spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
"นายน้อยเจ้าคะ คนของผู้อาวุโสรองจากตระกูลต้วนได้มาสืบหาที่อยู่ของท่านจากผู้ดูแลร้านค้า ทว่าเนื่องจากร้านค้านี้เป็นของตระกูลราชวงศ์จึงไม่อาจละเมิดกฎ โดยการขายความลับลูกค้าออกไปได้ ...แต่จะอย่าไรอาวุโสรองก็เป็นผู้ที่มีอิทธิพลมากพอสมควร เช่นนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นก่อนที่พวกเขาจะพบที่อยู่นี้ " ชิ่งหรูกล่าวออกมาจนจบ นางไม่พักหายใจแม้แต่น้อย ใบหน้าของนางฉายชัดออกมาถึงความกังวลตั้งแต่เริ่ม แม้กระทั่งกล่าวจบแล้วก็ยังคงกังวลอยู่
ประกายตาของต้วนหลิงเทียนเรืองวูบออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาต่อว่า "เจ้าคงไม่ได้คิดมาที่นี่ เพียงเพื่อแจ้งข่าวนี้แก่ข้าหรอกนะ"
ใบหน้าของชิ่งหรูแดงขึ้นเล็กน้อย “ข้าคงต้องมาขอหลบภัยที่บ้านนายน้อยแล้วล่ะเจ้าค่ะ ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าผู้อาวุโสรองของตระกูลต้วนจะลงมือเองเช่นนี้ ถ้าข้ายังทำงานอยู่ที่ร้านนั่น เกรงว่าไม่นานพวกเขาต้องจับข้าไปอย่างแน่นอน เช่นนั้นข้ารีบออกมาที่นี่เสียเลยจะดีกว่า”
ต้วนหลิงเทียนถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาไม่คิดเลยสุดท้ายคนที่ทำให้ความปรารถนาเขาเป็นจริงจะเป็นผู้อาวุโสรองของตระกูลต้วน ที่นับว่าเป็นศัตรูกับเขาแล้วตอนนี้
ใบหน้าของชิ่งหรูพลันเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาอย่างกังวล "นายน้อย ตอนนี้ท่านคงไม่ได้เสียใจอยู่ใช่หรือไม่?"
ต้วนหลิงเทียนไม่รู้ว่า อยู่ดีๆชิ่งหรูเกิดเข้าใจผิดแบบนี้ขึ้นมาได้อย่างไร เขาจึงกล่าวออกมาอย่างปลอดโปร่งว่า "เฮ่ๆ เจ้าคิดอะไรของเจ้ากันเล่า? ข้าต้วนหลิงเทียนผู้นี้ไม่เคยกลับคำพูดแม้เพียงครั้ง" เขากล่าวอธิบายออกไปพร้อมรอยยิ้ม
ต้วน หลิง เทียน?
คิ้วที่สวยงามของชิ่งหรูขมวดเป็นปม "นายน้อย..ท่าน ... ท่านเป็นสาวกคนหนึ่งของตระกูลต้วนใช่หรือไม่? ข้าเคยได้ยินมาก่อนว่า หากเป็นรุ่นเยาว์ของสายเลือดหลักตระกูลต้วน ล้วนถูกตั้งให้มีชื่อกลางว่า หลิง "
"ข้ายอมรับว่าข้าเคยเป็น แต่ตอนนี้ข้าไม่ได้เป็นแล้ว" ต้วนหลิงเทียนเพียงกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส เพราะตอนนี้เขาไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลต้วนแม้แต่นิดเดียว
ต่อให้บิดาที่อายุสั้นของเขายังไม่ตายจริงแล้วกลับมา เขาก็ไม่คิดที่จะหวนคืนตระกูลต้วน นั่นเพราะตระกูลบัดซบนั่นมันเลือดเย็นและไร้น้ำใจถึงขนาด ไม่แยแสชีวิตสตรีอ่อนแอกับทารกที่ยังไม่ลืมตาดูโลกแม้แต่น้อย! พวกมันกล้าบีบคั้นมารดาเขาจนต้องระเห็จออกมา ใช้ชีวิตอย่างลำบาก!...
