spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
อาวุโสหนิงที่ได้นั่งลงและหลับตาไม่คิดจะกล่าวคำอะไรอีกต่อไป กลับต้องบันดาลโทสะเดือดดาลออกมาอีกครั้งหลังจากได้ยินวาจาของหวังลี่
อาวุโสหนิงจ้องตาเขม็งก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า "เฮอะ วาจาปลุกเร้าอันใด ข้าเพียงกล่าวตามความสัตย์จริงเท่านั้น "
หวังลี่กล่าวออกมาเสียงดังฟังชัดอีกครั้ง "ตระกูลหลงสั่งสมกำลังพลและมีอิทธิพลเหนือล้ำจนคุกคามเจ้านายของเขา หากแต่หอโอสถเรามุ่งหวังเพียงการค้า หาได้ต้องการเพิ่มพูนอำนาจอิทธิพลอันใดไม่ แล้วมันจะไปละม้ายคล้ายกับตระกูลหลงได้อย่างไร? "
"ฮ่าฮ่า ... " อาวุโสหนิงหัวเราะออกมาดังลั่น "นั่นต้องหมายถึงกรณีที่ตระกูลตงฟางและราชวงศ์ตะวันออกเชื่อถือคำพูดของพวกเจ้า!! มันหาใช่เรื่องยากไม่ที่เจ้าจะเกลี้ยกล่อมข้าหรือคนอื่นให้เห็นชอบกับแนวทางของเจ้า เพราะจะอย่างไรพวกเราก็เป็นคนของหอโอสถ... แต่เจ้าคิดเหรอว่า ทางราชวงศ์นั้นจะเข้าใจหรือเห็นชอบเช่นเดียวกันโดยง่าย เจ้าฝันไกลไปแล้ว "
คำกล่าวของอาวุโสหนิงนั้นเป็นจริงอย่างไม่มีผิดเพี้ยน เพราะหลังจากเกิดเหตุการณ์ดั่งเช่นตระกูลหลงก่อกบฏแล้ว ตอนนี้ทางราชวงศ์ไม่ต่างอะไรกับปักษาหวาดเกาทัณฑ์ พวกเขาไม่มีทางยินยอมให้มีขุมอำนาจใดดั่งตระกูลหลงโผล่ออกมาอีกครั้งแน่
"เหอะ หอโอสถเรามีชื่อเสียงและสร้างคุณงามความดีมาโดยตลอด ทางราชวงศ์จักคิดเช่นเจ้ากล่าวได้อย่างไร?" หวังลี่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"ชื่อเสียงของพวกเราย่อมดี และนั่นมาจากการที่พวกเราไม่ขยับขยายอิทธิพลหรือแทรกแซงอำนาจราชวงศ์ใด ๆ รวมทั้งก่อตั้งสาขาอื่น ๆ ใดให้กว้างไกล...นี่เป็นเพราะบรรพบุรุษของหอโอสถเรารู้ว่าสิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควร ยามใดควรรุกยามใดควรรับ บรรพบุรุษพวกเราหาใช่คนตาบอดหน้ามืดตามัวไม่ ที่จะขยายกิจการมั่วซั่ว หากเราขยายกิจการออกไปมากมาย จะรู้ได้อย่างไรว่าวันใดพวกเราจะไม่มีกลุ่มคนที่กระทำผิดพลาดเพราะความโลภโผล่ออกมา... นอกจากนี้สายตาของผู้อื่นเล่า ? พวกเจ้าได้คิดหรือไม่ว่าเขาจักมองพวกเราที่แพร่กระจายกิ่งก้านสาขาออกมาขนาดนี้นั้น