หน้าแรก > ราชันสามภพ
ตอนที่ 120 ข่าวที่น่าตื่นตระหนก! มหาอำนาจที่แข็งแกร่ง!

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

"ฮ่าฮ่า! ไปชี่ ขอเพียงเจ้าเปลี่ยนใจ หอโอสถเราล้วนยินดีเปิดประตูต้อนรับเจ้ากลับมา เรื่องนี้ใยต้องกล่าวถึง? เอาล่ะ ๆ ตอนนี้ข้าขอให้สัญญาว่าหากเจ้ากลับมา เจ้าจะยังคงเป็นผู้ดูแลหอลำดับที่ 3! " ซ่งเทียนสิงกล่าวออกมาอย่างเริงร่า

เฉียวไป่ชี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขาไม่คิดเลยว่าคำกล่าวเมื่อครู่จะทำให้ซ่งเทียนสิงเข้าใจเขาผิดซะได้

"ข้าน่ะหรือ ผู้ดูแลหอลำดับที่ 3?" เฉียวไป่ชี่ส่ายหัวพร้อมยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

ทันใดนั้นเอง สิงชี่หลานที่ไม่อาจทนได้อีกต่อไป นางกล่าวแทรกออกมาอย่างก้าวร้าว "อะไร ตำแหน่งผู้ดูแลหอลำดับที่ 3 เจ้ายังไม่พึงพอใจอีกงั้นเหรอ? หรือเจ้าจะเป็นผู้นำหอโอสถเองเลยเล่าถึงจะพอใจ? "

"เจ้า หุบปากไปซะ!" ซ่งเทียนสิงและหนิงวู่หยูพลันตะโกนออกมาด้วยโทสะอย่างพร้อมเพรียงกัน

เฉียวไปชี่ที่อยู่หอโอสถมานาน ตัวมันย่อมมีภูมิคุ้มกันกับสันดานปากสุนัขของสิงชี่หลานดี มันจึงหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนที่จะกล่าวต่อไปว่า "ตัวข้านั้นเลิกสนใจตำแหน่งอันใดในหอโอสถมาเนิ่นนานแล้ว หากผู้นำหอโอสถยังยินดีจะรับฟังข้อเสนอของข้าอยู่ล่ะก็ ข้าก็ยินดีจะกล่าวให้ท่านฟัง"

"เจ้าอย่าได้เกรงใจ มีอันใดรีบว่าไป" ซ่งเทียนสิงนั้นรู้สึกยินดีอย่างมาก เมื่อได้ยินว่ายังพอมีหนทางอยู่ ราคาที่ต้องจ่ายในวันนี้จะมากถึงเพียงไร? ขอแค่เสนอออกมา! ตราบใดที่หอโอสถยังทานทนได้ ไม่ว่ามันจะต้องสูงสักเพียงใดพวกเขายินดีจะจ่ายมัน

“อันที่จริงข้อเสนอของข้าก็หามีอันใดไม่ดี ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่เพื่ออนาคตของหอโอสถทั้งสิ้น ประการแรก ข้าอยากให้ หนิงวู่หยูกลับไปดำรงตำแหน่งผู้ดูแลหอลำดับที่ 3 และเป็นคู่ค้ากับข้าและขุนนางน้อยเจี้ยง ข้าจะส่งมอบโอสถทั้ง 3 ชนิดให้แก่เขาอย่างสุดกำลัง และไม่อนุญาตให้ผู้ใดมาก้าวก่ายในเรื่องนี้เด็ดขาด”

นี่นับเป็นเงื่อนไขขั้นพื้นฐานที่สุด

ซ่งเทียนสิงรีบพยักหน้าอย่างยินดี "เรื่องนี้หาได้มีปัญหาไม่ ตัวข้าเองยังรู้สึกเศร้าเสียใจไม่หายที่วู่หยูเลือกที่จะออกจากหอโอสถ  การที่หอโอสถเสียผู้มีความรู้ความสามารถไปย่อมเป็นตัวข้าที่ปวดใจที่สุด"

