spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
"ท่านแม่ทัพใหญ่ขอรับ เรื่องราวครั้งนี้นับว่าแปลกประหลาดพิกลนัก ตอนนี้กองทัพเรากำลังตกอยู่ในความสับสนอลหม่านอย่างแท้จริง เหล่าผู้ที่บาดเจ็บบังเกิดอาการคลุ้มคลั่งลุกขึ้นมากัดทำร้ายเพื่อนทหารของพวกมันโดยไม่มีสาเหตุ ส่วนผู้ที่ถูกกัดนั้น มินานก็คลุ้มคลั่งเช่นเดียวกัน แล้วหันไปทำร้ายผู้อื่นสืบทอดไปเรื่อย ๆ จากสิบเป็นร้อย จากร้อยเป็นพัน ถึงแม้ยามนี้พวกเราอยากจะสังหารพวกมันทิ้งทั้งหมดแต่เกรงว่าจะมิทันการเสียแล้ว กำลังใจของทหารยามนี้นั้นลดต่ำลงอย่างมาก ...เพราะ พวกมันมิกล้าสังหารสหายร่วมรบ อีกทั้งยังตกอยู่ในอาการหวาดระแวง ด้วยกลัวว่าสหายรอบข้างจะหันมาทำร้ายพวกมัน"
ในตอนแรกนั้นเหรินเฟยหลงที่พักอยู่ในกระโจมแม่ทัพใหญ่ มันก็ได้ยินเสียงร้องโอดครวญอยู่บ้างแต่มันคิดเพียงว่าเป็นการปะทะเล็กน้อย ๆ คงมีผู้บาดเจ็บแค่หลักพัน มันมิได้กังวลอันใดกับกองทัพอากาศของอาณาจักรตะวันออกแม้แต่น้อย
เพราะมันย่อมรู้ดีว่ากองทัพนกหงส์เหล่านี้มาเพื่อตัดกำลังเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยอาศัยเหล่าทัพนกหงส์มิกี่พันตัว และพวกมันก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ พวกมันไม่กล้าที่จะมาจู่โจมอย่างจริงจังเมื่อเจอกับกำลังที่เหนือกว่าถึงเพียงนี้ อาณาจักรตะวันออกเลือกที่จะทำการรบแบบขี้ขลาดเช่นนี้ ตัวมันเองย่อมคาดเดาได้อยู่บ้างแต่ไม่คิดว่าพวกมันจะลงมือ ณ จุดนี้ อีกทั้งกำลังทหารยังแตกต่างกันมากเกินไป มันจึงหาได้หวาดกลัวอันใด
แต่ทว่าครานี้นั้นความมั่นใจมากเกินไปของเหรินเฟยหลง กลับกลายเป็นความมั่นใจที่ก่อให้เกิดอันตรายอย่างยิ่ง
"ท่านแม่ทัพใหญ่ขอรับ พวกเรามิอาจควบคุมสถานการณ์ได้แล้วขอรับท่าน ตอนนี้กองทัพใหญ่ของเราเริ่มเสียหายหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วขอรับ เกรงว่าหากมิเร่งรีบหาวิธียุติความโกลาหลครั้งนี้ กะ..กองทัพเราต้องล่มสลายแน่ ๆ ขอรับ "
เหรินเฟยหลงได้กระแทกจอกน้ำชาชั้นดีของเขาลงบนโต๊ะอย่างแรงด้วยความไม่สบอารมณ์ “ไร้ประโยชน์! พวกเจ้าเหตุใดจึงไร้ประโยชน์ถึงเพียงนี้! อาศัยนกหงส์เพียงแค่ 2,000-3,000 ตัว กลับก่อกวนจนทำให้กองทัพของข้าปั่นป่วนถึงเพียงนี้เชียว? "
"ท่านแม่ทัพสูงสุดขอรับ สถานการณ์ครานี้มันพิกลเกินไปขอรับ ผู้ใดจะคิดว่าเหล่าทหารของเราจักจู่โจมกันเองเช่นนี้? อีกทั้งพวกมันยังดูเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกดบางอย่าง พวกคลุ้มคลั่งโดยที่มิสามารถควบคุมตนเองได้แม้แต่น้อย พวกมันพลันเปลี่ยนจากมนุษย์ไปเป็นอสูรกายกระหายเลือด ที่หวังเพียงพุ่งไปกัดและดื่มเลือดผู้อื่นเท่านั้น ข้าคาดว่ามันน่าจะเป็นยาพิษและผู้ที่ติดพิษนั้นเกรงว่าจะมินับว่ายังมีชีวิตอีกแล้วขอรับ
"นี่มันพิษอุบาทอันใดกัน?" ตาเหรินเฟยหลงหรี่ลงเล็กน้อย "เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ... บัดซบนัก!"
เหรินเฟยหลงพลันครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ถึงสถานการณ์ที่ย่ำแย่ที่สุด ก่อนที่มันจะเร่งออกคำสั่ง "สั่งการลงไปให้ทั่วทั้งกองทัพ หากผู้ใดถูกกัดให้ประหารพวกมันได้ทันที เหล่าผู้ที่มิได้ถูกกัดให้พยายามรวบรวมกำลัง ล่าถอยออกไปตั้งค่าย ณ ที่โล่ง ก่อนที่จะตรึงกำลังเฝ้าช่องเขานี้เอาไว้ ให้สำรวจกันและกันให้ดี เพื่อมิให้ผู้มีรอยกัดเล็ดรอดออกจากช่องเขานี้ไปได้"
เหรินเฟยหลงรู้สึกตึงเครียดขึ้นมา เขานั้นได้เข้าร่วมกองทัพและทำการสู้รบมาตลอดชีวิตเป็นเวลา 30 กว่าปีแล้ว อีกทั้งเขาได้รับความสำเร็จนับไม่ถ้วนและได้เห็นกลศึกการต่อสู้แลกชีวิตเสี่ยงตายมามากมาย
แต่ทว่าคืนนี้กลับแตกต่างไปจากเหตุการณ์เหล่านั้นอย่างสิ้นเชิง อาจกล่าวได้ว่าครานี้หาใช่การสู้รบไม่ แต่มันเป็นเพียงหายนะจากภัยพิบัติเสียมากกว่า
"ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้าผู้น้อยจะเป็นคนคุ้มกันท่านล่าถอยเองขอรับ"
"ท่านแม่ทัพใหญ่สั่งการลงมา พวกเจ้าทุกคนเปิดตามองให้กว้าง และคอยระมัดระวังสังเกตคนข้าง ๆ ให้ดี! หากพบว่าผู้ใดมีรอยกัดและพุ่งมาหวังจู่โจม ให้ประหารได้ทันทีไม่ต้องละเว้นหรือถามไถ่อันใดทั้งสิ้น มิว่ามันจะเป็นสหายหรือพี่น้องเจ้า เจ้าก็ต้องลงดาบ มิเช่นนั้นเป็นเจ้าเองที่จะถูกผู้อื่นลงดาบ!"
ยามนี้ความสับสนอลหม่านมันแพร่กระจายไปทั่ว แม้แต่รอบ ๆ กระโจมแม่ทัพใหญ่ก็เริ่มวุ่นวายมิต่างกัน
ยามนี้แทบไม่มีกองพันไหนที่มีสภาพสมบูรณ์พร้อม ในสถานการณ์วุ่นวายเช่นนี้กองกำลังทั้งหมดถูกเล่นงานและถูกตัดขาดออกจากกันโดยสมบูรณ์ กองกำลังที่มิมีผู้ใดถูกกัดนับว่าพวกมันมีโชคอย่างมหาศาลจริง ๆ
ยังนับว่าพอมีเรื่องดี ๆ อยู่บ้างที่มีบริเวณหนึ่งยังมิได้ถูกโจมตี เหล่ากองกำลังที่มิมีทหารถูกกัดกำลังรวบรวมพลมาก่อตั้งเป็นกองกำลังขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เหล่าผู้ที่ยังปกตินับร้อย ๆ จากที่ต่าง ๆ เริ่มเข้ามารวมตัวกัน จนในที่สุด ก็รวบรวมกำลังพลได้เรือนหมื่น
พวกมันนั้นโยกไปซ้ายทีขวาทีเพื่อสร้างเส้นทางโลหิตขึ้นมา...พวกมันรวมตัวกันสังหารเหล่าสหายร่วมรบที่คลุ้มคลั่งอย่างไร้ปราณี
ทว่าอยู่ดี ๆ แสงจันทร์จากกลางนภาพลันมืดดับลง ราวกับมีอะไรมาปิดแผ่นฟ้าเอาไว้...
