spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ทางด้านอาณาจักรตะวันออก...
องค์หญิงโจวหยู่กำลังมุ่งหน้ากลับเมืองหลวงหลังจากที่ใช้เวลา 1 วันในมณฑลเจี้ยงหาน นางได้ออกคำสั่งให้แม่ทัพทั้งหมดรวมถึงกองทัพของพวกเขามารวมตัวกันที่ชายแดนตะวันตกเฉียงใต้
ตอนนี้ทั่วทั้งอาณาจักรตะวันออกกำลังตกอยู่ในภาวะอกสั่นขวัญแขวน เมื่อเหล่าขุนนางทั้งหมดถูกเรียกตัวเข้าประชุม ตอนนี้พลเมืองทุกคนรู้ข่าวเรื่องที่อาณาจักรจันทราทมิฬกำลังกรีฑาทัพมายังอาณาจักรตะวันออกแห่งนี้แล้ว
อาณาจักรจันทราทมิฬนับว่าเป็นศัตรูคู่ฟ้าของอาณาจักรตะวันออก ความสัมพันธ์อันเลวร้ายของทั้งสองอาณาจักรนี้นับว่าเป็นที่โจษจันกันเป็นอย่างดีในบรรดา 16 อาณาจักร
ทั้งสองอาณาจักรนั้นมักจะรบพุ่งกันทุก ๆ 10 - 20 ปี
บางคราก็เป็นการรบแบบเต็มอัตราศึก บางครั้งก็เป็นเพียงการรบแบบยิบย่อย
ความเกลียดชังและความแค้นระหว่างสองอาณาจักรนับว่าฝังลึกลงไปถึงรากเหง้า ทั้งสองอาณาจักร นี่นับว่าเลยจุดที่สามารถประนีประนอมกันมาได้หลายชั่วอายุคนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นราชา ขุนนาง หรือแม้กระทั่งพลเมืองเองก็ตาม หากกล่าวถึงฝ่ายตรงข้าม พวกมันล้วนมีแต่ความเกลียดชังฝังอยู่เต็มหัวใจ ไม่เจ้าก็ข้าตาย ไม่อาจหายใจใต้ฟ้าผืนเดียวกันได้อีกต่อไป
ในกาลก่อนนั้นแม้อาณาจักรตะวันออกจะอ่อนแอถึงเพียงไหนแต่ก็หาเคยมีเหตุการณ์ที่กำลังพลถดถอยถึงเพียงนี้ไม่ อาณาจักรตะวันออกไม่เคยสิ้นไร้อำนาจและน่าอับอายถึงเพียงนี้มานานนับร้อย ๆ ปีแล้ว
..ทว่าช่วงนี้นั้นพึ่งเสร็จสิ้นสงครามภายใน การลุกฮือของกบฏตระกูลหลงนั้นนับว่าเป็นเหตุการณ์ที่ทำลายความแข็งแกร่งโดยรวมของอาณาจักรไปกว่าครึ่ง
ยามนี้อาณาจักรตะวันออกนับว่าตกอยู่ในจุดวิกฤต ...ไม่เคยอ่อนแอสิ้นไร้อำนาจถึงเพียงนี้มาก่อน
อาณาจักรจันทราทมิฬที่ฉวยโอกาสบุกรุกยามนี้หากจะกล่าวไปก็ไม่ต่างอันใด กับการกระทำตัวเยี่ยงโจรมาปล้นชิงผู้คนในยามที่บ้านถูกไฟไหม้
แม้จะเป็นพ่อค้าแม่ขายระดับทั่วไปหรือยามเฝ้าประตูยันขุนนางใหญ่โต พวกมันล้วนรู้ตัวดีว่ายามนี้อาณาจักรตะวันออกหาได้มีเรี่ยวแรงหรือกำลังในการต้านทาน กองทัพของอาณาจักรจันทราทมิฬไม่
สิ่งที่สำคัญที่สุดดูเหมือนตระกูลเจี้ยงที่กำลังเป็นข่าวครึกโครมหลังจากสยบตระกูลหลงนั้น กลับเลือกที่จะละทิ้งอำนาจตำแหน่งขุนนางรวมถึงยศถาบรรดาศักดิ์ทั้งสิ้นทั้งมวล ข่าวเช่นนี้มันแทบมิต่างอันใดกับการบอกว่าขุนนางและตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในอาณาจักรนั้นได้หันหลังให้พวกเขาแล้ว..