เฉียวไป่ชี่พยักหน้า "เงื่อนไขประการที่สองคือ ต้องมีการกวาดล้างเหล่าผู้ดูแลหอโอสถและผู้อาวุโสบางคน ผู้ที่ต้องถูกขับออกก็ขับไล่มันออกไป ผู้ที่ควรถูกลงโทษก็ลงโทษมันเสีย  ข้าขอยกตัวอย่างเช่น สิงชี่หลาน ข้าอยากรู้นักนางมีความสามารถอันใดที่เหมาะสมและเท่าเทียมกับผู้อาวุโสคนอื่น?  และสำหรับหวังลี่ บุคคลไร้หัวคิดผู้นี้ที่กระทำการอันใดก็กระทำด้วยความผลีผลามตลอด อีกทั้งมันยังไม่ยินยอมรับฟังผู้อื่นอีกนับว่ามีจิตใจคับแคบนัก บุคคลเช่นมันจะเหมาะสมเป็นผู้ดูแลหอโอสถได้อย่างไร สมควรขับไล่ออกไปเสีย นอกจากนี้ยังมี ... "

เฉียวไป่ชี่เอ่ยรายชื่อ ผู้อาวุโสและผู้ดูแลที่ไม่คู่ควรจะดำรงตำแหน่งออกมาอีกราวๆ 6-7 ชื่อ

ไม่ว่าชื่อของผู้ใดก็ตามที่ถูกเอ่ยถึง สีหน้าของมันพลันเปลี่ยนเป็นหมองคล้ำทันที

วาจาดั่งภูเขาไฟระเบิดครั้งนี้นับว่ารุนแรงนัก หลังจากเฉียวไป่ชี่กล่าวจบ นับว่าเกือบครึ่งหนึ่งของผู้อาวุโสและผู้ดูแลล้วนต้องถูกขับไล่ออกไป

และบรรดาผู้ที่ถูกเสนอชื่อขึ้นมาเพื่อดำรงตำแหน่งต่าง ๆ แทนที่ ล้วนแต่เป็นสหายของเฉียวไป่ชี่และหนิงวู่หยูทั้งสิ้น

ซ่งเทียนสิงนั้นรับฟังคำกล่าวของเฉียวไป่ชี่โดยที่ไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าหรือท่าทางใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ทว่าในความเป็นจริงนั้นความรู้สึกและมวลอารมณ์กำลังเดือดพล่านกระหึ่มอยู่ในใจของมัน แต่ทว่ามันเป็นผู้นำหอโอสถ ต่อให้เขาไท่ซานถล่มลงตรงหน้า มันก็ต้องรักษาหน้าตาและสำรวมกิริยาเอาไว้

อีกทั้งความจริงแล้วมันหาได้โกรธหรือไม่พอใจอะไรไม่ แต่ทว่ามันกำลังดีใจอย่างถึงที่สุด

อาจจะกล่าวได้ว่าข้อเสนอแนะของเฉียวไป่ชี่ครั้งนี้ ทำให้ซ่งเทียนสิงตัดสินใจขั้นเด็ดขาดได้เสียที มันมักจะไตร่ตรองถึงเรื่องสะสางเหล่าผู้อาวุโสและผู้ดูแลไร้สามารถเหล่านี้มานานแล้ว

แต่ใครล่ะควรจะเป็นคนแรกที่มันจัดการ? คำถามนี้มันรังควาญจิตใจของมันมาเนิ่นนานแล้ว

แต่ครานี้เฉียวไป่ชี่ยินยอมรับบทคนร้ายโดยการเอ่ยเรื่องนี้ออกมา มีหรือซ่งเทียนสิงจะไม่รีบตอบรับและปล่อยให้สถานการณ์มันไหลตามน้ำไป อีกทั้งสองฝ่ายจะกลับมาร่วมมือทำการค้ากันได้อีกล้วนมีแต่เรื่องดีทั้งสิ้น

