spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
"ยูจิ หากข้าไม่ติดตามมาด้วย ภารกิจที่อาจารย์มอบเจ้าให้คงล้มเหลวไปแล้ว เรื่องเล็ก ๆ เพียงแค่นี้เจ้ายังไม่สามารถดูแลได้ เจ้าเกือบทำให้ศิษย์ที่ท่านอาจารย์คัดสรรค์ด้วยตนเองตกตาย ในสายตาข้า เจ้าที่มีตำแหน่ง 1 ใน 10 ศิษย์ของท่านอาจารย์ คงเป็นตัวเลขที่ได้มาเพื่อเติมให้เต็มสิบมากกว่ากระมัง"
ศิษย์พี่นามว่าชิงหานนั้น แม้จะไม่ได้ดูเย่อหยิ่งและยโสเท่ายูจิ แต่ทว่าเพียงคำตำหนิเล็กน้อยกลับทำให้ยูจิถึงกับหลั่งเหงื่อเย็นออกมาได้
"ศิษย์พี่ชิงหาน ข้า ... " ยูจิรู้สึกอับจนคำพูด
"ลืมมันไปเถอะ" ชิงหานโบกมือราวกับไม่แยแสอีกต่อไป ก่อนที่มันจะหันกลับมากล่าวกับ หลงยู่ซื่อว่า "ศิษย์น้องหลง ข้าเป็นศิษย์พี่ไม่ได้ความของเจ้า นามว่าชูชิงหาน เป็นศิษย์ลำดับที่สองของอาจารย์ชูหยู่ เรื่องราวในวันนี้คงทำให้ศิษย์น้องเสียขวัญแล้ว"
หลงยู่ซื่อ ที่เคยงดงามราวดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ..แต่ในยามนี้ สภาพของนางนั้นไม่ต่างอะไรกับดอกท้อเปื้อนสายฝน แลดูน่าเวทนาอย่างมาก นางกล่าวขึ้นมาอย่างเศร้าสร้อยจนอดไม่ได้ที่ผู้ฟังจะเวทนาว่า "หากไม่ได้ศิษย์พี่รองชิงหานมาช่วยเหลือได้ทันเวลา ... ข้าเกรงว่าคงไม่มีโอกาสได้พบกับอาจารย์แล้ว"
ชูชิงหานพยักหน้ารับคำอย่างเบา ๆ ก่อนที่จะเคลื่อนไหวร่างไปหายูจิในพริบตา และกล่าวสอบถามอะไรกับมันเล็กน้อย
ราวกับฝ่าเท้าทั้งสองของมันสามารถหยั่งอากาศได้เหมือนพื้น ร่างของมันเคลื่อนที่กลางอากาศอย่างน่าพิศวง หากสังเกตดี ๆ จะพบว่าทุกคราที่มันเยื้องย่างในอากาศนั้น ใต้ฝ่าเท้าของมันมีประกายแสงสีฟ้าแตกกระจายออกมาคล้ายคลึงกับดอกบัวผลิบาน...มันมุ่งหน้ามายังเจี้ยงเฉิน
"เจ้ามีนามว่าเจี้ยงเฉินงั้นรึ?" แววตาลึกล้ำราวกับดวงดารา อีกทั้งรัศมีพลังที่เปล่งประกายราวกับทางช้างเผือก มันจับจ้องมายังเจี้ยงเฉิน ท่าทางของมันแตกต่างจากยูจิอย่างมาก ในแววตาของมันไม่มีความหยิ่งผยองแม้แต่น้อย แต่ทว่ามันกลับเต็มไปด้วยความกดดัน
“ถูกแล้ว”
แม่ว่าท่าทางชิงหานจะไม่ได้ทำตัวโอหัง หรือกล่าววาจาเหยียดหยามสะกดข่มผู้อื่นไปทั่วอย่างเช่นยูจิ แต่ทว่าท่าทางของมันกลับทำให้เจี้ยงเฉินรู้สึกอันตราย ไม่ต่างอะไรกับการถูกสัตว์อสูรร้ายจ้องมอง
