หน้าแรก > ราชันสามภพ
ตอนที่ 126 ทองคำที่เก็บงำประกายใต้ผืนทราย

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

เย่หลงรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้ฟังวาจานี้ "น้องเจี้ยงนี่ใช่หมายความว่าเจ้ายินยอมรับข้อเสนอของข้าแล้ว?"

"กล่าวได้ดี พวกเราดังทองคำงำประกายใต้ผืนทราย รอเวลาส่องประกายออกมา จะอย่างไรข้าและท่านก็หาใช่ธรรมดาสามัญ หากพวกเรายินยอมร่วมมือกันบางทีอาจประเสริฐที่สุดแล้ว "

ปับ ๆๆ

เย่หลงปรบมือก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างเริงร่า  "ดี! ยอดเยี่ยมนัก! เจี้ยงเฉิน ข้าเย่หลงหาได้พบสหายรู้ใจที่กล่าววาจาตรงไปตรงมาเช่นนี้มานานแล้ว หมดจอก! "

"ดื่ม!"

เจี้ยงเฉินเองตั้งแต่มาโผล่ยังดินแดนแห่งนี้มันก็หาได้ไปไหนไม่ มันแทบจะมิมีโอกาสได้ไปสำรวจโลกภายนอกเพราะมัวแต่วิ่งวุ่นจัดการเรื่องราว นอกเหนือจากเจ้าอ้วนซวนที่ยินยอมเผาหนังสือโป๊สุดรักให้มัน กับหูปิ่งเย่วที่ยินยอมละเลยคำของตระกูลมาช่วยเหลือมันแล้ว เจี้ยงเฉินก็ไม่สามารถเรียกใครว่าสหายได้อีกเลย

องค์หญิงโจวหยู่นั้นอาจจะนับได้ แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้นอาจเรียกได้ว่าเกินเลยคำว่าสหายไปแล้ว....

ส่วนคนอื่น ๆ นั้น หากไม่เป็นญาติพี่น้องก็เป็นผู้ติดตามเขาทั้งนั้นสิ้น

นับว่านี่เป็นคนแรกที่ฐานะทางสังคมและความสัมพันธ์เหมาะสมที่สุดที่เจี้ยงเฉินจะเรียกเขาว่าสหาย อย่างน้อยลักษณะนิสัยของทั้งสองก็นับว่าเข้ากันได้ดี ราวกับวิหคที่มีขนเหมือนกัน

"ท่านเจี้ยง ข้ารู้สึกราวกับพวกเราเป็นสหายกันมาเนิ่นนานแม้นี่จะเป็นเพียงการพบกันคราแรก ท่านรับเกาทัณฑ์ต้าหยู่กับลูกศรนี่ไปใช้เถิด ถือซะว่าเป็นของขวัญอวยพรของข้า มันมีลูกศรทั้งหมด 36 ดอกที่นับเป็นชุดของมัน เหล่านี้นับว่าเป็นศรศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดมาเพื่อเกาทัณฑ์นี้อย่างแท้จริง"

เย่หลงนั้นอยู่ในสภาวะอารมณ์ที่อิ่มเอมและมีความสุขนัก เขาพบว่าตัวเขากับเจี้ยงเฉินมีอะไรคล้าย ๆ กันไม่น้อย หลังจากที่ได้ร่ำสุรากับเจี้ยงเฉินไป 2-3 จอก

"องค์ชายอย่าได้เรียกหาข้าว่าท่านเจี้ยงอีกเลย ท่านสมควรมีอายุมากกว่าข้าราว 1-2 ปีท่านเรียกหาข้าว่าเจี้ยงเฉิน ไม่ก็น้องเจี้ยงจักประเสริฐกว่า "

"ฮ่าฮ่า เช่นนั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าน้องเจี้ยง เอ หรือข้าจะเรียกน้องชายอัจฉริยะเจี้ยงดีล่ะ เอาล่ะ ๆ น้องเจี้ยงแต่ว่าเกาทัณฑ์นี้อาจเพิ่มโอกาสให้เจ้าได้รับชัยชนะครั้งนี้มาอีกแค่ 1 ส่วนเท่านั้น มันยังไม่อาจรับประกันว่าเจ้าจะฆ่าเหรินเฟยหลงได้อย่างแน่นอน "