สีหน้าของอาวุโสโหย่วขุยเริ่มหมองคล้ำลง "เฉียวไป่ชี่ เจ้าล้อข้าเล่นหรือไร? เงื่อนไขเหล่านี้เป็นของเจ้าเองใช่หรือไม่? เจ้าคิดที่จะแทรกแซงกิจการของหอโอสถหรือไร "

"เฮอะ อีกทั้งเจ้ายังเป็นผู้ที่จากไปแล้วด้วยซ้ำ เจ้ายังจะมีสิทธิอันใดมาแทรกแซงเรื่องราวภายในของหอโอสถอีก? " ผู้ดูแลหอโอสถลำดับที่ 4 หวังลี่กล่าวออกมาด้วยโทสะ ยามนี้มันไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป

เฉียวไป่ชี่ยิ้มก่อนที่จะกล่าวออกมา "ข้าเพียงแค่กล่าวข้อเสนอออกมาเท่านั้น และข้าเพียงแต่กล่าวแทนขุนนางน้อยเจี้ยง ข้าหาได้คิดจะตัดสินใจแทนหอโอสถแต่อย่างไร เพียงแต่หากทางหอโอสถไม่คิดทำตามข้อเสนอของข้า การเจรจาการค้าครานี้ก็ให้มันสิ้นสุดลงแต่เพียงเท่านี้เถิด"

หวังลี่กระแทกจอกสุราของเขาลงบนโต๊ะดังสนั่น ก่อนที่จะลั่นวาจาออกมาอย่างดุดัน "บัดซบ ข้อเสนอมารดาเจ้าเถอะ นี่มันการพูดคุยอันใด?  นี่เรียกว่าตบหน้ากันชัด ๆ! อยากขับไล่ตัวข้าหวังลี่เช่นนั้นหรือ? เฉียวไป่ชี่ เจ้าอาศัยอะไรกล่าววาจาสุนัขเช่นนี้ออกมาต่อหน้าข้า"

"หึ ท่านผู้นำหอ ตัวท่านบอกให้พวกเราปล่อยวางเรื่องเก่าและมาขอขมา ทั้งเจรจาด้วยดี พวกข้าก็กระทำให้ท่านแล้ว แต่ท่านเห็นแล้วหรือไหมว่า ฝ่ายมันกลับดูถูกพวกเราถึงเพียงใด ท่านจะให้ข้ายอมรับเรื่องราวครั้งนี้ได้อย่างไรกัน?" สิงชี่หลานย่อมไม่พลาดโอกาสกล่าวกระแนะกระแหน

“น่าขันนัก! ข้อเสนอบัดซบเช่นนี้จะให้พวกเราเจรจากันได้อย่างไร มิมีวันเสียล่ะ" สีหน้าของโหย่วขุยเองก็พลันแข็งกร้าวขึ้นมาเช่นกัน

สายตาที่เย็นชาและแหลมคมของซ่งเทียนสิงกวาดไปยังทั้งสามคนก่อนที่จะพยักหน้าออกมาเบา ๆ "ดีดี ช่างงามหน้านัก ข้าสงสัยอยู่เสมอว่าหอโอสถเรา มีกลุ่มคนที่ตั้งตนเป็นใหญ่ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลเพื่อจุดประสงค์ส่วนตัว ก่อนหน้านี้ข้าเพียงแค่สงสัยเท่านั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะชัดแล้วว่า เป็นพวกเจ้าทั้งสามคนนี่เองที่ร่วมมือกันทำเช่นนั้น”

"ทะ ... ท่านผู้นำเหตุใดท่านจึงกล่าวเช่นนี้?" โหย่วขุยที่มีอายุมากและมีความอาวุโสมากที่สุดในบรรดาคนทั้งสาม อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา

“อย่าได้คิดว่าข้าโง่เขลา สิงชี่หลานร่วมหลับนอนกับเจ้าเป็นเวลา 3 เดือนก่อนที่นางจะได้เป็นผู้อาวุโส หรือเจ้ากล้ากล่าวปฏิเสธเรื่องนี้”

