spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
แม้แต่ผู้ดูแลหอโอสถลำดับที่ 2 อย่างโหย่วขุยเองก็ไร้คำพูดจะกล่าวหลังจากได้รับข้อมูลเรื่องนี้
"เฉียวไป่ชี่มีความสัมพันธ์อันดีกับเจี้ยงเฉิน?"
ซ่งเทียนสิงนั้นไม่คิดเลยว่าเขาจะพลาดข้อมูลส่วนนี้ไป...ตัวเขานั้นได้ดูแลเฉียวไป่ชี่อย่างดีเสมอมา..นับว่าเขาอบรมสั่งสอนมันตั้งแต่เริ่มต้นเลยด้วยซ้ำ เขาย่อมรับรู้ถึงความรู้สึกของเฉียวไป่ชี่ที่มีแต่หอโอสถแห่งนี้ดี
วันนั้นเหล่าผู้ดูแลหอโอสถทุกคนล้วนแล้วแต่เลือกที่จะผลักไสเฉียวไป่ชี่ให้กับตระกูลหลง เรื่องนี้ไม่ต้องถามเลยว่ามันจะสร้างความผิดหวังและสิ้นหวังให้แก่เฉียวไปชี่ถึงเพียงใด...จุดนี้ซ่งเทียนสิงย่อมรู้อยู่เต็มอกและเขาเองก็เลือกที่จะละเลยเฉียวไป่ชี่ไป
แต่ทว่าเรื่องที่เฉียวไป่ชี่มีความสัมพันธ์อันดีกับเจี้ยงเฉินนั้นแม้แต่มันก็ไม่ทราบมาก่อนสักนิด
แต่ทันใดนั้นเอง สิงชี่หลานนั้นกล่าววาจากระแนะกระแหนออกมาอีกครั้งโดยไม่สนใจสถานการณ์ "นี่ก็สมแล้วกับที่เป็นเฉียวไป่ชี่ เขานั้นมักเห็นคนนอกดีกว่าหอโอสถเราเสมอ ข้าล่ะไม่แปลกใจเลยที่ได้รับรู้ว่าเขามีความสัมพันธ์อันดีกับเจี้ยงเฉิน นี่ไม่รู้เขายังมีความลับอีกมากมายเท่าไรที่ปิดบังหอโอสถเรา? "
เมื่อซ่งเทียนสิงได้ยินวาจาครั้งนี้ มันถึงกับตวาดออกมาด้วยโทสะ “อาวุโสหลาน เจ้าสมควรหุบปากได้แล้ว! เจ้ามีวุฒิภาวะของผู้อาวุโสบ้างหรือไม่? เจ้าอยากหาเรื่องกับคนอื่นไปทั่วไม่เลิกราหรือไร? หากเจ้ามีเวลามากพอที่จะกล่าววาจาไร้สาระถากถางผู้อื่น เหตุใดไม่เอาเวลาตรงนั้นมาคิดหาวิธีที่จะสานสัมพันธ์กับตระกูลเจี้ยงกันเล่า?”
"ข้า... " เมื่ออาวุโสสิงชี่หลานได้รับคำตำหนิ นางนั้นหากล้าโต้แย้งอันใดออกมาไม่ ผู้นำหอคนนี้นั้นยามปกติก็ดูเมตตาและเอื้ออารี แต่หากมันมีโทสะแล้วล่ะก็นับว่าดุร้ายเหลือประมาณ
"ข้าไม่อยากฟังวาจาไร้สาระอีกต่อไป ข้าต้องการรับรู้เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น ว่าผู้ใดที่สามารถร่วมมือกับเจี้ยงเฉินหรือสานสัมพันธ์กับตระกูลเจี้ยงได้... และหากผู้ใดกระทำได้ข้าจะให้มันเป็นผู้นำหอโอสถคนต่อไปทันที ส่วนเรื่องอื่น ๆ นั้นข้าล้วนไม่อยากรับรู้และรับฟังทั้งสิ้น "
ซ่งเทียนสิงกวาดสายตามองไปรอบ ๆ "ในหมู่พวกเจ้า มีผู้ใดเต็มใจที่จะเดินทางไปยังเจี้ยงหานบ้าง?"
