spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ผู้อาวุโสเฟยที่เด็กน้อยทั้งสองกล่าวถึงนี้ นับว่าดูไปช่างแปลกประหลาดพิกลนัก ทั้งร่างกายที่ซูบผอมของเขาอีกทั้งกับขนาดศีรษะที่พิลึกพิลั่นนั่น ...มันส่งผลให้เขาดูท่าทางน่าขบขันยิ่งนัก
ร่างของชายชรานั้นมีรูปร่างผอมบางราวก้านโสม แต่ทว่าศีรษะของเขากลับแบนราบราวกับฟักทองแก่...
ด้วยศีรษะที่ดูแปลกประหลาดอีกทั้งชุดพิกล ๆ ที่เขาสวมใส่ ไม่ว่าจะอย่างไรมันก็ดูเป็นชายชราที่แปลกประหลาดยิ่งนัก
ศีรษะนั้นมันแลคล้ายฟักทองอย่างถึงที่สุด คางที่ควรมีความเรียวก็หามีไม่ กลับกลายเป็นแบนราบราวกับพื้นระนาบ
"คำนับท่านผู้อาวุโสเฟย" เด็กชายทั้งสองคนรีบทำความเคารพออกมาอย่างนอบน้อมเมื่อได้เห็นชายชรา
"คนของวิหารอุดรครามสวรรค์ยิ่งมายิ่งกร่างและทำตัวเหิมเกริมนัก" อาวุโสเฟยเกรี้ยวกราดอย่างมาก "พวกมันกล้าล่วงละเมิดเขตแดนของข้าเช่นนี้ มิหลงเหลือความยำเกรงอันใดแล้ว!"
"ท่านผู้อาวุโสได้โปรดสงบสติอารมณ์ก่อน พวกโง่งมนั่นต้องคิดว่าท่านผู้อาวุโสต้องเอาแต่เก็บตัวอยู่ในพระราชวังของหุบเขาชิงหยาง และมิคิดที่จะลดตัวออกมาเฝ้าระวังเขตแดนเช่นนี้เป็นแน่ นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกมันกล้ากระทำการก้าวร้าวเช่นนี้"
“อืม คำอธิบายนี้มีเหตุผล แต่นั่นยังมิได้เปลี่ยนความจริงที่พวกวิหารอุดรครามสวรรค์นั้นกล้ากระทำการไร้ยางอายโดยมิได้หวาดเกรงอำนาจของข้าไม่ พวกมันคิดหรือว่าเราผู้ชราจักใจดีเยี่ยงนี้ตลอดไปธ ฮึ่ม!”
อันที่จริงแล้วหุบเขาชิงหยางนั้นก็นับเป็นสถานที่หนึ่งของนิกายพฤกษาสวรรค์ มันก็มีไว้กระทำพิธีกรรมบางอย่างเช่นกัน หากจะพินิจไปแล้วพวกมันก็ล้วนแล้วแต่มาจากรากเหง้าเดียวกันทั้งนั้น...
ดวงตาซีดจางของชายชราจับจ้องไปยังเจี้ยงเฉินและกลุ่มของเจี้ยงเฉินรอบหนึ่งก่อนที่จะกล่าวถามออกมา "เจ้าเป็นผู้ใด แล้วพวกวิหารอุดรครามสวรรค์นั้นไล่ต้อนเจ้าด้วยเหตุอันใด?"