หวังเพียงเพื่อทำธุรกิจการค้าสิ่งเดียวหรือไม่? พวกเขาจะคิดว่าพวกเรากระทำการมุ่งหวังสิ่งใดอยู่หรือเปล่า? หากวันดีคืนดี พวกมันคิดไปว่า หากหอโอสถเราบังเกิดผู้นำหอที่คิดการณ์ใหญ่กระทำเรื่องราวที่ฝักใฝ่ในอำนาจเล่า เมื่อมีอำนาจมากมายเช่นนั้น เพียงบงการจากความมืดเดินหมากไม่กี่กระดานพวกเราก็ได้ชัยแล้ว..... เหอะ!! หากถึงวันนั้นจริง เกรงว่าคนอื่นจะมองว่าเรามีอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวเหนือกว่าตระกูลหลงครั้งนี้มากมายนัก "
“เหลวไหล นี่เป็นเพียงลมปากและสมมติฐานเพ้อเจ้อของเจ้าแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น เหอะ!! จิตใจคับแคบและมีความคิดสกปรกเช่นนี้! เจ้ายังกล้าเป็นผู้อาวุโสของหอโอสถแห่งนี้อีกหรือ?" หวังลี่โกรธหนักมาก
อาวุโสสิงชี่หลาน ได้ทีรีบกล่าวเสริมทันที "คนบางพวกนี้หนา..นิยมกระทำแต่เรื่องเลวร้ายนัก นายบ่าวเหมือนกันไม่มีผิด เหอะ ข้าคาดไว้แล้ว ชุดที่ตัดเย็บจากผ้าม้วนเดียวกัน มันจะไปต่างกันได้อย่างไร"
สิงชี่หลานหาพลาดที่จะกล่าววาจากระทบกระทั่งไปยังเฉียวไป่ชี่อีกครั้งไม่!
อาวุโสหนิงที่กำลังเต็มไปด้วยโทสะอดไม่ได้ที่จะฟาดฝ่ามือไปยังโต๊ะอย่างรุนแรง "ข้าทนกับเจ้ามามากพอแล้วสิงชี่หลาน... วันนี้ข้าไม่คิดจะทนกับพวกเจ้าอีกต่อไป ...เฮอะ ทั้งหมดเห็นได้ชัดว่าไม่พ้นสตรีงูพิษอัปลักษณ์นี่วางแผนการณ์ทั้งสิ้น เจ้าเป็นทาสนางหรือไร?! ส่วนเจ้านังงูพิษ เจ้าก็ดีแต่พ่นวาจาอุบาทว์ถากถางผู้อื่นไปทั่ว กลัวไม่มีผู้ใดมิรู้ว่าเจ้าเป็นนังงูพิษเช่นนั้นหรือ"
"บัดซบหนิงวู่หยู เจ้าหาได้ไว้หน้าข้าไม่! เจ้ามันก็แค่ขี้ข้าของเฉียวไป่ชี่ ที่เจ้ากล่าววาจาเวิ่นเว้อนั้น เป็นเพราะเจ้าอิจฉาผู้ดูแลหอลำดับที่ 4 ใช่หรือไม่? เจ้าอิจฉาที่เขาโดดเด่นขึ้นมาใช่หรือไม่? เจ้าอิจฉาที่เขาแย่งตำแหน่งนายของเจ้า! " อาวุโสสิงชี่หลานกล่าววาจาหยามหยันออกมารวดเดียวภายในไม่กี่อึดใจ
