spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
เจี้ยงเฉิน ระดับสูงสุดของอาณาจักรปราณแท้จริง หรือ ระดับปราณแท้จริงขั้นที่ 11
ศิษย์พี่อี้ ครึ่งก้าว อาณาจักรปราณจิตวิญญาณ
ในความเป็นจริงนั้นทั้งสองคนหาได้อยู่ในระดับเดียวกันโดยสิ้นเชิง ความแตกต่างในความแข็งแกร่งทั้งสองควรจะแตกต่างกว่ากันมากนัก
อย่างไรก็ตามหนึ่งสะบั้นของระลอกคลื่นถาโถมนี้ กลับเปล่งประกายงดงามออกมาจากกระบี่อย่างสมบูรณ์แบบ นับว่าพลังปราณแท้จริงนั้นอัดแน่นอยู่ในทุกอณูของคลื่นสะบั้นนี้อย่างละเอียดอ่อนถึงที่สุด! จนมันสามารถสะบั้นได้แม้แต่อากาศธาตุ! พลังทำลายนับว่าเหนือล้ำกว่าระดับทั่วไปอยู่ไกลโข!
พลังปราณแท้จริงแผ่กระจายครอบคลุมกดดันไปในอากาศอย่างหนาแน่น
สายลมพันธนาการที่สกัดการเคลื่อนไหวของเจี้ยงเฉินเอาไว้ถูกทำลายลงไปในยามที่เจี้ยงเฉินสะบัดกระบี่ มันกระจัดกระจายล่องลอยไปในอากาศอย่างไม่เหลือชิ้นดี อีกทั้งสะบั้นนี้ของเจี้ยงเฉินยังสลายปราณรอบ ๆ โซ่สีเงินทีกำลังฟาดมาจนไม่เหลือพลังปราณปกคลุมแม้แต่น้อย
เสียงโลหะกระทบกันกลางอากาศดังก้องกังวานขึ้น!
กระบวนท่าที่ 1 ของทั้งคู่กล่าวได้ว่าเสมอกัน!
“หืม?” ศิษย์พี่อี้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย "อาศัยระดับอาณาจักรปราณแท้จริงกลับสามารถทำลายพันธนาการสายลม ที่เกิดจากปราณหลอมรวมผสมผสานกับสายลมของข้าได้ อีกทั้งยังรับมือการจู่โจมของข้าได้อีกเช่นนั้นหรือ?"
เจี้ยงเฉินนั้นอาศัยแรงปะทะในการโจมตีเมื่อครู่ดึงร่างนกหงส์ทองออกไปเพื่อสังหารศัตรูผู้อื่นที่กำลังจะปะทะกันกับกลุ่มของเขาอย่างหน้าตาเฉย ท่ามกลางความตกตะลึงของคนทั้งหมด
แสงสีทองพลันเปล่งประกายออกมา ไม่รู้วาตั้งแต่เมื่อไหร่เกาทัณฑ์ต้าหยู่ได้อยู่ในมือของเจี้ยงเฉินอีกครั้ง
"ตาย!"
ซู่มมม!
ศรทั้ง 3 ดอก ถูกส่งออกไปอย่างไร้ความปราณีและรวดเร็วดั่งเส้นแสงหวังคร่าชีวิตเหล่าศิษย์ของวิหารอุดรครามสวรรค์
เหล่าศิษย์วิหารอุดรครามสวรรค์คนอื่น ๆ นั้นกำลังเตรียมการที่จะปิดล้อมเจี้ยงเฟิงและคนอื่น ๆ ดังนั้นพวกมันจึงมิได้คาดการณ์ถึงการลงมือและการจู่โจมครั้งนี้ ที่สามารถสอดแทรกมาในการต่อสู้ของพวกมันได้แม้แต่น้อย และพวกมันยิ่งคาดไม่ถึงอีกว่าเจี้ยงเฉินจะสามารถลงมือกับพวกมันได้ทั้ง ๆ ที่พัวพันอยู่กับศิษย์พี่อี้!