เจี้ยงเฉินรู้ว่าชายชราคนนี้ย่อมแข็งแกร่งไม่น้อย การที่จะกำราบศิษย์พี่หลิวที่มีระดับผู้ฝึกตนอาณาจักรปราณวิญญาณได้ใน 1 กระบวนท่านั้นย่อมมีความสามารถพอตัว เขาคาดเดาเอาว่าระดับฝึกตนของชายชราผู้นี้หาได้ด้อยว่าชูชิงหานของนิกายตะวันม่วงนั่นเป็นแน่
"ท่านผู้อาวุโส จริง ๆ แล้วพวกเราเป็นเพียงผู้บริสุทธิ์เท่านั้น พวกเราเพียงกำลังเดินทางไปตามทางของพวกเราอย่างถูกต้อง แต่พวกวิหารอุดรครามสวรรค์นั้นกลับยืนกรานที่จะไล่ล่าและเข่นฆ่าพวกเราโดยที่ข้ามิทราบสาเหตุ"
อาวุโสเฟยหัวเราะคิกคักก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า "คำถามนี้หาใช่เรื่องยากที่จะตอบไม่ พวกวิหารอุดรครามสวรรค์นั้นนับว่าเป็นพวกโลภโมโทสันอย่างถึงที่สุด สัตว์วิญญาณที่พวกเจ้าใช้ขับขี่นั้น นับว่ามีระดับเหนือกว่ามังกรไวเวิร์นของพวกมันมากนัก หากพวกมันไม่โลภและคิดแย่งชิงนั่นสิจักเป็นเรื่องผิดปกติ"
"ที่แท้กลับเป็นเช่นนี้นี่เอง วาจาเลิศล้ำของผู้อาวุโสช่วยให้ข้ากระจ่างแจ้งแล้ว" เจี้ยงเฉินนั้นย่อมเป็นคนที่รู้ว่ายามไหนควรกล่าวอย่างไรมันเป็นคนที่สามารถปรับวาจาให้สอดรับกับสถานการณ์ได้
ชายชราคนนี้แลดูไปน่าจะกล่าวเจรจาได้ง่ายดายกว่าพวกวิหารอุดรครามสวรรค์มากนัก เจี้ยงเฉินจึงเปลี่ยนรูปแบบการกล่าววาจาเป็นรื่นหูนัก
"อย่าได้กล่าวยกยอข้าให้มาก แม้นข้าอาจจะมิได้ชอบเข่นฆ่าและปล้นชิงผู้คน แต่จะอย่างไรพวกเจ้าก็ต้องรับโทษทัณฑ์ที่บุกรุกดินแดนของข้า"
"อาวุโส เหตุใดเรื่องนี้พวกเราไม่ ท่านก็เห็น ... "
“อย่าได้กล่าวแล้ว ข้ารู้ว่าพวกเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์ หากเจ้ามีเจตนาบุกรุกป่านนี้ข้าจับพวกเจ้าไปทำปุ๋ยเนิ่นนานแล้ว เอาล่ะข้ามิได้อยากกล่าวข่มขู่พวกเจ้าแต่อย่างไรก็ต้องจ่ายมา 20 ปี! พวกเจ้าสามารถออกจากหุบเขาชิงหยางแห่งนี้หลังจากที่พวกเจ้าทำงานเป็นทาสโอสถเป็นเวลา 20 ปีต่อจากนี้เท่านั้น"
อาวุโสกล่าวออกพร้อมกับสะบัดมือ มันต้องทำให้กฎเกณฑ์ของมันเด็ดขาดไม่สามารถละเว้นได้มิเช่นนั้นแล้วกฎมันก็จะไม่เป็นกฎอีกต่อไป มันจะกระทบถึงความเคารพนับถือของผู้คนได้
เจี้ยงเฉินพลันเผยรอยยิ้มเจื่อน ๆ ออกมา การกระทำของหุบเขาชิงหยางหาได้ผิดไปจากคำกล่าวของเทียนหลงก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย พวกมันหาได้เข่นฆ่าสังหารผู้คนจริง ๆ...แต่พวกมันกลับบังคับให้พวกเขากลายเป็นทาสโอสถ 20 ปีแทน!
เจี้ยงเฉินนั้นเพียง 2 ปีมันก็อยู่ไม่ได้แล้ว จะนับประสาอะไรกับ 20 ปี
ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่เขาได้ตบปากรับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะกับเทียนหลงแล้วว่า เขาจะนำสิ่งของชิ้นนี้กลับไปให้ถึงครอบครัวของมัน เขาได้รับปากไว้แล้วว่าจะกระทำให้แล้วเสร็จภายในเวลา 7 วันอย่างแน่นอน แต่นี่มัน 20 ปี!