หนิงวู่หยู่พยักหน้าด้วยความเย็นชา "ดี ดีมาก หากเป็นเช่นนี้เรามาดูกันว่าจุดจบของพวกเจ้าจักเป็นเช่นไร เฮอะ หากให้อนาคตของหอโอสถตกอยู่ในน้ำมือของพวกเจ้างั้นเหรอ เพียงไม่ถึง 20 ปีหอโอสถแห่งนี้คงต้องถึงคราวจบสิ้นอย่างแน่แท้! อิจฉา? เหตุใดข้าต้องไปอิจฉากระทั่งผู้ที่โลกแคบดั่งกบในกะลาไร้สมองด้วย? เจ้าพูดถูกข้าเป็นสหายของเฉียวไป่ชี่ และข้าเป็นผู้สนับสนุนเขา แต่นี่หาใช่เพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวไม่ แต่นั่นเป็นเพราะข้าคิดว่าเขาเป็นบุคคลที่น่านับถือและมีความสามารถสูงส่งยิ่งนัก ซึ่งนับว่าแตกต่างกับเจ้าอย่างมาก อีนังงูพิษ! พวกเจ้ามันแค่สวะ ที่ดีแต่จับกลุ่มเล่นงานผู้คนที่พวกเจ้าไม่ชอบหรือขวางทางกลุ่มของเจ้า พวกเจ้ามันแค่กลุ่มเศษสวะที่ไม่ต่างอันใดกับสุนัขข้างถนนที่รวมฝูงกันแม้แต่น้อย ...เอาแค่วันนั้น หากผู้นำหอโอสถฟังวาจาผายลมของพวกเจ้า ป่านนี้พวกเราหัวหลุดจากบ่าตกตายมิต่างอันใดกับหมาข้างถนนไปแล้ว ตระกูลหลงที่พวกเจ้าคิดไปเลียแข้งเลียขาสุดท้ายจุดจบเป็นเช่นไร เหอะ! "
หนิงวู่หยู่กล่าวจบก็หันไปทางซ่งเทียนสิงก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างกระจ่างอีกครั้งว่า "เอาล่ะท่านผู้นำหอ คำถามข้อแรกข้าก็ตอบท่านโดยกระจ่างไปแล้ว และท่านก็คงได้ยินมันชัดแจ้งแล้ว ครานี้ข้าจะขอตอบคำถามข้อที่ 2 ให้ท่าน ฟังเดี๋ยวนี้ ...สำหรับคำถามข้อที่สองนั้น ข้อขอบอกไว้เลย ไม่ว่าหน้าไหนก็ตามที่นั่งอยู่ตอนนี้ หามีผู้ที่สามารถแทนที่เฉียวไป่ชี่สักคนไม่ หามีผู้ใดมีปัญญาปรุงโอสถทั้ง 3 ชนิดนั่นไม่ หามีผู้ไดสร้างกำไรได้เท่าเขาไม่! พวกมันก็ได้แต่นั่งหน้าระรื่นหารู้เรื่องราวอันใดไม่ มัวแต่ยินดีกับเรื่องที่จะนำพาไปสู่หายนะ พวกมันไม่แม้แต่จะรับรู้หายนะและวิกฤติกาลของหอโอสถสักเพียงนิด "
“วิกฤติอันใด? หนิงวู่หยู เลิกทำตัวราวกับคนขลาดเขลาและเห่าหอนเยี่ยงสุนัขได้แล้ว! หอโอสถเราจะมาจบสิ้นกับอีแค่เพราะว่าขาดเฉียวไป่ชี่หรือไร? " ผู้ดูแลหอโอสถ ลำดับที่ 2 โหย่วขุย กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงก้าวร้าว
อาวุโสสิงชี่หลานได้ทีกล่าวเสริมขึ้นมาอีกว่า "ดั่งคำกล่าวที่ว่า หากชื่นชมผู้ใดหาได้สนใจข้อบกพร่องนับ 10 ของมันไม่ ไม่มีผิดเพี้ยน เจ้านับว่าเป็นผู้ที่สนับสนุนเฉียวไป่ชี่อย่างไม่ลืมหูลืมตา ในเมื่อเจ้าให้ความสำคัญกับมันมากถึงเพียงนั้น ข้าขอถามสักคำ ในใจเจ้า ผู้นำหอโอสถนั้นมีค่าเทียบเท่าเฉียวไป่ชี่ได้หรือไม่เล่า!! "
ไม่ต้องมีผู้ใดบอกก็รู้ว่า วาจาของสตรีชราผู้นี้นับว่าจิกกัดผู้คนได้ถึงแก่น และจงใจหาเรื่องนัก
