spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
แม้ว่าเจี้ยงเฉินจะไม่อยากต้อนรับคนจากอาณาจักรจันทราทมิฬ แต่เขาก็อยากจะเข้าใจในความเคลื่อนไหวและทีท่าของอาณาจักรจันทราทมิฬ บางทีเขาอาจล่วงรู้บางอย่างได้จากตัวทูตของอาณาจักรจันทราทมิฬ?
"ทูตจากอาณาจักรจันทราทมิฬ ฉีคัง! ทำความเคารพนายน้อยเจี้ยง" ทูตจากอาณาจักรจันทราทมิฬผู้นี้กลับดูเหมือนคนธรรมดา หาได้มีอันใดผิดแปลกไปจากชาวบ้านร้านถิ่นทั่วไป
บุคคลประเภทนี้หากจับมันโยนเข้าไปในฝูงชนแล้วล่ะก็ คงไม่อาจหาข้อแตกต่างอันใดได้
อย่างไรก็ตามดั้งจมูกคนผู้นี้ยุบตัวลงไปและเบ้าตาของมันก็กลวงโหลผิดจากผู้คนทั่วไปเล็กน้อย หากเพ่งพินิจดูให้ดีก็พบว่ายังคงเหลือร่องรอยบางเบาที่ระบุว่ามันเป็นคนของอาณาจักรจันทราทมิฬได้อยู่
"นายน้อยเจี้ยง?" ริมผีปากเจี้ยงฉันพลันยกขึ้นเผยรอยยิ้มไม่แยแสออกมา
"ฮ่าฮ่า ข้าได้ข่าวลือมาว่าตระกูลเจี้ยงได้ปฏิเสธการอวยยศขุนนางอันดับ 1 อีกทั้งยังปฏิเสธไม่รับยศถาบรรดาศักดิ์อันใดจากตระกูลตงฟางทั้งสิ้น เช่นนั้นหากข้าคาดเดามิผิดยามนี้ตระกูลเจี้ยงย่อมหาได้มีตำแหน่งขุนนางใด ๆ ใช่หรือไม่? เช่นนี้คำ ‘นายน้อยเจี้ยง’ ใยมิใช่ถูกต้องที่สุด? "
เจี้ยงเฉินยิ้มบาง ๆ ออกมา "เจ้าก็นับว่ายังพอมีไหวพริบอยู่บ้าง แต่ข้าสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ข้าเจี้ยงเฉินมีเรื่องข้องเกี่ยวกับอาณาจักรจันทราทมิฬ เหตุใดทูตอย่างเจ้าจึงมาหาข้าได้? "
"ข้าอยู่ที่นี่ในฐานะผู้ประสานงาน เพื่อให้การสนับสนุนท่าน"
"ผู้ประสานงาน?" เจี้ยงเฉินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "เจ้าคิดว่าตระกูลเจี้ยงของข้าหันหลังให้กับอาณาจักรตะวันออกแล้วเช่นนั้นรึ?"
"ฮ่าฮ่า! หรือท่านจะไม่เข้าใจว่าราชวงศ์ตะวันออกใกล้จบสิ้นแล้ว ท่านยังมีเหตุผลอันใดให้นั่งอยู่ในเรือที่ใกล้จมนี้ด้วยเล่า? ยิ่งกว่านั้นหากข้าได้ยินข่าวมามิผิด ยามตระกูลท่านมีเรื่องกับตระกูลหลง ตระกูลตงฟางกลับเลือกที่จะทอดทิ้งท่าน หาได้ให้ความช่วยเหลืออันใดไม่”
เจี้ยงเฉินยิ้มบาง ๆ ออกมา ตัวตนต่ำตมเช่นมันจะไปเข้าใจเป้าหมายอันสูงส่งอันใดที่เจี้ยงเฉินตั้งไว้?