"หวังลี่นี่ก็นับว่าสำคัญกับเจ้านัก เพราะมันเป็นถึงลูกนอกสมรสของเจ้า โหย่วขุย..เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าหามีผู้ใดในใต้หล้ารู้เรื่องนี้ของเจ้า? "

ซ่งเทียนสิงยังกวาดตามองไปยังคนที่ถูกเฉียวไป่ชี่เอ่ยนามขึ้นมา "หน้าไหนในที่นี้ที่ไม่ได้มารับตำแหน่งจากการเสนอชื่อของเจ้า? ทุกคนล้วนมีหน้ามีตาในหอโอสถเพราะเจ้าสนับสนุนมาทั้งสิ้น!  เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข้าจะไม่รู้เรื่องราวเหล่านี้? "

ในที่สุดซ่งเทียนสิงก็ใช้สถานการณ์นี้หาข้ออ้างในการแตกหัก

นอกจากนี้เขายังรู้ว่านี่อาจจะเป็นโอกาสเดียวของเขาที่จะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ และมันยังเป็นโอกาสดีที่สุดของเขาในการกวาดล้างกลุ่มอิทธิพลของโหย่วขุย

เฉียวไป่ชี่หัวเราะเสียงดังพร้อมปรบมือออกมาดังลั่น "ที่แท้ท่านผู้นำหอล้วนรู้เรื่องราวทะลุปรุโปร่งนัก  โหย่วขุย ท่านนับว่าเป็นผู้มีคุณธรรมและความยุติธรรมสูงส่งเลิศล้ำในทางอุบาทว์ยิ่งนัก กล้ามอบตำแหน่งผู้อาวุโสให้กับสตรีชั่วช้าเบาปัญญาเพียงเพราะนางหลับนอนกับเจ้า กล้าสนับสนุนตัวโง่งมไร้สมองคนหนึ่งขึ้นมาเป็นผู้ดูแลหอเพียงเพราะมันเป็นลูกนอกสมรสของเจ้า ทั้งสองตัวอุบาทว์ที่เจ้าสนับสนุน ล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดปัญหาวุ่นวายไม่รู้จักจบสิ้น หลายปีมานี้ข้าอยากรู้นักพวกเจ้าทำเรื่องดีงามอันใดให้แก่หอโอสถบ้าง? "

ใบหน้าของโหย่วขุยราวกับแก่ตัวลงไปนับ 10 ปีในพริบตาเดียว!

ปัง! เคร้งงง!

หวังลี่ที่บันดาลโทสะ เขาลุกขึ้นพลิกโต๊ะจนล้มคว่ำ ทุกสิ่งทุกอย่างล้มระเนระนาดแตกกระจายไม่เหลือชิ้นดี

"เจรจาต่อไปกับมารดาเจ้าแล้วกัน ไร้สาระสิ้นดี  ไป! พวกเรากลับเมืองหลวง หามีความจำเป็นที่ต้องเสวนาอันใดกับมันอีก! "

"เฮอะ! เรียกว่าเจรจาอุบาทว์อันใด ที่แท้ก็มีการสมรู้ร่วมคิดกับคนนอกเพื่อทรยศคนใน! เจ้านายของเรากลับหาได้ปกป้องคนของเราไม่ เขากลับรวมหัวกับผู้อื่นจู่โจมคนของเรา ข้าว่าพวกเราควรกลับไปเมืองหลวงเพื่อเปิดประชุมเกี่ยวกับการคัดเลือกผู้นำหอที่เหมาะสมใหม่จะดีเสียกว่า "

"พวกเจ้าคิดจากไปเช่นนั้นหรือ?" เฉียวไป่ชี่หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา

ทันใดนั้นเองทหารมากมายเป็นกองทัพก็ได้แสดงตัวออกมาปิดล้อมศาลาพิรุณบุปผาเอาไว้ทุกด้าน