แต่จะอย่างไรก็ตาม คนระดับซ่งเทียนสิงที่เป็นผู้นำหอโอสถจะสนใจละครไร้สาระครั้งนี้ได้อย่างไร? เขากล่าวออกมาด้วยใบหน้าหมองคล้ำ "เลิกกล่าววาจาไร้สาระ แล้วมาหาหนทางแก้ปัญหาของปัญหาที่ 2 ที่อาวุโสหนิงกล่าวไว้จะดีกว่า "
หนิงวู่หยูยิ้มแล้วกล่าวออกมาอีกครั้ง "ผู้นำหอ ข้าน้อยหามีวาจาใดจะกล่าวอีกแล้ว ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าในที่นี้หรือทั้งเมืองแห่งนี้หามีผู้ใดมาแทนที่เฉียวไป่ชี่ได้ไม่ หลังจากข้ากล่าวคำนี้ออกไปราวกับไหล่ทั้งสองข้างของข้ามันเบาลง เพราะข้าได้ระบายความในใจออกไปแล้ว อีกอย่างหากให้ข้าพูดตามตรง ข้านั้นคิดจะลาออกจากหอโอสถแห่งนี้ในวันนี้อยู่แล้ว อนาคตของหอโอสถนี้หาได้มีอันใดเกี่ยวข้องกับข้าอีกต่อไป แต่จะอย่างไรหอโอสถนี้ก็เป็นสถานที่ ๆ ข้าได้เติบโตขึ้นมา คำพูดที่ข้ากล่าวนั้นหาใช่เพราะอคติส่วนตัวไม่ ล้วนแต่เป็นความสัตย์จริงจากการวิเคราะห์สถานการณ์ทั้งสิ้น สุดท้าย หอแห่งนี้ก็ได้แต่ฝากให้ผู้นำหอแล้ว และอีกอย่างบุคคลเช่นหวังลี่หาได้คู่ควรหรือมีคุณสมบัติเหมาะสมจะเป็นผู้นำหอโอสถไม่ รวมทั้งสตรีจิตใจคับแคบดั่งเช่นสิ่งชี่หลานนั้นก็มัวเมาแต่เสริมสร้างอำนาจสร้างแต่อิทธิพล บุคคลเช่นนี้หาได้คู่ควรกับตำแหน่งอาวุโสไม่ อนาคตของหอหากมีบุคคลเช่นนี้มากเท่าไร ยิ่งเสื่อมทรามลงเร็วขึ้นเท่านั้น "
แจ้งการลาออก ..ถอนตัวอีกคนแล้ว? อาวุโสอีกหนึ่งคนกำลังจะจากไป?
นอกเหนือจากฝ่ายของหวังลี่แล้ว ยังมีอีกหลายคนที่เป็นกลางหาได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด พวกเขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เมื่อได้ยินหนิงวู่หยูหล่าวว่าเขาเลือกที่จะถอนตัวจากไป
เหตุใดจึงมีคนถอนตัวออกไปทุกวันกัน ตอนนี้หอโอสถกำลังไปได้ด้วยดีไม่ใช่หรือ?
หรือว่าหอโอสถแห่งนี้มีอันใดผิดปกติกัน?
“ถอนตัว? เหอะ! ใยไม่กล่าวว่าไม่มีคุณสมบัติอยู่ในตำแหน่งอีกแล้วเล่า? " สิงชี่หลานกล่าวออกมาอย่างเยาะเย้ย "หากไร้เจ้านายเช่นเฉียวไป่ชี่สนับสนุน น้ำหน้าอย่างเจ้าจะยังมีที่ยืนในหอนี้อีกหรือไร? เจ้าต้องการหว่านเมล็ดพันธ์ความแคลงใจให้แก่ผู้อื่นก่อนจะไสหัวจากไปเช่นนั้นหรือ?