ข่าวความสิ้นหวังนี้แพร่กระจายดั่งระลอกคลื่นในท้องทะเลอีกทั้งยังลุกลามมิต่างอันใดกับไฟลามทุ่ง
อย่างไรก็ตามห้วงเวลาวิกฤตนี้ ความสามารถเลิศล้ำและความปรีชาขององค์หญิงโจวหยู่พลันแสดงออกมา
นางป่าวประกาศแจ้งข่าวสารไปทั่วทั้งอาณาจักรว่า ทางอาณาจักรตะวันออกนั้นได้เตรียมการรับมือกองทัพของอาณาจักรทมิฬมานานแล้ว อีกทั้งยามนี้แม่ทัพเก่งกาจทั้งหลายและขุนนางต่าง ๆ ล้วนถูกระดมกำลังไปรอรับศึกเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้กำลังพลของอาณาจักรได้ถูกตรึงกำลังไว้อย่างหนาแน่นที่ชายแดนตะวันตกเฉียงใต้ พร้อมรับการปะทะตลอดเวลา หาได้หวั่นเกรงใด ๆ ในตัวข้าศึกไม่
อีกข่าวคราวที่กล่าวได้ว่าสะท้านขวัญผู้ฟังอย่างแท้จริงก็คือ ตระกูลเจี้ยงได้ให้คำมั่นว่าจะทำลายล้างเข่นฆ่าอริราชที่กล้าเสนอหน้าเข้ามาเหยียบย่ำแดนดินถิ่นเจี้ยงหานให้ราบพนาสูร หากคนของตระกูลเจี้ยงยังเหลือลมหายใจอยู่อย่าหวังว่ากองทัพของอาณาจักรจันทราทมิฬจะได้สมหวังดั่งใจของพวกมัน และยามนี้พวกมันก็เป็นทัพหน้า ล่วงหน้าไปตั้งทัพรอรับข้าศึกอยู่ตรงใจกลางระหว่างอาณาจักรตะวันออกและอาณาจักรจันทราทมิฬเรียบร้อยแล้ว
ต้องกล่าวว่าข่าวครานี้ราวกับฝนพรำลงมา ทำให้หัวใจของผู้คนที่กำลังระส่ำระสายชื่นมื่นขึ้นอย่างแท้จริง
เมื่อข่าวกระจายไปทั่วทั้งอาณาจักรตะวันออก คนของอาณาจักรตะวันออกทั้งหมดแทบจะกลับกลายเป็นโล่งสบายหาได้หวาดหวั่นอันใดอีกต่อไป พวกมันกลับกลายเป็นมีความสุขและยินดีอย่างยิ่งที่ตระกูลเจี้ยงออกมาปกป้องอาณาจักรเช่นนี้
ตระกูลเจี้ยงนั้นไม่เคยสร้างความผิดหวังให้ผู้ใดมาก่อน แม้แต่ในยามที่ตกต่ำสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด พวกเขายังยึดมั่นในมโนธรรมต่อต้านตระกูลหลงด้วยกำลังของตัวเองไม่ย่อท้อแม้แต่เพียงนิด จนพลิกผันกลับมาเอาชนะได้อย่างยิ่งใหญ่ กอบกู้ราชวงศ์ตะวันออกเอาไว้ได้อย่างงดงาม
พวกเขาล้มล้างตระกูลหลงและเหยียบย่ำกองทัพนับล้านจนพินาศสิ้นด้วยกำลังของตระกูลพวกเขาเพียงตระกูลเดียว
หลังจากข่าวลือการศึกแพร่กระจาย อีกทั้งมันยังถูกแต่งเติมเล่ากระจายกันไปทั่วอาณาจักร ภาพพจน์และตำแหน่งของตระกูลเจี้ยงในใจผู้คนยามนี้นับว่าเหนือล้ำกว่าตระกูลหลงยามรุ่งเรืองที่สุดไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยเท่า