ศรทั้ง 3 ดอกนั้นบรรลุเป้าหมายในเวลาที่รวดเร็วเกินกว่าผู้ใดจะตั้งตัวได้ทัน เสียงทะลวงร่างดังขึ้นกลางอากาศ
พร้อมกันนั้นเสียงร้องทั้ง 3 เสียงกลับดังขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกันเหล่าศิษย์วิหารอุดรครามสวรรค์ต่างโอดครวญด้วยความทรมานออกมาราวกับนักร้องผสานเสียง ยามลูกศรพุ่งทะลวงผ่านลำคอของพวกมันไป...
แน่นอนว่าเจี้ยงเฉินใช้เพียงลูกศรธรรมดาสามัญเท่านั้นในการสังหารศิษย์วิหารอุดรครามสวรรค์ระดับธรรมดาพวกนี้ พวกมันไม่คู่ควรให้เขาใช้ลูกศรที่สร้างมาเพื่อเกาทัณฑ์ต้าหยู่แม้แต่นิด
ศิษย์พี่อี้นั้นเมื่อปะทะกับเจี้ยงเฉิน ก็บังเกิดสภาวะหยุดชะงักหลังจากที่พึ่งใช้การโจมตีออก มันคาดมิถึงจริง ๆ ว่าเจี้ยงเฉินกลับอาศัยสภาวะที่เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตานี้หันกลับไปสังหารศิษย์น้องของมันได้เช่นนี้
แม้ว่าศิษย์พี่อี้ผู้นี้จะหาได้แยแสความเป็นไปหรือชีวิตของคนอื่นรอบ ๆ ตัวมัน แต่ความจริงที่ว่าเจี้ยงเฉินสามารถดับลมหายใจของสหายมันต่อหน้ามันเช่นนี้ได้...นี่ แทบมิต่างอันใดกับการตบหน้ามันฉาดใหญ่ ๆ
เจี้ยงเฉินชักกระบี่ไร้นามออกมาอีกครั้งด้วยกลิ่นอายที่สงบนิ่งแฝงความเย็นชาเอาไว้ ก่อนที่จะรักษาระยะและหันมองไปรอบ ๆ สนามรบกลางเวหา
แววตาของศิษย์พี่อี้นั้น จับจ้องไปที่เจี้ยงเฉินอย่างไม่ลดละก่อนที่จะกล่าวออกมา "การโจมตีเมื่อครู่นับว่าหาได้เลวร้ายไม่ อย่างไรก็ตามหากเจ้าคิดว่าสามารถสามารถรับมือผู้แสวงหาเต๋าอาณาจักรปราณจิตวิญญาณโดยอาศัยระดับปราณแท้จริงนั้น ย่อมนับว่าเจ้าคิดผิดอย่างมหันต์ "
“เหอะ! กล่าววาจามากมายเขื่องโข ทำราวกับข้ามิเคยพบเจอผู้แสวงหาเต๋าอาณาจักรปราณจิตวิญญาณมาก่อนเช่นนั้นล่ะ" เจี้ยงเฉินแสยะยิ้มอย่างเย็นชา
เขาไม่เพียงแต่พบเจอผู้แสวงหาเต๋าอาณาจักรปราณจิตวิญญาณ แต่เขายังได้ต่อสู้ปะทะหักหาญด้วย ถึงแม้ศิษย์พี่อี้คนนี้จะสามารถก้าวขาข้างหนึ่งมาเหยียบย่างบนอาณาจักรปราณจิตวิญญาณ...แต่ทว่าในแง่ของความแกร่งและความสามารถในการสู้รบนั้น ยังนับว่ามันด้อยกว่าซูเชี่ยนที่เขาสังหารไปอยู่หลายขุม แล้วมันยังมากล้าโอ้อวดต่อหน้าเขาอีกเช่นนั้นหรือ?