"ถึงกับบังคับควบคุมให้เดรัจฉานร่วมประสานปราณ และก่อตั้งค่ายกลได้เช่นนี้ นับว่าเจ้าหาได้ธรรมดาไม่ แต่ทว่ามันก็เท่านั้น หากข้าต้องการเอาชีวิตเจ้า อย่าหวังว่านกหงส์ทองพวกนี้จะช่วยอะไรเจ้าได้"
เจี้ยงเฉินต้องการตอบโต้กลับไป แต่ทว่าเมื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขากลับเลือกที่จะเงียบแทน
ความแข็งแกร่งของชูชิงหานนั้นเหนือกว่ายูจิอย่างเทียบไม่ติด พวกมันอยู่กันคนละระดับอย่างสิ้นเชิง
หากเขามีเวลาให้นกหงส์ฝึกฝน "หมัดแปดปรมัตถ์" เป็นเวลาสัก 3 เดือน เจี้ยงเฉินอาจมีโอกาสราว ๆ 3 ส่วนที่จะเอาชนะชูชิงหานได้ แต่ตอนนี้มันไม่มีโอกาสใด ๆ เลย
แต่จะอย่างไรเจี้ยงเฉินก็ไม่ใช่ลูกแกะที่ยอมให้เชือดได้ง่าย ๆ ถึงแม้ว่าชูชิงหานจะแข็งแกร่งอย่างมาก มันก็ไม่คิดจะยินยอมพร้อมใจตกตายโดยมิได้สู้รบ
“เช่นนี้เป็นอย่างไร” ชูชิงหานเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบไปนาน มันกล่าวต่อไปอีกว่า “หากข้าใช้ความสามารถระดับศักดิ์สิทธิ์จัดการคนอ่อนแอเช่นเจ้า เกรงว่าจะเป็นที่ครหาของผู้อื่นว่าข้ารังแกผู้อ่อนแอเสียเปล่า ๆ เช่นนั้นข้าจะมอบทางเลือกให้เจ้า 2 ทาง”
เจี้ยงเฉินยังคงจ้องมองอย่างสงบราวกับไม่ได้สนใจ ซ้ำเขายังไม่คิดที่จะกล่าวตอบคำออกไป ตอนนี้เขากำลังเร่งฟื้นฟูความแข็งแกร่งอย่างเต็มที่
"ทางเลือกแรกเจ้ากลับไปยังสำนักตะวันม่วงกับข้า ความบาดหมางระหว่างเจ้าและศิษย์น้องหลงจะถูกตัดสินโดยผู้อาวุโสของสำนักเรา แม้ทางเลือกนี้อาจจะทำให้เจ้ามีโอกาสตายกว่า 9 ส่วน แต่ทว่าเจ้าก็ยังเหลือหนทางรอดชีวิตอยู่บ้าง "
"ทางเลือกที่สองคือ ให้ข้าฆ่าเจ้าเสียตั้งแต่ตอนนี้และนำศพเจ้ากลับไปรับรางวัลกับอาจารย์ของข้า" กลิ่นอายของชูชิงหานแผ่ออกมากดดันเจี้ยงเฉินทันทีที่เขากล่าวจบ
ทันใดนั้นราวกับมีทางช้างเผือกม้วนวนอยู่รอบ ๆ ตัวของชูชิงหาน อำนาจของมันช่างดูลึกลับและยากจะหยั่งถึงจนทำให้ผู้อื่นรู้สึกถูกสะกดข่มโดยไร้ทางต่อต้าน
"เจ้าอย่าได้คิดลองดีโดยการท้าทายอำนาจข้าโดยการเลือกทางที่ 2 จะดีกว่า?" เสียงของชูชิงหานค่อนข้างเยือกเย็นและเฉยชาอย่างมาก
หากเป็นยูจิที่เสนอทางเลือก 2 ทางนี้ให้เขา เจี้ยงเฉินคงตอกหน้ามันกลับอย่างไม่เกรงกลัว
แต่ชูชิงหานนั้นมีอำนาจและความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง พลังปราณที่มันแสดงออกมาเพียงเล็กน้อยนั้น สะกดข่มเจี้ยงเฉินให้ต้องตัดสินใจอย่างถี่ถ้วน