หยิงวู่หยูหัวเราะออกมาอย่างไร้ความกังวล เขาใช้ดวงตากระจ่างใสกวาดมองไปยังทุกผู้คนในห้องโถงประชุม ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงกระจ่าง "ทุกท่าน ข้า หนิงวู่หยูนั้นหาได้มีความในอันใดไม่ มันไร้สาระที่จะต่อปากต่อคำกับสตรีเพ้อเจ้อเช่นนี้ ข้าขอพูดเรื่องสุดท้ายก่อนจะไปก็แล้วกัน เมื่อไร้ซึ่งเฉียวไป่ชี่ โอสถทั้ง 3 ชนิดพวกเราก็หามีผู้ใดหลอมสร้างได้ไม่ คำสั่งซื้อที่มากมายพวกเราหาได้มีปัญญาตอบรับได้ไม่ พวกเราต้องรับผลลัพธ์ที่เลวร้ายสำหรับการยกเลิกการสั่งซื้อทั้งหมด แน่นอนเรื่องนี้ย่อมสร้างชื่อเสียงที่ไม่ดีให้แก่พวกเราอย่างมาก แต่ภายใต้วิกฤตเช่นนี้ยังมีกลุ่มคนไร้สมองที่คิดจะขยับขยายสาขา ...พวกท่านหาได้โง่งม คงรู้ได้ว่าผู้ใด เป็นปัญญาชน ผู้ใดเป็นคนพาล? "
แล้วหนิงวู่หยูก็เงียบลงไป เขาวางป้ายและสิ่งของแสดงฐานะทั้งหมด แล้วนั่งลงเงียบหลับตา โดยไม่ได้หันมามองผู้ใดอีกเลย
และวาจาทิ้งท้ายครั้งนี้ นับว่าเป็นระเบิดลูกใหญ่ที่สุดในใจของผู้นำหอเลยทีเดียว
"อะไร? เจ้าหมายถึงโอสถชะตากรรมแห่งสวรรค์, โอสถแห่งท้องทะเลลึก และผงพิชิตมาร ? ท่านผู้นำหอหาได้รู้สูตรปรุงโอสถเช่นนั้นรึ? "
“ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะเฉียวไป่ชี่ปรุง? เรื่องจริงหรือนี่ ...”
"เป็นไปไม่ได้? คำสั่งซื้อครานี้ล้วนมาจากผู้มีอิทธิพลและบุคคลสำคัญในอาณาจักรทั้งสิ้น พวกเรามิสามารถล่วงเกินพวกเขาได้ "
"ท่านผู้นำหอ นี่เป็นความจริงเช่นนั้นหรือ? นะ ... นี่ไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่? "
ซ่งเทียนสิงถอนหายใจออกมาเบา ๆ "นี่จึงเป็นสาเหตุที่ข้ากล่าวคำถามที่ 2 ออกมา เฉียวไป่ชี่นั้นรู้สูตรโอสถ แต่ทว่าข้าหาได้รู้มันไม่ "
ทุกคนในห้องล้วนตกตะลึงกันอย่างถึงที่สุด เฉียวไป่ชี่นั้นเป็นคนที่ผู้นำหอดูแลและเอาใจใส่เป็นอย่างดี
และเนื่องจากผู้รับผิดชอบในการปรุงยาทั้ง 3 ชนิดนี้คือเฉียวไป่ชี่ พวกมันจึงคิดว่าผู้นำหอโอสถย่อมรู้เห็นและรู้จักสูตรยา รวมทั้งช่วยหลอมสร้างด้วยเช่นเดียวกัน
นี่เป็นความคิดที่พวกมันรับรู้และเคยชินมาโดยตลอด
แต่ทว่าคำกล่าวของหนิงวู่หยูนั้นได้กล่าวถึงความจริง ที่สามารถดับฝันกลางวัน เหลวไหลของพวกมันอย่างแท้จริง
แม้แต่ผู้นำหอยังไม่ล่วงรู้ถึงสูตรโอสถทั้ง 3 ชนิด
ทุกผู้คนล้วนเป็นใบ้ ยามนี้พวกมันรู้สึกไม่ต่างอันใดจากถูกสายวิชชุจากสวรรค์ฟาดฟันลงกลางกระหม่อม
หัวข้อการขยายอิทธิพลและก่อตั้งสาขามากมาย ล้วนมีพื้นฐานสืบเนื่องมาจากประสิทธิภาพของโอสถทั้ง 3 ชนิดนี้ ถ้าหากไร้ซึ่งพวกมันแล้ว หอโอสถจะแตกต่างอันใดกับกาลก่อน? เช่นนั้นพวกมันจะเอารายได้และเม็ดเงินที่ไหนมาขยายกิจการ...