ผู้ที่ออกปากคนแรกว่าจะไปอย่างหวังลี่นั้นได้แต่หลบสายตาของซ่งเทียนสิง มันรู้ดีว่าถึงตัวมันเดินทางไปก็ไร้ประโยชน์เพราะเฉียวไป่ชี่อยู่ที่นั่น เป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะทำภารกิจครั้งนี้ได้สำเร็จ หลังจากการกระทำของมันครั้งก่อนที่กระทำต่อเฉียวไป่ชี่ หากมันไป...สิ่งเดียวที่มันจะได้รับคงไม่พ้นคำเยาะเย้ยถากถาง
อาวุโสสิงชี่หรานก็หน้าแดงและไม่กล้ากล่าวคำอะไร นางได้แต่ก้มหน้าของนางเอาไว้ไม่กล้าสบตากับซ่งเทียนสิง
เพราะหากให้นางเดินทางไปเจี้ยงหานผลลัพธ์นั้นย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าไม่มีทางเป็นผลดีอย่างแน่นอน...
"ผู้ดูแลลำดับที่ 2 ท่านไม่คิดเดินทางไปบ้างหรือไร?" ซ่งเทียนสิงมองไปยังโหย่วขุย
โหย่วขุยได้แต่หน้าม้านแล้วเกาศีรษะอย่างโง่งม "ท่านผู้นำ ข้าเป็นแค่ชายชราที่เจรจาได้แต่กับผู้อาวุโสเท่านั้น ข้าไม่ค่อยสันทัดเรื่องการเจรจาพาทีกับผู้เยาว์สักเท่าไร มันคงดูแปลก ๆ หากข้าไปเจราจากับเจี้ยงเฉิน ท่านคิดว่าเขาจะสนใจเราผู้ชราหรือไร? "
ส่วนบรรดาผู้อาวุโสคนอื่น ๆ นั้นก็ได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาของซ่งเทียนสิงทั้งนั้น นี่เพราะพวกมันล้วนรู้ผลลัพธ์ดี หามีผู้ใดคิดจะไปให้ถูกเยาะเย้ยไม่
ซ่งเทียนสิงได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างยากลำบาก หรือต้องให้มันเป็นคนเดินทางไปเจรจาด้วยตัวเอง?
แต่ทว่าเมื่อมันเหลือบไปเห็นวู่หยู ประกายตาของมันก็เรืองวูบขึ้นมา "วู่หยู เหตุใดเจ้าไม่เป็นตัวแทนของหอโอสถ เดินทางไปเจรจากับเจี้ยนเฉิงเล่า?"
"ผู้นำหอโอสถ ตัวข้านั้นได้เลือกที่จะถอนตัวออกจากหอโอสถแล้ว เรื่องตัวแทนท่านมองหาผู้อื่นเถอะ นอกจากนี้ข้ายังคงอยากจะบอกไว้อีกคำว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดที่ไปนั้นย่อมไม่สามารถเจรจาได้สำเร็จทั้งสิ้น รวมถึงตัวท่านผู้นำหอโอสถเอง ถึงท่านไปก็ไม่พ้นต้องกลับมามือเปล่าเช่นกัน "
ตอนนี้วู่หยูรู้สึกโล่งใจราวกับได้ระบายความอัดอั้นตันใจของตัวเองที่กักเก็บไว้ออกมาจนหมด ...สารรูปของพวกมันตอนนี้ได้แต่ก้มหน้าสำนึกผิดกันทั้งสิ้น ตอนนี้เขารู้สึกดีอย่างมาก เขาได้แต่คิดถึงพวกมันภายในใจอย่างหยามหยัน...