ชั่วชีวิตนี้เขาไม่มีวันลืม ความเมตตาสารเลว ครั้งนี้ของตระกูลต้วนเป็นแน่ พวกมันต้องรู้สึก!
ชิ่งหรูเองก็เป็นสตรีที่มีหัวคิด เมื่อนางเห็นอาการและท่าทางของต้วนหลิงเทียนที่ดูจะมีความจำเป็นบางอย่าง นางก็ไม่คิดซักไซ้ไล่เรียงอะไรในเรื่องนี้อีกต่อไป
ไม่นานหลังจากนั้นท่าทางของหลิงเทียนก็เริ่มสงบลง เขาหยิบตั๋วเงินออกมาปึกหนึ่งก่อนที่จะยื่นมันให้แก่ ชิ่งหรู "ชิ่งหรูเช่นนั้นต่อจากนี้ไป เจ้านับว่าเป็นผู้จัดการบ้านข้าแล้ว เจ้านำเงินจำนวนนี้ไปจ้างสตรีที่มารยาทดีและขยันขันแข็งและซื่อสัตย์มาจำนวนหนึ่ง... อืมม แล้วก็จัดการหาคนครัวมาด้วยสองคน และเงินที่ข้าให้ไปนี่ก็คิดซะว่าเป็นเงินเดือนของพวกเขา จ่ายราคาให้พวกเขามากกว่าที่ได้รับจากตระกูลใหญ่ 2 เท่าไปเลย "
"เจ้าค่ะนายน้อย" ชิ่งหรูรับเงินมาและพยักหน้า "ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย และไม่ให้นายน้อยผิดหวัง วางใจได้เลยเจ้าค่ะ"
"ฮ่าๆ ถ้าข้าไม่วางใจในตัวเจ้าข้าคงไม่คิดนำเจ้ามาเป็นผู้จัดการบ้านข้าหรอก" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาพร้อมหัวเราะ หลังจากนั้นเขาก็ส่ายหัวออกมาเล็กน้อย ที่เขาเลือกชิ่งหรูนี่เพราะชื่นชมในการกระทำของนางล้วนๆ
"นอกจากนี้ในอนาคตเจ้าเองก็ต้องมาอยู่ที่อาคารหลักอีกด้วย ห้องพักเรามี 7 ห้อง หากนับรวมฉงเฉียนแล้วพวกข้าใช้ไปเพียง 5 ห้องเท่านั้น เช่นนั้นจึงมีอีกสองห้องที่ว่าง เจ้าก็เลือกเอาไปเสียห้องหนึ่ง" ต้วนหลิงเทียนกล่าวต่อออกมา
"ขอบคุณเจ้าค่ะนายน้อย" ชิ่งหรูแสดงความตื่นเต้นออกมา และในใจของนางก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน นายน้อยอนุญาตให้นางพักที่อาคารหลัก นั่นย่อมหมายความว่าไม่ได้เห็นนางเป็นคนนอก
"ตัวเลวร้าย นางเป็นใครกัน?" กลิ่นหอมกลิ่นหนึ่งโชยเข้ามาในจมูกเขา ก่อนที่น้ำเสียงเจื้อยแจ้วแฝงความหึงหวงจะดังขึ้น ก่อนที่ร่างงดงามเย้ายวนหนึ่งพลันเดินมาหยุดเคียงข้างเขาแล้วกอดแขนเขาเอาไว้ ราวกับว่านางปีศาจน้อยผู้นี้กำลังประกาศให้โลกรู้ว่า เขา ต้วนหลิงเทียน เป็น ของ นาง ! ... สายตาของนางที่ใช้จับจ้องชิ่งหรูเต็มไปด้วยความสงสัยและได้ทำการตรวจสอบชิ่งหรูอย่างละเอียดตั้งแต่หัวจรดเท้า
"นี่เป็นผู้จัดการ ที่คอยดูแลเรื่องราวในบ้านที่ข้าติดต่อมา นามว่าชิ่งหรู แล้วก็ชิ่งหรู นี่ภรรยาข้าลี่เฟย" ต้วนหลิงเทียนกล่าวแนะนำสตรีทั้ง 2 ให้รู้จักกัน
