spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ไม่เพียงแต่หลงยู่ซื่อที่งงงวย แต่แม้กระทั่งผู้ฝึกจิตวิญญาณคนอื่น เช่น ซูเชี่ยน ก็มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง และเขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เขาไม่เข้าใจว่าเพิ่งเกิดอะไรขึ้น
ทำไมเหตุใดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จึงเกิดขึ้นอย่างกะทันหันในสถานการณ์เช่นนี้? เดิมทีฝ่ายของพวกเขาอยู่เหนือกว่าและเหยียบย่ำฝ่ายศัตรู ทำไมเจี้ยงเฉินจึงแสดงพลังการต่อสู้ที่มีอานุภาพร้ายแรงดังกล่าวได้?
แม้แต่ซูเชี่ยน ผู้ยืนอยู่ด้านข้าง เขาก็ยังรู้สึกถึงขีดความสามารถที่น่ากลัวของการเฉือนนั้น เขารู้ดีอย่างชัดเจนว่าเป็นเพราะศิษย์พี่ยูจิแข็งแกร่งพอ เขาจึงสามารถทนกับการเฉือนที่น่าสยดสยอง เขาเพียงแค่พ่นเลือดเต็มปากออกมาครั้งเดียว ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
ถ้าเป็นเขา ซูเชี่ยน เขาอาจจะไม่ใช่แค่การพ่นเลือดเต็มปาก
ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งหมดมีเกราะป้องกันตัวเองแห่งจิตวิญญาณ แต่พลังของการเฉือนมีแนวโน้มว่าจะมีพลังมากพอที่จะทำลายเส้นชีพจรจิตวิญญาณของเขา และทำให้เขาสูญเสียความสามารถในการสู้รบทันที
หลังจากที่ปล่อยพลังจิตวิญญาณออกไปด้วยการเฉือน เจี้ยงเฉินก็ไม่ได้โจมตีอะไรอีกต่อไป
เสียงนกร้องโหยหวนดังขึ้นมา และนกหงส์ทองพุ่งตัวลงไปรับเจี้ยงเฉิน เขานั่งลงบนหลังของมัน หอบอย่างหนัก และเขาก็โยนทั้งโอสถแห่งท้องทะเลลึกและโอสถแห่งชะตากรรมสวรรค์เข้าไปในปากของเขา
ความจริงก็คือ เจี้ยงเฉินเพิ่งจะจู่โจมด้วยท่าทางที่ต่างไปในสถานการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เขาได้เข้าใจรูปแบบที่สามของเทคนิคกระแสน้ำแห่งมหาสมุทร –คลื่นสังหารวิญญาณ ในช่วงเวลาที่ร้ายแรง
ถ้าเจี้ยงเฉินเป็นผู้ฝึกฝนจิตวิญญาณ แม้กระทั่งผู้ที่เพิ่งเข้าสู่โลกจิตวิญญาณแห่งเต๋า เขาก็คงจะสามารถเผชิญหน้ากับยูจิได้อย่างเต็มที่ด้วยพลังระเบิดนั้น และแม้กระทั่งเหยียบย่ำเขาให้จมหลังจากนั้น
แต่ระดับวรยุทธ์ของเขาอยู่เพียงในขั้นขอบเขตของพลังลมปราณฉี และระดับการฝึกฝนส่วนตัวของเขาคือสิบเส้นชีพจรของพลังลมปราณฉี
ดังนั้นเขาจึงหมุนเวียนลมปราณฉีของเขาไปได้ถึงขีดสูงสุดด้วยการใช้พลังเฉือนในเหตุการณ์ที่ผ่านมา แม้ว่ามันจะเกินขีดจำกัดของเขา แรงผลักดันนี้เป็นความก้าวหน้าทางด้านจิตใจของเขาเช่นกัน
แต่สุดท้ายแล้วร่างกายของเขายังอยู่ในขอบเขตของผู้เชี่ยวชาญพลังลมปราณฉี แต่เขาก็ยังสามารถเอาชนะผู้ฝึกฝนจิตวิญญาณแห่งเต๋าได้
ดังนั้น การเฉือนนี้จึงอยู่นอกเหนือขอบเขตที่ร่างกายของเขาสามารถทนได้ เมื่อเขาดูดซึมพลังลมปราณฉีเข้าไปในเส้นเลือดจากนกหงส์ทองหลายร้อยตัว มันเหมือนกับว่าเขาโดนจู่โจมจากผู้เชี่ยวชาญพลังลมปราณฉีหลายร้อยคน
เขาได้ใช้ประโยชน์จากความลึกลับของใบมีดเพื่อดึงดูดพลัง รวบรวมมันไว้เข้าด้วยกันและส่งพลังลมปราณฉีหลายร้อยกระแสที่เขามีทั้งหมดรวมกันออกไปโจมตี พูดได้ด้วยเหตุผล เขาเป็นเพียงสื่อกลางสำหรับพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ไม่ใช่ผู้รับ
ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวเขาด้วยพลังงานที่เขาดึงดูดมาจากนกหงส์ ทำให้ตัวเขาเองเจี้ยงเฉินเกิดความรู้สึกไม่สบายอย่างมากมาย มันเหมือนกับว่าเส้นชีพจรทั้งหมดในร่างกายของเขากำลังจะเปิดออก เขาแทบไม่สามารถรวบรวมพลังของเขาได้ เพื่อโจมตีด้วยการเฉือนครั้งที่สอง
มันเป็นสิ่งที่ดีที่การเฉือนสยองขวัญน่าประหลาดใจนี้ได้ขับไล่พลังที่ระเบิดออกมาในช่วงเวลาต่อมา.