ในความเป็นจริงแล้วถึงจะมีเกาทัณฑ์นี้อยู่ในมือ แต่ทว่าเหรินเฟยหลงหาได้ง่ายดายดั่งที่คิดไม่ รอบ ๆ ตัวมันย่อมมีคนคุ้มกันเรือนหมื่น การจะฆ่ามันหาใช่ง่ายดายไร้เรื่องราว

“เช่นนั้นพี่ท่านมีวิธีการใดที่จะเสนออีกไหมเล่า?”

"ข้าก็มีความคิดอื่น ๆ อีก แต่ว่ามันอาจจะดูต่ำช้าไปนิด" เย่หลงมีความลังเลเล็กน้อย

"สองฝ่ายเผชิญหน้า เรื่องต่ำช้ายังนับเป็นกลยุทธ์ หากกองทัพของอาณาจักรจันทราทมิฬกรีฑาทัพมาถึงอาณาจักรตะวันออกนี่แล้วล่ะก็ ด้วยลักษณะและการกระทำของเหรินเฟยหลงที่สร้างชื่อเสียงให้แก่มันดั่งฉายาที่ว่าเทพเจ้าล่าสังหาร เกรงว่าจำนวนคนบริสุทธิ์ที่ต้องตกตายภายใต้ความพอใจและสังเวยให้กับชัยชนะของฆาตกรเช่นมันคงมิต่ำกว่าหมื่น ข้าหายินยอมให้เกิดเรื่องเช่นนั้นไม่ อย่าว่าแต่ต่ำช้าเลย ต่อให้ที่สุดของความต่ำช้าก็ยินดีกระทำ "

เย่หลงพยักหน้า "เจ้ากล่าวได้ดี หาได้มีความต่ำช้าเมื่อสองฝ่ายเผชิญหน้า ทุกสิ่งล้วนเป็นกลยุทธ์ทั้งสิ้น ดี! "

หลังจากที่กล่าวจบ เย่หลงดูเหมือนจะใช้ลูกเล่นอะไรบางอย่างบนมือขวา มันยกมือขึ้นมาก่อนที่จะสะบัดเล็กน้อย ก่อนที่จะมีร่างอสรพิษตัวหนึ่งที่ตามตัวเป็นลายจุดสีเขียวเข้มปรากฏอยู่บริเวณหลังมือของมัน อีกทั้งลำตัวของอสรพิษนี้ยังรัดพันแขนของเย่หลงเอาไว้

อสรพิษตัวนี้ขนาดมิได้ใหญ่โตมากนัก แต่ทว่านัยน์ตาสีดำราวกับรัตติกาลกับสัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยมบนหัวของมันแลดูไปช่างน่าสยดสยองยิ่งนัก

"น้องเจี้ยง นี่เรียกว่า อสรพิษจันทร์คล้อย 7 ดาราประสาน พิษของมันค่อนข้างแปลกประหลาดและอำมหิตนัก เมื่อพิษมันแล่นเข้าสู่กระแสโลหิตของผู้ใด บุคคลผู้นั้นจะรู้สึกราวกับโลหิตทั่วทั้งร่างมันเดือดพล่าน พวกมันจะค่อย ๆ แปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นอสูรร้าย ที่มีความกระหายในโลหิตสดๆอย่างรุนแรง ราวกับว่าพวกมันดำรงอยู่เพื่อออกล่าและกลืนกินเท่านั้นและสิ่งเดียวที่มันต้องการแก้อาการกระหายที่มิมีวันหมดสิ้นคือลิ้มรสโลหิตของเหยื่อที่มิได้มีกลิ่นอายโลหิตคล้ายคลึงกับมัน... เจ้าลองนึกภาพยามพิษร้ายนี้แพร่ลงสู่กองทัพ มิว่ากองทัพนับล้านจะแข็งแกร่งถึงเพียงไหน แต่ยามที่มีคนผู้หนึ่งได้รับพิษนั่นหมายความว่าโลหิตพวกมันย่อมเป็นพิษ และเมื่อมันขบกัดผู้ใด คนผู้นั้นก็จะติดพิษชนิดนี้ ดั่งคำกล่าว 7 ดาราประสาน คนพวกนั้นจะแพร่พิษไปเรื่อย ๆ ราวกับดวงดาราเคลื่อนคล้อยหมุนเวียนประสานมิรู้จบ แม้นจะเป็นกองทัพนับล้านแต่คงใช้เวลาเพียงมินานก่อนที่พวกมันจะล่มสลายลงจนหมดสิ้น "