"อาณาจักรจันทราทมิฬของข้าหาได้เป็นดั่งเช่นอาณาจักรตะวันออกไม่ สิ่งที่ราชาของข้าให้ความสำคัญมากที่สุดคือผู้มีความสามารถและความรู้ที่แท้จริง ราชาทรงทราบดีว่าตระกูลเจี้ยงมีความรู้ความสามารถแค่ไหน ราชาของข้าจึงยินดีที่จะมอบตำแหน่งขุนนางอันดับหนึ่งให้แก่พวกท่าน อาณาเขตพื้นที่หากกล่าวไปอาณาจักรจันทราทมิฬนั้นใหญ่โตกว่าอาณาจักรตะวันออกมิต่ำกว่า 3 เท่า สตรีเลอโฉมและความมั่งคั่งที่ท่านจะได้รับเกรงว่าจะมากมายกว่าที่ท่านจินตนาการได้ "
"ความมั่งคั่ง? สาวงาม? "เจี้ยงเฉินยิ้มรับบาง ๆ
“ถูกแล้ว อำนาจและความมั่งคั่งของอาณาจักรทมิฬนั้น เป็นสิ่งที่อาณาจักรตะวันออกแห่งนี้หาได้มีความสามารถเพียงพอที่จะยกมาเปรียบเทียบ อีกทั้งเหล่าสตรีในอาณาจักรจันทราทมิฬ มิว่ารูปแบบใดหรือประเภทไหนย่อมหาได้ง่ายเพียงท่านเอ่ยคำ ข้าล้วนมั่นใจว่า พวกนางย่อมมีรูปโฉมเหนือล้ำกว่าองค์หญิงโจวหยู่ รวมทั้งมีความเย้ายวนไม่ตำกว่าตงฟางชี่หรัว!”
เจี้ยงเฉินพบว่าชายตรงหน้าของมันช่างน่าขบขันไม่น้อย
"เจ้าคิดว่าบุรุษตระกูลเจี้ยงของข้าดำรงอยู่เพื่อความมั่งคั่งและสาวงามหรือไร?"
“ความต้องการของบุรุษที่ยิ่งใหญ่จากตระกูลเจี้ยงข้าย่อมไม่สามารถหยั่งรู้ได้ อย่างไรก็ตามตัวแทนความยิ่งใหญ่และเครื่องหมายแสดงอำนาจของบุรุษใต้หล้านี้ย่อมไม่พ้นความมั่งคั่งและสตรีที่เลอโฉม หากไร้ซึ่งสิ่งเหล่านี้เติมแต่งประดับประดา ท่านจะกล่าวได้ว่าเป็นบุรุษที่ประสบความสำเร็จได้อย่างไร”
"นอกจากนี้หากตระกูลท่านยังต้องการดำรงอยู่ในอาณาจักรตะวันออกแห่งนี้ ใยท่านไม่ดูตระกูลหลงเป็นตัวอย่างเล่า ท่านเห็นหรือไม่ว่าตระกูลตงฟางนั้นมอบอำนาจให้พวกมันสักเท่าใดกัน ท่านอาจพอมีความมั่งคั่งอยู่บ้างแต่ทว่าจะอย่างไรท่านก็ยังไร้ซึ่งอำนาจที่คู่ควร ต่อให้ท่านคิดเป็นขุนนางอันดับหนึ่งในที่แห่งนี้ ท่านก็หาได้รับความมั่งคั่งและอำนาจอันใดที่เทียบเท่ากับอาณาจักรจันทราทมิฬมอบให้ไม่ "
วาจาของทูตอาณาจักรจันทราทมิฬยังคงถูกพ่นออกมาไม่หยุดราวกับว่าชีวิตมันเกิดมาเพื่อกล่าววาจาพวกนี้