แม้แต่คนที่แข็งแรงเท่ายูจิมีแนวโน้มที่จะไม่สามารถต้านทานแรงระเบิดที่มีความเข้มข้นหลายร้อยเท่าจากผู้เชี่ยวชาญพลังลมปราณฉี แม้ว่าเขาจะได้พบกับแรงระเบิดที่จุดสูงสุดของสภาพร่างกายของเขาก็ตาม
ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาใช้แค่พลังไปแค่เจ็ดถึงแปดในสิบส่วนเท่านั้น
เจี้ยงเฉินได้แสดงด้านอ่อนแอของเขาให้ศัตรูเห็นไปก่อน เพื่อที่จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามมึนงงและสร้างภาพลวงตาให้กับพวกเขา เพื่อไม่ให้พวกเขาไม่ทันระมัดระวัง และปล่อยให้พวกเขาคิดว่าพวกเขาสามารถทรมานเจี้ยงเฉินจนตายได้อย่างง่ายดายดั่งเช่นการเหยียบขยี้มด
การเคลื่อนไหวอันหลอกลวงทั้งหมดเหล่านี้ เป็นเขาแสแสร้งทำไปเพื่อรอเวลาที่จะปล่อยพลังเฉือนที่จะช่วยเขาให้พ้นจากสถานการณ์หมดหวังนี้
เมื่อเห็นว่ายูจิถ่มเลือดออกมาจากปากเพียงครั้งเดียว เจี้ยงเฉินรู้สึกว่าทั้งความสงสารและนับถือสาวกของสำนักเหล่านี้
การเฉือนนี้ได้ย่อความแข็งแกร่งของนกหงส์ทองหลายร้อยตัว แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาจากการจู่โจม ฝ่ายตรงข้ามเพียงแค่เลือดกลบปาก.