อย่างไรก็ตามหากจะตัดสินจากทีท่าของอาวุโสเฟยแล้ว นับว่ามันหาได้ล้อเล่นแต่อย่างไร
การรักษาภาพรวมนั้นสำคัญกว่าความเห็นส่วนตน
"เด็กน้อย ข้ามองเห็นความหลักแหลมฉายชัดอยู่บนหน้าเจ้า อย่าได้พยายามวางแผนทำอะไร แม้เพียงวันเดียวจาก 20 ปีข้าก็มิลดให้ หากเจ้ากล้าที่จะหนีไปล่ะก็ เฮอะ เฮอะ! ดื้อใหญ่, ดื้อรอง, กล่าวกฎระเบียบให้พวกมันฟัง "
"พวกเราจะจับตัวพวกท่านหากคิดหนีและจะสับพวกท่านเป็นชิ้น ๆ เอาไปทำปุ๋ย" เด็กชายตัวน้อยทั้งสองกล่าวออกมาอย่างพร้อมเพรียง
ใบหน้าของเจี้ยงเฉินเริ่มเปลี่ยนเป็นหมองคล้ำ ให้มันได้อย่างนี้สิ! ข้าที่เคยเป็นผู้หลอมโอสถที่เลิศภพจบแดนไปทั้ง 3 โลกชื่อเสียงร่ำลือสะท้านสวรรค์ แต่ยามนี้กลับต้องลดตัวมาเป็นทาสโอสถให้ชายชราหน้าตลกเช่นนี้? น่าอับอายนัก!
"เอาล่ะแล้วหากพวกเราเป็นทาสโอสถแล้ว สิ่งใดรึที่ท่านคิดจัดแจงให้พวกเรากระทำ?
"จัดแจงสิ่งใดให้กระทำงั้นหรือ?" ชายชรากลอกตาครุ่นคิดเล็กน้อย "มือสมัครเล่นเช่นพวกเจ้า..อืม..เริ่มต้นด้วยการหาบน้ำ หลังจากนั้นในแต่ละวันต้องใช้เวลาเรียนรู้เกี่ยวกับความรู้พื้นฐานของโอสถจิตวิญญาณเป็นเวลา 3 เดือนหลังจากนั้นค่อยเรียนรู้เรื่องการหลอมโอสถ"
"หาบน้ำ" เจี้ยงเฉินแทบจะระเบิดออกมา
"อะไรเจ้าไม่ต้องการ?" ชายชราหัวเราะเบา ๆ "เช่นนั้นก็ไปหาบอุจาระ"
"ไม่เป็นไร! ฮึ่มม หาบน้ำแล้วอย่างไร? ข้าจะหาบน้ำ " เจี้ยงเฉินขบเคี้ยวฟัน
เฉียวไป่ชี่ที่ยืนนิ่งสงบเงียบมาเป็นระยะเวลานานคราวนี้มันพลันรวบรวมความกล้ากล่าวออกมา "ผู้อาวุโสมิทราบว่าผู้น้อยขออนุญาตกล่าววาจาสัก 2-3 คำจะได้หรือไม่?"
"หากเจ้ามีลมอันใดที่คิดจะผาย ก็รีบผายมันออกมาเสีย" ชายชราเริ่มรู้สึกรำคาญใจแล้ว
"ท่านผู้อาวุโสข้าน้อยนั้นนับว่าเคยเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับโอสถมามิน้อย พอมีความรู้ด้านหลอมปรับแต่งเม็ดยาบางชนิดอยู่บ้างและมีพื้นฐานด้านโอสถหลายปี พวกเรามีทั้งหมด 20 คน หากให้คิดคำนวณต้องเป็นทาสโอสถกันคนละ 20 ปีเช่นนั้นเหตุใดมิให้ข้าเป็นทาสโอสถของท่าน 400 ปี แล้วปล่อยพวกเขาไปเล่า? ท่านคิดกล่าวว่าอย่างไร?"
แม้จะเป็นเจี้ยงเฉินเองก็รู้สึกคาดไม่ถึงอยู่บ้างกับวาจาครั้งนี้ของเฉียวไป่ชี่ เขารู้ว่าเฉียวไป่ชี่นั้นจงรักภักดีกับเขา แต่คาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเรื่องเช่นนี้มันยังยินดีรับไว้
"เจ้ามีความรู้ด้านโอสถเช่นนั้นหรือ?" ชายชรารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย "เจ้าคงมิได้โกหกชายชราผู้นี้หรอกนะ?"