กระแสอากาศเริ่มสั่นสะเทือนอีกครั้ง มันเริ่มเคลื่อนไหวหมุนวนรอบศิษย์พี่อี้อย่างบ้าคลั่ง กระแสลมเริ่มหมุนวนเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่มันจะควบแน่นกลายเป็นพายุใต้ฝุ่นสีครามรอบ ๆ กายของศิษย์พี่อี้
ศิษย์พี่อี้เองก็ควงโซ่สีเงินของมันไปมาอยู่ในวังวนพายุใต้ฝุ่นนี้เช่นกันราวกับมันกำลังสร้างพายุอีกลูกทับซ้อนกันด้านบน จนแลไปคล้ายหัวของมังกร เมื่อมันรีดเค้นสภาวะจู่โจมถึงขั้นสูงสุด มันก็พุ่งมาหาเจี้ยงเฉินราวกับกระสุนปืนใหญ่
"หึ! มีเพียงรูปลักษณ์เท่านั้นที่น่าประทับใจ!"
เจี้ยงเฉินนั้นได้ปะทะกับศิษย์พี่อี้อย่างเท่าเทียมกันในการจู่โจมครั้งแรก แต่ครั้งนี้เจี้ยงเฉินมิได้ใช้กระบี่ไร้นามด้วยซ้ำ
เขาบังคับให้นกหงส์ทองพุ่งขึ้นฟ้าอย่างรวดเร็วราวลูกศรทะลวงผืนนภา
มือทั้งสองกำหมัดแน่นก่อนที่พลังปราณจะหลั่งไหลออกมาอย่างพิศวง ราวกับข้างหนึ่งเป็นดังตะวัน ส่วนอีกข้างมิต่างอันใดกับจันทรา
"หมัดเทวะนิรันดร์ หยิน-หยางมลายสูญ!"
กระแสปราณที่แท้จริงสองสายที่แตกต่างกันสุดขั้วราวกับตะวันและจันทรา พลันหลอมรวมกันก่อนที่มันจะดับสลายและก่อเกิดใหม่เป็นขั้วพลังที่รุนแรงควบแน่นอยู่บนหมัดของเจี้ยงเฉิน ราวกับจะฉีกกระชากห้วงอากาศให้ขาดออกจากกัน!
"หมัดเทวะนิรันดร์ " เป็นเพลงหมัดที่ต้องอาศัยความเข้าใจในหยินและหยาง ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเจี้ยงเฉินมันสามารถทำความเข้าใจได้ถึงจุดสูงสุดของวัฏจักรที่ 4 เหี่ยวเฉาและเบ่งบาน
อย่างไรก็ตามด้วยความลึกลับและทรงอำนาจของวัฏจักรที่ 4 การเหี่ยวเฉาและเบ่งบานนั้น มันสร้างพลังทำลายมหาศาลที่เหนือกว่าระดับปราณแท้จริงขั้นที่ 11 ไปถึง 3 เท่า! และด้วยความลึกลับของหยินหยางที่ยากแท้หยั่งถึงพร้อมกับการใช้ออกด้วยหมัดทั้งสองข้างพร้อมกันนั้น หมัดนี้ของเจี้ยงเฉินหาได้มีอานุภาพมากกว่าเดิมแค่ 6 เท่าไม่...หมัดนี้ของมันนับว่ามีอานุภาพมากกว่าการจู่โจมระดับปราณแท้จริงขั้นที่ 11 ยามปกติ ถึง 10 เท่า!
หมัดที่ชกออกครานี้มีกลิ่นอายความลึกลับของวงจรเหี่ยวเฉาเบ่งบานหมุนวนไม่รู้จบ ราวกับมีทั้ง 4 ฤดูกาลหมุนวนแปรเปลี่ยนอยู่ภายในหมัดนี้
ปัง! เสียงปะทะดังกังวานเกิดขึ้นกลางอากาศ กลิ่นอายและแรงกดดันของหมัดเจี้ยงเฉินแผ่กระจายไปทั่วอากาศรอบ ๆ ก่อนที่จะค่อย ๆ สลายจางหายไปเมื่อมันบรรลุผล
การปะทะกันครั้งนี้กลับกลายเป็นการเสมอกันดั่งเช่นครั้งแรก...