พริบตาต่อมา จำนวนกองทัพนกหงส์นับไม่ถ้วนพลันโผบินมาปกคลุมผืนฝ้าอีกครั้ง และไม่ทันได้สูดลมหายใจ ห่าลูกศรก็โถมกระหน่ำลงมาจากฟากฟ้าไม่ต่างอันใดกับหยาดพิรุณ
"ฆ่า! ฆ่าโจรสวะของอาณาจักรจันทราทมิฬ, ฆ่าไอโง่เหรินเฟยหลง! "
"เหรินเฟยหลง เจ้าอาจจะได้ชื่อว่าเป็นแม่ทัพอันดับหนึ่งของอาณาจักรจันทราทมิฬ แต่ข้าดูแล้วเจ้าอาจจะต้องเปลี่ยนคำเรียกหาเป็นตัวตลกอัปยศอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรจันทราทมิฬตั้งแต่วันนี้ใช่หรือไม่? ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
เหรินเฟยหลงแทบกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธหลังจากได้ฟังวาจาเหยียดหยามเช่นนี้
การสู้รบครานี้นับว่าเขาเป็นตัวตลกอย่างแท้จริง ผลของการศึกครานี้มันสลดหดหู่แล้วน่าเวทนาอย่างยิ่ง เขาถูกฝ่ายตรงข้ามหยอกล้อเสียจนไม่สามารถตอบโต้อันใดกลับไปได้แม้แต่น้อย นับว่าเขาเป็นได้เพียงตัวตลกในสายตาและอยู่ในกำมือของอีกฝ่ายเท่านั้น...นับเป็นความอัปยศอย่างถึงที่สุด
การเตรียมการทั้งหมดของเขา รวมถึงกลยุทธ์แผนการศึกที่ตระเตรียมมาพลันไร้ค่าลงไปอย่างสิ้นเชิง
เขาเป็นตัวตลกของอีกฝ่ายอย่างแท้จริง...
และหากจะมองลึกลงไปกองทัพของนกหงส์จากอาณาจักรตะวันออกหาได้เป็นผู้ที่เข่นฆ่าเหล่าทหารและสร้างความเสียหายให้กับกองทัพของเขามากที่สุดไม่ ความเสียหายและการบาดเจ็บล้มตายของกองทัพอาณาจักรจันทราทมิฬวันนี้ล้วนเกิดจากน้ำมือทหารฝ่ายเดียวกันแทบทั้งสิ้น
ใบหน้าของเหรินเฟยหลงได้แปรเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวและหมองคล้ำลง ในขณะที่เขากำลังเร่งหลบหนีไปในความมืดภายใต้การคุ้มครองจากกองกำลังที่กำลังหวาดกลัวอย่างถึงขีดสุด
ในขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นขบวนโล่กระดองเต่า ขบวนทัพหอกล้วนไม่อาจก่อตั้งขึ้นได้เพราะความสับสนวุ่นวาย