เหล่าคนคุ้มกันทั้ง 8 ของเจี้ยงเฉินได้นำกองทัพเฉินทั้ง 4 กองพันมาปิดล้อมศาลาพิรุณบุปผาเอาไว้อย่างแน่นหนาราวกับตาข่ายฟ้า อย่าว่าแต่ติดปีกบินหนี ยามนี้ต่อให้เป็นหยดน้ำก็อย่างหวังว่าจะแทรกซึมเล็ดลอดออกไปได้

*เมื่อสุดแผนที่มีกระบี่สั้น  ก็หามีข้อสงสัยใด ๆ อีกต่อไป เรื่องราวก็ไหลไปในตามทิศทางของมัน...

 (*เมื่อเหตุการณ์ดำเนินถึงที่สุด เจตนาก็จะเปิดเผย)

7-8 คนในรายชื่อที่ถูกเฉียวไป่ชี่เอ่ยมาถูกจับกุมโดยไร้การขัดขืน แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายและแม้กระทั่งสิงชี่หลานเองก็ไม่เคยรับรู้มาก่อน กลับกลายเป็นว่า โหย่วขุย ตาแก่ธรรมดาที่ดูราวกับไร้พิษสงกลับเป็นถึงผู้ฝึกตนระดับขั้นลมปราณแท้จริงขั้นที่ 11 !

แต่น่าเสียดายที่ฝีมือของเขายากที่จะใช้ออกในสถานการณ์ที่ถูกรุมปิดล้อมไปทุกทิศทางเช่นนี้  เขาพยายามตีฝ่าทหารออกไปแต่ทว่าก็ไม่สามารถบุกฝ่าเหล่าผู้คุ้มกันทั้ง 8 คนของเจี้ยงเฉินที่ร่วมมือกันได้อยู่ดี สุดท้ายเขาก็สิ้นหวัง เมื่อสิ้นไร้หนทางดิ้นรนจึงได้แต่ยอมรับชะตากรรมและยินยอมถูกจับกุมในที่สุด

“ท่านผู้นำหอ ข้าเสียใจที่ต้องดำเนินมาตรการรุนแรงเช่นนี้ ข้าหวังว่าท่านจะเข้าใจ และอย่าได้โกรธเคืองข้าที่จำเป็นต้องแทรกแซงหอโอสถในครั้งนี้ ความรู้สึกผูกพันของข้ากับหอโอสถมันมีมากกว่าความเมตตาต่อพวกชั่วช้าเหล่านี้” เฉียวไป่ชี่กล่าวออกมาด้วยความสำนึกผิด

"ไป่ชี่ เจ้าอย่าได้กล่าวแล้ว ข้าเองที่เป็นฝ่ายต้องกล่าวขอขมาเจ้า ถ้าไม่ใช่เพราะข้าที่อ่อนแอ หาได้มีความกล้าตัดสินใจให้เด็ดขาด เจ้าคงไม่ต้องจากไปตั้งแต่แรก ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังจะออกเดินทาง หลังจากนี้ข้าจะแต่งตั้งหนิงวู่หยูให้เป็นผู้ดูแลหอก่อนที่จะสนับสนุนในสิ่งที่เขากระทำ และสุดท้ายข้าจะส่งมอบตำแหน่งผู้นำหอให้แก่เขาด้วยตัวเอง "

"ตราบใดที่หอโอสถยังคงเจริญก้าวหน้า ข้าเฉียวไป่ชี่ จะขอสนับสนุนทุกอย่างจนสุดความสามารถ"

"ซ่งเทียนสิง เฉียวไป่ชี่ ตัวอุบาทว์ สารเลว! เจ้ากล้าร่วมมือกันจับกุมข้าได้อย่างไร! " โหย่วขุยที่ถูกมัดกล่าวตะโกนออกมา

"โหย่วขุย เจ้าก่อตั้งกลุ่มเพื่อสร้างอิทธิพลเจตนาสร้างอำนาจส่วนตัว เหตุใดเจ้ายังกล้าตะโกนกล่าววาจาไร้สาระ?" หนิงวู่หยูกล่าวออกมาพร้อมเสียงหัวเราะเย็นชา