เป็นอย่างไรล่ะล้วนเป็นพวกเจ้าไม่ใช่รึ ที่เลือกจะขับไล่ไสส่งเฉียวไป่ชี่ไป? พวกเจ้ารังเกียจเฉียวไป่ชี่มากไม่ใช่รึไง?
แต่พอไร้ซึ่งเฉียวไป่ชี่แล้ว พวกเจ้าหามีปัญญาทำอันใดไม่
ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า? ทุกคนล้วนแต่ทำหน้าปั้นยากกระดากอายทั้งสิ้น!
นี่ไม่ใช่หนิงวู่หยูนั้นดีใจกับความทุกข์ของผู้อื่น แต่เขารู้สึกราวกับความจริงได้ถูกพิสูจน์ ก่อนหน้านี้พวกมันได้แต่ขับไล่เฉียวไป่ชี่ ดูถูกเหยียดหยามมัน เลือกที่จะขับไล่ไสส่งมัน ตอนนี้เป็นอย่างไรล่ะ?
หากไร้ซึ่งเฉียวไป่ชี่ ตอนนี้พวกมันทำจะอะไรได้ แทบจะไม่ต่างอันใดกับขอทานที่ได้แต่รอคอยความเมตตาด้วยซ้ำ
โหย่วขุยยังกล่าวออกมาราวกับจะไม่ยอมรับความจริง "วู่หยู เจ้าแน่ใจขนาดนั้นเลยหรือไร ว่าเหตุที่เจี้ยงเฉินยกเลิกความร่วมมือกับหอโอสถนั้นเป็นเพราะเฉียวไป่ชี่? เฉียวไป่ชี่นับเป็นตัวตนอันใด แม้มันจะมีพรสวรรค์บ้างเล็กน้อย แต่มันจะไปมีน้ำหนักในการตัดสินใจของขุนนางเจี้ยงหานได้อย่างไร? "
หนิงวู่หยูได้แต่หัวเราะออกมา "ข้าหารู้ไม่ว่าเฉียวไป่ชี่มีพรสวรรค์อันใดหรือไม่ แต่ข้ารู้เพียงว่า ไม่ว่าจะเกิดเหตุอันใดขึ้นกับตระกูลเจี้ยง คนแรกที่พวกมันเรียกร้องให้ช่วยเหลือมีแต่เฉียวไป่ชี่ ยามขุนนางเจี้ยงหานถูกลอบโจมตี ตระกูลเจี้ยงก็เรียกตัวเฉียวไป่ชี่ไปรักษา ยามที่ครอบครัวเจี้ยงหลบหนีตระกูลหลง ล้วนเป็นเฉียวไป่ชี่ที่คอยช่วยเหลือและหาเส้นทางหลบหนีให้พวกมันแต่เพียงผู้เดียว ทีนี้เจ้าตอบข้าได้หรือยังเล่า ว่าเฉียวไป่ชี่มีค่ากับตระกูลเจี้ยงหรือไม่? "
โหย่วขุยได้แต่หัวเราะออกมาอย่างสิ้นหวัง "ล้วนเหลวไหลทั้งสิ้น พวกเราต้องเชิญเฉียวไป่ชี่กลับมาจริง ๆ เช่นนั้นหรือ? "
โหย่วขุยรู้สึกว่าใบหน้าเขาถูกตบอย่างรุนแรง มันเจ็บแสบราวกับถูกเผาไหม้ยามเขากล่าวคำนี้ออกมา เขาเป็นผู้กล่าวหาตำหนิเฉียวไป่ชี่อย่างหนักหน่วงต่อหน้าผู้อื่น
เชิญเฉียวไป่ชี่กลับมา ...หากหน้าไม่หนาจริงเช่นเขาคงไม่กล้ากล่าววาจานี้ออกมา
คนอื่น ๆ นั้นล้วนไม่มีใครกล้าพอที่จะเอ่ยคำนี้ออกมาโดยเฉพาะสิงชี่หลาน เมื่อนางได้ยินคำกล่าวนี้หน้าของนางพลันเปลี่ยนเป็นซีดเซียวไร้สีเลือด
"เชิญเฉียวไป่ชี่กลับมา? หอโอสถเราจะล่มสลายจริง ๆ เช่นนั้นหรือหากไม่มีเขา?" สิงชี่หลานอดไม่ได้ที่จะกล่าวคำออกมา