เฉียวไป่ชี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างของเจี้ยงเฉินนั่นเริ่มบังเกิดโทสะออกมาเนิ่นนานแล้ว ถึงแม้มันเลือกที่จะออกจากหอโอสถ แต่อย่างไรใจมันก็เป็นคนของอาณาจักรตะวันออกไม่เปลี่ยนแปลง
แม้มันจะไม่ได้ให้ความเคารพหรือนับถือราชวงศ์อันใดนัก แต่ทว่าในใจมันย่อมมีความรักความผูกพันในถิ่นฐานบ้านเกิดเมืองนอนของมัน เพราะตัวมันเองย่อมเป็นพลเมืองที่ดีของอาณาจักรตะวันออกแห่งนี้ผู้หนึ่ง
ทูตจากอาณาจักรจันทราทมิฬได้กล้ากล่าวว่าจะสนับสนุนการทรยศบ้านเกิดเมืองนอนออกมาต่อหน้าเช่นนี้
สำหรับเฉียวไปชี่ นี่ยิ่งกว่าการตบหน้ามันกลางตลาดเสียอีก
ในโลกนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด จะยากดีมีจนสักเพียงไหน หากกล่าวถึงมาตุภูมิ พวกมันย่อมมีความรักความผูกพันในตัวบ้านเกิดและแผ่นดินของพวกมันอยู่ไม่น้อย
บนแผ่นดินนี้ราชวงศ์,บัลลังก์อาจเปลี่ยนแปลง หรือแย่งชิงกันได้
แต่นี่นับเป็นเรื่องราวภายในของอาณาจักร
ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะยินยอมรับการกดขี่ข่มเหงจากต่างชาติ หรือยินยอมรับความอัปยศจากต่างชาติ
ถึงแม้จิตวิญญาณที่แท้จริงของเจี้ยงเฉินจะไม่ได้มีความเกี่ยวพันอันใดกับอาณาจักรตะวันออก แต่ทว่ามันย่อมมีความรู้สึกบางอย่างที่ผูกพันกับเจี้ยงเฉินที่เป็นเจ้าของร่าง หยาดโลหิตและกระดูกทุกอณูของมันนับว่าเป็นคนของดินแดนนี้
อีกทั้งแม้จะเป็นตัวเจี้ยงเฉินคนเก่า มันก็ย่อมไม่มีทางยินยอมรับเรื่องราวนี้เป็นแน่
ดังนั้นเรื่องการกบฏตามแผนการจากทูตของอาณาจักรจันทราทมิฬที่กล่าวออกมา ก็ไม่ต่างอันใดจากเรื่องตลกที่กระทบหูเขาเท่านั้น ทว่าเจี้ยงเฉินก็ยังไม่ได้กล่าวคำหรือโต้แย้งอันใดออกมา เพราะมันอยากฟังวาจาของทูตผู้นี้ว่าจะพล่ามอันใดออกมาโน้มน้าวมันได้บ้าง
แต่เมื่อเจี้ยงเฉินเห็นทูตจากอาณาจักรจันทราทมิฬเงียบไปมันก็ถามออกมาพร้อมรอยยิ้มว่า "อะไรกัน? มีเท่านี้หรือ?"
ทูตพลันกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มแปลกใจ "นี่ยังไม่พออีกหรือ?"