และหากไม่มีการจัดขบวนเหล่านี้ การปะทะสู้รบกับเหล่านกหงส์นั้นแทบเป็นเรื่องไร้สาระ
ในตอนแรกนั้นเหล่ากองทัพนกหงส์ทำได้เพียงให้ผู้ขับขี่จู่โจมลงมาจากฟากฟ้าเท่านั้น แต่ยามนี้พวกมันพลันลดระดับโฉบลงมาจู่โจมเข่นฆ่าเหล่าทหารอาณาจักรทมิฬ พร้อมทั้งกัดกินอย่างสนุกสนาน มิต่างอันใดกับแม่ไก่ที่จิกกัดคุ้ยเขี่ยหนอนแมลงตามพื้นดิน
"เหล่ากองทัพปีกทมิฬมันไปติดพันอะไรกันแน่? เหตุใดพวกมันยังไม่กลับมาคุ้มกันแม่ทัพใหญ่เช่นนี้? "
“ท่านแม่ทัพใหญ่ครับ พวกเรามิอาจวิ่งหลบหนีอย่างไร้เป้าหมายในที่โล่งแบบนี้ได้ พวกเราจำเป็นต้องหาที่หลบซ่อนจากเหล่านกหงส์พวกนี้นะขอรับ มิฉะนั้นความได้เปรียบในด้านกำลังพลของพวกเราจักลดน้อยลงเรื่อย ๆ”
"ท่านแม่ทัพสูงสุด ต้นไม้และพุ่มไม้ทางป่าด้านโน้นนั้นหนาแน่นนักเหตุใดพวกเราไม่... "
เหรินเฟยหลงพลันตวาดออกมาด้วยน้ำเสียงดังด้วยโทสะ "ต้นไม้สูงใหญ่และพุ่มไม้หนาแน่นเช่นนั้นหรือ เจ้ากำลังรนหาที่ตายหรือไร พวกเรายังตกตายกันรวดเร็วไม่สาแก่ใจเจ้าหรือ? ยามนี้ทหารของเราพลันแปรเปลี่ยนเป็นอสูรกายขบกัดอุบาทว์นั่น เจ้ายังคิดจักเข้าไปหลบในป่าที่มีพุ่มไม้หนาแน่นที่มีทัศนวิสัยเลวร้ายเช่นนั้นอีกหรือ? อีกทั้งฤดูนี้ เหล่าต้นไม้ใบหญ้านับว่าแห้งแล้งยิ่งนัก หากศัตรูเล่นงานเราด้วยเปลวเพลิงอีกครั้ง เช่นนั้นพวกเราก็อยู่สุดปลายเชือกอย่างแท้จริง*" (อับจนหนทาง,จนตรอกแล้ว)
การเข้าไปในป่ายามนี้นั้นนับว่าเอื้อให้เหล่าทหารคลั่งพวกนั้นกระทำการได้ง่ายขึ้น เพราะพวกมันจะถูกพบเจอได้ยากกว่าเดิม อีกทั้งยามนี้ต้นไม้ใบหญ้าในป่านั้นแทบมิต่างอันใดกับเชื้อเพลิงชั้นดี วิ่งเข้าไปก็เหมือนไปยืนรอกลางเตาถ่านรอศัตรูจุดไฟเท่านั้น
แต่หากพวกเขาไม่หลบหนีเข้าไปในป่าและยืนอยู่ที่โล่งเช่นนี้ พวกเขาก็ได้แต่ทนรับการจู่โจมที่มิสามารถตอบโต้ของเหล่ากองทัพนกหงส์...
พวกมันนับว่าจนตรอกไปแล้ว...
...