‘ทางเลือกแรกที่กลับไปนิกายกับมันดูเหมือนจะดีและเป็นทางรอดของข้า แต่ทว่ามันเป็นการปล่อยชะตาชีวิตข้าให้อยู่ในกำมือของผู้อื่น ขนาดกงล้อควบคุมชีวิตและชะตากรรมในการถือกำเนิดของสวรรค์ ข้ายังไปเล่นมันมาแล้ว เหตุใดข้าจะต้องปล่อยให้ผู้อื่นมีสิทธิ์กำหนดชะตาของข้า? ถึงแม้ข้าจะไม่สามารถเลือกที่จะเกิดได้ แต่ข้าสามารถเลือกที่จะตายได้’
สำหรับเจี้ยงเฉินนั้น ทางเลือกที่หนึ่งนั้นเขาไม่คิดสนใจสักนิด เขายอมตายเสียตอนนี้ดีกว่าที่จะต้องงอมืองอเท้าถูกจับกุมไปยังสำนักตะวันม่วงเพื่อรอให้คนอื่นมาตัดสิน หลังจากนั้นมันก็ต้องทนทุกข์ทรมานและอับอายจากการถูกหยามเหยียด สุดท้ายมันก็ต้องตายอย่างไร้ค่า
สู้จนตัวตายในสนามรบยังดูมีศักดิ์ศรีมากซะกว่า
จะให้มันคุกเข่าร้องขอชีวิตนั้น มันเลวร้ายยิ่งกว่าตายเสียอีก
เมื่อเจี้ยงเฉินคิดอย่างถี่ถ้วนและตัดสินใจได้แล้ว มุมปากของมันก็ฉีกยิ้มออกมาอย่างสง่างามเต็มไปด้วยความมั่นใจไร้ความกังวล "ชูชิงหาน เจ้านับว่าแตกต่างกับยูจิอย่างมาก อย่างน้อยคนเช่นเจ้าก็ยังเหมาะสมที่จะเป็นศิษย์ของนิกายใหญ่ ข้ายอมรับเจ้าในเรื่องนี้ แต่ข้าไม่มีทางเลือก ต่อให้เจ้าคิดจะฆ่าข้า แต่ข้าก็จะทำให้เจ้าต้องในการเอาชีวิตข้าอย่างสาสม!! "
น้ำเสียงของเขากระจ่างใสอย่างมาก
ราวกับว่าการกระทำที่เจี้ยงเฉินแสดงออกนี้ ชูชิงหานได้คาดเอาไว้อยู่แล้ว คิ้วของมันกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย
“เอาล่ะ หากระหว่างเราไม่มีเรื่องบาดหมางใด ๆ ข้าก็ค่อนข้างถูกใจเจ้าอยู่ไม่น้อย อย่างไรก็ตามสิ่งที่อาจารย์ข้าต้องการย่อมมีค่ามากกว่าทุกสิ่ง เจี้ยงเฉิน ข้าสัญญาเจ้าจะไม่รู้สึกทรมาน ยามข้าลงมือ "
ในขณะที่ชูชิงหานกล่าว ประกายแสงเรืองรองราวกับทางช้างเผือกบังเกิดรอบตัวมันอีกครั้ง มันหมุนวนรอบตัวของชูชิงหานอย่างงดงาม
แน่นอนว่านี่มันไม่ใช่ทางช้างเผือกจริง ๆ แต่เป็นภาพมายาที่เกิดจากรัศมีเฉพาะตัวของเขา ทางช้างเผือกที่สว่างไสวราวกับมีดวงดารานับไม่ถ้วนทอประกายระยิบระยับร้อยเรียงเป็นทะเลสีเงิน ดาราแต่ละดวงที่ร้อยเรียงอยู่นั้นไม่ต่างอะไรกับปลาคาร์พสีเงินที่กระโจนหยอกล้อบนทะเลแก้วผลึก
แสงสีเงินที่ทอประกายนี้เองที่ทรงพลังจนสามารถกวาดล้างนกหงส์ทองและนกหงส์เงินนับร้อยในชั่วพริบตา เมื่อก่อนหน้านี้
"ลำนำกระบี่ชิงหาน รังสีกระบี่ทะลวงเมฆา พุ่งจู่โจม ทำลาย!!"