"ผู้จัดการหรือ?" ความระแวดระวังและหึงหวงเริ่มจางหายไปจากใบหน้าของลี่เฟย ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเป็นกันเอง "พี่สาวชิ่งหรู ข้าลี่เฟยยินดีที่ได้พบท่าน"
ชิ่งหรูรู้สึกดีใจกับการที่ถูกอย่างให้เกียรติว่าพี่สาว นางรีบกล่าวตอบออกไปว่า "นายหญิงน้อยท่านเพียงเรียกข้าว่า ชิ่งหรู ก็พอ"
ลี่เฟยฮึดฮัดเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำกล่าวของชิ่งหรูที่เรียกนางว่า นายหญิงน้อย นางรีบเดินไปจูงมือชิ่งหรูแล้วพาเข้าไปในบ้านทันที "พี่สาวชิ่งหรูตามข้ามาเร็ว ข้าจะพาท่านไปรู้จักกับน้องหญิงเค่อเอ๋อ กับท่านป้าลี่หลัว... "
รอยยิ้มอ่อนโยนเริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลิงเทียน เมื่อเห็นว่าท่าทางทั้ง 3 สาวจะเข้ากันได้กับชิ่งหรู ดูเหมือนไม่นานพวกนางใช้เวลาไม่นานก็สนิทสนมกันแล้ว
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
แต่ทันใดนั้นเอง กลับมีร่างเงาเล็กๆ 2 ร่างพุ่งมาราวกับเส้นสายอัสนีบาต วูบวาบมาทางด้านหลิงเทียนอย่างรวดเร็ว ประกายแสงวูบไหวจากความเร็วในการเคลื่อนที่บังเกิดขึ้นมาอย่างน่าหวาดหวั่น
“นายท่าน!! ระวัง!!” ท่าทางของฉงเฉวียนแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดอย่างถึงขีดสุด มันใช้ออกด้วยวิชาท่าร่างโลกสวรรค์ผันแปร...ดั่งลัดฟ้าย่นย่อพสุธาอย่างไรอย่างนั้น มันโผล่ร่างมายืนบังด้านหน้าของต้วนหลิงเทียนในเสี้ยวพริบตา
ครืนน!
และเมื่อมาถึงฉงเฉวียนก็หาได้รีรออะไร มันรีบชักดาบ 3 ฉื่อออกมา พร้อมเร่งเร้าพลังงานต้นกำเนิดออกมาทั้งหมดทันที จนเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ จำนวน 500 ตัวฉายชัดขึ้นเหนือหัวของมัน ก่อนที่จะเร่งร้นตวัดดาบฟาดฟันไปยังเงาอัสนี 2 สายด้วยความรวดเร็วทั้งหมดที่สามารถบรรลุถึง หมายสยบเงาอัสนีสองสายนี้ลงให้จงได้
ทว่าแม้แต่ดาบของฉงเฉวียนที่รวดเร็วปานเส้นแสง ก็ไม่อาจสกัดกั้น อัสนีสองสายนี้เอาไว้ได้ พวกมันรวดเร็วเกินไป!
เงาทั้งสองกระพริบหลบดาบและพุ่งผ่านร่างเขา ไปหาต้วนหลิงเทียน ...
"นายท่าน!" ท่าทางของฉงเฉวียนแปรเปลี่ยนเป็นปั้นยาก เหงื่อกาฬของมันหลั่งไหลออกมา หากนายท่านตายตัวมันย่อมตกตายไปด้วย ไร้หนทางรอด!
"เฮ่ ฉงเฉวียนใจเย็น เก็บดาบเจ้าเถิด ไม่เป็นอะไร " คำกล่าวของต้วนหลิงเทียนนั้นผ่อนคลายจิตใจที่ใกล้พังทลายลงเพราะความตึงเครียดของฉงเฉวียนเอาไว้ และเมื่อเขารู้สึกตัว เขาก็เห็นอะไรบางอย่างขนาดเล็กที่รัดพันแขนทั้งสองข้างของต้วนหลิงเทียนเอาไว้ ...