สูงขึ้นไปบนท้องนภา มีนกหงส์ทองสองตัวบินเคียงคู่กัน แต่ละตัวล้วนมีผู้ที่กำลังขับขี่อาศัยอยู่ ตัวหนึ่งคือเจี้ยงเฉิน ส่วนอีกตัวคือเย่หลง
เย่หลงเองก็มีสัตว์ขี่พาหนะของเขาเองเช่นกัน แต่ทว่าเขามิต้องการเป็นจุดเด่นและดึงดูดความสนใจจากศัตรูและเปิดเผยฐานะออกไปในระหว่างสงครามของอาณาจักรจันทราทมิฬและอาณาจักรตะวันออก ดังนั้นเขาเลยมิได้อาศัยสัตว์ขี่ของเขามา แต่เลือกที่จะใช้นกหงส์ทองแทน
"น้องเจี้ยง เจ้าเห็นคนผู้นั้นหรือไม่? ผู้ที่ใส่ชุดเกราะสีเงินและเสื้อคลุมสีขาวนั่นคือเหรินเฟยหลง เจ้าเห็นลายปักมังกรทะยานบนเสื้อคลุมสีขาวของเขาหรือไม่? นั่นนับว่าเป็นเครื่องหมายอันเป็นเอกลักษณ์ไว้แสดงตัวตนของมัน "
"เหรินเฟยหลงผู้นี้ยังกล้าเปิดเผยตัวทำตนเป็นจุดเด่นกระทั่งยามหลบหนีหัวซุกหัวซุนเช่นนี้? มันมิมีสมองหรือไรจึงคิดที่จะหลบหนีโดยมิปลดชุดคลุมสีขาวที่เป็นจุดเด่นเช่นนั้นออก?" เจี้ยงเฉินกล่าวออกมาด้วยความสงสัยอย่างแท้จริง เขาอยากรู้ว่าในสมองมันมีขี้เลื่อยมากเท่าไหร่กันแน่ นี่มันได้ชื่อแม่ทัพอันดับ 1 มากจากการจับฉลากหรือไร
"อาจกล่าวได้ว่าแม่ทัพอันดับ 1 เช่นมันติดพันความตายเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ ตัวมันเองก็หาได้มีอันใดดีเด่นไปกว่ามนุษย์ปุถุชนธรรมดาไม่ คราวนี้มันต้องเจอกับบุคคลที่โดดเด่นอย่างแท้จริงเช่นเจ้า มันจึงต้องตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังใกล้ชิดกับหุบเหวแห่งความตายเช่นนี้เป็นครั้งแรก เอาล่ะ พวกเราอย่าได้เสียเวลาอันมีค่าไปกับพวกมันอีกเลย ข้าจะไปเป็นตัวหลอกล่อเพื่อสร้างโอกาสเปิดช่องว่างให้เจ้าสังหารมัน เจ้าต้องไปหามุมและตำแหน่งที่เหมาะสมในการเล็งยิงสังหารมัน"
เย่หลงหัวเราะเบา ๆ ก่อนที่จะควบคุมนกหงส์ทองให้พุ่งดิ่งไปยังเหรินเฟยหลงด้วยความเร็ว
"เหรินเฟยหลง เจ้ารู้แล้วหรือไม่เล่า! ว่าข้า เจี้ยงเฉินผู้นี้เป็นใคร?" เย่หลงตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงดังสนั่นก่อนที่มันจะรั้งเกาทัณฑ์น้าวศรออกสุดสาย พร้อมปลดปล่อยออกมาในเสี้ยวพริบตา
ฟึ่บบบ!
ลูกศรที่ถูกปลดปล่อยออกมาจาก เกาทัณฑ์ที่ถูกน้าวสุดจนโค้งราวกับเสี้ยวจันทร์นั้น แทบมิต่างอันใดกับดาวตก
"ปกป้องแม่ทัพใหญ่ ปกป้องแม่ทัพใหญ่!"
เหล่ากองทหารคุ้มกันแม่ทัพล้วนโถมตัวมายืนเรียงตัวเพื่อคุ้มกันปกป้องแม่ทัพใหญ่เป็นวงกลม โดยที่พวกมันไม่หวั่นแม้แต่ความตาย พวกมันยินดีใช้ร่างกายตนเองเพื่อสละชีวิตรับลูกศรด้วยร่างเนื้อของพวกมัน
เย่หลงอาจหลอกศัตรูโดยการอ้างชื่อเจี้ยงเฉิน แต่ระดับบ่มเพาะของมันนั้นก็อยู่จุดสูงสุดของอาณาจักรปราณแท้จริง หรือระดับปราณแท้จริงขั้นที่ 11 โดยแท้จริง การปลดปล่อยลูกศรที่ผนวกกับแรงทิ้งดิ่งลงมาราวกับสายฟ้าฟาดของนกหงส์ทองนั้น มันเพิ่มพูนพลังทำลายให้แก่ศรดอกนี้จนน่าพรั่นพรึงนัก
ซึ่บบบบบ!