"ผู้อาวุโส ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญ ข้าผู้น้อยจะไปหาญกล้าหลอกลวงท่านด้วยแผนการตื้นเขินเช่นนี้ได้อย่างไรกัน? นอกจากนี้หากท่านมีผู้เชี่ยวชาญเช่นข้าอยู่รับใช้เป็นเวลา 400 ปี ย่อมมีประโยชน์แก่ท่านมากกว่ารับพวกมือสมัครเล่นไม่ประสา มีคำกล่าวไว้ว่า ผู้เชี่ยวชาญทำงาน 1 ปี ย่อมมีค่ามากกว่ามือสมัครเล่นทำงานนับ 10 ปี ท่านผู้อาวุโสเฟย จะอย่างไรตัวท่านก็ยังเป็นผู้ตัดสินว่าจะเอาเยี่ยงไร "
"ฮ่า ฮ่า เจ้านับเป็นบุคคลที่ซื่อสัตย์ดีงามคนหนึ่ง เช่นนั้นข้าจะรับเรื่องนี้ไปพิจารณา หากข้าพบว่าวันหนึ่งเจ้ามีศักยภาพในการเป็นผู้หลอมโอสถมากพอ ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้แก่เจ้า "
"มิได้! ท่านผู้อาวุโส ตัวข้านั้นสามารถรอได้ แต่นายน้อยของข้านั้นมีเรื่องราวเร่งด่วนที่ต้องรีบไปกระทำในเมืองหลวง ท่านทดสอบตอนนี้เลยมิได้หรือ? "
ชายชรากล่าวออกมาอย่างฉุนเฉียว "ตอนนี้ข้าเองก็มิมีเวลา ข้าแทบจะเดินทางไปทั่วทั้งอาณาจักรนภาจันทร์อยู่แล้ว ลำบากตระเวนไปทั่วแต่ยังหาหญ้าชะตาลี้ลับ มิได้แม้แต่กอเดียว บัดซบนัก บัดซบ บัดซบ!"
หญ้าชะตาลี้ลับ?
เฉียวไปชี่เองก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน เขาต้องการที่จะแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขา แต่เขาก็สูญเสียโอกาสพูด
เพราะเจี้ยงเฉินนั้นได้กล่าวขึ้นมาว่า "ผู้อาวุโสท่านค้นหาหญ้าชะตาลี้ลับเช่นนี้ เพื่อนำมันไปหลอมโอสถกล่อมจิตอัศจรรย์ หรือว่าอมตะพิศวงกันเล่า?"
“หืม?" ท่าทางเคร่งเครียดและหม่นหมองของชายชราพลันแปรเปลี่ยนไปในพริบตาทันทีที่ได้ยินคำถามของเจี้ยงเฉิน ดวงตาที่มัวหมองของมันถึงกับจับจ้องไปยังเจี้ยงเฉินพร้อมทอประกายเรืองวูบออกมา”
"เด็กน้อย เจ้าเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับโอสถกล่อมจิตอัศจรรย์ มาด้วยเช่นนั้นรึ?" อาวุโสนั้นพุ่งร่างตัดระยะในเสี้ยวพริบตาก่อนที่จะมาหยุดลงตรงหน้าเจี้ยงเฉิน พร้อมทั้งดีดนิ้วสลายเชือกแสงที่พันธนาการร่างเอาไว้ทันที
"ฮี่ ฮี่ อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่จะอย่างไรข้าก็เคยได้ยินเรื่องราวนี้มาอยู่บ้าง"
ดวงตาของชายชราเปล่งแสงเรืองวูบออกมา แต่หลังจากนั้นก็ถอนหายใจด้วยอาการซึมเศร้า "ถึงเจ้าจะเคยได้ยินเรื่องนี้แล้วจะอย่างไรกันเล่า แม้แต่สูตรโอสถชายชราผู้นี้ก็ล่วงรู้ แต่น่าเสียดายที่จะทำอย่างไรข้าก็มิอาจหลอมสร้างมันได้เพราะข้ามิสามารถหาหญ้าชะตาลี้ลับได้พบ ทุกอย่างล้วนไร้ประโยชน์"
โอสถกล่อมจิตอัศจรรย์นี้นับเป็นโอสถโบราณที่มีไว้เพื่อระงับอาการปราณคลุ้มคลั่งและจิตใจที่ยุ่งเหยิง กล่าวได้ว่ามันสามารถทำให้ลมปราณและจิตใจนั้นสงบลงอย่างยิ่ง สุดท้ายแล้วมันก็มีผลคล้ายคลึงกันกับผงพิชิตมารของเจี้ยงเฉิน