"หากเจ้าคิดว่าทำได้ เหตุใดเจ้าไม่เดินทางไปด้วยตนเองเล่า?" โหย่วขุยกล่าวออกมากับหนิงวู่หยู ราวกับคนสิ้นไร้หนทาง
ซ่งเทียนสิงเองก็ได้แต่ถอนหายใจ "วู่หยู อาจเป็นเพราะโทสะเจ้าเลยเลือกที่จะถอนตัว ...ข้าขอถาม เจ้าสามารถเดินทางไปตระกูลเจี้ยงได้หรือไม่ หากเจ้าสามารถโน้มน้าวตระกูลเจี้ยงให้กลับมาทำการค้ากับพวกเราอีกครั้ง ข้าจะเลื่อนตำแหน่งเจ้าให้เป็น ผู้ดูแลหอโอสถลำดับที่ 3 โดยทันที "
คนอื่น ๆ นั้นไม่มีใครสามารถทำอะไรได้อีกแล้ว มีเพียงวู่หยูเท่านั่นที่กล่าวได้ว่าเป็นสหายกับเฉียวไป่ชี่ หากเป็นเขาที่เดินทางไปย่อมมีโอกาสมากที่สุด
ทว่าดวงตาของหวังลี่นั้นเรืองวูบออกมาอย่างน่ากลัว เมื่อได้ยินคำกล่าวครั้งนี้ของผู้นำหอโอสถ
"ผู้นำหอ นี่ไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง! ผู้อาวุโสต่ำต้อยจะเลื่อนตำแหน่งไปเป็นผู้ดูแลหอโอสถทันทีได้อย่างไร นี่นับว่าไร้ความเป็นธรรมอย่างมาก ข้ายอมรับไม่ได้! "
หวังลี่รู้สึกขัดใจอย่างมาก อดไม่ได้ที่มันจะโวยวายออกมา
"เช่นนั้นถ้าหากเจ้าสามารถกระทำภารกิจนี้ได้สำเร็จ ข้าจะยกตำแหน่งผู้นำหอโอสถแห่งนี้ให้กับเจ้าทันที แล้วเจ้ากระทำได้หรือไม่เล่า?"
หวังลี่ได้แต่กัดฟันและโกรธแค้นจนดวงตาแดงก่ำ เขาก็อยากตอบรับออกไป แต่เขาย่อมรู้ดีที่สุดว่าเรื่องนี้ย่อมไม่มีวันเป็นไปได้เลย
หนิงวู่หยูเผยมือออกมา "ผู้นำหอแล้วก็ท่านทั้งหลายไม่จำเป็นต้องทะเลาะกันเพราะเรื่องของข้า ตัวข้านั่นย่อมเดินทางไปเจี้ยงหานอยู่แล้ว แต่ทว่าข้าจะไปในฐานะสหายเก่าของเฉียวไป่ชี่ หาได้ไปเพราะตำแหน่งตัวแทนอันใดไม่ ส่วนเรื่องของหอโอสถนั้น ตัวข้าขอเลิกที่จะเกี่ยวข้องอีกต่อไป ทุกท่าน ... กระทำตามที่พวกท่านเห็นสมควรเถอะ "
หนิงวู่หยูหยิบเหรียญประจำตำแหน่งผู้อาวุโสหอโอสถขึ้นมาดูอีกครั้งก่อนที่จะวางลงไปเสียงดัง หลังจากกล่าวจบเขารู้สึกโล่งสบายในอกอย่างมาก เมื่อรู้ว่านับต่อจากนี้ไปเขาไม่ต้องอาศัยอยู่ในสถานที่เช่นนี้อีก หลังจากเรื่องราวทุกอย่างที่เขาได้เห็นมันทั้งหมดด้วยสองตา เขาย่อมรู้ดีว่าสถานที่แห่งนี้ไม่เหลือพื้นที่ว่างให้เขาอีกแล้ว
ตราบใดที่ยังมีคนอย่าง โหย่วขุย,หวังลี่,สิงชี่หลาน หอโอสถแห่งนี้นั้นนับว่าไร้ซึ่งอนาคตแล้ว
ดังนั้นหากต้องทนอยู่อย่างอัปยศและมุ่งไปสู่อนาคตที่พังพินาศ เขาเลือกที่จะปล่อยวางแล้วจากไปโดยไม่เกี่ยวข้องจะประเสริฐกว่า!