"อรสรพิษจันทร์คล้อย 7 ดาราประสาน?" เจี้ยงเฉินนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะมีความทรงจำหนึ่งเกี่ยวกับอสรพิษตัวนี้ผุดขึ้นมา และเมื่อมันนึกย้อนดูก็พบว่าพิษของมันเป็นดั่งที่เย่หลงกล่าวไม่มีผิดเพี้ยน

ตราบเท่าที่ผู้ถูกพิษนี้ขบกัดผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดล้วนต้องติดพิษดุจเดียวกัน จาก หนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย จากร้อยเป็นพันในเวลาเพียงแค่พริบตา...

แล้วกว่ากองทัพนับล้านจะพินาศสิ้น พวกมันจะต้องผจญสภาพราวอยู่ขุมนรกนี้ไปนานสักเท่าไร?

อย่างไรก็ตามจากความทรงจำเจี้ยงเฉินรับรู้มาว่า อสรพิษตัวนี้นั้นหาได้ยากและชุบเลี้ยงลำบากมากนัก เย่หลงไปได้มันมาจากที่ใดกัน?

"น้องชายอย่าได้มองข้าเช่นนั้น อสรพิษนี้แน่นอนว่ามิใช่สัตว์เลี้ยงของข้า ข้าเพียงยืมมันมาจากสหายที่อยู่ในนิกายพฤกษาสวรรค์เท่านั้น อันที่จริงกำหนดการคืนก็เหลืออีกเพียง 15 วันเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นหากมันรู้ว่าข้าคิดจะนำมาเพื่อแทรกแซงการสงครามเช่นนี้ล่ะก็...เกรงว่าข้าคงมิอาจนำมันมาให้เจ้าชมได้เช่นนี้"

ยามเย่หลงกล่าววาจานี้ออกมา เจี้ยงเฉินเองย่อมรับรู้ถึงความยากลำบากที่มันเผชิญมา นับว่าเพื่อก่อมิตรภาพกับเขา มันลงทุนไปไม่น้อยเลยทีเดียว

"พี่ท่านอย่าได้กังวลข้ามีวิธีกลั่นและปรับแต่งพิษนี้ให้มีลักษณะแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง จะมิมีผู้ใดสามารถตรวจสอบและกล่าวสรุปได้ว่าเป็นผลมาจากพิษของอสรพิษจันทร์คล้อย 7 ดาราประสาน อย่างแน่นอน ท่านวางใจได้สหายท่านย่อมมิมีวันรู้เรื่องนี้"

"กลั่นและปรับแต่ง?" เย่หลงกระพริบตาด้วยความทึ่ง "น้องเจี้ยงเจ้ารู้วิธีปรุงแต่งยาพิษด้วยรึ?"