"อันใดกัน" ศิษย์พี่อี้ยากที่จะยอมรับได้ เพราะจะอย่างไรเขาก็เป็นผู้ฝึกตนที่ใกล้จะก่อสร้างทะเลลมปราณไว้ในร่างได้สำเร็จอยู่แล้ว การจู่โจมเมื่อครู่เป็นการจู่โจมออกด้วยปราณวิญญาณทั้งหมดของเขา มันเป็นการจู่โจมที่แรงที่สุดของผู้ฝึกตนระดับครึ่งก้าวสู่ปราณจิตวิญญาณเช่นเขาแล้ว!
หากเป็นผู้ฝึกตนระดับปราณแท้จริงขั้นสูงสุดทั่วไป การจู่โจมของมันเมื่อครู่เพียงพอที่จะปั่นศัตรูให้เละเป็นเศษเนื้อ
แต่เด็กหนุ่มผู้นี้เป็นผู้ใดและมาจากที่ใดกันแน่ มันสามารถทัดเทียมกับเขาได้ถึงสองครั้งสองครา ทัดเทียมกับเขาผู้ฝึกตนครึ่งก้าวปราณจิตวิญญาณ!
นี่มันเหนือขอบเขตความเข้าใจและละเมิดกฎเกณฑ์แห่งเต๋าโดยสิ้นเชิง!
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดูเหมือนว่าท้ายสุดแล้วไอ้ระดับครึ่งก้าวปราณจิตวิญญาณอะไรนั่น ยังหาใช่ผู้ที่เยื้องย่างเข้าไปในอาณาจักรปราณจิตวิญญาณโดยแท้จริงไม่!" น้ำเสียงของเจี้ยงเฉินเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย
มือของเขายกเกาทัณฑ์ต้าหยู่ขึ้นมาอีกครั้ง "ข้ารับการจู่โจมเจ้า 2 กระบวนท่าแล้ว ตอนนี้ได้เวลาเจ้ารับการโจมตีของข้าบ้าง กระบวนท่าแรก!"
เกาทัณฑ์ต้าหยู่นับเป็นอาวุธวิญญาณที่แท้จริงผ่านการหลอมกลั่นเสริมพลังมาถึง 4 ครั้ง!
เจี้ยงเฉินนั้นเพียงเผยความสามารถเล็กน้อยเท่านั้นในการยิงเกาทัณฑ์สังหารศิษย์วิหารอุดรครามสวรรค์ 3 คนก่อนหน้านี้ด้วยศรธรรมดาเพียง 3 ดอก
แต่ตอนนี้เจี้ยงเฉินตระหนักดีว่าหากเป็นลูกศรธรรมดาที่แข็งแกร่งถึงเพียงไหนก็ไม่อาจสร้างแม้แต่รอยขีดข่วนหรือรอยแผลจาง ๆ ชายตรงหน้าได้
เช่นนั้นก็ให้มันลิ้มรสลูกศรที่แท้จริงของเกาทัณฑ์ต้าหยู่!
ใบหน้าของเจี้ยงเฉินฉายเจตจำนงในการสังหารออกมาอย่างล้นเหลือ เขานั้นเอือมระอาและบังเกิดโทสะกับวิหารอุดรครามสวรรค์อย่างแท้จริง พวกมันกล้าตอแยเขาไม่เลิกรา!