ลูกศรแหวกอากาศดังหวีดหวิวทะลวงผ่านโล่มนุษย์ตกตายในพริบตาไป 10 กว่าคนกว่าที่มันจะหยุดลง
เป็นเรื่องดีที่กองทหารคุ้มกันของเหรินเฟยหลงนั้นหามีความหวั่นเกรงความตายและมีจำนวนมากมาย โล่ที่เกิดจากเนื้อหนังมนุษย์นั้นนับว่าประเสริฐและมีประโยชน์มากกว่าชุดเกราะใด ๆ
ความศรัทธาที่มาจากชื่อแม่ทัพอันดับ 1 ในอาณาจักรนั้นนับว่าหาใช่เรื่องไร้สาระไม่ เพียงหนึ่งชื่อนี้กลับสามารถยึดเหนี่ยวจิตใจให้เหล่าทหารภักดีจนยินยอมเสียสละตนเองได้อย่างไม่หวั่นเกรง
เย่หลงตะโกนกล่าววาจาดูแคลนเหรินเฟยหลงออกมาพร้อมกับ ยิงศรออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง ฝีมือการยิงเกาทัณฑ์ของมันนับว่ามิได้ต่ำต้อยเลยทีเดียว มันแทบจะเทียบกับเจี้ยงเฉินได้
เพียงเวลาเพียงพริบตาเดียวลูกศรสีทองพลันพุ่งแหวกลงมาจากฟ้าในแง่มุมต่าง ๆ หาได้มีทิศทางใดที่ลูกศรพุ่งซ้ำมาไม่ อีกทั้งแง่มุมต่าง ๆ นั้นล้วนเป็นไปได้ที่จะสังหารเหรินเฟยหลงทั้งสิ้น
ทักษะความสามารถในการยิงเกาทัณฑ์เช่นนี้อาจเรียกได้ว่าใกล้เคียงระดับเทพเจ้าเกาทัณฑ์อย่างแท้จริง
แม้เจี้ยงเฉินเองยังอดทึ่งไม่ได้กับทักษะที่เหนือชั้นอันนี้ จนเขาแทบจะลืมไปว่าตอนนี้เย่หลงนั้นเพียงไปหลอกล่อจู่โจมเพื่อสร้างโอกาสปลิดชีพเหรินเฟยหลงแก่เขาเท่านั้น เขาต้องเป็นผู้ลงดาบประหารมันด้วยตนเอง!
เจี้ยงเฉินเองก็รู้สึกว่าตัวมันได้รับโอกาสให้สำแดงเดชฝีมือเกาทัณฑ์ระดับเทพสวรรค์ชั้นสูงของมัน หลังจากเย่หลงสร้างโอกาสให้ด้วยทักษะเกาทัณฑ์ที่งดงามเช่นนี้ให้แก่มัน
เจี้ยงเฉินหลับตั้งกระชับเกาทัณฑ์ต้าหยู่นี้ไว้นิ่ง ๆ ก่อนที่จิตวิญญาณของมันเริ่มผสานหลอมรวมกับจิตวิญญาณของเกาทัณฑ์ แม้แต่ช่วงจังหวะการหายใจของมันราวกับผสานหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับทำนองจิตวิญญาณของเกาทัณฑ์นี้อย่างแท้จริง นี่คือขั้นสุดยอดของการใช้อาวุธ คนอาวุธหลอมรวมเป็นหนึ่ง!
มันเริ่มทาบลูกศรน้าวไปยังสายเกาทัณฑ์ด้วยท่วงท่าเรียบง่าย!