เมื่อทุกคนรับรู้ว่าตระกูลเจี้ยงเคลื่อนทัพไปรับศึกเพื่ออาณาจักร พวกเขาทุกคนล้วนแล้วแต่ผ่อนคลายความกังวลมลายไปสิ้น
สำหรับตัวเจี้ยงเฉินนั้นมันก็ทำตัวเป็นปกติหาได้แตกตื่นอะไร
เมื่อรู้ว่าอาณาจักรจันทราทมิฬกำลังเคลื่อนทัพมาบุก มันก็ได้ติดต่อไปหาเมิ่งฉีเพื่อขอหยิบยืมกองทัพนกหงส์อีกครั้ง และครั้งนี้เมิ่งฉีก็มอบกองทัพนกหงส์ที่มีจำนวนมหาศาลเกินกว่าที่เจี้ยงเฉินคาดไว้เสียอีก
จำนวนนกหงส์ในอุโมงค์ใต้ดินนั้นมีจำนวนมหาศาลมากมายเกินกว่าจะนับไหว จำนวนของนกหงส์หากจะเปรียบไปก็มีมากมายไม่ต่างอันใดกับเส้นขนของวัว แม้กองทัพขนาดใหญ่ที่เจี้ยงเฉินใช้รับมือทัพนับล้านของตระกูลหลงนั้น ยังมีจำนวนนกหงส์ไม่ถึง 1 ใน 10 ของทั้งหมดด้วยซ้ำ
และครานี้เมิ่งฉีก็ส่งกองทัพนกหงส์ขนาดใหญ่ออกมาให้เจี้ยงเฉินอีกครั้งหนึ่ง
และนอกจากนี้เจี้ยงเฉินยังรู้อีกด้วยว่า อาณาจักรจันทราทมิฬนั้นได้ล่วงรู้ความสามารถในการควบคุมกองทัพนกหงส์ของเขาดีอยู่แล้ว
ทว่าพวกมันยังกล้ากรีฑาทัพมาบุกโดยไร้ความกริ่งเกรง นี่ย่อมแสดงว่าพวกมันต้องมีหนทางรับมือกองทัพนกหงส์อยู่บ้างไม่น้อย
การศึกครานี้อาจไม่ได้ง่ายดายดั่งที่คิดเอาไว้
เสียงวิหกกู่ร้องดั้งก้องลงมาจากฟากฟ้า เมื่อแหงนหน้าขึ้นไปดูก็พบร่างสีทองพุ่งมาราวกับเส้นแสง มันคือนกหงส์ทองนั่นเอง
"นายน้อย" ชายคนหนึ่งกระโดดลงมาจากหลังของนกหงส์ทอง มันคือหัวหน้าของผู้พิทักษ์ส่วนตัวของเจี้ยงเฉิน ซื่อถง นั่นเอง
"ได้ข่าวหรือไม่? มีข้อมูลอันสำคัญบ้าง?" เจี้ยงเฉินกล่าวถาม
"ได้มาไม่น้อยขอรับ ทัพของอาณาจักรจันทราทมิฬครานี้ประกอบด้วยขุนนางทั้งหมด 36 คน และแม่ทัพที่รับหน้าที่นำทัพหน้ามาปะทะกับพวกเราเป็นทัพแรกคือ กองทัพของแม่ทัพ เหรินเฟยหลง "
"เหรินเฟยหลง?" เจี้ยงเฉินนั้นแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอาณาจักรจันทราทมิฬแม้แต่น้อย จะนับประสาอะไรกับแม่ทัพชื่อเหรินเฟยหลง