ถึงแม้ว่าพรุ่งนี้จะมีตัวแทนของทางราชวงศ์มาหาเขาเพราะสังหารผู้คนเหล่านี้ เจี้ยงเฉินก็ไม่คิดเสียใจหรือคิดที่จะล้มเลิกความตั้งใจในการสังหารพวกมันตอนนี้ของเขา
คนที่เดินตามเส้นทางแห่งการต่อสู้นั้นย่อมต้องมีความอดทน แต่หามีผู้ใดสามารถอดทนได้ตลอดไป
เมื่อได้กระทำการอดทนอดกลั้นถึงจุดสูงสุดแล้ว หลังจากนั้นก็มิจำเป็นต้องอดทนอดกลั้นเอาไว้อีกต่อไป
นี่เนื่องจากการอดทนออดกลั้นนานเกินไปอาจทำให้เกิดปีศาจภายในใจ ซึ่งมันจะเป็นรอยด่างพร้อยและเป็นข้อบกพร่องในใจจนมีปัญหาต่อเส้นทางบ่มเพาะในอนาคต
“หืม? นั่นคืออาวุธวิญญาณใช่หรือไม่?" ศิษย์พี่อี้พึ่งได้มีโอกาสจ้องมองและสำรวจเกาทัณฑ์ต้าหยู่ของเจี้ยงเฉินอย่างแท้จริงครั้งแรก เมื่อเกาทัณฑ์ต้าหยู่ถูกใช้งานพร้อมกันกับลูกศรของมันนั้น กลิ่นอายพลังวิญญาณก็แผ่ซ่านออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัว
"มิผิด มันย่อมเป็นอาวุธวิญญาณ!"
เจี้ยงเฉินยิ้มเบา ๆ ก่อนที่จะกล่าวต่อไป "เจ้าเรียกตัวเองว่าผู้ฝึกตนครึ่งก้าวปราณจิตวิญญาณ หากข้าไม่สงเคราะห์ให้เจ้าได้ตายด้วยอาวุธวิญญาณ เกรงว่าเจ้าจะตายตามิหลับ หากต้องมาตกตายในเงื้อมือผู้ฝึกตนระดับปราณแท้จริงเช่นข้า!"
ตอนนี้คลื่นแห่งความตื่นตระหนกแทบถล่มทลายในใจของศิษย์พี่อี้ โซ่ที่เขาใช้อยู่นั้นนับเป็นอาวุธระดับวิญญาณเทียม เท่านั้น
เพราะเฉพาะผู้แสวงหาเต๋าในอาณาจักรปราณจิตวิญญาณ เท่านั้นจึงคู่ควรที่จะใช้อาวุธวิญญาณที่แท้จริง
ผู้ที่มีอาวุธวิญญาณไว้ในครอบครองและใช้มันได้อย่างไม่ต้องหวาดกลัว มีเพียงแต่พวกที่เป็นบุตรหลายของตระกูลใหญ่ที่มีเกียรติมีอำนาจอิทธิพลมหาศาล หรือไม่ก็เป็นศิษย์ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นและแข็งแกร่งอย่างยิ่งของนิกายใหญ่
ถึงแม้ศิษย์พี่อี้ผู้นี้จะเป็นศิษย์ของวิหารอุดรครามสวรรค์ แต่วิหารอุดรครามสวรรค์นั้นก็เป็นเพียงสถานที่ประกอบพิธีกรรมบางอย่างของนิกายพฤกษาสวรรค์เท่านั้น
หากจะให้กล่าวอย่างตรงไปตรงมา ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะสามารถผ่านการทดสอบของนิกายพฤกษาสวรรค์เพื่อเข้าเป็นศิษย์ที่แท้จริงได้หรือไม่...