เจี้ยงเฉินบังคับให้นกหงส์ทองพุ่งทิ้งดิ่งลงมาราวกับดาวตก ทิ้งไว้เพียงเส้นแสงสีทองลากผ่านผืนนภายามราตรีส่องสว่างราวกับแสงอัสดงลากผ่านยามค่ำคืน
ในขณะเดียวกันเกาทัณฑ์ต้าหยู่ ราวกับอสูรร้ายที่ถูกปลุกให้ลืมตาตื่นขึ้นมา พลังปราณอันน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายออกมาอย่างมหาศาลก่อนที่เจี้ยงเฉินจะน้าวคันศรออกจนสุดสายพร้อมปลดปล่อยออกมาด้วยพลังปราณแท้จริงขั้นที่ 11 ที่ผสานหลอมรวมกับอาวุธจนบรรลุขั้นสุดยอดก่อนที่ เส้นแสงสีทองจะพุ่งทะยานออกไป
เส้นแสงสีทองครานี้นับว่าเจิดจรัสกลบแสงจันทร์ยามรัตติกาลจนหมดสิ้น
"แย่แล้ว! ปกป้องแม่ทัพใหญ่! "
ราวกับสิ่งมีชีวิตบนโลกภายใต้สวรรค์นี้ลืมตาตื่นขึ้นมาตอบรับกับแสงสีทองนี้ เพียงเพราะแสงสีทองนี้มันมิต่างอันใดกับแสงอัสดงที่ทอพาดผ่านท้องนภาที่มืดมิดอันเป็นแสงแรกของวัน ปลุกเหล่าสรรพชีวิตให้ตื่นจากการหลับใหล
ศรดอกนี้หาได้มีลูกเล่นอันใดมากมายไม่ แต่ศรดอกนี้ล้วนอัดแน่นไปด้วยเต๋าแห่งเกาทัณฑ์ที่แท้จริง
มัน รวดเร็ว แม่นยำ รุนแรง และสุดหยั่งถึง
เส้นแสงสีทองนั้นลากผ่านราวกับอุกกาบาตที่สามารถถล่มทลายเมืองให้ราบพนาสูร ส่องสว่างราวกับเปลวเพลิงสวรรค์ที่สามารถชำระล้างได้ทุกสรรพสิ่ง
ซู่มมมม!!
ศรดอกนี้นั้นแทรกผ่านช่องว่างของเหล่าศรที่เย่หลงปลดปล่อยออกมามากมายโดยมิกระทบถูกแม้แต่เพียงนิด
ฟุ่บบบ!
แสงสีทองนั้นมิต่างอันใดกับแสงแดดส่องผ่านใบหน้าของเหรินเฟยหลงด้วยความรวดเร็ว แค่พียงกระพริบตามันก็ส่องผ่านไปเสียแล้ว คงเหลือไว้เพียงรอยสีดำที่เจาะผ่านกลางกระหม่อมของมันไปเท่านั้น แสงสีทองเมื่อครู่ถึงกับลบทุกสิ่งอย่างตั้งแต่หน้าผากจรดปลายคางออกมันไปเสียสิ้น มันว่างเปล่าอย่างน่าสยดสยอง...ใบหน้าของเหรินเฟยหลงหายไปไม่มีเหลือ
และสิ่งที่น่าทึ่งก็คือศีรษะของมันยังสามารถคงรูปอยู่ได้โดยมิหลุดร่วงลงมา มันยังคงตั้งอยู่ทั้ง ๆ ที่ว่างเปล่าถึงเพียงนั้น นี่ทำให้ภาพเหตุการณ์ครานี้มันน่าพรั่นพรึงยิ่งนัก
เหล่ากองทัพที่ยิ่งใหญ่พลันหยุดลงเพื่อมองภาพตรงหน้า ทุกสายตาของพวกมันฉายความตกตะลึงไม่คาดฝันและยากที่จะยอมรับออกมา หัวใจของพวกมันแทบจะหยุดเต้นลงหลังจากที่ได้แลเห็นภาพนี้
ท่านแม่ทัพใหญ่สิ้นแล้วหรือ?
แม่ทัพอันดับหนึ่งผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรจันทราทมิฬ แม่ทัพที่เป็นความภาคภูมิใจสูงสุด ปรีชาสามารถที่สุดของอาณาจักรจันทราทมิฬตกตายลงในค่ำคืนพิกลนี้?