"เสี่ยวเฮย , เสี่ยวไป๋ ในที่สุดเจ้า 2 ตัวก็ตื่นได้สักที" ต้วนหลิงเทียนเริ่มเล่นกับอสรพิษน้อยทั้ง 2 ตัวทันที และเขายังสังเกตได้ว่า หลังจากผ่านไปครึ่งปีกว่าๆที่พวกมันเอาแต่นอนหลับ พวกมันนับว่าได้เปลี่ยนแปลงไปครั้งมโหฬาร ไม่เพียงแต่เขาน้อยบนศีรษะพวกมันจะปรากฏออกมาอย่างเด่นชัด แม้แต่ลวดลายบนลำตัวของพวกมันก็เด่นขึ้นมาทั้งยังมีประกายแสงเรืองวูบออกมาอย่างน่าครั่นคร้าม
"ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าพวกเจ้า 2 ตัวแสบจะว่องไวมากขึ้นถึงเพียงนี้ พวกเจ้าทั้ง 2 นี่นับว่าคาดเดาไม่ได้เสียจริงๆ?" ต้วนหลิงเทียนช่วยไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา หลังจากที่เขาใช้พลังงานต้นกำเนิดแผ่พุ่งเข้าไปตรวจสอบสภาพร่างกายของอสรพิษน้อยทั้ง 2 เขาก็ต้องตกตะลึง... ตอนนี้แกนสัตว์อสูรของงูเหลือมหิมะเหมันต์นิรันดร์ที่ถูกพวกมันทั้งสองแบ่งกันกินไป ได้ย่อยสลายหลอมรวมกับพวกมันเสร็จสิ้นแล้ว!!
มันก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่ยามนี้ความเร็วของพวกมันจะเหนือล้ำไปกว่างูเหลือมหิมะเหมันต์นิรันดร์ไปไกลโขเช่นนี้! แม้กระทั่งฉงเฉวียนเองที่ถืออาวุธวิญญาณระดับ 7 และใช้ออกด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมดยังไม่อาจตามการเคลื่อนไหวของพวกมันได้
แต่ก็นับว่าโชคดีไม่เกิดเรื่องราวอะไรร้ายแรงขึ้นมา เมื่อครู่ ต้วนหลิงเทียนเองก็อดที่จะตกใจและกลัวขึ้นมาไม่ได้ นี่เพราะเขาเองก็ลืมที่จะบอกฉงเฉวียนให้รับรู้ถึงการดำรงอยู่ของอสรพิษน้อยทั้ง 2 ไป และโชคยังดีที่อสรพิษน้อยเองก็ไม่ได้จู่โจมทำร้ายฉงเฉวียน
ฟ่อๆ *
อสรพิษน้อยทั้งสองเลื้อยเล่นไปตามแขนของหลิงเทียนก่อนที่จะแลบลิ้นน้อยๆออกมาเลียแก้มหลิงเทียน อย่างเอาใจ
เมื่อเห็นภาพตรงหน้าฉงเฉียนที่ยังคงสับสนและตกตะลึงก็กล่าวถามออกมาด้วยความเหลือเชื่อ "นายท่าน อสรพิษ 2 ตัวนี้ เป็นสัตว์อสูรที่ท่านเลี้ยงเอาไว้เช่นนั้นหรือ?"
"ประมาณนั้นล่ะ" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
ตอนนี้ภาพก่อนหน้ายังคงติดตาเขาไม่จางหาย ช่วงเวลาที่อสรพิษน้อยทั้ง 2 พุ่งหลบคมดาบของเขาไป เขาสามารถเห็นได้ลางๆว่า บังเกิดเงาช้างแมมมอธโบราณขึ้นมารวมกันมากกว่า 1,000 ตัวในเสี้ยวพริบตาก่อนที่จะจางหายไป ซ้ำมันยังเร็วมากจนเขาเองก็เห็นได้เพียงภาพลางๆเท่านั้น ...