ตอนนี้พวกมันราวกับถูกตบหน้าอย่างจัง แม้แต่หวังลี่เองก็กระวนกระวายขึ้นมา
โหย่วขุยก็ร้อนรนจนต้องกล่าวถามออกมา "ท่านผู้นำหอ มิใช่พวกเราได้มีการลงนามทำสัญญากับขุนนางเจี้ยงหานถึงเรื่องนี้เอาไว้แล้วรึ? ตราบใดที่เรายังเป็นหุ้นส่วนกับนายน้อยตระกูลเจี้ยง... "
ซ่งเทียนสิงหัวเราะออกมาอย่างเจื่อน ๆ "ความร่วมมือกับนายน้อยเจี้ยงหรือ? นี่ตอบได้ง่ายนัก เจ้ามิเห็นหรือไรว่าตอนนี้ท่าทีของตระกูลเจี้ยงค่อนข้างแปลกไป? ทุกการกระทำของพวกเขายามนี้เห็นได้ชัดว่าต้องการแยกตัวออกจากราชวงศ์ตะวันออกแล้ว "
“อีกอย่างจากข้อเท็จจริงที่ข้ารับรู้มา ราชวงศ์ตะวันออกนั้นต้องการมอบยศขุนนางอันดับ 1 ให้แก่ตระกูลเจี้ยงอีกถึง 4 ตำแหน่ง แต่ทว่าตระกูลเจี้ยงล้วนปฏิเสธออกมาอย่างสุภาพ”
"ตระกูลเจี้ยงสามารถทำลายตระกูลหลง และสังหารขุนนางมังกรทะยานลงได้ ... เหตุใดพวกมันจึงไม่สนใจตำแหน่งขุนนางอันดับหนึ่งกัน? หรือตระกูลเจี้ยงคิดที่จะก่อกบฏกัน? "
ซ่งเทียนสิงที่อยู่ในอารมณ์ไม่สู้ดีนักยกมือขึ้นหยุดความตื่นตระหนกของคนในห้องประชุม "หยุดคิดเหลวไหลได้แล้ว การเคลื่อนไหวของตระกูลเจี้ยงครั้งนี้เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยกับตระกูลหลง และเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ทางราชวงศ์กังวลกับอำนาจของพวกเขา พวกเขาจึงปฏิเสธเกียรติยศทั้งหลาย นอกจากนี้สัญญาและข้อตกลงของตระกูลเจี้ยงกับเรานั้น ทางนั้นเพียงมีต่อเฉียวไป่ชี่เท่านั้น...นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงมีค่านัก"
อาวุโสสิงชี่หลานนั้นกังวลเล็กน้อยเพราะเมื่อคิดถึงเจี้ยงเฉิง เด็กหนุ่มคนนั้นหาได้ไว้หน้านางแม้แต่น้อยยามเจอกันครั้งแรกที่เขามาเยือนหอโอสถ
อาวุโสสิงชี่หลานยืนบีบจมูกพร้อมทั้งครุ่นคิดอยู่นานสองนาน ตอนนี้นางรู้สึกกังวลอย่างมาก
หลังจากที่นึกถึงคำกล่าวของซ่งเทียนสิคำหนึ่งขึ้นมาได้ นางก็กล่าวออกมาทันที "ทางเราลงนามทำสัญญากันแล้ว หากตระกูลเจี้ยงยกเลิกไม่ใช่ว่าเราสามารถฟ้องร้องค่าเสียหายได้หรือ! "
หนิงวู่หยูอยากจะหัวเราะออกมาให้ฟันหัก เมื่อได้รับรู้ถึงความไร้สมองของสิงชี่หลาน ทางหอโอสถเป็นฝ่ายเรียกร้องและต้องการความร่วมมือจากมัน ดังนั้นสัญญาประเภทนี้ต้องยินยอมให้พวกมันถอนตัวโดยไม่มีข้อเรียกร้องอยู่แล้ว เรื่องแค่นี้นังงูพิษกลับไม่รู้?