ปากของซ่งเทียนสิงขยับเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้กล่าววาจาอะไรออกมา เขารู้สึกจนปัญญาอย่างสิ้นเชิงและหมดสิ้นอำนาจในการกระทำการใด ๆ อีกต่อไป เขาได้แต่โบกมือแล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง "จบการประชุม"
...
อาวุโสชุนและสตรีลึกลับหวงเอ๋อ ทั้งคู่ที่นั่งและก็ยืนอยู่ในห้องลับของหอโอสถ ล้วนได้ยินทุกสิ่งทุกอย่าง พวกเขาได้ยินการประชุมครั้งนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ
"สถานที่แห่งนี้นับว่าจบสิ้นแล้ว บุคลิกและทีท่าของซ่งเทียนสิงนั้นก็พอใช้ได้ ทว่าน่าเสียดายที่เขาตัดสินใจไม่เด็ดขาดพอในเวลาที่สำคัญ" อาวุโสชุนถอนหายใจออกมาเบา ๆ
เด็กสาวที่เรียกว่าหวงเอ๋อใส่ชุดสีเขียวอ่อนนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง นางกำลังชื่นชมดอกไม้และทิวทัศน์เบื้องล่าง ดวงตากระจ่างใสของนางดูราวกับมีอำนาจลึกลับบางอย่าง ท่วงท่าของนางล้วนงดงามไม่ต่างอะไรกับเทพเซียน
"อาวุโสชุน ท่านกังวลกับหอโอสถแห่งนี้ด้วยหรือ?"
อาวุโสชุนหัวเราะออกมาเบา ๆ "ก็มีบ้าง เพราะพวกเราเองนับว่าอยู่ที่นี่นานพอดูเหมือนกัน แต่ดูท่าพวกเราคงต้องจากไปเสียแล้ว "
"จากไป?" หวงเอ๋อกล่าวถามออกมา
อาวุโสชุนพยักหน้าตอบรับ "หวงเอ๋อ เจ้าคิดเช่นไรหากเราจะเดินทางไปยังเจี้ยงหาน หรือเจ้ามีที่อื่นในใจ?"
"ไปยังเจี้ยงหานงั้นหรือ?" แขนเรียวงดงามขาวกระจ่างใสของนางหยุดลงเล็กน้อย ท่วงท่าของนางนั้นนับว่าสง่างามไม่ต่างอะไรกับเทพธิดาน้อย นางค่อย ๆ เอื้อนเอ่ยออกมาอีกครั้งว่า "อาวุโสชุน เหตุใดท่านจึงให้ความสำคัญกับเจี้ยงเฉินผู้นี้นัก?"