เจี้ยงเฉินหัวเราะออกมาดังลั่น "เช่นนั้นข้าจะสรุปว่า พวกเจ้าก็สามารถมอบให้ข้าได้เพียงแค่ความมั่งคั่งและสาวงามใช่หรือไม่? ถึงข้าจะไม่ได้กล่าวออกไป แต่ตัวเจ้าย่อมรู้ดีว่าภายในอาณาจักรตะวันออกแห่งนี้ หากข้าต้องการสิ่งของเหล่านั้นข้าสามารถได้รับมันง่ายดายเพียงแค่พลิกฝ่ามือ หรือเจ้าจะปฏิเสธว่าไม่รู้จริง ๆ? "
"อาณาจักรตะวันออก?" ฉีคังเผยรอยยิ้มกว้างออกมา "นายน้อยเจี้ยง ท่านคิดว่าอาณาจักรตะวันออกแห่งนี้ยังเหลือทางรอดอยู่อีกหรือ? ขุมอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างตระกูลตงฟางและตระกูลหลงของอาณาจักรแห่งนี้ล่มสลายไปแทบหมดสิ้น อีกทั้งยังมีขุมอำนาจต่าง ๆ ที่อ่อนตัวลงไปมากมาย หากจะกล่าวไปอาณาจักรตะวันออกยามนี้นับว่ากลวงนัก กว่าจะฟื้นฟูกลับมาแข็งแกร่งเช่นวันวาน ข้าเกรงว่าต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปี "
"แล้วอย่างไร?" เจี้ยงเฉินถามออกมาพร้อมความก้าวร้าว
"ฮ่าฮ่า นายน้อยเจี้ยงข้ารู้ว่า คนฉลาดเช่นท่านย่อมเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี เหตุใดต้องแกล้งโง่ด้วยเล่า?" ทูตยังคงหัวเราะต่อไป "หากท่านอยากให้ข้ากล่าวอย่างชัดเจนเช่นนั้นก็ย่อมได้ ตระกูลเจี้ยงของท่านจะได้รับความมั่งคั่งและอำนาจที่เลิศล้ำสุขสบายหากท่านยินยอมมาอยู่กับอาณาจักรจันทราทมิฬ แต่หากท่านคิดแข็งขืนหรือไม่ยินยอมรับสุราคารวะเช่นนั้น ตระกูลท่านคงได้ถูกกลบฝังไปพร้อมอาณาจักรตะวันออกแห่งนี้อย่างแน่นอน"
“โอ้? เหตุใดเจ้ากล่าวเช่นนี้เล่า?"
"เอาล่ะตั้งแต่ที่เรื่องราวมันกระจ่างชัดถึงเพียงนี้มันก็ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังต่อไป อาณาจักรจันทราทมิฬนั้นทราบความขัดแย้งภายในของอาณาจักรตะวันออกมานานแล้ว พวกเรามีการเตรียมความพร้อมมาเนิ่นนานเกินกว่าที่ท่านจะรู้ได้ ขุนนางของอาณาจักรจันทราทมิฬเราต่างรวบรวมกำลังพลและเตรียมความพร้อมที่จะยาตราทัพเข้ามาเหยียบย่ำอาณาจักรแห่งนี้ภายใน 10 วัน ต่อหน้าพลังอำนาจที่แท้จริง อาณาจักรตะวันออกท่านจะมีปัญญาทำอะไรกับกองทัพอาณาจักรจันทราทมิฬของข้ากันเล่า? "
"พระราชาของเราได้รับทราบว่าท่านเป็นผู้มีความสามารถที่สามารถควบคุมเหล่านกหงส์ได้ นี่คือเหตุผลที่ท่านบังเกิดความเมตตาและอยากส่งเสริมท่าน ทั่วอาณาจักรตะวันออกนี้มีเพียงตระกูลเดียวที่สามารถกระตุ้นความสนใจและเป็นที่พึงพอใจราชาเรา และนั่นคือตระกูลเจี้ยงของท่านอย่างไรเล่า"
“เช่นนั้นเจ้าจะบอกให้ ข้าและตระกูลของข้าขอบคุณในความเมตตาและมหากรุณาของราชาเจ้าเช่นนั้นหรือ?”