"ถูกแล้วขอรับ มันผู้นี้ยังมีอายุไม่ถึง 40 ปี และเข้าร่วมกองทัพตั้งแต่อายุ 13 มันมีความดีความชอบและความสำเร็จมากมาย กล่าวขานร่ำลือกันว่ามันรบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง จนได้เลื่อนขั้นเป็นแม่ทัพอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรจันทราทมิฬ ชื่อเสียงของมันเลื่องลือเป็นอย่างยิ่ง กองทัพของมันได้รับการขนานนามว่า กองทัพของเทพเจ้าออกศึกคราได้ไร้พ่ายทุกสนามรบ"
"กองทัพของเทพเจ้า? ออกศึกคราใดไร้พ่ายทุกสนามรบ? " เจี้ยงเฉินยิ้มเบา ๆ มันก็เป็นไปได้ที่จะได้รับชัยชนะทุกครั้ง หากพบกับศัตรูหรือกองทัพกระจอก ๆ จะไปยากอันใดในการได้รับชัยชนะ?
แต่หากมีใครกล้าขนานนามว่ากองทัพของตนเองนั้นคือกองทัพเทพเจ้า เรื่องนี้เจี้ยงเฉินนั้นไม่อาจยอมรับได้ การรบนั้นไม่ได้อยู่ที่ว่ากองทัพของมันจะกล้าแข็งมีความสามารถเหนือศัตรูอย่างไร สุดท้ายมันขึ้นอยู่กับว่ากองทัพนั้นรบกับใครและศัตรูของพวกมันนั้นเป็นผู้ใดต่างหาก อีกทั้งสิ่งที่สำคัญและบ่งบอกความแข็งแกร่งของทัพนั้นคือกลยุทธ์
กลยุทธ์และยุทธวิธีนับว่าเป็นหัวใจของการศึก ในหลาย ๆ ครั้งอาศัยความแข็งแกร่งจากกำลังทหารอย่างเดียวนั้นหาได้เพียงพอไม่ บางครากำลังทหารอาจจะน้อยกว่าแต่หากกลยุทธ์นั้นเหนือชั้นกว่าการได้รับชัยชนะก็หาใช้เรื่องแปลกอันใด
"นายน้อย ข้าได้ไปตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นของเหรินเฟยหลงผู้นี้เพิ่มเติมมาอีกหลายส่วน มันคนนี้เป็นแม่ทัพที่มีความสำคัญต่อขวัญกำลังใจศัตรูอย่างมาก นี่เป็นบันทึกการสงครามของมันที่ข้าได้รวบรวมเอาไว้" ซื่อถงค่อย ๆ กล่าวออกมา พร้อมยี่นเอกสารให้เจี้ยงเฉินอย่างระมัดระวัง
เจี้ยงเฉินรับข้อมูลมาจากซื่อถง ก่อนที่เขาจะเริ่มอ่าน ข้อมูลทั้งหมดเป็นเรื่องราวของแม่ทัพเหรินเฟยหลงที่ทำการรบก่อนหน้านี้ มีรูปแบบกลยุทธ์ที่ใช้และรูปแบบการจัดทัพของเขาอย่างละเอียด
สงครามเกือบทุกประเภทของของเขาถูกบันทึกไว้หมดสิ้น
เหรินเฟยหลงเป็นแม่ทัพที่ฉลาดในเรื่องการจัดแบ่งกำลังพล อีกทั้งเขายังขึ้นชื่อเรื่องความเป็นแม่ทัพที่อำมหิตอย่างมาก เขามักทำการรบด้วยรูปแบบกระหายเลือด รูปแบบการรบเช่นนี้นับว่าเป็นตัวส่งเสริมความแข็งแกร่งของเขาอีกทาง
อีกทั้งเขายังมีความเด็ดขาดและใช้คนเป็นอย่างยิ่ง เขาสามารถสละน้อยรักษามากได้อย่างชำนาญ