"ฮ่าฮ่าฮ่า เจากล่าวออกมาเช่นนี้ เราผู้ชราไม่รู้จะตอบอย่างไร จริงอยู่ทีข้านั้นให้ความสนใจมัน หากไม่เป็นเพราะเช่นนี้ เหตุใดข้าจึงไปช่วยมันที่ผาบรรจบกันเล่า? "
หวงเอ๋อทำเพียงยิ้มรับอย่างอ่อนโยนก่อนที่จะเล่นกับดอกไม้ต่อไป
“หวงเอ๋อ ข้าต้องบอกเจ้าเรื่องหนึ่ง เจี้ยงเฉินผู้นี้ซุกซ่อนอำนาจที่ยิ่งใหญ่ไว้กับตัว ในระหว่างการรบที่ผาบรรจบครานั้น อำนาจของเขานับว่าทำให้เราผู้ชราล้วนต้องแปลกใจ ความสามารถในการควบคุมนกหงส์ของเขานั้นนับว่าร้ายกาจอย่างยิ่ง จำนวนนกหงส์ที่เขาสามารถควบคุมได้นั้นมีจำนวนนับล้าน ยามพวกมันโผบินปิดแผ่นฟ้า อีกทั้งประสานงานก่อตั้งค่ายกล เราผู้ชราแม้จะผ่านโลกมามาก แต่หาได้เคยเห็นเด็กหนุ่มจากสถานที่กันดารเช่นนี้ผู้ใดมีความสามารถลึกลับถึงเพียงนี้อีกไม่ "
"นอกจากนี้ ศิษย์ที่ทางนิกายตะวันม่วงส่งมาทั้ง 3 คน นั้นหากไม่นับคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวออกมาทีหลัง แข็งแกร่งกว่าเขามากเกินไป ข้าแทบไม่จำเป็นต้องสอดมือเข้าไปช่วยเหลือเขาเลยด้วยซ้ำ เจี้ยงเฉินนั้นแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังแต่เขาหาได้เกรงกลัวไม่ อีกทั้งเขายังดิ้นรนต่อสู้ได้อย่างยอดเยี่ยมจนข้าเองก็คาดไม่ถึง"
อาวุโสชุนนั้นยิ้มในขณะที่พูด แต่ตัวมันย่อมรู้ดีว่าเรื่องเพียงเท่านี้หวงเอ๋อหาได้สนใจไม่ ยกเว้นแต่พวกเขาจะเกิดในอาณาจักรเล็ก ๆ ห่างไกลเช่นนี้ถึงจะเห็นว่าเรื่องนี้มันสุดยอดปานใด
ในอาณาจักรห่างไกลเช่นนี้ไม่ว่าเรื่องราวใดล้วนแต่ไร้ค่าหากเทียบกับที่ ๆ พวกมันทั้งคู่ปู่หลานจากมา
แต่นับว่ายังมีเรื่องที่พอจะไม่ธรรมดาอยู่บ้าง นั่นล้วนเป็นเรื่องราวของเจี้ยงเฉิน
สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้ชายชราและเด็กสาวเดินทางมายังอาณาจักรตะวันออกที่ห่างไกลแร้นแค้นเช่นนี้ เป็นเพราะว่า คำทำนายของผู้อาวุโสเฉียนจิที่มีต่ออาการป่วยของหวงเอ๋อว่า อาการของนางจะมีโอกาสหายได้หากเดินทางมายังอาณาจักรตะวันออกนี้เท่านั้น... และยามนี้อาวุโสชุนล้วนไม่เห็นความหวังใด ๆ นอกจากเจี้ยงเฉินผู้นี้เท่านั้น
ถึงแม้ความหวังนั้นจะเล็กน้อยเพียงใด อาวุโสชุนย่อมคว้ามันเอาไว้
หลังจากที่ไม่นานมานี้ ตัวตนธรรมดาที่ไร้ค่าใด ๆ ให้กล่าวถึง อย่างบุตรชายขุนนางที่ตายเพราะผายลมผู้หนึ่ง กลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาและกระทำการสะท้านขวัญผู้คนมากมาย เรื่องไม่ธรรมดาล้วนวนเวียนอยู่รอบตัวมันทั้งสิ้น
ในช่วงหลายปีมานี้ที่อาวุโสชุนใช้ชีวิตอยู่ภายในอาณาจักรตะวันออกแห่งนี้ ทุกเรื่องราวย่อมผ่านตาของเขามาหมด แต่เรื่องเดียวที่ทำให้เขารู้สึกสนใจมีเพียงเรื่องของเจี้ยงเฉินผู้นี้เท่านั้น สิ่งที่เขากระทำล้วนแล้วแต่ท้าทายสวรรค์ทั้งสิ้น
ยังมีใครอื่นที่อยู่เหนือกว่าเขาอีกบ้าง?