“หากท่านมิอยากขอบคุณก็หาได้มีความจำเป็นต้องขอบคุณอันใดไม่ ขอเพียงเราสามารถทำงานร่วมกันได้ นั่นถือว่าเพียงพอแล้ว ราชาของข้านั้นมีความฝันที่ยิ่งใหญ่และความทะเยอทะยานอันสูงส่งของท่านนั้นคือการพิชิตแดนดินนี้ อาณาจักรตะวันออกแห่งนี้เป็นเพียงหญ้าริมทางและบันไดขั้นแรกของท่านเท่านั้น เป้าหมายขององค์ราชาข้าคือพิชิตทั้ง 16 อาณาจักร รวบรวมพวกมันให้เป็นปึกแผ่น หากตระกูลเจี้ยงยินยอมให้ความร่วมมือและส่งเสริม นี่มันย่อมมิต่างอันใดกับการติดปีกให้กับพยัคฆ์อย่างองค์ราชาของข้า"
"เมื่อองค์ราชาของข้าได้รวบรวมแผ่นดินแห่งนี้ทั้งหมด ท่านก็จะทรงเป็นองค์จักรพรรดิที่เกรียงไกรยิ่งใหญ่ที่สุด เมื่อยามนั้นมาถึง หากมองไปที่ตระกูลเจี้ยงของท่าน ก็ย่อมต้องมีชื่อเสียงอีกทั้งยังถูกสลักชื่อลงไปในหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ และเจริญรุ่งเรืองอยู่ชั่วกาลนานด้วยเช่นกัน"
“นายน้อยเจี้ยง ตัวท่านเองก็เป็นบุรุษผู้หนึ่งที่อยากท่องทะยานไปทั่วใต้หล้านี้ ข้าเชื่อว่าคนฉลาดเช่นท่านควรรู้ดีว่าทางเลือกอันใดที่ดีที่สุด? ท่านคิดจะจมปลักอยู่ในอาณาจักรที่กำลังจะล่มสลายเพื่อฝังประกายและความสามารถที่ควรจะรุ่งโรจน์รวมทั้งตระกูลของท่านไปด้วยกันกับมันเช่นนั้นหรือ ใยท่านยังจำเป็นต้องขบคิดอีกเล่า? "
หากมีคนกล่าวว่าฉีคังผู้นี้เป็นนักพูดที่เกิดมาเพื่อเกลี้ยกล่อมผู้คน คงไม่นับว่าเป็นคำพูดเกินเลย
อย่างไรก็ตามวาจาของมันเมื่ออยู่ต่อหน้าเจี้ยงเฉิน ก็หาได้ต่างอันใดกับลมที่ผายออกมาไม่
ไม่ว่าจะเป็นการรวบรวมดินแดนหรือผงาดออกมาสลักชื่อลงในตำนานของทุกอาณาจักร สุดท้ายแล้วมันก็เป็นเพียงแค่ความทะเยอทะยานของบุคคลธรรมดา ๆ เท่านั้น ความฝันของเจี้ยงเฉินหาอยู่ในดินแดนแห่งนี้ไม่
"นายน้อยเจี้ยง ข้าได้กล่าวเรื่องที่สมควรกล่าวหมดสิ้นแล้ว ท่านคิดเห็นอย่างไรเล่า?" ฉีคังหัวเราะออกมาเบา ๆ
"ฟังดูก็ไม่เลวนัก"
เจี้ยงเฉินหัวเราะก่อนที่จะก้าวเดินไปยังประตูช้า ๆ "ฉีคังใช่หรือไม่? เจ้าเห็นบ่อน้ำที่อยู่นอกประตูนั่นหรือไม่ "
“ข้าเห็นแล้ว ข้าเห็นมันระหว่างทาง ก่อนที่ข้าจะเข้ามาในห้องนี้” ฉีคังตอบคำถามของเจี้ยงเฉิน
"เช่นนั้นเจ้าเคยได้ยินเรื่องราวของกบใต้บ่อน้ำหรือไม่?"เจี้ยงเฉินกล่าวถามอีกครั้ง
"กบใต้บ่อน้ำ? เป็นเรื่องราวที่มีไว้เพื่ออบรมสั่งสอนเด็กใช่หรือไม่? ข้าจะไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน? "