"บัดซบ! เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว? ซ่งเทียนสิง เรื่องเดียวที่ข้าเสียใจคือไม่ได้ลงมือจัดการกับเจ้าก่อนหน้านี้! ข้าเสียดายนัก! แต่เจ้าอย่าได้ใจให้มันมากนัก เจ้าไม่คิดเหรอว่าเพราะเหตุใดข้าถึงเสียเวลา 10 กว่าปีเพื่อทำดีกับเจ้าจนได้เข้าร่วมหอโอสถ? เหอะ! ข้าจะบอกอะไรบางอย่างให้เจ้ารับรู้เอาไว้ ข้าหาได้เป็นคนของอาณาจักรตะวันออกนี้ไม่  ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ข้าเข้าหอโอสถเพื่อแฝงตัวเป็นสายลับเท่านั้น ข้านั้นอาศัยหอโอสถเพื่อเข้าถึงความลับต่าง ๆ อีกทั้งยังสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลต่าง ๆ เพื่อล้วงความลับ อีกทั้งข้ายังพยายามทุกทางเพื่อส่งข่าวสงครามภายในของอาณาจักรตะวันออกรวมทั้งเรื่องราวความขัดแย้งต่าง ๆ ไปยังอาณาจักรจันทราทมิฬ  อีกไม่นานหรอกกองทัพของอาณาจักรจันทราทมิฬ จะกรีฑาทัพกวาดผ่านทั้งหุบเขาและลำน้ำของอาณาจักรตะวันออกจนทุกอย่างราบเป็นหน้ากลอง! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!”

"อาณาจักรจันทราทมิฬ?" ซ่งเทียนสิงและเฉียวไป่ชี่สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะหันมามองหน้ากัน

อาณาจักรจันทราทมิฬเป็นอาณาจักรที่อยู่ติดกับทางด้านใต้ของอาณาจักรตะวันออก ..กลับกลายเป็นว่าอาณาจักรที่แข็งแกร่งกว่าอาณาจักรตะวันออกนี้ กลับคอยเฝ้ามองเพื่อหวังตะครุบเหยื่อมาโดยตลอด

โชคร้ายที่คำกล่าวออกมาเพราะความคลุ้มคลั่งของโหย่วขุยครานี้ กลับเป็นความจริงที่โหดร้ายยิ่งนัก

อย่างไรก็ตาม เฉียวไป่ชี่สงบสติอารมณ์ลงได้อย่างรวดเร็ว "อาณาจักรจันทราทมิฬแล้วอย่างไร? ก็นับว่ายังมีเรื่องดีอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้ข้าไม่อาจฆ่าเจ้าโดยปราศจากเหตุผลอันควรได้ แต่ยามนี้เจ้ากลับเปิดเผยมาเองว่าเป็นสายลับจากอาณาจักรจันทราทมิฬ เช่นนี้ข้าก็มีเหตุผลเพียงพอที่จะสังหารพวกเจ้าให้สิ้น "

"ฆ่าข้า? ฮ่า ๆ เจ้าคิดว่าข้าหวาดกลัวเช่นนั้นหรือ? จะอยู่เป็นคนหรือตายเป็นผีข้าก็คือวีรบุรุษของอาณาจักรจันทราทมิฬ ข้าไม่คิดจะก้มหัวของข้าเพื่อร้องขอชีวิตให้อับอาย ถึงข้าตายข้าก็ตายเพื่ออาณาจักรของข้า"

"จะ... เจ้าแก่ เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือไร? เจ้าเป็นสายลับของอาณาจักรจันทราทมิฬจริง ๆ หรือ? " สิงชี่หลานเองก็กระวนกระวายอย่างหนัก

นางเป็นราษฎรที่เกิดในอาณาจักรตะวันออกแห่งนี้ และไม่ได้เป็นสายลับของจันทราทมิฬอะไรทั้งสิ้น  นางแค่หลับนอนกับโหย่วขุยเพียงเพื่อตำแหน่งผู้อาวุโสเท่านั้น