ชูชิงหานสะบัดแขนเสื้อหมุนวนเป็นระลอกคลื่น กระบีไร้สภาพค่อย ๆ ก่อร่างขึ้นมา ราวกับกระบี่ไร้สภาพเล่มนี้จะถูกหลอมรวมจากแสงสีเงินที่ทอประกายราวกับทางช้างเผือกด้านหลังของเขา มันอาศัยแสงของดวงดาราแต่ละดวงหลอมรวมก่อเกิดเป็นกระบี่ไร้สภาพประกายเงินเล่มนี้ขึ้นมาจนสมบูรณ์แบบ ก่อนที่มันจะพุ่งไปยังเจี้ยงเฉินด้วยความเร็วปานสายฟ้า
เพียงแค่กระบวนท่าแรก เขาก็ใช้ออกด้วยหนึ่งในสุดยอดวิชาของเขา
ยูจิที่มองอยู่ด้านล่างถึงกับกลืนน้ำลายสองอึก ระดับขั้นและวิชาศักดิสิทธิ์แบบนี้เป็นระดับที่มันไม่อาจเอื้อม
เมื่อคนระดับผู้ฝึกปราณแท้จริงอย่าง หลงยู่ซื่อ ได้รับชมการจู่โจมที่ทรงพลังและเปล่งรัศมีแข็งแกร่งเช่นนี้ จิตใจของนางพลันเบิกบานออกมาอย่างยินดี และเริ่มหันไปมองชูชิงหานด้วยสายตาอ่อนโยนและอบอุ่น
อดไม่ได้ที่นางจะคิดไปว่า ‘ตอนแรกข้าคิดว่าศิษย์พี่ยูจิจะแข็งแกร่งมากแล้ว แต่ที่ไหนได้กลับกลายเป็นแค่ตัวตลกยามอยู่ต่อหน้าศิษย์พี่รองชูชิงหาน เมื่อข้าเข้าไปสู่นิกายแล้วข้าคงต้องทำความเข้าใจต่อโลกให้มากกว่านี้ ยูจิผู้นี้ไม่นับว่าเป็นตัวอะไรได้ ไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึงหรือติดต่อกับมันอีก’
ตอนนี้ภายในจิตใจของหลงยู่ซื่อได้เปลี่ยนคนที่นางคิดพึ่งพิงไปเสียแล้ว หลังจากที่ยูจิเป็นได้เพียงตัวตลกต่อหน้าชูชิงหาน มันก็ไร้ราคาใดๆ ให้นางใช้สอยอีก
หลงยู่ซื่อเป็นสาวที่หยิ่งยโสโอหัง นางไม่คิดมีผู้สนับสนุนที่ไร้ราคาเช่นนี้
สำหรับเจี้ยงเฉินที่กำลังประมือกับชูชิงหานอยู่นั้น ความแข็งแกร่งของมันนับว่าเกินที่เขาคาดไว้ไปไกลโข
กระบี่ไร้สภาพที่ควบแน่นจากปราณแสงสีเงินนั่น ทรงพลังราวกับจะสามารถยิงทะลวงไปถึงดวงดารา แม้จะทุ่มพลังของค่ายกลหมัดแปดปรมัตถ์ทั้งหมดเพื่อป้องกันก็คงไม่สามารถต้านทานได้
บรึม! บรึม! บรึมมม!!
นกหงส์ทองจำนวนมากมายที่ขวางเส้นทางอยู่ ร่างระเบิดแหลกเหลวตกตายลงอย่างไร้ต่อต้าน เมื่อถูกรังสีของกระบี่ไร้สภาพพุ่งผ่าน
แต่ทว่าการก่อตัวของค่ายกลหาได้สลายลงไม่ เหล่านกหงส์ทองที่แม้จะเป็นเพียงเดรัจฉาน กลับยังคงปกป้องเจี้ยงเฉินอย่างภักดี แม้ว่าพวกมันจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ไม่คิดอิดออด
ตอนนี้หัวใจของเจี้ยนเฉินบังเกิดอารมณ์ยากคาดเดา เขาไม่คิดเลยว่าเหล่านกหงส์ทองพวกนี้จะกระทำเรื่องกล้าหาญไร้ความหวาดกลัวเช่นนี้ เพียงเพราะเชื่อฟังคำสั่งของเมิ่งฉี
เจี้ยงเฉินไม่ใช่คนไร้หัวใจ เขาไม่ใช่คนที่จะซ่อนตัวอยู่ด้านหลังโดยอาศัยชีวิตของนกหงส์ทองเพื่อต่อเวลาชีวิตของตัวเอง
ดวงตาของเขาเรืองแสงวูบขึ้นมาก่อนที่จะตัดสินใจผิวปากดัง วี๊ด ออกมาสุดเสียง เสียงผิวปากของเขาดังทะลุเมฆส่งตรงถึงหูเหล่านกหงส์ทองนับล้านที่หลบซ่อนตัวอยู่ พวกมันพลันปรากฏตัวออกมามืดฟ้ามัวดิน ปกคลุมแสงสว่างไปจนหมดสิ้น
