หน้าแรก > ราชันสามภพ
ตอนที่ 92 ฆ่าและแสดงพลัง

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

"ทิ้งอาวุธของเจ้าไว้และออกไปซะ. เจ้าจะรอดพ้นจากความตาย ผู้ที่ดื้อรั้นและปฏิเสธความปรานีของข้าและกล้าขัดขืน พวกเขาจะต้องตาย! " อ้วนซวนร้องบอกเสียงดังจากทางด้านหลังของนกหงส์ทอง.

เขาก็รู้ว่าเขาเป็นไม้ประดับ – ไม้ประดับที่คอยเกื้อหนุนให้ดอกไม้สีแดงขนาดใหญ่ดูโดดเด่นซึ่งนั่นคือเจี้ยงเฉิน.

เว้นแต่ว่า ช่วงเวลานี้และฉากนี้ ทำให้อ้วนซวนรู้อย่างชัดเจนว่า แม้ว่าเขาจะเป็นไม้ประดับ เขาก็แน่ใจว่าจะกลายเป็นตำนานไม้ประดับนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปในอาณาจักรตะวันออก

เหล่าข้าราชบริพารที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับขุนนางแห่งมังกรทะยานได้สูญเสียจิตวิญญาณการต่อสู้ของพวกเขา และได้วางอาวุธทั้งหมดของพวกเขาลง

กองกำลังที่อยู่ภายใต้การควบคุมของขุนนางแห่งมังกรทะยานโดยตรงก็กลายเป็นแมลงวันหัวขาดในสถานการณ์เช่นนี้เนื่องจากหลงหยินเยก็ตายไปแล้ว และหลงยี่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาทั้งหมดต่างมองหน้ากันเอง พวกเขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร.

ในเวลานี้นักรบแถวหน้าอีกคนที่มีตาข้างเดียวกระโดดไปข้างหน้า "ท่านขุนนางได้หล่อเลี้ยงทหารของเขาทั้งหมดสำหรับการสู้รบในวันนี้ เจี้ยงเฉินสามารถฆ่าคนด้วยธนูและลูกศรของเขาได้สักกี่คนกัน? ใจกล้าเข้าไว้ ถ้าพวกเจ้าเป็นทหารกล้าของตระกูลหลงจริง! พุ่งไปข้างหน้าและฆ่าเจี้ยงเฟิง! กวาดล้างตระกูลเจี้ยงให้หมดสิ้น! "

“อ๊า ?”

ลูกธนูเร็วที่สุดเท่ากับสายฟ้าได้เจาะเข้าไปในลำคอหลังจากที่เขาพูดเสร็จแล้ว

"มีใครอีกไหม?" เสียงของเจี้ยงเฉินฟังดูห่างไกลมาก มีลูกศรอีกดอกหนึ่งอยู่บนคันธนูของเขาราวกับว่าเขากำลังเล่นมายากล.

เขาปล้นธนูคันนี้จากซื่อชา และมีลูกธนูหลงเหลืออยู่ไม่มาภายในกระบอก มีเพียงยี่สิบหรือสามสิบ ตอนนี้เขาใช้สามดอกตอนที่โจมตีหลงยี่กับหลงหยินเย.

ยังคงมีลูกศรประมาณยี่สิบดอกหรือมากกว่านั้น แต่เจี้ยงเฉินไม่ได้กังวลกับสิ่งใด.

เขาจะยิงใครก็ตามที่โผล่ออกมา.

ถึงแม้ในหมู่ทหารเหล่านี้จะมีคนบางคนที่ไม่กลัวความตาย แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเต็มใจที่จะแสวงหาความตายของตัวเองเมื่อเผชิญหน้ากับอำนาจอย่างแท้จริง เมื่อพวกเขารู้ว่าความตายรออยู่เบื้องหน้าอย่างแน่นอน.

ตราบเท่าที่เขาฆ่าผู้ที่โผล่หัวออกมา และทำให้มันเป็นตัวอย่างสำหรับเหล่านักรบคนอื่น เขาก็แน่ใจว่าจะสามารถที่จะทำลายจิตวิญญาณการต่อสู้ของพวกเขาได้.

"มีข้าอยู่"

"และข้า!"

วูฟ,วูฟ !

อีกครั้งที่ลูกศรสองดอกหาทางออกได้อย่างไม่พลาดเจาะทะลุในลำคอของแม่ทัพทั้งสอง.

เมื่อเห็นว่ายังมีคนที่ยังไม่ยอมหมดหวัง อ้วนซวนพูดขึ้นมาว่า "หลงหยินเยตายไปแล้ว และเจ้านายของพวกเจ้าก็จากไปเช่นกันมันคุ้มแล้วหรือที่จะพวกเจ้าจะยอมตายเยี่ยงนี้?"

คำเหล่านี้มีผลกระทบร้ายแรง.

อันที่จริง หลงหยินเยก็ตายแล้ว. พวกเขากำลังทำงานหนักสุดชีวิตไปเพื่อใครกัน?

องค์หญิงโจวหยู่แกว่งดาบยาวของนางและตักเตือนว่า "พวกเจ้าถูกส่งออกมาโดยไม่มีเหตุผลอันชอบธรรม และทำหน้าที่โดยปราศจากเหตุผล การตายของหลงหยินเยและการบาดเจ็บสาหัสของหลงยี่เป็นตัวอย่างแล้ว ทำไมพวกเจ้าไม่ถอยกลับไป? เมื่อกองทัพเทียนดูมาถึง พวกเจ้าทุกคนจะตายโดยจะไม่มีแม้แต่ซากศพเหลืออยู่ "

องค์หญิงโจวหยู่เป็นตัวแทนของพระราชวงศ์. คำพูดของนางคือฟางที่ทำให้หลังของอูฐแตกหัก จนทำให้ทหารที่ดุร้ายที่สุดของตระกูลหลงหวั่นไหวด้วยความไม่แน่นอน.