ตอนนี้ถึงนางจะถูกจับกุม แต่ข้อหาเท่านี้อย่างไรก็ไม่ถึงตาย อย่างมากก็เพียงถูกขับไล่จากหอโอสถเท่านั้น แต่ทว่าหากนางมีส่วนเกี่ยวข้องกับสายลับจากอาณาจักรจันทราทมิฬแล้วล่ะก็ นางย่อมต้องโทษประหารอย่างแน่นอน

หวังลี่เองก็เริ่มตะโกนออกมาเสียงดัง "ทะ..ท่าน กลับเป็นท่านที่โยนข้าลงไปสู่หุบเหวแห่งความตายโดยแท้จริง ไหนท่านบอกข้าว่าจะสนับสนุนให้ข้าเป็นผู้นำหอโอสถ ไหนว่าจะสนับสนุนให้ข้าขยายกิจการไปทั่วทั้งอาณาจักร ไหนว่าจะให้ข้ามีชื่อเสียงดังก้องไปทั่วอาณาจักรมีความมั่งคั่งสุขสบายไปตลอดชีวิต ทั้งหมดล้วนเป็นท่านโกหกข้า? "

"ฮาย! ทั้งหมดข้าหาได้โกหกเจ้าไม่ เจ้าเป็นลูกชายของข้า แล้วข้าจะโกหกเจ้าได้อย่างไร? คำกล่าวที่ข้ากล่าวนี้ก็ต้องหมายถึงยามที่สถานการณ์ภายในอาณาจักรตะวันออกแห่งนี้สงบปราศจากการสู้รบภายใน แต่หากปราศจากความขัดแย้งวุ่นวายแล้วอาณาจักรจันทราทมิฬจะมีโอกาสและช่องทางลงมือได้อย่างไร  ข้าจึงหวังเพียงให้เจ้าควบคุมหอโอสถให้ได้ก่อน แล้วค่อยรอโอกาสอื่นใดในภายหลังเมื่อสถานการณ์มันเข้าที่แล้ว แต่ผู้ใดจะไปรู้กันเล่าว่าทุกสิ่งจะต้องมาพังลงเช่นนี้"

"แล้วเช่นนั้นเพราะเหตุใด ท่านต้องลำบากมายังเจี้ยงหานแห่งนี้อีก?" หวังลี่กล่าวออกมาอย่างอ่อนแรง

"มายังเจี้ยงหาน?" โหย่วขุยหัวเราะออกมา "แน่นอนว่าล้วนแต่เป็นเพราะสูตรโอสถทั้ง 3 ชนิดนั่น แม้แต่ตัวข้าเองยังอดอิจฉาผู้ที่มีมันไม่ได้  หากข้าสามารถนำมันกลับไปยังอาณาจักรจันทราทมิฬได้แล้วล่ะก็ รับรองว่าข้าต้องเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรจันทราทมิฬอย่างแน่นอน! "

หวังลี่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่ เขาพบว่าในใจของชายชราคนนี้ ความสำคัญในฐานะลูกนอกสมรสของเขายังด้อยกว่าความสำคัญของอาณาจักรจันทราทมิฬอยู่มากโข

สิงชี่หลานนั้นได้แต่ส่งเสียงโอดครวญออกมาราวกับสุกรกำลังจะถูกเชือด “ผู้นำหอโอสถ ข้าผิดไปแล้ว ข้าจะชดใช้ความผิดของข้าด้วยการบริการท่านอย่างดี ขะ...ข้ารู้ว่าจะอุ่นเตียงให้ท่านได้อย่างไร อีกทั้งข้ายังมีความสามารถและประสบการณ์ทำให้ข้ามีท่วงท่ามากมาย นอกจากนั้นข้ายังมีความสามารถและลิ้นอันพิเศษที่จะมอบความสุขและทำให้บุรุษพึงพอใจราวกับขึ้นสวรรค์ด้วยปากของข้า...”