อาวุธจิตวิญญาณเป็นเพียงความใฝ่ฝันที่ค่อนข้างสูง
นี่ต้องบอกไว้ก่อนว่านี่เป็นเรื่องเฉพาะในอาณาจักรนภาจันทร์เทานั้น หากเจี้ยงเฉินนำอาวุธวิญญาณนี้ไปเปิดเผยในอาณาจักรตะวันออกเกรงว่าคงมิมีผู้ใดเชื่อถือว่าเจี้ยงเฉินพูดความจริง
อาวุธวิญญาณนั้นนับเป็นสิ่งของที่หาได้ยากอย่างยิ่ง ในอาณาจักรตะวันออกเท่าที่เจี้ยงเฉินเห็น ก็มีเพียงหลงยู่ซื่อและหลงยินเย่เท่านั้นที่มีอาวุธวิญญาณไว้ใช้งาน
แต่อาวุธวิญญาณที่พวกมันใช้ นับว่าเป็นอาวุธวิญญาณระดับสามัญธรรมดาที่สุด อาจจะเป็นสิ่งที่บรรพบุรุษในตระกูลของพวกมันตกทอดเหลือทิ้งไว้ให้สืบทอดกันต่อ ๆ ไปในตระกูล
นอกเหนือจากนั้นแม้กระทั่งองค์หญิงโจวหยู่ที่เป็นคนของราชวงศ์ยังไม่มีอาวุธวิญญาณไว้ใช้งานด้วยซ้ำ
ถึงแม้ศิษย์พี่อี้นี่จะเป็นคนจากวิหารอุดรครามสวรรค์และเป็นหัวหน้าของศิษย์หลาย ๆ คน แต่มันก็ยังใช้เพียงอาวุธวิญญาณเทียมเท่านั้น
"ต้องฆ่ามันและแย่งชิงอาวุธวิญญาณแท้จริงนั่นมาให้ได้!" ยามนี้เปลวไฟแห่งความโลภลุกโหมกระพือในดวงตาของศิษย์พี่อี้อย่างโชติช่วงชัชวาล
ดวงตาของมันส่องประกายกระหายเลือดออกมาในขณะที่ศิษย์พี่อี้พยายามชิงจู่โจมก่อนเพื่อให้มีเปรียบ
มังกรไวเวิร์นพุ่งข้างหน้าอย่างรวดเร็วด้วยพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งราวกับจะพุ่งไปปะทะเจี้ยงเฉิน
ครั้งนี้ดูเหมือนศิษย์พี่อี้คิดจะอาศัยพลังวิญญาณของสัตว์วิญญาณในการบดขยี้เจี้ยงเฉิน
เจี้ยงเฉินหัวเราะเบา ๆ ไอ้บ้าสิ้นคิดนี่คิดจะใช้สัตว์เดรัจฉานพุ่งชนเขาอย่างนั้นเหรอ?
นกหงส์ทองนั้นเคลื่อนที่หลบหลีกถอยห่างออกไปอย่างฉับพลันด้วยความคล่องตัว การพุ่งมาของมังกรไวเวิร์นทำได้เพียงปะทะกับอากาศเท่านั้น
เกาทัณฑ์ต้าหยูพลันส่องประกายสว่างไสวออกมาราวกับจะประชันแสงแข่งกับดวงดารา...จะว่าไปยามนี้มันส่องสว่างยิ่งกว่าดาราบนฟ้าเสียอีก
ศรดอกหนึ่งถูกยิงไปทางสัตว์เดรัจฉานตัวนั้น ลูกศรตีวงโค้งในอากาศอย่างงดงาม
บังเกิดเส้นแสงสวยงามราวกับดาวตกลากผ่านท้องฟ้า
สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนี้นับว่าเหนือความคาดหมายนัก ศิษย์พี่อี้ผู้นี้รู้ดีว่าศรดอกนี้หมายยิงสัตว์เดรัจฉานของมัน แต่มันไม่คิดถอยหนีกลับเลือกที่จะเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นมาเสียอย่างนั้น
รวดเร็วยิงกว่าคำกล่าวใด ๆ ...ซึบบบ!