อีกทั้งชื่อเสียงที่มีต่อการปฏิบัติตัวกับเชลยนั้นเป็นข่าวที่น่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง เขามักสังหารและเข่นฆ่าหรือใช้งานเชลยศึกอย่างไร้ปราณี เชลยศึกที่ตกตายภายใต้การกระทำของเขานับว่ามีไม่ต่ำกว่า 300,000 คนแล้ว
เพราะเหตุนี้เหรินเฟยหลงจึงมีอีก ชื่อหนึ่งว่า "เทพเจ้าล่าสังหาร"
"อืม...ความสำเร็จและชื่อเสียงในการทำศึกของมันส่วนมากก็อยู่ที่รูปแบบการรบที่โหดเหี้ยม มันยังฆ่าแม้แต่เชลยที่ไร้ทางสู้ เหอะ! เหรินเฟยหลงผู้นี้หาได้แตกต่างอันใดกับฆาตกรไม่" เจี้ยงเฉินกล่าวสรุปออกมา
อย่างไรก็ตามในใจของเขาก็ปรากฏความกังวลขึ้นมาเล็กน้อย เขาก็ต้องยอมรับว่าคนผู้นี้มีความเป็นผู้นำสูง อีกทั้งยังมีความสามารถในการจัดกระบวนทัพไม่น้อย นี่ทำให้ยุ่งยากอยู่บ้าง
เจี้ยงเฉินย้อนกลับมามองกองทัพของเขาดูบ้าง กองทัพนกหงส์นั้นถึงแม้จะมีจำนวนมากมายมหาศาล แต่นั่นก็นับว่าได้เปรียบแค่เรื่องของจำนวนเท่านั้น เขาไม่ได้มีกลยุทธ์หรือยุทธวิธีอะไรเลย ไม่สิต้องเรียกว่ากลยุทธ์เอาจำนวนเข้าว่า หรือกลยุทธ์คลื่นซัดสาดมากกว่า
หากอาณาจักรจันทราทมิฬเตรียมการรับมือและวางกลยุทธ์มาอย่างดี อาจมีหนทางเอาชัยจากกลยุทธ์คลื่นจำนวนซัดสาดของเขาได้
นี่เพราะคู่ต่อสู้ของเขาครานี้เป็นถึงแม่ทัพที่ชำนาญการศึกและแข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักรฝ่ายตรงข้าม
แต่เหตุใดเขาต้องเดินหมากในกระดานที่อีกฝ่ายชำนาญด้วยเล่า?
"ซื่อถง หากพวกเราทำการศึกกับผู้ที่เชี่ยวชายการใช้อาวุธ โดยที่พวกเรานั้นอาศัยเพียงมือเปล่าไร้อาวุธไปต่อกรกับพวกมัน นั่นหมายความว่าพวกเราหยิบยื่นคอไปวางพาดไว้บนคมดาบของมันใช่หรือไม่ เจ้าคิดว่าอย่างไร?" เจี้ยงเฉินกล่าวถามออกมาพร้อมรอยยิ้ม
ซื่อถงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาเหมือนจะจับใจความสำคัญอะไรได้บางอย่าง เขาจึงกล่าวออกมาด้วยใบหน้าตื่นตะลึง "นายน้อย ท่านหมายความว่า?"
"หากพวกมันต้องการกล่าวสนทนาเรื่องกลยุทธ์ เราจะไม่สนทนากับมันเรื่องกลยุทธ์ หากพวกมันถนัดการสู้รบแบบมีแบบแผน เราจะรบกับพวกมันอย่างไร้รูปแบบ ที่นี่คือดินแดนของข้า เป็นกระดานของข้า ข้าจะเดินหมากอย่างไร ข้าย่อมเป็นผู้กำหนด!"