ต้องบอกว่าระดับของการบาดเจ็บนี้ต่ำกว่าที่เจี้ยงเฉินได้คาดหวังไว้มาก
เว้นแต่ว่าเจี้ยงเฉินไม่สามารถให้ข้อคิดเห็นเพิ่มเติมได้ในขณะนี้
ถึงแม้ว่าเส้นชีพจรทั้งหมดภายในร่างกายของเขาจะสั่นสะเทือนเหมือนกับว่าพวกมันจะแยกออกจากกันได้ตลอดเวลา เขายังคงผิวปากเพื่อให้ฝูงนกหงส์ทองนำเรียกกองทัพนกหงส์เงินให้มารวมตัวกันที่ทางผ่านที่สอง
นกหงส์ทองที่เหลืออีกหลายร้อยตัวยังคงรักษาท่าทางเดิมไว้ พวกมันบินวนเป็นวงกลมอยู่ในอากาศ. แม้ว่าพวกมันจะได้พบกับศัตรูที่เข้มแข็ง แต่ก็ไม่มีตัวไหนสักตัวที่มีแรงกระตุ้นที่จะหันหลังและหนีเอาตัวรอดไปโดยไม่ได้รับคำอนุญาตจากเจี้ยงเฉิน
นกหงส์ทองที่เจี้ยงเฉินกำลังขี่อยู่บินวนเป็นวงกลมด้านหลังของนกหงส์ทองอีกหลายร้อยตัว
เจี้ยงเฟิงและองค์หญิงโจวหยู่รออยู่นั่งบนหลังนกหงส์ทองที่ทางผ่านที่สอง โดยที่นกทั้งสองเป็นจ่าฝูงนำนกหงส์เงินมารวมตัวกัน
นกหงส์เงินและนกหงส์หยกดูเหมือนจะได้รับคำสั่ง ในขณะที่พวกมันทั้งหมดบินไปข้างหลังและลงจอดที่มุมทั้งสี่ของทางผ่านที่สอง พวกมันคอยเฝ้าระวังอย่างสุดความสามารถ ครั้งนี้ทุกตัวรวมมือกันไม่ยอมให้มีสิ่งใดเล็ดลอดเข้ามาได้
ด้านบนของทางผ่านที่สอง คนที่อยู่ฝ่ายของเจี้ยงเฉินทุกคนเตรียมพร้อมและยืนอยู่เหนือยอดเขาของเส้นข้ามแดน
เจี้ยงเฟิง องค์หญิงโจวหยู่ ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของตระกูลเจี้ยงทุกคนรวมถึงผู้พิทักษ์ส่วนบุคคลของเจี้ยงเฉินทั้งแปดคน
"กุยจิน อย่ารั้งข้าไว้ หึ ข้าเซี่ยวชาน ไม่ใช่เต่าที่เอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในกระดอง ขุนนางของเราถูกล้อมไว้และเราในฐานะที่เป็นผู้พิทักษ์ส่วนบุคคลกำลังยืนอยู่ที่นี่เพียงแค่เฝ้าดูเท่านั้นรึ นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น? "
"ใช่ ถ้าเจ้าไม่ไป งั้นปล่อยให้เราพี่น้องไปเถอะ!" เซี่ยวชวนก็โห่ร้องเหมือนเสือ
กุยจินแสดงออกถึงความหนาวเย็นอย่างเต็มรูปแบบบนใบหน้าของเขาขณะที่เขาหยุดพี่ชายสองคนไม่ให้วิ่งออกไปข้างนอก
"ข้าขอถามหน่อยว่า นอกจากพวกเจ้าจะไปเพิ่มความยุ่งเหยิงแล้ว พวกเจ้าจะทำอะไรได้บ้างถ้าพวกเจ้าไปตอนนี้?" กุยจินเตือนสติพวกเขา
"แม้ว่าเราจะเพิ่มความยุ่งเหยิง แต่นั่นก็เป็นการแสดงความภักดีของเราในฐานะที่เป็นผู้พิทักษ์ แม้ว่าเราจะตาย ถ้าเราสามารถต่อเวลาได้เพียงน้อยนิดให้กับขุนนางน้อย มันจะเป็นความตายที่มีค่าอย่างยิ่ง "
"ใช่ การแก้แค้นไม่เคยสายเกินไป ตราบเท่าที่ขุนนางน้อยสามารถกลับออกมาได้ เขาจะมีโอกาสที่จะแก้แค้นให้เราสองพี่น้องในอนาคต "
เซี่ยวชานและเซี่ยวชวนยังคงพยายามเอะอะโวยวายและต้องการจะเรียกนกหงส์ทองเพื่อนำพวกเขาไปสู่แนวหน้า
กุยจินไม่สามารถรั้งพวกเขาไว้ได้ไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างหนักแค่ไหนก็ตาม
"พวกเจ้าทุกคนเงียบซะและฟังหยูตง. เขาเป็นผู้นำและลูกพี่ลูกน้องของขุนนางน้อย "
สายตาของทุกคนจ้องมองไปที่หยูตง
สายตาของหยูตงไม่เคยละจากแนวรบด้านหน้า. การจ้องมองของเขาสงบและมั่นคง และเขาไม่ได้หลงเข้าไปในความสับสนเนื่องจากสถานการณ์ที่เสียเปรียบ
"เอาเลย หยูตง พูดอะไรบางสิ!" เซี่ยวชานเป็นคนใจร้อน.
"เซี่ยวชาน ในหมู่พวกเรามีใครฝึกฝนจนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญพลังลมปราณฉีบ้างหรือไม่?" หยูตงถามเบา ๆ.