ตุบ!
ร่างกายของเหรินเฟยหลงค่อย ๆ ล้มลงจนบังเกิดเสียงดัง
การล้มลงนี้นับว่านำพาขวัญกำลังใจของเหล่าทหารหาญแห่งอาณาจักรจันทราทมิฬให้ดิ่งวูบลงสู่ห้วงแห่งความสิ้นหวังด้วยเช่นกัน
"แม่ทัพใหญ่สิ้นแล้ว รีบหนีเอาตัวรอดเร็ว!"
“เป็นไปไม่ได้! แม่ทัพใหญ่จะสิ้นได้อย่างไร? แม่ทัพใหญ่เป็นแม่ทัพอันดับ 1 ของอาณาจักรจันทราทมิฬ ท่านเป็นเทพเจ้าสงครามที่แท้จริง เป็นยอดขุนพลที่เป็นมังกรในมวลมนุษย์ ท่านจะตายตกดั่งเช่นปุถุชนได้อย่างไร! ท่านจะสิ้นชีพลงได้อย่างไร? "
สำหรับกองทัพของอาณาจักรจันทราทมิฬแล้ว เหรินเฟยหลงนับว่าเป็นเทพเจ้าของพวกมัน แต่ยามนี้เทพเจ้าองค์นั้นร่วงหล่นลงสู่ผืนปฐพีแล้ว
ฉากนี้นั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันไปพังทลายภาพศรัทธาและความในใจของพวกมันให้ร้าวรานถึงขนาดไหน
พวกมันไม่อาจยอมรับความจริงเช่นนี้ได้ ท่านแม่ทัพเหรินเฟยหลงจะมาดับสิ้นลงในแดนดินทุรกันดารเช่นนี้ได้อย่างไร?
เรื่องไร้สาระทั้งหมดนี้มันหาได้ต่างอันใดกับฝันร้ายตื่นหนึ่งเท่านั้น
นี่...เรียกได้ว่าแผนการรบแบบยุทธวิธีกองโจรและการซุ่มจู่โจมครานี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม อีกทั้งมันยังเป็นการประสบความสำเร็จหลังจากการลอบสังหารในครั้งเดียวอีกด้วย แต่ทว่าครั้งเดียวนี้กลับเป็นหนึ่งครั้งที่แยบยลนัก ...อีกทั้งยังปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจัยที่ช่วยให้แผนนี้ลุล่วงไปได้ด้วยดีเช่นนี้ เย่หลงนับมีส่วนช่วยอยู่ไม่น้อย แม้แต่เจี้ยงเฉินเองยังคิดว่า หากไปบอกกล่าวผู้ใดคงมิมีใครเชื่อแน่ว่ามันจะสังหารแม่ทัพอันดับหนึ่งลงได้ง่ายดายเช่นนี้
นี่เพราะทั้งชีวิตของเหรินเฟยหลงนั้นเต็มไปด้วยความสำเร็จและผลงานที่น่าทึ่ง มันได้เข่นฆ่าสังหารเหล่าศัตรูและผู้คนบริสุทธิ์รวมถึงเชลยไร้ทางสู้ จนได้ฉายาว่าเทพเจ้าสงคราม ฆาตกร เทพเจ้าล่าสังหาร ฯลฯ
แต่ทว่ายามนี้ทั้งหมดล้วนเป็นภาพมายามิต่างอันใดกับฝันตื่นหนึ่งที่จบสิ้นลงไป และพร้อมจางหายไปกับกาลเวลา หลังจากที่ชีวาของมันได้วอดวายลง ณ แดนดินถิ่นทุรกันดารผืนนี้
ค่ำคืนนี้นั้นจักเป็นฝันร้ายที่ยากจะลบเลือนตราตรึงไปถึงทรวงของอาณาจักรจันทราทมิฬ และมันจะทำให้อาณาจักรจันทราทมิฬจมอยู่กับค่ำคืนแห่งความมืดนี้ไปอีกแสนยาวนาน
ชื่อตอน สังหารแม่ทัพอันดับ 1