เจี้ยงเฉินพยักหน้าออกมาอย่างพอใจก่อนที่จะกล่าวว่า "เช่นนั้นก็ดี หากให้ข้ากล่าว ตอนนี้เจ้าก็ไม่ได้ต่างอันใดจากกบในบ่อน้ำ สิ่งที่เจ้าคาดหวัง สิ่งที่เจ้าคิดว่ามันยิ่งใหญ่เสียเต็มประดา สิ่งที่เจ้าคิดว่าเป็นทั้งหมดนั้น หาได้ต่างอันใดกับท้องฟ้าที่มองจากก้นบ่อไม่"
"ท่าน ... นายน้อยเจี้ยงคำพูดนี้ท่านหมายความว่าเช่นไร?" ท่าทางของฉีคังแปรเปลี่ยนไป
"หมายความเช่นไร ? เหอะ! นายน้อยบ้านข้าเรียกหาเจ้าเป็นกบใต้บ่อน้ำ แค่นี้เจ้ายังไม่เข้าใจ? หากเรื่องเท่านี้เจ้ายังไม่มีปัญญาเข้าใจ แล้วเจ้ามาเป็นทูตได้อย่างไร?" เฉียวไปชี่แสยะยิ้มออกมาก่อนที่จะกล่าวแดกดันอย่างเมามันในอารมณ์
"กบใต้บ่อน้ำ?" ฉีคังอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ "นายน้อยเจี้ยงท่านประเมินค่าตัวท่านเองสูงเกินไปแล้ว! ตระกูลเจี้ยงท่านแม้จะมีชื่อเสียง แต่นั่นเป็นเพียงในอาณาจักรตะวันออกแห่งนี้เท่านั้น ความแข็งแกร่งของอาณาจักรจันทราทมิฬนั้นเหนือกว่าที่ท่านเข้าใจนัก ท่านอย่าได้คิดว่า ตัวท่านสามารถวัดความสามารถของอาณาจักรจันทราทมิฬได้ "
"ความแข็งแกร่งหรือ?" น้ำเสียงของเจี้ยงเฉินที่กล่าวออกมายามนี้แฝงความสมเพชและหดหู่เอาไว้ไม่น้อยเนื่องจากเขาได้ย้อนคิดไปถึงอดีตของเขา เขาถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนที่จะกล่าวว่า "ข้าเคยเห็นการดำรงอยู่ของสิ่งที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งแล้ว แต่สุดท้ายมันหาได้พ้นหนทางแห่งการแตกดับไม่"
ในชีวิตที่แล้วของเจี้ยงเฉินนั้น บิดาของมันเป็นถึงหวงตี้ผู้ปกครองแดนสวรรค์ชั้นสูงสุด ตัวมันนั้นเป็นถึงองค์ชายหนึ่งเดียวของราชันย์ครองสวรรค์ อำนาจของมันนั้นเรียกได้ว่าทั้ง 3 โลกต้องก้มหัว แล้วสุดท้ายเป็นเช่นไร? สุดท้ายก็เหลือเพียงความว่างเปล่าไม่ใช่หรือ?
อาณาจักรจันทราทมิฬในสายตาเจี้ยงเฉินก็ไม่ได้มีค่าอันใดไปมากกว่าอาณาจักรบ้านนอกที่แข็งแกร่งกว่าขึ้นมาอีกนิดหน่อย พวกมันไม่ต่างอันใดกับตัวตลกที่เดินออกมาเป่าแตรต่อหน้าเจี้ยงเฉินด้วยซ้ำ ยามมันอวดโอ่เรื่องเหล่านี้
ฉีคังจะไปเข้าใจสภาพจิตใจและความนึกคิดของเจี้ยงเฉินที่กลับชาติมาเกิดได้อย่างไร มันจะเข้าใจความยิ่งใหญ่ของชาติภพที่แล้วของเจี้ยงเฉินได้อย่างไร? แล้วมันจะเข้าใจถึงความโศกเศร้าว่างเปล่าไร้สิ้นทุกอย่างในน้ำเสียงของเจี้ยงเฉินที่พึ่งกล่าวออกมาเมื่อครู่ได้อย่างไร?
