา น้ำค้าง 9 แดนสรวง ระดับวิญญาณ ที่ต้องใช้ความพยายามในการรวบรวมอย่างสูง และวัตถุดิบส่วนผสมรองก็ยิ่งหายากขึ้นเป็นเท่าตัวอีกทั้งยังมีจำนวนต่างกันลิบลับ ที่สำคัญยังต้องใช้ทักษะในการบ่มกลั่นขั้นสูงและระมัดระวังอย่างแท้จริง
ส่วนผสมและวัตถุดิบรองของ สุราน้ำ 9 แดนสรวง มีไว้เพื่อขับกลิ่นและขับรสของบุปผาทั้ง 9 ออกมาให้ถึงขีดสุด อีกทั้งยังต้องผสมผสานกลิ่นของบุปผาทั้ง 9 ชนิดและทำให้กลิ่นหอมขจรนั้นหลอมรวมผสมผสานสลักลงไปในรสชาติของสุราโดยสมบูรณ์ เพื่อที่มันจะมิมีวันแยกหรือเจือจางออกไปจากรสชาติของสุรา
บุปผาแต่ละชนิดนั้นต้องการวัตถุดิบเสริมเพื่อเป็นตัวผสมผสานแตกต่างกันไป และยังต้องระมัดระวังให้ความสำคัญของวัตถุดิบเสริมอย่างถึงขีดสุด เพราะไม่สามารถทำให้มันไปขัดแย้งหรือทำลายสรรพคุณของบุปผาหลักชนิดอื่น ๆ ได้
นี่นับว่าเป็นการทดสอบทักษะของผู้บ่มกลั่นอย่างแท้จริง
จากความรู้และขีดความสามารถของนักบ่มกลั่นสุราส่วนมากนั้น อาจกล่าวได้ว่าหากยังล้ำลึกไม่เพียงพอตลอดชีวิตนี้ของพวกมันจะไม่มีวันบ่มกลั่นสุราชนิดนี้ออกมาได้เลย และนี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมสุราชนิดนี้ถึงไม่ค่อยมีโผล่ออกมาให้เห็นมากนักและสูตรการบ่มกลั่นก็ตกทอดมาน้อยมาก ๆ
คนธรรมดานั้นสามารถทำให้ลูกหลายและวงศ์ตระกูลของพวกมันนั้นร่ำรวยและมั่งคั่งไปชั่วนิรันดร์หากพวกมันสามารถทำความเข้าใจและฝึกฝนความสามารถจนบ่มกลั่นสุราตัวนี้ได้
ม้วนภารกิจความปรารถนานี้ทำให้เจี้ยงเฉินฉุกคิดอะไรได้บางอย่าง
หากเขาต้องการที่จะวางรากฐานของตระกูลภายในเมืองหลวงของอาณาจักรนภาจันทร์แห่งนี้ในระยะเวลาอันสั้น บางที ศิลปะการบ่มกลั่นสุราอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดี
ส่วนศิลปะหรือวิธีอื่น ๆ ไม่ว่าจะมากหรือน้อยย่อมมีการปะทะต่อสู้กับคู่แข่ง ศิลปะการบ่มกลั่นหรือหมักสุรานี่แลเรียบง่ายและไร้คู่แข่งที่สุดแล้ว
การดื่มสุรานั้นค่อนข้างเป็นที่นิยมในอาณาจักรนภาจันทร์แห่งนี้ อันตัวบุรุษนั้นแน่นอนว่าย่อมแสวงหาและเน้นดื่มแต่สุราชั้นยอดเลิศรสทั้งนั้น แม้แต่สตรีเองก็นิยมชมชอบไม่ต่ำไปกว่า 1-2 ส่วน
เหล่าองค์รักษ์ประจำตัวของเจี้ยงเฉินทั้ง 8 คนที่ให้ไปหาข่าวมา ก็กลับมาภายในคืนนั้นและทั้งหมดก็สืบได้ความที่มีประโยชน์กลับมาแทบทั้งสิ้นไม่มากก็น้อย