เจี้ยงเฉินหัวเราะออกมาอย่างเริงร่า “ดูเหมือนว่าหน่วยข่าวกรองของท่านจะมิละเอียดพอ แท้จริงแล้วข้านั้นสามารถปรุงแต่งยาพิษได้เช่นกัน”

“โอ้? นับว่าน่าทึ่งยิ่งนัก การปรุงแต่งยาพิษนับว่าเป็นหนทางเส้นหนึ่งของเต๋าแห่งโอสถ น้องเจี้ยงเป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าเองก็ศึกษาเต๋าแห่งโอสถด้วย? "

"ข้าพอรู้อะไรในหนทางสายนี้อยู่บ้าง" เจี้ยงเฉินยิ้มรับคำอย่างนอบน้อม

"น้องชาย หากเจ้ามีพรสวรรค์ด้านเต๋าแห่งโอสถนี่ด้วยล่ะก็โอกาสที่เจ้าจะสามารถเข้าร่วมนิกายพฤกษาสวรรค์นับว่าเพิ่มขึ้นไม่น้อย  เนื่องเพราะนิกายพฤกษานั้นให้ความสำคัญกับเต๋าแห่งโอสถอย่างมาก ในบรรดา 4 นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดของ 16 อาณาจักร นิกายพฤกษาสวรรค์นับว่าเป็นหนึ่งในด้านเต๋าแห่งโอสถ "

เจี้ยงเฉินนั้นยินดีรับอสรพิษจันทร์คล้อย 7 ดาราประสานนี้มาทันที เขาได้ค้นหาวิธีปรุงแต่งยาพิษจากประสบการณ์ในชาติที่แล้ว เพื่อหาพิษที่เหมาะสมกับการทำศึกครั้งนี้ และด้วยเหตุนี้กลยุทธ์ในการจู่โจมของเจี้ยงเฉินนับว่ามีเพิ่มขึ้นอีกหลายกลยุทธ์เลยทีเดียว

ราตรีกาลผ่านพ้นอัสดงส่องแสง ในยามรุ่งพบเจี้ยงเฉินเดินออกมาจากห้อง ด้วยรอยยิ้มที่ฉายชัดอยู่เต็มใบหน้า

หลังจากที่ผ่านไป 1 คืนเต็ม ๆ เจี้ยงเฉินได้ทำการกลั่นพิษของอสรพิษจันทร์คล้อย 7 ดาราประสาน แล้วปรุงแต่งยาพิษที่มีลักษณะแตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิงออกมาหนึ่งขวดใหญ่

พิษนี้ถูกเทแบ่งเป็นขวดเล็ก ๆ นับร้อยขวด ก่อนที่จะกระจายไปยังหัวหน้าหน่วยต่าง ๆ ทั้งขนาดใหญ่และกลาง

...

นับเป็นวันที่ 7 หลังจากที่กองทัพของอาณาจักรจันทราทมิฬเคลื่อนทัพออกมา

ในวันนี้กองทัพใหญ่ตัดสินใจหยุดทัพบริเวณหุบเขาโล่ง ๆ แห่งหนึ่งเพื่อหารือเกี่ยวกับแผนการศึก พวกเขาเริ่มกอตั้งค่ายพักหลังจากที่มั่นใจแล้วว่าสถานที่แห่งนี้ปลอดภัย

หากเดินทางอีกเพียง 2 วันพวกมันก็จะมองเห็นชายแดนของอาณาจักรตะวันออกอยู่ลิบ ๆ

ยามนี้ราวกับความอุดมสมบูรณ์ของดินแดนตะวันออกอีกทั้งยังทรัพย์สมบัติมากมายกำลังโบกมือเย้ายวนพวกมันอยู่ไกล ๆ

เหรินเฟยหรงเรียกประชุมเหล่าแม่ทัพรวมทั้งขุนพลระดับสูงต่าง ๆ ยังกระโจมของแม่ทัพใหญ่

"เอาล่ะทุกท่านหลังจากพวกเราข้ามเทือกเขาปาหยันนี่แล้ว ก็นับว่าพวกเราได้บรรลุถึงสุดขอบชายแดนของอาณาจักรจันทราทมิฬ พวกเราจะแบ่งกองทัพออกเป็นสองส่วน ทัพหนึ่ง ให้เดินทัพเรียบไปตามแม่น้ำสายตะวันตกนี้เพื่อไปแผ้วถางเส้นทางตัดเข้าไปกลางอาณาจักรตะวันออกก่อนจะวกมาปิดล้อมมณฑลเจี้ยงหานด้านหลังเช่นนี้ ส่วนอีกทัพนั้น ให้ทำทีเป็นเคลื่อนทัพไปประชิดชายแดนเจี้ยงหานของอาณาจักรตะวันออกเพื่อหลอกล่อให้กองทัพตระกูลเจี้ยงยกออกมา"