สตรีผู้นี้เสียสติไปแล้วหรือไร

เฉียวไป่ชี่ไม่อยากได้ยินเสียงพวกมันอีก เขาโบกมือขึ้นมา "นำตัวพวกมันออกไป ข้าจะไปหานายน้อย"

ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าคำกล่าวของโหย่วขุยมีความเป็นจริงอยู่กี่ส่วน แต่ข่าวนี้รับเป็นเรื่องน่าตื่นตระหนกอย่างมาก หากมันเป็นจริงนั่นหมายความว่าตอนนี้มีมีดดาบกำลังจ่ออาณาจักรตะวันออกแห่งนี้อยู่

อีกทั้งยังเป็นมีดดาบที่สามารถสะบั้นอาณาจักรแห่งนี้ได้ตลอดเวลา!

...

"โหย่วขุย? สายลับจากอาณาจักรจันทราทมิฬ " เจี้ยงเฉินรู้สึกทึ่งกับข่าวจากเฉียวไป่ชี่อยู่ไม่น้อย เขาส่งเฉียวไป่ชี่ไปเจรจา ไม่คิดว่าจะมีการใช้กำลังบังคับด้วยซ้ำ และยิ่งไม่คิดว่าข่าวที่น่าตื่นตระหนกนี้จะถูกค้นพบ

อาณาจักรจันทราทมิฬนั้นขัดแย้งกับอาณาจักรตะวันออกมานานแล้ว ในช่วงสองสามร้อยปีที่ผ่านมาการสู้รบระหว่างทั้งสองฝ่ายนับเป็นเหตุการณ์ปกติ

"นายน้อย เรื่องนี้อาจเป็นความจริง ตระกูลหลงนั้นได้ก่อความวุ่นวายขึ้นอีกทั้งยังรบรากันจนสูญเสียกำลังไปหลายฝ่าย ยิ่งตอนนี้ตระกูลหลงเองก็ดับสิ้นไปแล้ว ทำให้อาณาจักรเสียกองกำลังไปอีกหลายส่วน มันคงเป็นเรื่องแปลกประหลาดมากกว่า ถ้าหากอาณาจักรจันทราทมิฬไม่ฉวยโอกาสตอนเราระส่ำระสายเช่นนี้ในการบุกรุก"

เจี้ยงเฉินพยักหน้า จะอย่างไรเรื่องนี้เขาต้องหาวิธีแก้ไขให้รอบคอบ

ถึงแม้ตระกูลเจี้ยงจะไม่ได้มีความสัมพันธ์กับอาณาจักรตะวันออกอีกต่อไป แต่อย่างไรก็ตามเมื่ออาณาจักรจันทราทมิฬเริ่มบุกจู่โจม ตระกูลเจี้ยงของเขาจะเป็นตระกูลแรกที่ได้รับผลกระทบ ...เนื่องจากตั้งอยู่ในชายแดนภาคใต้

นี่เพราะว่าอาณาจักรจันทราทมิฬนั้นตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ หากมีสงครามทัพหน้าที่ต้องรับผลกระทบย่อมเป็นตระกูลเจี้ยงที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้แห่งนี้แน่นอน

ในขณะที่เจี้ยงเฉินกำลังขบคิดอยู่นั้น ก็มีข้ารับใช้คนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงาน "นายน้อยขอรับ มีคนผู้หนึ่งบอกว่าเป็นทูตจากอาณาจักรจันทราทมิฬมาขอเข้าพบนายน้อย ตอนนี้รออยู่ด้านนอกขอรับ"

ทูตจากอาณาจักรจันทราทมิฬ?

เจี้ยงเฉินกับเฉียวไปชี่หันมามองหน้ากัน ทูตจากอาณาจักรจันทราทมิฬมาถึงในขณะที่พวกเขากำลังเริ่มสนทนากันถึงเรื่องนี้ นี่มันไม่นับว่ารวดเร็วเกินไปหน่อยหรือ?

 

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.