"เอาล่ะ เสี่ยวเฮย ไหนเจ้าลองแสดงให้ข้าดูว่ายามนี้พวกเจ้าแข็งแกร่งถึงเพียงไหนแล้ว" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังอสรพิษสีดำตัวน้อยที่ส่ายหัวไปมาอย่างน่ารัก เขากล่าวกับมันพร้อมลูบเขาเล็กไปด้วย
อสรพิษน้อยสีดำ ดูเหมือนจะเข้าใจคำกล่าวของหลิงเทียนมันพลันเลื้อยออกจากแขนและพุ่งตัวไปยังบริเวณลานกว้างทันที จากนั้นมันก็วิ่งเล่นไปมาก่อนที่จะใต้ต้นไม้ขึ้นลงอย่างสนุกสนาน และนั่นทำให้ประกายตาของหลิงเทียนเรืองวูบขึ้นมา...
เพราะคราวนี้ต้วนหลิงเทียนเห็นได้อย่างชัดเจน!
ครืนนน!
ตอนนี้เสี่ยวไป๋เองก็พุ่งออกไปเล่นด้วย และเมื่อมันพุ่งตัวเต็มกำลัง พลังงานสวรรค์ก็ตอบรับความแข็งแกร่งของมันเช่นกัน
"อึก ... 600 ช้างแมมมอธโบราณ... " ต้วนหลิงเทียนถึงกับต้องกลืนน้ำลายออกมา พร้อมกล่าวออกมาอย่างตกตะลึง ...ไม่คาดคิดเลยว่าเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ที่ตัวเล็กถึงเพียงนี้ จะมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 4 นี่ก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเพราะเหตุใดพวกมันถึงสามารถหลบการจู่โจมของฉงเฉวียนที่ทุ่มออกไปอย่างสุดกำลังได้ง่ายดายนัก!
ตอนนี้ฉงเฉวียนมีระดับบ่มเพาะอยู่ที่ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 3 เท่านั้น ทำให้ความแข็งแกร่งสูงสุดของเขายามไร้อาวุธวิญญาณส่งเสริมจะมีเพียงแค่ 400 ช้างแมมมอธโบราณ และหากเขาใช้อาวุธวิญญาณ ที่เป็นอาวุธวิญญาณระดับ 7 ที่ดีที่สุด เขาก็สามารถบรรลุได้เพียงความแข็งแกร่งระดับ 520 ช้างแมมมอธโบราณเท่านั้น ซึ่งค่อนข้างแตกต่างกับอสรพิษตัวน้อยทั้ง 2 ไม่เบา
"ข้าไม่เคยคิดหวังมาก่อนเลยว่า เจ้าตัวน้อย 2 ตัวจะเปลี่ยนแปลงไปได้มากมายถึงขนาดนี้ หลังจากที่ดูดซับแก่นสัตว์อสูรของงูเหลือมหิมะเหมันต์นิรันดร์เท่านั้น ...เหลือเชื่อจริงๆ!" ต้องใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่กว่าที่หลิงเทียนจะเริ่มสงบใจลงได้ และคำถามมากมายก็บังเกิดขึ้นในใจของเขา
จากความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด 2 ชาติภพ ที่พบเจอการดูดซับแก่นสัตว์อสูรของสัตว์ดุร้ายและสัตว์อสูรมามากมาย ผลของการดูดซับแก่นสัตว์อสูรงูเหลือมหิมะเหมันต์นิรันดร์ของอสรพิษน้อยทั้งสองตัวไม่ควรมีผลลัพธ์มากมายถึงเพียงนี้ บางทีอาจจะมีความลับหรือสายเลือดอะไรบางอย่างที่แฝงเร้นอยู่ในแก่นสัตว์อสูรของงูเหลือมหิมะเหมันต์นิรันดร์ก็เป็นได้
แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้มาคิดได้ก็สายไปแล้ว เพราะเขาไม่มีวันตรวจสอบได้อีก ก็เจ้าตัวน้อยทั้งสองตัวดันดูดซับแก่นสัตว์อสูรจนหมดสิ้นและย่อยสลายมันเป็นพลังของพวกมันเองไปแล้ว
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ช่าง เพราะการพัฒนาร่างของอสรพิษน้อยสองตัว ที่ทำให้บังเกิดความแข็งแกร่งสูงขึ้น ก็ยิ่งทำให้หลิงเทียนรู้สึกดีใจ เพราะนั่นหมายความว่าเขายังมีผู้ช่วยเหลือทรงพลังที่แข็งแกร่งอยู่ข้างๆเขาอีก 2 ตัว และตอนนี้นับได้ว่ามันแข็งแกร่งกว่าฉงเฉวียนเสียอีก
อสรพิษน้อยทั้ง 2 นั้นสามารถเข้าใจคำสั่งของต้วนหลิงเทียนได้เป็นอย่างดีเพราะพวกมันผูกพันกับเขาด้วยหัวใจ เพียงแคการสั่งการง่ายๆเล็กน้อย อสรพิษน้อยทั้ง 2 นี้ก็เปรียบได้ดั่งดาบแหลมคม 2 เล่ม...ที่พร้อมพุ่งทะลวงทรวงอกของศัตรูให้ชีวาวาย!
หลิงเทียนโบกมือเล็กน้อย อสรพิษทั้ง 2 ก็รีบพุ่งมารัดพันที่แขนของเขาเอาไว้
ดวงตาของฉงเฉวียนกระพริบวูบไหวฉายแววหวาดกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด อย่าว่าแต่อสรพิษน้อย 2 ตัวเลย ขอเพียงมีตัวหนึ่งคิดทำร้ายเขาขึ้นมาเมื่อครู่ล่ะก็ ตัวเขาในปัจจุบันได้แต่ยินยอมรับความตายอย่างไม่อาจขัดขืนได้! ต่อให้เขาจะใช้อาวุธวิญญาณระดับ 7 ที่สมบูรณ์ที่สุด ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์อะไรได้
(อาวุธวิญญาณระดับ 7 ถ้าผู้หลอมศาสตราฝีมือสุดยอด จะทำให้เพิ่มพลังได้ 30% แต่ส่วนมาก จะไม่ค่อยถึง ของฉงเฉวียน เพิ่มจาก 400 เป็น 500 ก็ถือว่าเพิ่มแค่ 25% เท่านั้น )
ต้วนหลิงเทียนเองก็ได้สังเกตท่าทางของฉงเฉวียนอยู่ตั้งแต่แรก และเขาก็รู้สึกว่าเรื่องราวเป็นเช่นนี้ก็ดีไม่น้อย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นอกจากฉงเฉวียจะต้องกังวลกับพิษร้ายที่เขาใช้แล้ว ฉงเฉวียนยังต้องคอยกังวลอสรพิษน้อยที่พร้อมปลิดปลงชีวิตของมันตามคำสั่งเขาได้ตลอดเวลา และเขารู้ดีว่าฉงเฉวียนหาใช่คนโง่งม มันย่อมรู้ดีว่าควรทำตัวเยี่ยงไร
ยามค่ำคืนมาเยือน
เนื่องจากตอนนี้ยังไม่อาจจ้างวานคนครัวมาได้ ชิ่งหรู จึงต้องลงมือเข้าครัวทำอาหารออกมาด้วยตัวเอง และรสชาติอาหารก็ช่างทำให้ต้วนหลิงเทียนและครอบครัวของเขากล่าวสรรเสริญนางอย่างไม่ขาดปาก
"พี่สาวชิ่งหรู ข้าไม่คิดเลยว่าฝีมือการทำอาหารของท่านจะยอดเยี่ยมราวกับพ่อครัวระดับสูงถึงเพียงนี้ เจ้าค่ะ" เค่อเอ๋อกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มนุ่มนวล
"นายหญิงน้อยเจ้ากล่าวชมข้าเกินไปแล้ว ฝีมือข้าจะไปเทียบพ่อครัวระดับสูงได้อย่างไร?" ชิ่งหรูส่ายหน้าเบาๆ