และเห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้พยายามกระทำอย่างเต็มที่แล้วในวันนี้
แน่นอนล่ะเจี้ยงเฉินต้องรู้ว่าพวกเขาสมควรฝึกฝนในเรื่องเช่นนี้เอาไว้ เพราะพวกเขาล้วนเกิดมาจากสถานที่และอาณาจักรเล็ก ๆ พวกเขาจะอาศัยและใช้ชีวิตอยู่ในอาณาจักรที่กว้างใหญ่และเจริญอย่างอาณาจักรนภาจันทร์แห่งนี้ได้อย่างไรในภายภาคหน้า หากไม่ฝึกฝนให้คุ้นชินเอาไว้ก่อน
ในอีก 2-3 วันต่อไปเขาจะให้เหล่าองครักษ์ประจำตัวของเขาทั้ง 8 คนแยกย้ายกันไปเพื่อซื้อส่วนผสมที่แตกต่างกัน เขาเน้นให้พวกมันทั้ง 8 เลือกซื้อหาจากร้านค้าโอสถวิญญาณที่มีขนาดกลางและหลีกเลี่ยงร้านค้าขนาดใหญ่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้.
....
ส่วนผสมและวัตถุดิบส่วนมากสามารถหาซื้อได้หลังจากนั้นเพียง 1 วัน ยังคงมีส่วนผสมเสริมอีก 2 ชนิดที่ไม่สามารถหาซื้อได้แม้จะเข้าไปในร้านค้าโอสถขนาดใหญ่แล้วก็ตาม
เจี้ยงเฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ถึงแม้วัตดุดิบส่วนผสม 2 ชนิดนี้จะไม่ค่อยธรรมดาสัก แต่พวกมันไม่ควรหาได้ยากเย็นขนาดนี้ นี่เป็นเพราอะไรกันแน่?
ในที่สุดเขาก็ได้ไปถามด้วยตัวเองและได้รับรู้มาว่าไม่ใช่วัตถุดิบและส่วนผสมทั้ง 2 ชนิดนั้นหามีไม่ แต่ร้านค้าโอสถวิญญาณเจ้าใหญ่ ๆ ทั้งหลายได้กักตุนสินค้าของพวกมันเอาไว้และไม่คิดที่จะขายพวกมันในตอนนี้
เหตุผลนั้นก็มิใช่อะไรมากมายเพียงแค่ว่า วิหารทักษินครามสวรรค์นั้น มีแผนการที่จะจัดแสดงงานนิทรรศการที่ยิ่งใหญ่ในเมืองหลวงแห่งนี้หลังจากนี้อีก 2-3 วัน เรื่องของเรื่องก็คืองานเทศกาลนี้จะอุดมไปด้วยเหล่าผู้หลอมกลั่นปรุงแต่งโอสถวิญญาณทั้งหลายของวิหารทักษินครามสวรรค์ หากนำเหล่าวัตดุดิบสมุนไพรต่าง ๆ มาขายช่วงนั้น น่าจะทำกำไรได้มากกว่านั่นเอง
เพราะนอกเหนือจากเปิดตำหนักรักษาสาธารณะแล้ว ยังมีการจัดนิทรรศการแสดงต่าง ๆ อีกทั้งยังจัดแสดงรวมถึงจำหน่ายโอสถวิญญาณมากมายหลากหลายประเภทอีกด้วย
ดูเหมือนว่าสินค้าหลากหลายรายการอาจจะขายได้ราคาที่ดีขึ้นในงานนิทรรศการครั้งนี้ เหล่าเจ้าของร้านค้าทั้งหลายจึงเลือกที่จะเก็บสินค้าวัตถุดิบต่าง ๆ ที่พอมีระดับเอาไว้ก่อน เพื่อนำไปจำหน่ายในงานนี้หวังทำกำไรให้ได้มากขึ้น