"นายน้อย ท่านมีแผนการเช่นใด?"
"มันก็ไม่ได้มีอันใดซับซ้อนนัก เจ้าว่าพวกเรามีข้อได้เปรียบอันใดเล่า? ไม่ใช่พวกเรามีนกหงส์ที่มีความได้เปรียบในเรื่องการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วหรอกหรือ แทนที่พวกเราจะนั่งรอกองทัพของอาณาจักรทมิฬมาถึง เหตุใดพวกเราไม่เลือกการรุกแทนการรับ? "
"การรุกแทนการรับหรือขอรับ?" ซื่อถงขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเบิกตากว้างและตบมือดังฉาดใหญ่ "ใช่แล้ว เหตุใดพวกเราต้องไปยึดติดกับรูปแบบเดิม ๆ กัน เหตุใดพวกเราจึงต้องมัวมานั่งรอกองทัพของอาณาจักรจันทราทมิฬ? "
แท้จริงแล้วความแข็งแกร่งและข้อได้เปรียบของนกหงส์คืออันใด? นั่นคือความคล่องตัว แล้วความคล่องตัวคืออันใด? นั่นหมายความว่าพวกมันสามารถต่อสู้ได้ทุกเวลา สามารถเข้าจู่โจมได้เพียงแค่กระพริบตา และสามารถล่าถอยได้ในชั่วพริบตาอีกเช่นกัน
ตอนนี้การต่อสู้แบบกองโจรเริ่มอยู่ในหัวของพวกเขา
‘ทางอาณาจักรจันทราทมิฬอาจมีการเตรียมการรับมือกองทัพนกหงส์ที่มีจำนวนมหาศาลเอาไว้แล้ว แต่ทว่าวิธีการเหล่านั้นจำเป็นต้องอาศัยเวลาในการเตรียมความพร้อม’
‘แต่ทว่ากองทัพนกหงส์นั้นเหมาะสมที่จะรบเยี่ยงกองโจรยิ่งนัก กองทัพนกหงส์ของข้าจะจู่โจมรวดเร็วดังสายอัสนีก่อนที่พวกเจ้าจะทำการเตรียมการเสร็จสิ้น’
‘และเมื่อพวกเจ้าเตรียมการเสร็จสิ้น พวกข้าจะจากไปราวกับสายลม’
กลยุทธ์การรบแบบก่อกวนหรือยุทธวิธีกองโจรเช่นนี้อาจไม่ได้ทำให้ทัพของอีกฝ่ายย่อยยับหรือเกิดความเสียหายสูงมากสักเท่าไรในการจู่โจม แต่มันจะสร้างภาระทางจิตใจและปลูกฝังความหวาดระแวง ทำให้ศัตรูสูญสิ้นกำลังใจและเหนื่อยล้าเกินกว่าที่จะตอบโต้
เจี้ยงเฉินเมื่อคิดแผนการได้มันก็ตัดสินใจลงมือทันที "ซื่อถง ไปรวบรวมกำลังพลทั้งหมด แล้วรีบแจ้งแก่องค์หญิงโจวหยู่ว่า ข้าต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านการยิงธนูหมื่นคนและที่สำคัญพวกมันต้องเป็นผู้ฝึกตนด้วย และหากพวกมันอยู่ในอาณาจักรปราณแท้จริง จะยิ่งดีเข้าไปใหญ่ "
หมื่นคนที่เป็นผู้ฝึกตนอาณาจักรปราณแท้จริง..นี่นับว่าเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่จะรวบรวมมาได้ในเวลาอันสั้น