เพียงแต่ว่าโอสถกล่อมจิตอัศจรรย์นั้นนับว่ามีระดับและสรรพคุณที่เหนือล้ำกว่ากันมาก มันนับเป็นโอสถที่มีระดับขั้นสูงกว่าผงพิชิตมารอยู่ไกลโข มันเป็นโอสถที่ผู้ฝึกตนอาณาจักรปราณแท้จริงมิสามารถใช้ได้ โอสถนี้มีความลึกล้ำมากเกินไป
"นั่นสิหน้าหากจะกล่าวไป หญ้าชะตาลี้ลับนี่ก็นับว่าหายากมิใช่น้อย มันค่อนข้างอาศัยสภาพแวดล้อมในการถือกำเนิดที่จำเพาะเจาะจงมากทีเดียว นับว่าการจะหามันพบนี่จำเป็นต้องพึ่งโชควาสนาอย่างยิ่ง อาศัยการค้นหาตระเวนไปทั่วคงยากนักที่จะพบ" เจี้ยงเฉินเริ่มที่จะแสดงความสามารถเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบแล้ว
อันที่จริงแล้วหากจะกล่าวถึงความทรงจำจากชีวิตที่แล้วของตัวเข้านั้น...ไอ้หญ้าชะตาลี้ลับนี้ก็มิได้มีค่าอันใดมากไปกว่าวัชพืช...หากเขาพบเจอมันในสวนสมุนไพรของเขาเป็นอันต้องถอนทิ้งอย่างรำคาญทุกที
นี่อาจจะกล่าวเปรียบเทียบถึงระดับความเลิศล้ำในศาสตร์แห่งโอสถสวรรค์และโลกมนุษย์ได้เป็นอย่างดี หญ้าชะตาลี้ลับบนโลกนี้อาจมีค่ามากมายมหาศาล แต่สำหรับสวนของเขา มันก็เป็นเพียงหญ้าไร้ราคาเป็นวัชพืชที่น่าถอนทิ้งไปมิให้รกหูรกตา
แต่ในโลกโลกิยะแห่งนี้ หญ้าชะตาลี้ลับนั้น เพียงต้องพึ่งโชควาสนาระดับสูงเท่านั้นถึงจะค้นหามันพบ..
"เด็กน้อยอย่าได้นำเรื่องนี้มาล้อเล่นต่อหน้าข้า อาศัยแค่เจ้าเคยได้ยินชื่อโอสถนี้เล็กน้อยอย่าได้หมายคิดจะแสดงตนมาโอ้อวดข่มขู่ข้า เก็บแผนการของเจ้าไปซะ อย่าคิดว่าในระยะเวลา 20 ปีนี้ข้าจะลดให้แม้เพียงสักวัน"
"ฮี่ฮี่ ข้าเองก็เคยได้ยินผู้อาวุโสคนนั้นเคยกล่าวไว้ว่า บางครานั้นสมุนไพรและวัตถุดิบบางชนิดก็ยากที่จะค้นหานัก อย่างเช่นหญ้าชะตาลี้ลับนั่นล่ะ เช่นนั้นการปรุงโอสถกล่อมจิตอัศจรรย์นั้นนับว่าเป็นเรื่องที่ลำบากลำบนไม่น้อย แต่ดูเหมือนท่านผู้อาวุโสของข้ายังจะเคยกล่าวเอาไว้อีกด้วยว่า โอสถกำเนิดวัฎจักรพิสุทธิ์ หรืออะไรสักอย่างนี่ล่ะน้า ที่สมุนไพรส่วนผสมและวัตถุดิบต่าง ๆ ค่อนข้างหาได้ง่ายกว่ากันอย่างยิ่ง อีกทั้งยังมีผลลัพธ์ที่ดีเลิศหรืออย่างน้อยก็ยังเท่าเทียมกับโอสถกล่อมจิตอัศจรรย์ ข้าเองก็สงสัยว่าผู้อาวุโสท่านนั้นกำลังกล่าวหยอกล้อข้าอยู่หรือไม่"
"โอสถกำเนิดวัฎจักรพิสุทธิ์? เจ้า .. เจ้าเคยได้ยินเรื่องราวโอสถกำเนิดวัฎจักรพิสุทธิ์อะไรนั่นจริง ๆ รึ" ยามนี้ราวกับมีดอกไม้นานาพรรณเบ่งบานขึ้นบนใบหน้าผอมแบนของชายชรามิต่างอันใดกับฤดูใบไม้ผลิ
"แน่นอนว่าข้าย่อมเคยได้ยินมา มีอันใดน่าประหลาดใจหรือ" เจี้ยงเฉินเจตนาตีหน้าซื่อ
"มีอันใดหน้าประหลาดใจ?" ชายชรากระทืบพื้น "เจ้าถามถึงเรื่องประหลาดใจ? เจ้ารู้ไหมข้าต้องชำระเงินไปเท่าไหร่ในการจ้างวานใครบางคนให้มันหลอมสร้างโอสถกล่อมจิตอัศจรรย์เพียง 1 ชุดให้ข้า? ข้าจ่ายเงินไปแล้ว แต่ถึงกระนั้นข้ายังต้องไปดั้นด้นออกค้นหาหญ้าชะตาลี้ลับด้วยตัวเอง สูตรโอสถโบราณแทบทั้งหมดล้วนเป็นความลับอย่างยิ่ง เจ้ายังกล้าถามอีกว่าเรื่องนี้มันน่าประหลาดใจตรงไหน?