"พี่สาวชิ่งหรู เรียกข้าเค่อเอ๋อก็พอเจ้าค่ะ” เค่อเอ๋อที่ถูกเรียกว่านายหญิงน้อยรู้สึกเขินอายและตะขิดตะขวงใจไม่น้อย
หลังจากที่รับประทานอาหารค่ำเสร็จ ลี่เฟย ลี่หลัว และเค่อเอ๋อก็แยกย้ายกลับห้อง ส่วนต้วนหลิงเทียนนั้นยังนั่งอยู่ในโต๊ะ ด้านฉงเฉวียนเองก็ยืนอยู่ด้านหลังเขาคอยคุ้มกันเอาไว้
"ชิ่งหรู" ต้วนหลิงเทียนกล่าวเรียกชิ่งหรูที่พึ่งเดินออกจากห้องครัว
"นายน้อยท่านต้องการอะไรหรือ?" ชิ่งหรูมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยความสงสัย
"ชิ่งหรูวันนี้ตอนที่เจ้ากล่าวถึงผู้อาวุโสรองของตระกูลต้วน ดูเหมือนเจ้าจะหวาดกลัวมันมาก จากที่ข้ารู้มา ไม่ใช่ว่าผู้อาวุโสรองคนนั้นถูกทำลายจุดตันเถียนจนไม่สามารถบ่มเพาะพลังได้ กลับกลายเป็นคนพิการไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาไม่ใช่หรือไร?" นี่เป็นเรื่องที่ติดอยู่ในหัวต้วนหลิงเทียน และเขาเองก็สงสัยมันมากกว่าจะปล่อยผ่านไปได้
แม่ของเขาเคยเล่ามาว่าพ่อของต้วนหลิงซิ่งหรือผู้อาวุโสรอง ได้ถูกบิดาอายุสั้นของเขาทำลายจุดตันเถียนอย่างไม่ได้ตั้งใจ จนต้องกลับกลายเป็นคนพิการมาตลอด เช่นนั้นก็หมายความว่ามันเองก็ไม่ต่างอะไรไปกับคนธรรมดาที่มีระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 เท่านั้นเพราะไร้พลังงานต้นกำเนิด แล้วเหตุใดชิ่งหรูถึงกับต้องหน้าซีดด้วยความหวาดกลัวถึงเพียงนั้นยามได้ยินนามของเขากัน?
“นายน้อยดูเหมือนว่าท่านจะไม่ทราบเรื่องนี้ จริงอยู่ที่ว่าผู้อาวุโสรองตระกูลต้วนคนนั้นจะถูกทำลายจุดตันเถียนไปจนไม่ต่างอะไรไปกับคนธรรมดา และมีความแข็งแกร่งเพียงระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 แต่ทว่าฝีมือด้านการค้าของเขายอดเยี่ยมนัก ธุรกิจและการค้าส่วนใหญ่ของตระกูลต้วน ที่เจริญรุ่งเรืองมาจนมีความมั่งคั่งมหาศาลถึงเพียงนี้ได้ในระยะเวลาอันสั้น ล้วนเป็นเพราะความสามารถของเขาทั้งสิ้น นั่นทำให้ถึงแม้เขาจะสูญเสียระดับบ่มเพาะไป แต่ทว่าในตระกูลต้วนแล้ว นอกจากประมุขตระกูลและผู้อาวุโสไม่กี่คนแล้ว เขาหาได้มีอำนาจน้อยไปกว่าใครไม่ เจ้าค่ะ” ทันทีที่ชิ่งหรูได้ยินคำถามของหลิงเทียน นางพลันล่วงรู้ได้ทันทีว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้ล่วงรู้ความเป็นไปอะไรของตระกูลต้วนเลย ...
นางเริ่มบังเกิดความสงสัยขึ้นในใจว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่บางทีนายน้อยของนาง ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ อาจจะเป็นทายาทสายหลักของตระกูลต้วน ที่ถูกทอดทิ้งไว้นอกตระกูล?