แต่ทว่าเรื่องราวความขัดแย้งและสงครามที่จะเกิดขึ้นระหว่างอาณาจักรครั้งนี้ พลเมืองและผู้ฝึกตนของอาณาจักรตะวันออกทั้งหมด ล้วนพร้อมอาสาเป็นทหารของอาณาจักรทั้งสิ้น เมื่อมีคำสั่งสั่งการลงมา ผู้เชี่ยวชาญที่เหมาะสมที่สมัครไว้แล้วจะถูกเรียกระดมกำลังและถูกนำมาสมทบยังเจี้ยงหานทันที
อีกทั้งผู้ฝึกตนทั้งหลายยังมองว่านี่เป็นโอกาสและเกียรติยศของพวกมัน
พวกมันล้วนต้องการพบเจอบุรุษผู้เป็นดั่งตำนานของอาณาจักรตะวันออกและเจิดจรัสส่องประกายที่สุดแห่งยุค ‘เจี้ยงเฉิน’ พวกมันยินดีรบภายใต้คำสั่งของอัจฉริยะที่กวาดล้างกบฏตระกูลหลงด้วยกำลังของตัวเองเพียงลำพัง
ความต้องการในการปกป้องมาตุภูมิและความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้กล้าอัจฉริยะผสมปนเปกันก่อให้ความกระหายชนิดหนึ่ง จำนวนผู้ฝึกตนที่อยู่ในอาณาจักรปราณแท้จริงจำนวนมหาศาลเริ่มหลั่งไหลเข้ามายังมณฑลเจี้ยงหานโดยไม่ต้องเสียเวลาออกไปรวบรวมด้วยซ้ำ..ยามนี้เพียงแค่เวลาหนึ่งวันที่เปิดรับสมัครกำลังพล มีผู้ฝึกตนเดินทางมาร่วมสู้ศึกจำนวนกว่า 6,000 คนแล้ว
รุ่งเช้าวันที่สองนั้นกองกำลังเพิ่มเป็น 9,000 และกลายเป็น 13,000 เพียงแค่ในยามเที่ยงของวันที่ 2 เท่านั้น
แม้แต่เจี้ยงเฉินเองก็คาดไม่ถึงว่า พวกมันจะกระหายสงครามและกระตือรือร้นเช่นนี้
เขาถึงกับต้องถอนหายใจออกมาด้วยความตกตะลึง ความจงรักภักดีของผู้ฝึกตนทีมีต่อมาตุถูมินี้หาได้เป็นเรื่องล้อเล่นไม่
ความสามารถขุนนางเจี้ยงหานเก่าเองก็หาได้ธรรมดาสามัญไม่ เจี้ยงเฟิงมิได้ขาดผู้ใต้บังคับบัญชาทีมีความสามารถควบคุมกองกำลังแม้แต่น้อย ยามนี้กองกำลังนับหมื่นถูกแบ่งและจัดสรรปันส่วนอย่างเหมาะสมกับความสามารถ
ทุก 3,000 คนนับว่า เป็น 1 หน่วยใหญ่ ทุก ๆ 300 คนนับเป็น 1 หน่วยกลาง ทุก ๆ 30 คนนับเป็น 1 หน่วยย่อย แต่ละหน่วยจะมีหัวหน้าและรองหัวหน้าหน่วย
ตอนนี้เวลานับว่ามีค่ายิ่งนัก
กองทัพนกหงส์ที่เมิ่งฉีส่งมาเพิ่มเติมได้มาถึงแล้ว ตอนนี้พวกมันกำลังซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา
เจี้ยงเฉินทำการควบรวมกองทัพนกหงส์ทั้งหมดเอาไว้ด้วยกัน ก่อนที่จะแบ่งประเภทอย่างชัดเจน นกหงส์ทองในตอนแรกแยกออกมารวมกับนกหงส์ทองที่เมิ่งฉีส่งมาเพิ่มเติม นกหงส์เงินในตอนแรก ก็แยกไปรวมกับนกหงส์เงินที่ถูกส่งมาเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน
และตอนนี้เขามีนกหงส์ทองทั้งประมาณ 800 ตัว และนกหงส์เงินอีกกว่า 10,000 ตัว
ทั้งสี่หน่วยใหญ่จะได้รับ นกหงส์ทองไปหน่วยละ 200 ตัว และนกหงส์เงินอีกประมาณ 3,000 ตัว นี่หมายความว่าผู้ฝึกตนแต่ละคนจะได้รับนกหงส์เงินประจำกายคนละ 1 ตัว
"ทุก ๆ ท่านคงทราบดีว่ายามนี้กองทัพของอาณาจักรจันทราทมิฬได้หยิบจับอาวุธขึ้นม้าควบทะยานยาตราทัพมายังอาณาจักรตะวันออก เพื่อหวังที่จะเหยียบย่ำแดนดินของเรา ในฐานะที่พวกท่านเกิดที่นี่และอาศัยอยู่ที่นี่ แผ่นดินของอาณาจักรตะวันออกแห่งนี้ พวกท่านคงรู้โดยไม่ต้องให้ข้าบอกว่าควรทำเช่นไรกับศัตรูที่หวังมาเหยียดหยามแผ่นดินเราใช่หรือไม่?" เจี้ยงเฉินขึ้นขี่นกหงส์ทองลอยลงมาอยู่หน้ากองทัพทั้งหมด ราวกับเทพเจ้าสงคราม
"พวกท่านเป็นเหล่านักรบหาญกล้าของอาณาจักรตะวันออกที่อุทิศตนเพื่อปกป้องบ้านเมืองและแดนดินถิ่นมาตุภูมิ มันนับว่าเป็นหน้าที่อันทรงเกียรติ และเป็นเกียรติสูงสุดในชีวิตของพวกท่าน"
"อาณาจักรจันทราทมิฬกำลังยกทัพหน้ามา ซึ่งทัพหน้าของมันนั้นมีแม่ทัพที่ชื่อเหรินเฟยหลง กองทัพของมันได้รับการขนานนามว่ากองทัพของเทพเจ้า อาณาจักรตะวันออกของพวกเราหาได้มีกำลังเพียงพอที่จะปะทะกับมันซึ่ง ๆ หน้าไม่"
"หากพวกท่านยินยอมให้กองทัพของมันเหยียบย่ำแผ่นดินของพวกเรา พวกท่านรู้หรือไม่จะเกิดอันใดขึ้น? แม่ทัพเหรินเฟยหลง ผู้นั้นได้รับการกล่าวขนานนามว่า เทพเจ้าล่าสังหาร ยามมันพบเจอเชลยศึก มันมิแตกต่างอันใดกับฆาตกร ไม่เพียงแต่พวกมันจะเหยียบย่ำแผ่นดินของเรา พวกมันจะยังเข่นฆ่าญาติสนิทมิตรสหาย รวมทั้งบุตรธิดาของพวกท่านอีกด้วย"
"พวกท่านทุกคนยินดีที่จะรออยู่ที่นี่ รอให้พวกมันมาเคาะประตูหน้าบ้านของพวกท่านและรอให้พวกมันเข้าไปในบ้านเข่นฆ่าลูกเมียญาติสนิทมิตรสหายของพวกท่านหรือไม่? หรือว่าพวกท่านยินดีจะติดตามและปฏิบัติตามคำสั่งของข้าออกไปเผชิญหน้ากับพวกมันซึ่ง ๆ หน้า นอกประตูเมืองของอาณาจักรเรา? พวกท่านเต็มใจที่จะให้เลือดของครอบครัวท่านหลั่งชโลมผืนดินบนพื้นอาณาจักรของพวกท่าน หรือพวกท่านจะติดตามข้าไปเพื่อให้พวกมันหลั่งเลือดชโลมแผ่นดินหน้าบ้านของพวกเรา ?"