"ชูชิงหานเป็นเจ้าที่บีบคั้นให้ข้าแลกด้วยชีวิต ถึงแม้เจ้าจะแข็งแกร่ง แต่เจ้าแข็งแกร่งเพียงพอที่จะฆ่านกเป็นล้าน ๆ ตัวหรือไม่? และถึงแม้เจ้าจะฆ่าข้าได้แต่ว่า วันนี้! หลง ยู่ ซื่อ ต้อง ตก ตาย !! "
เจี้ยงเฉินตัดสินใจขั้นเด็ดขาด เขาตัดสินใจแลกด้วยชีวิตของตนเพื่อทำลายล้างศัตรูให้สิ้น
แม้ว่าเขาจะถูกชูชิงหานสังหาร แต่เขาจะลากหลงยู่ซื่อให้ตายตกไปกับเขา หากเขาตายโดยไม่ได้ฆ่าหลงยู่ซื่อ ก็เสียทีที่ได้ชื่อว่าสุดยอดนักสร้างปัญหาให้แก่ผู้คนแล้ว
หากเขาฆ่าหลงยู่ซื่อและแก้ไขปัญหาความขัดแย้งนี้ได้ ด้วยหน้าตาสำนักใหญ่อย่างสำนักตะวันม่วงคงไม่คิดลดตัวมาทำลายล้างตระกูลเล็ก ๆ ในอาณาจักรห่างไกลเช่นนี้
ความกังวลบังเกิดขึ้นภายในใจของชูชิงหานเมื่อได้เห็นภาพนี้ ถึงแม้จะเป็นคนแข็งแกร่งเช่นเขาแต่ก็ยังอดตกใจไม่ได้เมื่อเห็นภาพนกหงส์นับล้าน ๆ ตัว ปิดแผ่นฟ้าเช่นนี้
"ยูจิปกป้องศิษย์น้องหลงเอาไว้ ข้าจะจบเรื่องนี้อย่างเร็วที่สุด "
ชูชิงหานนั้นเป็นถึงศิษย์ที่โดดเด่นในนิกาย เขาย่อมรับรู้เจตนาของเจี้ยงเฉินอย่างกระจ่างแจ้ง...เจี้ยงเฉินมันรู้ดีว่าไม่สามารถรับมือชูชิงหานได้ มันเลยเบนเป้าหมายไปจัดการหลงยู่ซื่อแทน
หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ชูหยู่ จริง ๆ แล้วชูชิงหานก็ไม่ได้อยากสังหารคนอย่างเจี้ยงเฉิน แต่อย่างไรก็ตามนี่เป็นสิ่งที่อาจารย์ที่ตัวเขานับถือต้องการ ถึงแม้จะไม่เต็มใจแต่เขาก็ไม่คิดลังเลแม้แต่น้อย
"ตายซะ เจี้ยงเฉิน!"
ชูชิงหานกวัดแกว่งกระบี่ของเขา ตอนนี้กลิ่นอายของเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ภาพร่างทางช้างเผือกที่ส่องประกายงดงามอยู่ด้านข้างเรืองแสงวูบก่อนที่แปรเปลี่ยนเป็นแสงดารานับไม่ถ้วน ราวกับอุกกาบาตร่วงหล่นจากสวรรค์ แผ่พุ่งออกไปโจมตีเจี้ยงเฉิน
กลิ่นอายของเขายามนี้แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้ 3 – 4 เท่า พลังทำลายครั้งนี้นับว่ามหาศาลนัก
ค่ายกล "หมัดแปดปรมัตถ์" ที่พึ่งจะได้รับการฝึกฝนมาหมาด ๆ คงไม่อาจปิดกั้นการโจมตีครั้งนี้ได้ เจี้ยงเฉินได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย ภายในใจมันรับรู้ได้ว่า ตอนนี้ห้วงแห่งความเป็นความตายได้ถูกตัดสินแล้ว
ทันใดนั้นเองเจี้ยงเฉินพลันหยิบธนูขึ้นมา
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ลูกศรถูกระดมยิงออกมาในพริบตา 4-5 ดอก และทั้งหมดนี้ล้วนมุ่งตรงไปยังหลงยู่ซื่อ
เจี้ยงเฉินรับรู้ว่าตอนนี้เขาต้องตายอย่างแน่นอน เขาหวังแต่เพียงว่าจะสามารถฆ่าหลงยู่ซื่อได้ นกหงส์จำนวนนับล้านก็พุ่งลงมามืดฟ้ามัวดินหวังสังหารหลงยู่ซื่อด้วยเช่นกัน
ไม่หวั่นแม้จะถูกทำลาย...และไร้ซึ่งความหวาดกลัวหากต้องตกตาย