ฉีคังเพียงหัวเราะแล้วกล่าวออกมาอย่างวางท่า "นายน้อยเจี้ยง เรื่องที่สมควรกล่าว ข้าก็กล่าวออกไปหมดสิ้นแล้ว ยามนี้ท่านอยากกล่าววาจาอันสมควรท่านก็รีบกล่าวมาเสียเถิด หากท่านยังไม่เข้าใจว่าตนเองกำลังทำอันใดอยู่ แล้วท่านยังไม่รู้ตัวว่าทำผิดพลาดมากแค่ไหนที่กล่าววาจาเช่นนั้นกับข้าให้โปรดรีบแก้ไขเถิด ข้าเกรงว่ายามที่กองทัพของอาณาจักรจันทราทมิฬยกทัพมาถึง ท่านจะไม่มีโอกาสแก้ตัวหรือวิงวอนอันใดอีกแล้ว "
เจี้ยงเฉินที่กำลังรำลึกถึงความหลังในชาติที่แล้วอยู่จนจมอยู่ในห้วงอารมณ์ความรู้สึกเก่า ๆ พลันได้สติขึ้นมาอีกครั้งหลังจากได้ยินเสียงกล่าวคำของฉีคัง
ใบหน้าของเจี้ยงเฉินจริงจังขึ้นเล็กน้อย "ฉีคัง เจ้าไสหัวกลับไปบอกราชาของเจ้าว่า ถึงแม้ตระกูลเจี้ยงจะไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกับราชวงศ์ตงฟางหรือคิดช่วยเหลืออันใดพวกมันแล้ว แต่ทว่าอาณาจักรตะวันออกแห่งนี้ยังเป็นมาตุภูมิของข้า หากอาณาจักรจันทราทมิฬกล้าเข้ามาเหยียบย่ำแล้วไซร้ ข้าจะให้เจ้ามาได้แต่กลับไปไม่ได้! "
นี่ไม่ใช่เพราะตัวเจี้ยงเฉินเองมีความผูกพันหรือจงรักภักดีต่ออาณาจักรตะวันออก
แต่เป็นเพราะทุกเลือดเนื้อทุกอณูไขกระดูกของร่างกายเจี้ยงเฉินคนก่อนนี้ มันส่งอารมณ์ภาคภูมิใจในถิ่นฐานออกมาอย่างแรงกล้า สำนึกของมันทำให้เขาบังเกิดอารมณ์ยึดติดบางอย่าง
ดินแดนแห่งนี้ได้หล่อเลี้ยงบรรพบุรุษของตระกูลเจี้ยงมาหลายยุคหลายสมัย อีกทั้งร่างกายเลือดเนื้อนี้ยังเติบโตมาในดินแดนแห่งนี้
ทั้งหัวใจทั้งร่างกายของมันได้หยั่งรากลึกลงไปในดินแดนแห่งนี้แล้ว
ถึงอีกไม่นานในอนาคตเขาจะออกเดินทางจากไปไกล แต่เขาจะไม่ยินยอมให้เท้าสกปรกของใครย่างกรายเข้ามาเหยียบย่ำแผ่นดินนี้อย่างแน่นอน นี่ไม่ใช่แค่การรุกรานแผ่นดินเกิดเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นการเหยียบย่ำอารมณ์ผูกพันในใจของเขาอีกด้วย!
นอกจากนี้วาจาของฉีคังที่พ่นออกมายังเต็มไปด้วยความรู้สึกคุกคาม เรื่องนี้ทำให้เจี้ยงเฉินบันดาลโทสะเป็นอย่างมาก ขนาดศิษย์จากนิกายที่แข็งแกร่งเหนืออาณาจักรจันทราทมิฬเขายังไม่เกรงกลัวพวกมันด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับอาณาจักรกระจอก ๆ บ้านนอกของพวกมัน!
ถึงแม้อาณาจักรจันทราทมิฬจะแข็งแกร่งกว่าอาณาจักรตะวันออก แต่คนอย่างเจี้ยงเฉินมีหรือจะยินยอมให้พวกมันคุกคาม? เกรงว่าให้สุนัขออกลูกเป็นมังกรยังจะง่ายเสียกว่า...