“ไม่.” เซี่ยวชานกำลังอารมณ์ไม่ดี "นั่นหมายความว่าเราจะกลายเป็นเต่าที่ซ่อนตัวอยู่ในกระดอง ถ้าเราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญพลังลมปราณฉี?"
"แล้วเราเข้าใจการก่อตัวทักษะหมัดแปดปรมัตถ์ได้เต็มสิบส่วนแล้วรึ?" หยูตงถามอีกครั้ง.
"ไร้สาระ เราเข้าใจเพียงหกถึงเจ็ดในสิบส่วนของการก่อตัว. ทำไมเจ้าต้องคอยถามเรื่องไร้สาระทั้งหมดนี้ซ้ำ ๆ? " เซี่ยวชานเริ่มใจร้อนมาก
"เนื่องจากเราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญพลังลมปราณฉี และเรายังไม่เข้าใจการก่อตัวของทักษะนี้เต็มสิบส่วน เราจะสามารถช่วยแบ่งเบาภาระของขุนนางน้อยได้จริงหรือ ถ้าหากเราไปตอนนี้?" หยูตงถามกลับพร้อมกับทำคิ้วขมวด
"ด้วยความเมตตากรุณาของขุนนางน้อย เขาไม่เคยยอมแพ้กับเราในช่วงเวลาที่สำคัญ ถ้าเราดำเนินการอย่างวู่วามไม่รอบคอบ และเลื่อนแผนการของเขาไปเรื่อย ๆ เราก็อาจจะไม่ใช่ผู้กล้า แต่เป็นคนร้ายแทน "
“แผนการ?” คิ้วของเซี่ยวชานถักเข้าด้วยกัน. "หยูตง เจ้าบอกว่าขุนนางน้อยมีแผนงั้นรึ? เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน?
สายตาของหยูตงจ้องมองไปที่กองทัพนกหงส์ทองที่กำลังหมุนวนเป็นวงกลมอยู่กลางอากาศ
ดูนกหงส์ทองเหล่านี้สิ. พวกเจ้าไม่คิดบ้างเลยหรือว่าการทำงานและจัดระเบียบของพวกมันดูคุ้นเคยคล้าย ๆ อะไรสักอย่างข้าคิดไม่ออก ?”
เว่ยซูฉีที่เงียบมาตลอด นางเป็นสาวที่มีรูปลักษณ์งดงามและยังฉลาดมากอีกด้วย. คิ้วของนางแผ่กระจายออกไปเมื่อนางได้ยินคำพูดของหยูตง ราวกับว่าบางอย่างที่นางคาดการไว้ได้รับการยืนยันแล้ว "หยูตง เจ้าเองก็ยังคิดว่ามันดูคุ้นเคยใช่หรือไม่?"
"โอ้ ? ซูฉี เจ้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันหรือ? " หยูตงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เว่ยซูฉีพยักหน้า "ข้าคิดว่านี่คือเค้าโครงสร้างของหมัดแปดปรมัตถ์ เรามีกันแปดคนถึงจะสร้างการก่อตัวนั้นขึ้นมาได้ก่อนหน้านี้ และนกหงส์ทองเหล่านี้ยังแบ่งกันออกเป็นแปดกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีนกหงส์ทอง 30-40 ตัว ถ้าหากข้าคาดเดาได้อย่างถูกต้อง ขุนนางหนุ่มได้ถ่ายทอดทักษะความลึกลับของการก่อตัวไปยังนกหงส์ทองเมื่อไม่นานมานี้ โดยใช้วิธีการบางอย่าง"
แม้ว่านกหงส์จะเป็นเพียงสัตว์ปีกก็ตาม แต่ความฉลาดของพวกมันไม่ได้ต่ำกว่ามนุษย์ เนื่องจากพวกมันสามารถพัฒนาและเข้าใจผ่านกหงส์ทองได้
แม้ว่านกหงส์ทองอาจไม่มีความรู้ความเข้าใจซึ่งมนุษย์ทำได้ดีกว่าเกี่ยวกับการก่อตัว แต่เจี้ยงเฉินมีความชำนาญในภาษาสัตว์ร้าย ช่วยให้เขาสื่อสารกับนกหงส์ทองได้อย่างทั่วถึง
นกหงส์ทองเหล่านั้นเป็นนกที่มีระดับที่แข็งแกร่งที่สุดของการดำรงอยู่ภายในฝูงนกหงส์ทั้งหมด ความเห็นแจ้งและการพัฒนาปัญญาเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ถ้านกหงส์ทองสัก 200-300 ตัวได้ร่วมกันก่อตัวด้วยทักษะหมัดแปดปรมัตถ์ ก็จะเพียงพอที่จะโจมตีกับผู้ฝึกจิตวิญญาณแห่งเต๋า แม้ว่าจะมีความเข้าใจเพียงหนึ่งถึงสองในสิบส่วนของทักษะความลึกลับของการก่อตัวเท่านั้น
ต้องรู้ก่อนว่านี่เทียบเท่ากับการก่อตัวของผู้เชี่ยนชาญพลังลมปราณฉีหลายร้อยคน.