แม้แต่ยูจิเองก็ถึงกับขนลุกเมื่อได้เห็นภาพนี้ การโจมตีครั้งนี้มันน่าหวาดกลัวมาก แม้แต่ผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณเต๋าอย่างเขายังอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
ไม่ต้องพูดถึงหลงยู่ซื่อ หากต่อให้เป็นยูจิเอง ยังต้องบาดเจ็บสาหัสจากการจู่โจมนี้
เฉพาะชูชิงหานเท่านั้นที่ยังคงมองภาพตรงหน้าอย่างไร้อารมณ์ ราวกับกองทัพนกหงส์นับล้านไม่สามารถสั่นคลอนจิตใจของเขาได้
ที่ชูชิงหานสงบเช่นนี้เพราะเขารู้ดีว่า เจี้ยงเฉินและค่ายกลที่ก่อตัวอยู่นี้ไม่สามารถต้านทานพลังทำลายจากการจู่โจมครั้งนี้ของเขาได้
พลังทำลายนี้จะกวาดล้างทำลายทุกสิ่งทุกอย่างและยุติการต่อสู้ครั้งนี้
ดั่งตะวันจันทราจักลาลับ นภาดับมืดครึ้มดินมัวหมอง โศกโศการ่ำไห้ในครรลอง เพียงเศร้าหมองสัประยุทธ์สิ้นสูญไป
...ทันใดนั้นเอง
ลำแสงกระบี่พุ่งทะลุเมฆตรงไปยังเหล่านกหงส์จำนวนนับไม่ถ้วนที่ปิดคลุมท้องฟ้า
ภาพนี้มันราวเมฆฝนดำทมิฬเปล่งประกายส่งเส้นสายอัสนีบาตออกมา
แต่ทว่า...ก่อนที่ลำแสงจากกระบี่จะปะทะกับพลังป้องกันที่เกิดจากการก่อตัวของค่ายกลหมัดแปดปรมัตถ์นั้น
ภาพแปลกประหลาดพลันบังเกิดขึ้น
แสงสว่างที่เจิดจ้าก่อร่างเป็นกระบี่ขนาดใหญ่ที่ราวกับจะตัดแบ่งสวรรค์และโลกให้ขาดสะบั้นออกจากกัน ได้ลากผ่านเส้นขอบฟ้าแหวกม่านนภากาศมาสกัดกั้นกลืนกินการโจมตีของชูชิงหานที่พุ่งมายังเจี้ยงเฉินจนหายไปราวกับคลื่นทะเลกระทบหาดทราย
การโจมตีที่ถาโถมมาราวกับฝนดาวตกของชูชิงหานสลายหายไปทั้งหมดราวกับจะถูกกลืนกินเข้าไปในกำแพงอากาศ ไร้ร่องรอยหรือการสั่นสะเทือนแม้แต่น้อย
หลงเหลือแต่เพียงลมกรรโชกอ่อน ๆ พัดพาไปทั่วพื้นที่...
แสงจากรังสีกระบี่อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย อีกทั้งพลังปราณของชูชิงหานที่ส่งไปกับการจู่โจมกลับสลายหายไปราวกับก้อนหินตกลงสู่ทะเล
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ล้วนสร้างความตกตะลึงให้ทั้งเจี้ยงเฉิน และชูชิงหาน อย่างหนัก
"เป็นผู้ใดกัน?" ชูชิงหานคำรามเสียงต่ำออกมา สายตาของเขาจับจ้องไปทั่วบริเวณและพยายามค้นหาผู้ที่กระทำการแทรกแซงการโจมตีเมื่อครู่ของเขา
ในเวลาเดียวกันนั้นชูชิงหานก็ประหลาดใจอย่างมาก การจู่โจมเมื่อครู่นับว่าเป็นการจู่โจมเกือบสุดกำลังของเขาแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามหรือแม้แต่อาจารย์ที่เคารพของเขา ก็ไม่สามารถสลายการโจมตีเมื่อครู่ได้อย่างไร้ร่องรอยให้สืบสาวดั่งเช่นคนลึกลับผู้นี้
เพียงแค่ลำแสงจาง ๆ ก่อร่างเป็นรูปกระบี่ยักษ์ที่ปรากฏขึ้นพริบตาเดียวเท่านั้น กลับกลืนกินการโจมตีและพลังทำลายของเขาได้ นับว่าเป็นตัวตนที่ทรงพลังเหนือชั้นกว่าเขาอย่างทาบไม่ติด
..........................