เจี้ยงเฉินนั้นยามนี้เขารู้สึกลิงโลดอย่างยิ่ง คำกล่าวนี้ของชายชราเผยออกมาให้เขารู้ว่า มันมิเคยมีสูตรโอสถกล่อมจิตอัศจรรย์อยู่กับตัวด้วยซ้ำ
"หากท่านอยากกล่าวว่ามันน่าประหลาดใจเช่นนั้นมันก็น่าประหลาดใจ หากท่านอย่างกล่าวว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาเช่นนั้นมันก็เป็นเรื่องธรรมดา หากท่านรู้วิธีจัดการกับมันก็หาใช่เรื่องยากอันใด แต่หากท่านคิดว่ามันเป็นเรื่องยากนั่นเพราะทานมิรู้วิธีจัดการกับมัน “
"หากท่านรู้วิธีจัดการกับมันก็หาใช่เรื่องยากอันใด?" ชายชรากระโดดโลดเต้นออกมาก่อนที่จะคว้าแขนของเจี้ยงเฉิน "เด็กน้อยน่ารัก บอกข้าว่าเป็นผู้ใดที่ล่วงรู้สูตร! หากเจ้าสามารถตามหาคนผู้นั้นได้ มิว่าราคาเท่าไรข้าล้วนยินดีจ่าย"
"ข้าเองก็อยากออกไปตามหาใครคนนั้นเช่นกันนะ แต่ยามนี้ข้าจะไปหาเขาได้อย่างไรเล่าถ้าข้าต้องติดอยู่ที่นี่ 20 ปี?" เจี้ยงเฉินย่อมรู้ดีว่ายามนี้ชายชรามิต่างอันใดกับปลาที่ตะครุบเหยื่อแล้วเหลือเพียงสาวคันเบ็ดและนำขึ้นมาเท่านั้น
"อย่าได้กล่าววาจาไร้สาระหยอกล้อข้าแล้ว" ชายชราโบกมือไปมา "หากเจ้าสามารถค้นหาผู้ที่สามารถหลอมสร้างหรือรู้สูตรโอสถ กำเนิดวัฎจักรพิสุทธิ์นี้ได้ ข้าจะยินยอมแม้กระทั่งก้มหัวให้เจ้า หรือจะให้ข้าเรียกเจ้าบิดาที่เคารพรักก็ยังได้ 20 ปี? ใช่ ๆ ข้าเองก็มิมีปัญหาหากจะต้องเป็นทาสโอสถเจ้า 20 ปี"
เจี้ยงเฉินรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่อยู่ดี ๆ ชายชราผู้นี้เลือกที่จะมาเคาะประตูบ้านเขาด้วยตัวมันเองเช่นนี้
"คำถามไร้สาระมิต้องแล้ว ชายชราผู้นี้ดูเหมือนคนที่มิรักษาคำพูดหรือไร้สัจจะหรือไม่? "
"ท่านดูมิได้เป็นเช่นนั้น" เจี้ยงเฉินส่ายหัว
ดวงตาเล็ก ๆ ของชายชรากลอกไปมาอย่างบ้าคลั่ง ในตอนแรกนั้นเขาคิดว่าเจี้ยงเฉินอาจเพียงกล่าวโอ้อวดออกมา แต่ยามนี้ที่เขาได้ฟังมันกลับแฝงความเป็นไปได้เรื่องเรื่องจริงเอาไว้หลายส่วน เด็กน้อยผู้นี้ยังล่วงรู้อีกด้วยซ้ำว่าเขาต้องการอันใดและกล่าวถึงอะไรอยู่
ชายชราคนนี้ได้ทุ่มเทพยายามเป็นเวลา 20-30 ปีแล้วสำหรับโอสถกล่อมจิตอัศจรรย์นั่น เขาทำงานหนักจนแทบจะเหลือแต่โครงกระดูกอยู่แล้ว
เขาได้พยายามทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว แต่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว
แม้จะมีคำกล่าวบางอย่างของเจี้ยงเฉินที่เขารู้ว่ามันไม่ได้กล่าวความจริงออกมาทั้งหมด แต่อย่างไรตอนนี้เขาได้ถูกเรื่องราวของมันล่อลวงเข้าอย่างจังแล้ว หลังจากที่เรื่องนี้นั้นได้กลายเป็นปีศาจภายในใจของเขามาหลายสิบปี จะอย่างไรแม้มีหนทางเพียงเล็กน้อยมันพร้อมกระทำ
"เด็กน้อยเจ้าคิดให้ดี อย่าได้คิดเล่นตลกอันใดกับเราผู้ชรา! หากข้ารู้ว่าเจ้ากำลังหลอกลวงอาศัยข้าที่หน้ามืดตามัวและหวังกับเรื่องนี้ ในการหาโอกาสหลบหนีไปแล้วล่ะก็ผลที่ตามมาเจ้าคงรู้ดี! "ชายชราพยายามอย่างหนักทีจะปั้นใบหน้าเข้มงวดกล่าวข่มขู่เจี้ยงเฉินอย่างตั้งใจ มันอยากรู้ว่าเจี้ยงเฉินจักเผยความวิตกกังวลออกมาหรือไม่
“อาวุโสเฟย ท่านแข็งแกร่งและมีอำนาจมากกว่าข้า ข้าไม่คิดว่าข้าจะมีปัญญาลุกขึ้นมาใช้เล่ห์กลอันใดต่อหน้าท่านได้ แม้ว่าดวงตาของท่านจักมีขนาดเล็ก แต่ก็แหลมคมมาก! ท่านคิดว่าข้าไม่รู้? ท่านดูไปกับคล้ายผู้ที่มีภูมิที่พยายามแกล้งโง่เสียมากกว่า" เจี้ยงเฉินเริ่มกล่าวออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย
"ฮ่า ฮ่า เจ้ามองออกแม้กระทั่งเรื่องนี้? อีกทั้งยังคิดว่าข้าใช้พยายามอย่างมากในการปกปิดมันไว้ "ชายชราคนนี้พลันยืนอกผายไหล่ผึ่งเชิดหน้าขึ้นมาทันที มันกลับกลายเป็นคนที่แลดูมั่นใจในตนเองขึ้นมา" เด็กน้อยหากเจ้าบอกว่าเจ้ามิได้ใช้เล่ห์กลอันใด เช่นนั้นบอกข้าด้วยความสัตย์จริงออกมาได้หรือไม่ ว่าผู้ที่ล่วงรู้สูตรและสามารถหลอมสร้างโอสถกำเนิดวัฎจักรพิสุทธิ์นั้น อยู่ในอาณาจักรนภาจันทร์แห่งนี้หรือไม่"
"ไม่ เขาหาได้มีอันใดเกี่ยวข้องกับอาณาจักรนภาจันทร์แห่งนี้ไม่ แต่เป็นสหายที่ดีของข้าตั้งแต่ยังเด็ก เขานั้นเป็นผู้รู้คนหนึ่ง เข้ามักปรากฏตัวทุก 3-5 ปี และข้าก็สามารถได้ยินและรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับโอสถวิญญาณจากเขาทุกครั้งที่ปรากฏตัว "
“โอ้? คนอัศจรรย์เช่นนี้กลับมีอยู่จริง?"อาวุโสเฟยกล่าวออกมา ท่าทางยังมีความแคลงใจอยู่บ้าง
“ย่อมมี และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ข้ารีบมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงของอาณาจักรนภาจันทร์อย่างไรเล่า เพราะข้าได้ยินผู้อาวุโสนั้นกล่าวออกมาด้วยตัวเอง ว่าท่านคิดที่จะมาจัดการดูแลเรื่องราวธุรกิจอะไรบางอย่างในเมืองหลวงของอาณาจักรนภาจันทร์แห่งนี้ นี่คือเหตุผลที่ข้าเร่งร้อนที่จะไปทำความเคารพเขาอย่างไรเล่า”
"เรื่องบังเอิญเช่นนี้กลับมีอยู่จริง?" ชายชราอดตกตะลึงออกมามิได้