พลังของอาวุธวิญญาณที่กลั่นถึง 4 ครั้งนั้นนับว่าน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก มันพุ่งแหวกอากาศมารวดเร็วเหนือคำบรรยายและทะลวงผ่านร่างของมังกรไวเวิร์นไปอย่างง่ายดายราวกับมันวิ่งผ่านสายลมเท่านั้น
และในจังหวะนี้เอง ศิษย์พี่อี้ก็อาศัยแรงส่งตัวจากมังกรไวเวิร์นกระโดดพุ่งเข้าไปหมายจู่โจมเจี้ยงเฉิน
พร้อมกันกับโซ่หกสวยที่พุ่งออกมาอย่างรวดเร็วอย่างคาดไม่ถึงจู่โจมเจี้ยงเฉินทุกทิศทาง มันโผล่ออกมาราวกับมังกรโผล่ทะยานโผล่พ้นออกมาจากผิวน้ำ
ศิษย์พี่อี้ผู้นี้ถึงกับสละชีวิตสัตว์เดรัจฉานเพื่อลดระยะห่างระหว่างเขากับเจี้ยงเฉิน มันต้องการแย่งชิงเกาทัณฑ์ต้าหยู่ของเจี้ยงเฉิน!
"เหอะ! ลูกไม้ตื้น ๆ ! "
เจี้ยงเฉินนั้นราวกับล่วงรู้ว่าศัตรูคิดจะทำอะไรอยู่แล้ว ลูกศรดอกที่สองพลันถูกน้าวและยิงส่งออกไปจู่โจมทันทีโดยไร้ความลังเลใด ๆ!
ลูกศรดอกที่สองพุ่งไปยังศิษย์พี่อี้ด้วยความเร็วเหนือล้ำกว่าดอกแรก!!
"อะไร? ยังยิงลูกศรออกมาได้อีกหรือ? "ศิษย์พี่อี้ถึงกับตื่นตระหนกอย่างมาก
เขานั้นเพียงเยื้องย่างเข้าสู่อาณาจักรผู้แสวงหาเต๋าปราณจิตวิญญาณได้เพียงครึ่งก้าวเท่านั้น เขาไม่มีทางที่จะโผบินในท้องฟ้าได้เลย เขาสามารถรักษาสภาวะร่อนตัวเช่นนี้ได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น
โซ่ที่อยูในมือของเขานั้นมีเป้าหมายเพื่อจู่โจมคว้าจับไปยังเกาทัณฑ์ต้าหยู่ของเจี้ยงเฉินและช่วงชิงออกไป!
อย่างไรก็ตามศรดอกที่สองนี้ของเจี้ยงเฉินนับว่ารวดเร็วเหนือกว่าจินตนาการเขาไปไกลโข ในขณะที่โซ่ของเขาพึ่งซัดออกไปได้เพียงครึ่งทางลูกศรก็ได้ถูกยิงออกมาทางเขาแล้ว
ศิษย์พี่อี้ต้องเผชิญกับทางเลือก ที่ต้องตัดสินใจอย่างยากลำบากถึง 2 ทางในเวลานี้
ช่วยตัวเองหรือจู่โจมต่อไป!
เขายังคงขลาดเขลา! ศิษย์พี่อี้ได้แต่กัดฟันออกมาด้วยความแค้นใจ มันเปลี่ยนทิศทางไปยังมังกรไวเวิร์น เพื่ออาศัยแรงส่งจากการเหยียบศพมันกระโดดขึ้นในการลงสู่พื้นดิน
เพราะเขารู้ตัวดีว่า ตัวเองหาได้มีความสามารถในการบินบนท้องฟ้าไม่ หากเขาไม่ลงสู่พื้นดินโดยใช้จังหวะเช่นนี้เกรงว่าเขาคงต้องตกตาย!
แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันจิตใจอำมหิตไม่น้อย ปล่อยให้เดรัจฉานนี้ตกตายทีนึงแล้ว กลับใช้ซากศพมันเพื่อส่งตัวเองลงสู่พื้นดินอีก...