"แกล้งไปประชิดชายแดนเจี้ยงหาน หลอกล่อ?" แม่ทัพระดับสูงคนหนึ่งกล่าวถามออกมาด้วยความใคร่รู้

"ถูกแล้ว ตระกูลเจี้ยงนั้นแน่นอนว่าต้องรักษาที่มั่นของพวกมันอยู่ที่ดินแดนเจี้ยงหาน และจากสายข่าวความสามารถในการควบคุมนกหงส์พวกมันมิใช่ชั่ว หากเราทำการหักหาญโจมตีปะทะซึ่งหน้า ถึงแม้พวกเราจะมีวิธีเอาชัยมัน 108 วิธี แต่นั่นย่อมเสียกำลังพลไปไม่น้อย จะอย่างไรกองทัพของพวกเราก็ต้องร่อยหรอไปบ้าง พวกมันอาจจะไม่แยแสชีวิตของนกหงส์ที่ตกตาย แต่ชีวิตทหารและแม่ทัพของพวกเราหาได้ด้อยค่าดั่งเดรัจฉานพวกนั้นไม่ มันไม่คุ้มค่า"

"ท่านแม่ทัพใหญ่กล่าวได้ถูกต้องยิ่งนัก พวกเราหาได้ต้องใช้กำลังไปหักหาญกับกองทัพนกหงส์โดยตรงไม่ ตราบใดที่กองทัพแรกของพวกเราสามารถเปิดทางสายนี้ที่เรียบลำน้ำเข้าไปได้ เราสามารถเติมกำลังพลได้อีกไม่รู้จักจบสิ้น  ซ้ำยังเป็นการมุ่งหน้าไปสู่จุดยุทธศาสตร์สำคัญของอาณาจักรตะวันออกก่อนที่ตระกูลเจี้ยงจะรู้ตัวด้วยซ้ำ หรือหากมันรู้ตัวและคิดเคลื่อนทัพมาขัดขวาง กองทัพที่แกล้งไปดึงดูดความสนใจมันนอกชายแดนเจี้ยงหานก็พลันมุ่งหน้าไล่ตลบหลังบีบมันให้เป็นปลาในแห หามีที่ให้พวกมันดิ้นรนไม่ เพราะไม่ว่าพวกมันจะมุ่งหน้าไปทางใด ก็ล้วนแต่เจอคนของเราทั้งสิ้น ดั่งพวกมันถูกตาข่ายฟ้าพันธนาการมิเหลือหนทางหลบหนี"

คนที่กล่าวประสานออกมากลับเป็นแม่ทัพระดับสูงอีกคนหนึ่งที่มีฐานะเป็นขุนนางอันดับต้น ๆ ของอาณาจักรจันทราทมิฬ

คนส่วนมากนั้นเข้าใจเจตนาของเหรินเฟยหลงที่จะแผ้วทางตัดเข้ากลางเพื่อไปปิดล้อมกองทัพตระกูลเจี้ยง แต่ทว่าคำที่ว่า ส่งกำลังพลไปเสริมนี่พวกมันยังมิค่อยเข้าใจ กำลังพลอันใด??