"แปด ... หมัดแปดปรมัตถ์หรอ?" เซี่ยวชานรู้สึกว่าสมองของเขาดูทื่อไปเมื่อเขาใช้ตามองให้กว้างขึ้น เขาเกาศีรษะของเขาว่า "จริง ๆ แล้วมันก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น"
"เจ้ายังต้องการที่จะวิ่งเข้าไปและเพิ่มความยุ่งเหยิ่งตอนนี้อีกหรือไม่" กุยจินหัวเราะเบา ๆ
"กุยจิน อย่าทำให้ข้าต้องขายหน้าสิ เราจะดูแย่มาก ถ้าหากนกหงส์ทองกำลังทำการก่อตั้งกองกำลังขึ้น? " ใบหน้าของเซี่ยวชานเป็นสีแดงขึ้นเมื่อเขาพูด
ส่วนเรื่องของหยูตง เขามองไปที่ด้านหน้าอย่างไม่กระพริบตา เนื่องจากมีร่องรอยของความกังวลปรากฏอยู่ในน้ำเสียงของเขา "ขุนนางน้อยดูเหมือนว่าจะได้รับบาดเจ็บในพลังระเบิดครั้งสุดท้ายที่เป็นอันตราย"
"เขาคือขุนนางน้อยคนนึง ข้าหมดหวังแล้วล่ะ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ และพร้อมที่จะไปกับขุนนางน้อยจนกว่าจะตาย " เซี่ยวชานถอนหายใจด้วยความประหลาดใจ
มองขึ้นไปบนฟ้าเบื้องบน มันมีแต่ความเงียบสงบ.
จากกองทัพที่แข็งแกร่งนับล้านคนที่กำลังคุกเข่าอยู่ในที่ที่พวกเขายืน ไม่มีใครกล้าที่จะส่งเสียงดังใด ๆ.
พวกเขาทั้งหมดรู้ว่าใครก็ตามที่เปล่งเสียงที่จะทำลายความเงียบ อาจจะเผชิญกับความโกรธอันยิ่งใหญ่ที่อาจจะโค่นภูเขาและคว่ำทะเลลงได้.
ในฐานะทหาร พวกเขาไม่มีทางเข้าร่วมเมื่อเหล่านักรบขั้นอมตะกำลังต่อสู้กัน
ไม่ว่าขุนนางแห่งมังกรทะยานจะแข็งแกร่งสักเพียงใด แต่เขาก็ยังตายได้อย่างง่ายดายมิใช่หรือ? เหล่าผู้ฝึกจิตวิญญาณในตำนานแห่งเต๋าพูดว่า พวกเขาจะบดเจี้ยงเฉินให้ละเอียด แต่พวกเขายังได้รับการตอบโต้ด้วยพลังมหาศาลมิใช่หรือ?
ไม่มีใครสามารถเข้าใจสถานการณ์นี้ได้.
ซูเชี่ยนตะลึงกับความสยดสยองจากรัศมีดาบของเจี้ยงเฉิน. ถ้าเป็นช่วงเวลาก่อนหน้านี้,เขาจะเป็นคนแรกที่รีบเข้าไป ตอนนี้แม้แต่เขาเองก็ยังลังเล.
แม้แต่ยูจิก็ยังมีเลือดกบปาก เพราะรัศมีของกระบี่ของเจี้ยงเฉิน. การฝึกซ้อมของซูเชี่ยนนั้นแย่มากเมื่อเปรียบเทียบกับยูจิเขาจะชนะได้หรือถ้าหากเขายังคิดจะมุ่งไปข้างหน้า?