"ฮ่าฮ่า อี้เฉียนสุ่ย เจ้าทำอันใดอยู่? ท่าทางดูเหมือนเจ้าจะตึงมือไม่น้อย! "
ทันใดนั้นเองน้ำเสียงเยาะเย้ยถากถางก็ดังก้องผ่านอากาศมา
ใบหน้าเจี้ยงเฉินพลันแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยมันหันกลับหลัง ชักกระบี่ไร้นามออกมาเพื่อโจมตีเหล่าศัตรูด้านหลังที่กำลังปะทะกับคนของตัวเองทันที
แสงจากกระบี่ทอประกายเรืองวูบไปด้วยพลังปราณแท้จริงขั้นที่ 11
ฉัวะ! ฉัวะ!
4-5 คนถูกสังหารในเสี้ยวพริบตา เจี้ยงเฉินอาศัยการตวัดกระบี่เพียง 2 ครั้งเท่านั้น หัวของพวกมันก็แยกออกจากลำตัวเสียแล้วก่อนที่รางพวกมันจะตกลงพื้นดินไปอย่างน่าอนาถ
"รีบมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ ไม่ต้องหยุดรอหรือหันกลับมาช่วยเหลือข้า! ข้าจะรั้งท้ายตรึงพวกมันไว้! ไป!" น้ำเสียงของเจี้ยงเฉินครานี้แลดูกระวนกระวายยิ่งนัก นี่เพราะหูของมันที่ใช้ออกด้วย สดับเทพวายุอยู่ตลอดเวลา สามารถจับการสั่นไหวของกระแสปราณได้ยามนี้มีกลุ่มศัตรูอีก 4-5 กลุ่มกำลังจะปิดล้อมหนทางหนีของพวกมันแล้ว!
........
ปล. ระดับการบ่มเพาะในเรื่อง 1.อาณาจักรปราณแท้จริง (ขึ้นอยู่กับจำนวนจุดชีพจรที่ถูกทะลวงผ่าน หรือเปิดได้ในร่าง) ระดับนี้มีทั้งหมด 11 ขั้น ก่อนหน้านี้จะบอกไว้ว่ามี 12 ขั้น แต่ ขั้นที่ 12 นั้นไม่มีอยู่จริง ปราณแท้จริงขั้นที่ 1-3 จะเรียกว่า ปราณแท้จริงขั้นแรกเริ่ม
ปราณแท้จริงขั้นที่ 3-6 จะเรียกว่า ปราณแท้จริงขั้นกลาง
ปราณแท้จริงขั้นที่ 6-9 จะเรียกว่า ปราณแท้จริงขั้นสูง
ปราณแท้จริงขั้นที่ 9-11 จะเรียกว่า ปราณแท้จริงขั้นสูงสุด (แต่ส่วนมาก ปราณแท้จริงขั้นสูงสุดที่โผล่มาในเรื่องจะอยู่ที่ 11 หมด ถ้าไม่มีบอกระดับจุดชีพจรตามหลัง)
ต่อมาพอถึง อาณาจักรปราณแท้จริง ขั้นที่ 11 แล้ว...ขั้นมายาขั้นที่ 12หรือ ขั้นที่ไม่มีอยู่จริงคือ การค้นหาตัวเอง กำหนดหนทางของตัวเอง เมื่อกำหนดอะไรครบแล้ว จะเริ่มสร้างทะเลวิญญาณ
2.อาณาจักรปราณจิตวิญญาณ * ของเก่าที่คนแปลเก่าแปลไว้ ...แต่ในเรื่องมันใช้คำไม่เหมือนกันจะมีดังนี้ ผู้ฝึกตนระดับปราณจิต = ผู้ฝึกตนอาณาจักรปราณจิตวิญญาณ = ผู้แสวงหาเต๋าอาณาจักรปราณจิตวิญญาณ อันนี้ Eng มันแปลมาไม่เหมือนกัน บางที ก็ไม่มีคำว่า Realm ก็จะไม่มีคำว่าอาณาจักร บางครั้งไม่มีคำว่า Dao ก็จะตัดคำว่าแสวงหาเต๋าออกไป *** มันอันเดียวกันหมด เดี๋ยวมันจะเริ่มใช้เพียงอันเดียวหลังจากในเรื่องเริ่มเจอแต่ระดับนี้อัพ