"ไม่ต้องสงสัยอันใด กองทัพที่แผ้วทางไปตามลำน้ำนี่นับเป็นการดึงดูดความสนใจมิแตกต่างกัน แต่ทว่ามันเป็นการดึงดูดความสนใจที่สามารถแปรเปลี่ยนมาปะทะหักหาญจริงจังได้ทันที เพราะถือว่าพวกเราตลบหลังมันและมีความพร้อมมากกว่า และนี่ยังนับว่าเป็นหนึ่งกลยุทธ์เท่านั้นไม่สิมันถูกนับรวมเป็นหนึ่งกลยุทธ์ ทว่าหมากลี้ลับปิดกระดานอีกหมากหนึ่งของข้าก็คือ ข้าจะส่งยอดฝีมือชุดหนึ่งไปกับกองทัพที่เปิดทางตามแม่น้ำสายตะวันตกนี้ด้วย!  ก่อนที่จะให้พวกมันลักลอบตัดตรงเคลื่อนกระบวนหักลงมาทางตะวันออกเฉียงใต้ มุ่งหน้าสู่มณฑลเจี้ยงหาน ตามเส้นทางนี้! ที่มีระยะทางประมาณ 2,000 ลี้”

"หมากลี้ลับปิดกระดาน?" เหล่าแม่ทัพนายกองระดับสูงล้วนสงสัยในคำกล่าวนี้

"อันที่จริงหากจะกล่าวให้ลึกซึ้งบางทีกองทัพใหญ่ทั้งสองของเรามีไว้เพื่อหลอกล่อให้ตระกูลเจี้ยงระส่ำระสายเท่านั้น ผู้ที่จะจัดการกับคนของตระกูลเจี้ยงมิใช่กองทัพทั้งสองของพวกเรา พวกเราแค่จัดทัพไปคุมเชิงกับพวกมันเท่านั้น ข้าขอถามพวกเจ้า หากพวกเราต้องปะทะกองทัพนกหงส์จริง ๆ พวกเราต้องเสียกำลังพลสักเท่าไร 3 ส่วน 4 ส่วน หรืออาจจะเป็น 5 ส่วน? หากจำนวนผู้เสียชีวิตและทหารเลวตกตายไปมากมายถึงเพียงนั้น แน่นอนว่าย่อมส่งผลต่อกำลังใจให้แก่ทหารที่เหลือที่จะทำการเข้าตีอาณาจักรตะวันออก อีกทั้งอาณาจักรตะวันออกเองก็หาได้มีแต่ตระกูลเจี้ยงที่เป็นเขี้ยวเล็บไม่ มันยังหลงเหลือกองทัพที่ยังพอเป็นเขี้ยวเล็บได้อยู่ไม่น้อย ดังนั้นข้าจึงคิดยุทธวิธีปราบตระกูลเจี้ยงเช่นนี้ และนี่คือยุทธวิธีจู่โจมอัศจรรย์ "

"การจู่โจมอัศจรรย์?"

"การจู่โจมอัศจรรย์แท้จริงแล้วก็คือ" เหรินเฟยหลงเต็มไปด้วยความมั่นใจก่อนที่จะกล่าว  "เหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่ในอาณาจักรปราณแท้จริงขั้นสูงสุดที่ข้าตระเตรียมมาจะเคลื่อนกำลังตามทัพแรกไปด้วย แต่พวกมันจะตัดตรงไปยังมณฑลเจี้ยงหาน ตรงจุดนี้! พวกมันจะเดินทางมุ่งลงไปตามทิศตะวันออกเฉียงใต้เข้ามณฑลเจี้ยงหานอีกทาง ก่อนที่พวกมันจะแทรกซึมไปยังเมืองระลอกคลื่นของมณฑลเจี้ยงหาน  หนึ่ง...เพื่อสอดแนมสถานการณ์ภายในเมืองให้ลุล่วงดั่งตาเห็น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กองทัพจันทราทมิฬของเรา สอง...เราจะทำการจู่โจมโดยอาศัยนอกในประสานสร้างความสับสนก่อนที่จะให้คนกลุ่มนี้ที่อาศัยอยู่ในเมืองระลอกคลื่นพุ่งเป้าไปยังคฤหาสน์ของขุนนางเจี้ยงหานอย่างรวดเร็วและอัศจรรย์ดั่งสายอัสนี โดยไม่ทันให้หูตาของพวกมันทันรู้ตัว เพื่อบรรลุเป้าหมายหลักของพวกเรา เจี้ยงเฟิง!! "

"เจี้ยงเฟิง ??"