แม้ว่าเขาจะชนะ เขาก็ไม่กล้าเดินหน้าโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากยูจิ.
นี่เป็นข้อห้ามที่ยิ่งใหญ่
แม้แต่ยูจิเองไม่สามารถจัดการกับเจี้ยงเฉินได้. โลกภายนอกจะพูดอย่างไร ถ้าเขา ซูเชี่ยน วิ่งขึ้นเข้าไปดำเนินการ? พวกเขาอาจกล่าวได้ว่า วรยุทธ์ของศิษย์พี่ยูด้อยกว่าเขา!
นี่จะไม่เป็นสิ่งที่จะสร้างปัญหาให้กับตัวเขาเองหรือ?
ผลสุดท้ายซูเชี่ยนจึงลังเลและไม่ได้ก้าวไปข้างหน้า.
ยูจิรู้สึกตกใจและโกรธมากที่เขาต้องพ่นเลือดออกมาเต็มปาก ผลที่ตามมาก็คือสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนโดยไม่ทันตั้งตัว เขาคิดว่าการสู้รบจะสิ้นสุดลงด้วยกับพลังแรงระเบิดของเขา
เว้นแต่ว่าการต่อสู้นั้นยังไม่จบ แต่เขาก็ยังได้รับบาดเจ็บจากการเฉือนที่แข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้าม
ไม่ใช่ว่ายูจิไม่อยากจะพูด แต่การเฉือนนี้ได้ก่อให้เกิดความเจ็บปวดตรงหน้าอกของเขาเมื่อเขาสูดลมหายใจ มันต้องใช้การหมุนเวียนจิตวิญญาณฉีของเขาหลายครั้ง เพื่อที่จะทำให้ทางเดินหายใจของเขากลับมาเป็นปกติ
แม้ว่าการเฉือนนี้ไม่ได้ทำร้ายอวัยวะสำคัญของเขา แต่ก็ทำให้เกิดความเสียหายเล็ก ๆ น้อย ๆ กับเส้นชีพจรของเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะความสามารถพิเศษของชุดเกราะวิญญาณที่เขาสวมใส่ การเฉือนครั้งนี้อาจทำให้อวัยวะสำคัญของเขาเสียหาย และทำให้อวัยวะภายในของเขาแตกเป็นเสี่ยง ๆ ทำให้เขาสูญเสียพละกำลังอย่างต่อเนื่อง
จิตใจของยูจิยังสั่นระทึก เพราะเหงื่อไหลออกมาทางด้านหลังของเขา.
เขารู้สึกหงุดหงิด เกิดอะไรขึ้นกับซูเชี่ยน? ทำไมเขาถึงไม่เข้ามาและคอยช่วยขัดขวาง?
เป็นสิ่งที่ดีที่เจี้ยงเฉินไม่ได้จู่โจมด้วยวิธีอื่นหลังจากนั้น มิฉะนั้น เขาจะไม่มีโอกาสที่จะป้องกันตัว ก่อนที่การหายใจของเขาจะดีขึ้น
เมื่อเขาหายจากอาการปวดตรงหน้าอกของเขาแล้ว ความเชื่อมั่นในตัวเองของยูจิก็ฟื้นกลับขึ้นมาทันที ท่าทางหยิ่งของเขาที่มีมาก่อนหน้านี้ มันหายไปแล้วอย่างสิ้นเชิง และถูกแทนที่ด้วยการแสดงออกที่น่าหวาดกลัว
"เจี้ยงเฉิน ข้ายอมรับว่าข้าประมาทในความสามารถของเจ้ามากเกินไป" เสียงของยูจิเปลี่ยนไปค่อนข้างไกล แต่ความรู้สึกของความโกรธอันยิ่งใหญ่สามารถรับรู้ได้ผ่านความห่างไกลนี้ แม้แต่เจี้ยงเฟิง โจวหยู่และคนอื่น ๆ ที่อยู่เหนือเขตทางผ่านที่สองก็สามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจน
การเคลื่อนไหวทุกขั้นตอนและท่าทางของผู้ฝึกฝนจิตวิญญาณแห่งเต๋าคนนี้ดูเหมือนจะค่อย ๆ มีอิทธิพลอย่างมาก ซึ่งอาจชี้จิตใจของผู้ฝึกฝนสามัญทั่วไปได้โดยตรง และเขย่าขวัญจิตวิญญาณของพวกเขา