หลงยู่ซื่อ? สายเลือดฟินิกส์เหมันต์?
ในสายตาของอาวุโสชุนนั้น สายเลือดเพียงระดับนี้และนิกายระดับนิกายตะวันม่วงนั้นล้วนไร้ราคาจะกล่าวถึง สำหรับมันนิกายระดับนี้ไม่ได้มีความหมายใด ๆ ทั้งนั้น เพียงเยื้องย่าง 1 ก้าวล้วนพินาศสิ้น
หากวันนั้นอาวุโสชุนไม่สนใจต่อหน้าตาและฐานะตัวเอง เพียงแค่กระดิกปลายนิ้ว ฉูชิงหานไม่แคล้วต้องสลายกลายเป็นฝุ่น ตกตายลงลงอย่างไร้หนทางต่อต้านที่หุบเขาบรรจบไปแล้ว
แต่เขาไม่ได้กระทำเช่นนั้นเพราะไม่อยากลดมือลงไปทำกระไรกับเด็กน้อย นอกจากนี้เขาไม่อยากช่วยเหลือเจี้ยงเฉินมากเกินไป เพราะจะทำให้เจี้ยงเฉินรู้สึกว่ามีผู้ที่คอยช่วยเหลืออุปถัมภ์เขาอยู่ด้านหลัง นั่นจะเป็นการลดทอนหนทางก้าวหน้าของเขา
เขาอยากจะจับตาดูพัฒนาการของเจี้ยงเฉิน เขาอยากรู้ว่าตัวเจี้ยงเฉินนั้นจะก้าวหน้าไปได้แค่ไหน และมีขั้นตอนการเติบโตที่น่าประทับใจถึงเพียงใด
หากเขาเป็นบุคคลที่มีแววและมีแนวโน้มจะเป็นบุคคลในคำทำนายจริง อาวุโสชุนล้วนไม่เสียใจที่คอยเฝ้าติดตามเขา แต่หากเขาเป็นเพียงหยาดน้ำค้างที่ส่องประกายเพียงแค่เวลาสั้น ๆ อาวุโสชุนก็ไม่ได้คิดอะไรมากและพร้อมถอนตัวตลอดเวลา เขาไม่ได้สนใจที่จะทำอะไรที่ข้องเกี่ยวกับความเป็นตายของเจี้ยงเฉินมากไปกว่านี้
นี่คือความคิดจากส่วนลึกของอาวุโสชุน
เขาจะไม่มีวันยอมแพ้ถึงจะรู้ว่ามีเพียงเศษเสี้ยวของความหวัง แต่หากเขารู้ว่าความหวังนี้เป็นไปไม่ได้และไร้สิ้นหนทางเขาพร้อมที่จะเขี่ยมันทิ้งอย่างไม่แยแสทันที มันคงไม่เสียเวลาอะไรมากมายนัก
ยามนี้นอกเหนือจากเรื่องราวของเจี้ยงเฉินแล้วทุกสิ่งในอาณาจักรตะวันออกแห่งนี้ล้วนไม่มีค่าให้อาวุโสชุนเหลียวมอง
และ..หากนี่ไม่ใช่เพราะอาการป่วยของหวงเอ๋อแล้วล่ะก็ ต่อให้เวลาผ่านไปอีกแสนปี อาวุโสชุนก็ไม่คิดจะมาเหยียบแดนดินถิ่นทุรกันดารบ้านนอกเช่นนี้อย่างแน่นอน