"ถูกต้อง ตราบใดที่เราสามารถจับกุมตัวเจี้ยงเฟิง อีกทั้งควบคุมคนในตระกูลเจี้ยงได้ เราจะบีบให้เจี้ยงเฉินยอมจำนน เราจะทำให้มันสิ้นไร้อำนาจทางการรบ ต่อให้มันคิดจะรบมันก็รบได้ทั้งมีแผลในใจ...แต่ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นคนดุร้ายเด็ดเดี่ยวแข็งแกร่งทระนงถึงเพียงไหน หรือจะควบคุมกองทัพนกหงส์ได้มากมายถึงเพียงใด ทว่าหากพวกเรากุมชะตาชีวิตบิดาและคนในตระกูลของพวกมันเอาไว้ แล้วไซร้…"

เจ้าหน้าที่ทุกคนเมื่อได้ฟังวาจาของเหรินเฟยหลงพลันเข้าใจทันที พวกมันทั้งหมดล้วนเลื่อมใสแผนการนี้อย่างมาก "นับว่าท่านแม่ทัพใหญ่เกิดมาเพื่อเป็นแม่ทัพอันดับหนึ่งโดยแท้ กระบวนทัพผสานจริงเท็จ เท็จจริงนี้นับว่าเหนือชั้นจนหากท่านมิอธิบายข้ายังอดสับสนแทนศัตรูมิได้"

ทั้งกองทัพที่แยกไปทางแม่น้ำตะวันตกเพื่อตัดเข้ากลางอาณาจักรตะวันออกอีกทั้งยังสามารถตลบหลังมณฑลเจี้ยงหานได้ ทั้งกองทัพที่ไปหลอกล่ออยู่ชายแดนเจี้ยงหาน เป้าหมายที่แท้จริงมีเพียงสร้างความระส่ำระสายและความสับสน เพื่อลอบส่งกองทัพอัศจรรย์ที่กอปรไปด้วยผู้ฝึกตนอาณาจักรปราณแท้จริงขั้นสูงสุดออกไปเป็นหมากปิดกระดานลอบจู่โจมยุทธศาสตร์สำคัญของอีกฝ่ายนั่นเอง

นี่ต้องกล่าวว่าการจัดทัพของเหรินเฟยหลงนั้นแปลกประหลาดและลี้ลับอย่างมาก ทว่ามันก็มีโอกาสที่จะประสบผลสำเร็จค่อนข้างสูง

หากพวกมันไม่ใช้วิธีนี้เกรงว่าถึงแม้จะเป็นอาณาจักรจันทราทมิฬเองก็ต้องจ่ายออกด้วยราคาไม่น้อย...

"เอาล่ะพวกเจ้าทุกคนกลับไปเตรียมพร้อมกันได้ ยามรุ่งพวกเราจะเร่งเดินทางก่อนที่จะแบ่งแยกกองทัพเป็นสองบริเวณชายแดน เราจะปฏิบัติตามยุทธวิธีนี้อย่างเคร่งครัด ข้าหายินยอมให้มีข้อผิดพลาดใด ๆ เกิดขึ้นไม่ "

เมื่อได้ฟังวาจาและการเตรียมการของเหรินเฟยหลงแล้ว อารมณ์ของแม่ทัพนายกองพวกนี้นับว่าแปรปรวนอยู่บ้าง กล่าวไปก็ต้องบอกว่าอารมณ์ของพวกมันพลันซับซ้อนขึ้นไม่น้อย

เพราะพวกมันหาได้มีประสบการณ์ในการสู้กับกองทัพนกหงส์ไม่ แต่พวกมันย่อมรู้ดีว่าสถานการณ์คงไม่ง่ายดายดั่งที่คิดเอาไว้แต่แรก มิเช่นนั้นเหรินเฟยหลงคงไม่ลำบากต้องเอ่ยกลยุทธ์ซับซ้อนเช่นนี้ขึ้นมา