หากใครบางคนถูกเรียกร้องให้ลงนามทำสัญญา จะมีผู้ใดบ้างโง่ยินยอมให้ตนเองเสียเปรียบ? แน่นอนอยู่แล้วเงื่อนไขข้อแรก ๆ ต้องเป็นเรื่องการถอนตัวโดยไม่จำเป็นต้องชดใช้อะไร ฟ้องร้อง? เรียกค่าเสียหาย? สตรีผู้นี้นั้นไม่อาจใช้นิยามคำว่าโง่มาบรรยายสภาพสมองนางได้อีกแล้ว
อาวุโสโหย่วขุยที่ใบหน้ามืดมนก็ราวกับคิดอะไรได้บางอย่าง ดวงตามันเรืองวูบพร้อมทั้งกล่าวออกมาว่า "ดูเหมือนว่าเรื่องครานี้ ประเด็นสำคัญกลับตกไปอยู่ที่นายน้อยเจี้ยงเฉิน บุตรชายของขุนนางเจี้ยงหาน เหตุใดพวกเราไม่เพิ่มผลประโยชน์ให้กับตระกูลเจี้ยงเล่า"
ซ่งเทียนสิงแทบอยากจะหัวเราะจนกระอักเลือดตายให้รู้แล้วรู้รอด เพิ่มผลประโยชน์ให้ตระกูลเจี้ยง? เรื่องนี้ต้องดูว่าเขาจะให้โอกาสนี้กับทางเราก่อนหรือไม่ หากตระกูลเจี้ยงคิดถึงเรื่องผลประโยชน์จริงเหตุใดพวกมันจึงเงียบไป โดยที่ หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้หาได้ส่งผู้ใดมาติดต่อเช่นนี้กันเล่า?
ตระกูลเจี้ยงไม่ส่งผู้ใดมา นั่นหมายความว่าพวกมันไม่คิดร่วมมือกับหอโอสถอีกต่อไป
"ผู้นำหอ เหตุใดพวกเราไม่ส่งคนไปเจรจาที่เมืองเจี้ยงหาน?" หวังลี่กล่าวถามออกมา
"ส่งคนไป? แล้วท่านอยากเป็นผู้ไปเจรจาหรือไม่" ซ่งเทียนสิงกล่าวออกมา
หวังลี่ยิ้มรับเล็กน้อยราวกับหน้าของมันจะบานขึ้น "หากมนุษย์พยายามอย่างถึงที่สุดแล้วไซร้ จะอย่างไรต้องได้ผลลัพธ์ที่ดี ถึงแม้ภารกิจนี้จะยากไปอยู่บ้าง แต่หากข้ามีโอกาสก็จะลองกระทำดูอย่างเต็มที่ "
การตัดสินใจครั้งนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ดี ซ่งเทียนสิงเองก็ไม่คิดปฏิเสธเขาเลยตอบตกลงออกไป หนิงวู่หยูที่นั่งอยู่ก็เผยรอยยิ้มออกมาก่อนที่จะกล่าววาจาออกมาอีกครั้งหลังจากเงียบไปนาน "หากผู้ดูแลหอลำดับที่ 4 เจอเฉียวไป่ชี่ ท่านจะกล่าววาจาอันใดกับมันหรือ?"
"เฉียวไป่ชี่?" ทุกคนตกใจกับวาจานี้อย่างมาก ...นี่เนื่องจากหามีผู้ใดล่วงรู้การเคลื่อนไหวของเฉียวไป่ชี่หลังจากเขาออกจากหอโอสถไปแล้วไม่ เป็นไปได้ไหมที่เขาจะเดินทางไปหาเจี้ยงเฉินที่เมืองเจี้ยงหาน?
แม้กระทั่งซ่งเทียนสิงยังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
"วู่หยู ท่านหมายความว่ายามนี้เฉียวไป่ชี่อยู่ในเมืองเจี้ยงหานเช่นนั้นหรือ?" ซ่งเทียนสิงกล่าวถามออกมาอย่างสุภาพ
“ถูกแล้ว เขากล่าวกับข้าก่อนที่จะจากไปว่า เขาไม่คิดที่จะไปที่ใดอีกแล้ว เขาจะไปเข้าร่วมกับตระกูลเจี้ยงที่เมืองเจี้ยงหานเท่านั้น" หนิงวู่หยูกล่าวออกมา พร้อมถอนหายใจเบา ๆ
"นี่ ... " ทุกคนได้แต่ประหลาดใจและไร้วาจาจะกล่าว
หากเฉียวไป่ชี่อยู่ในดินแดนเจี้ยงหานจริงเช่นนั้น หมายความว่าตัวมันย่อมมีสัมพันธ์อันดีกับเจี้ยงเฉินไม่น้อย...หากหอโอสถส่งคนไปยามนี้ ไม่นับว่าเป็นการตบหน้าตัวเองฉาดใหญ่หรือไร!