เพราะหากดึงดันรบพุ่งปะทะหักหาญธรรมดา ถึงแม้พวกมันจะได้ชัย แต่กลับเป็นชัยชนะที่ขาดทุนนัก พวกมันคงต้องจ่ายออกไปด้วยชีวิตทหารจำนวนไม่น้อย

หากกลยุทธ์ของแม่ทัพใหญ่เหรินเฟยหลงบรรลุผลแล้วล่ะก็ เท่ากับพวกเขาสามารถเอาชนะกองทัพของตระกูลเจี้ยงโดยไม่ต้องชักดาบออกจากฝักด้วยซ้ำ

แต่ในขณะที่แม่ทัพนายกองทั้งหลายกำลังแยกย้ายไปพักที่กระโจมของพวกมันนั้น เสียงแตรแจ้งเตือนพลันดังกังวานขึ้นมา

แตรนี้เป็นสัญญาณว่ากำลังถูกศัตรูจู่โจม

"ทุกคนเตรียมพร้อม! ศัตรูใกล้เข้ามาแล้ว! "

เมื่อสิ้นคำกล่าวเสียงกระพือปีกดังสนั่นพลันดังขึ้น กองทัพจำนวนมหาศาลของนกหงส์นั้น บินมาเป็นแพ กลบแสงจันทร์จนราวกับคืนนี้เป็นคืนเดือนมืดอย่างไรอย่างนั้น  พวกมันไม่ต่างอันใดกับเมฆหมอกที่ปกคลุมท้องฟ้า เหล่าทหารเมื่อแหงนมองขึ้นไป พวกมันต้องพรั่นพรึงเมือพบกับท้องฟ้าที่ไร้แสงดาว...

"มัน มันคือนกหงส์, นกหงส์บุก!"

ทหารในกองทัพเริ่มตกใจและส่งเสียงกู่ร้องออกมา

"ตื่นตระหนกทำอันใดกัน?  รีบตั้งขบวนโล่กระดองเต่า "

การตั้งขบวนโล่กระดองเต่านั้นเป็นยุทธวิธีป้องกันที่ดีในการป้องกันการจู่โจมทางอากาศ มันสามารถรับประกันได้เลยว่าการโจมตีทางอากาศจะไม่ระคายผิวแม้แต่น้อย

"พลธนูรั้งคันศรรอคำสั่ง!"

"พลหอกเตรียมปะทะ!"

ทั้งสองหน่วยเริ่มเตรียมการ โดยที่พวกมันอาศัยหลบอยู่ในโล่กระดองเต่า เตรียมพร้อมรอคำสั่งโจมตี เมื่อกระดองเต่าเปิดออก พวกมันจะจู่โจมทำลายเหล่านกหงส์ให้สิ้น

หากการการใช้กระบวนทัพโล่กระดองเต่าเป็นยุทธวิธีป้องกันทางอากาศแล้ว พลธนูและพลหอกที่คอยจังหวะอยู่ในกระดองเต่าก็เปรียบเสมือนเขี้ยวเล็บที่มีไว้กำจัดกองทัพนกหงส์

นี่ต้องกล่าวว่าทางอาณาจักรจันทราทมิฬนั้นได้เตรียมการรับมือเหล่ากองทัพนกหงส์มาอย่างดี พวกมันได้ฝึกซ้อมยุทธวิธีเช่นนี้มาอย่างหนัก

แต่ในขณะที่ทุกคนตึงเครียดถึงขีดสุดและพร้อมปะทะหักหาญได้ทุกเวลาเหล่านกหงส์ที่บินอยู่เหนือแผ่นฟ้า กลับหาพุ่งลงมาจู่โจมพวกมันไม่ พวกมันกลับพากันบินหนีออกไปราวกับผ้าม่านพัดผ่านท้องนภา... แสงจันทราส่องออกมาอีกครั้ง หลังจากที่กองทัพของเหล่านกหงส์บินถอยกลับไป ...พวกมันมาอย่างรวดเร็วแต่ทว่ากลับถอยไปรวดเร็วยิ่งกว่า...เพื่ออะไรกัน?

 

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.