มีคนโยนอาวุธของเขาทิ้ง ทุกคนเริ่มวางอาวุธลงเรื่อย ๆ. ทหารแนวหน้าได้โยนอาวุธลงหลังจากนั้น. ความกล้าหาญของผู้คนก็หายไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับกระแสน้ำที่ลดลง.

ในช่วงเวลาหนึ่งกองทัพที่ยิ่งใหญ่สามหมื่นคนที่รวมตัวกันที่หน้าคฤหาสน์เจี้ยงหาน ตอนนี้เริ่มกระจัดกระจายกันออกไป.

มีเพียงศพของหลงหยินเย และมีแม่ทัพเพียงไม่กี่คนพร้อมกับหลงยี่ที่นอนฟุบอยู่บนพื้นดินไม่ทราบสถานะของเขา.

เจี้ยงเฉินเป็นคนที่ระมัดระวัง. เขายิงลูกศรอีกดอกหนึ่งซึ่งมันเจาะหัวกะโหลกหลงยี่และตอกเขาเข้ากับพื้นอย่างแน่นหนา. มันเกิดขึ้นเพียงแค่เขาลงมาจากก้อนเมฆ.

ในขณะนี้มีเสียงโห่ร้องดังติดต่อกันจากภายในคฤหาสน์เจี้ยงหาน.

น่าอัศจรรย์มาก. สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างไม่คาดฝัน.

พวกเขาเตรียมพร้อมที่จะตายในสนามรบ และได้ยืนหยัดที่จะเผชิญกับความตาย ใครจะคิดว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ?

ไม่มีอะไรเหลืออยู่ในกองทัพที่แข็งแกร่งสามหมื่นคนซึ่งเคยเป็นเหมือนหมาป่าหรือเสือที่ดุร้าย.

และพวกเขา กลุ่มคนที่แข็งแกร่งกว่าพันคน ไม่มีโอกาสที่จะทำให้มือของเขาเปื้อนเลือด.

อาวุธศักดิ์สิทธิ์นี้ดูเหมือนจะเป็นความช่วยเหลือที่มีพรสวรรค์จากเหล่าทวยเทพ.

บรรดาคนในตระกูลเจี้ยงทั้งหมดมองไปที่เจี้ยงเฉินเหมือนกับนักบุญที่มีแต่คนสรรเสริญและเทิดทูน. เหล่าผู้พิทักษ์ส่วนบุคคลทั้งแปดคนของเขาไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็น.

นี่คือเจ้านายของพวกเขา คนที่พวกเขากำลังติดตาม. ตอนนี้ภาพเหตุการณ์เหล่านี้ทำให้เลือดของพวกเขาพลุ่งพล่านไปทั่วร่างกาย.

การชื่นชม ความเคารพ. คำพูดเหล่านี้ไม่เพียงพอที่จะแสดงถึงความลึกซึ้งของอารมณ์ในปัจจุบันของพวกเขาได้.

พวกเขารู้ว่าแม้แต่ตำแหน่งของขุนนางระดับหนึ่งในอาณาจักรนี้ก็ไม่คู่ควรที่จะกลายเป็นเป้าหมายของเจ้านายคนนี้.

“เฉินเอ๋อ.” แม้ว่าเจี้ยงเฟิงมีประสบการณ์และมั่นคง แต่จิตใจที่สงบของเขาก็หายสาบสูญไปเล็กน้อยในตอนนี้. มือที่ยิ่งใหญ่ของเขาคว้าตัวเจี้ยงเฉินเอาไว้ ในขณะที่น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาที่ดุร้าย.

เขาปลื้มปิติและยินดีมากที่บุตรชายของเขากลับมาอย่างปลอดภัย.

เขารู้สึกภาคภูมิใจที่บุตรชายของเขาได้ทำให้ทุกคนพ้นช่วงวิกฤติ.

อ้วนซวนกระโดดลงมาจากด้านหลังของนกหงส์ทอง และเดินตรงไปยังซากศพของหลงหยินเย เขาเตะมันอย่างโหดร้าย. "เจ้าเก่งกาจนักไม่ใช่รึ? เจ้าอยู่เหนือทุกคนไม่ใช่หรือ? คนที่ยึดมั่นกับเจ้าที่จะมีชีวิตรอด และคนที่ต่อต้านเจ้าต้องตายไม่ใช่รึ? ทำไมเจ้าไม่แสดงให้ข้าดูว่า ตอนนี้เจ้าเก่งกาจแค่ไหน? "

อ้วนซวนได้รับความอยุติธรรมมากกว่า เนื่องจากเขาโดนข่มขู่จากทายาทชั้นสูงที่อยู่ในระดับตำแหน่งที่เหนือกว่าในช่วงเวลาปกติในเมืองหลวง. หลงหยินเยนี้เป็นตัวแทนของทายาทชั้นสูง.

คนนี้เป็นคนหยิ่งยโสและเผด็จการ. เขากระทำเรื่องชั่วร้ายมากมายจนมันมีจำนวนมากเกินไปที่จะจารึกไว้บนแถบไม้ไผ่ที่มีอยู่ทั้งหมด.

นั่นเป็นเหตุผลที่อ้วนซวนทำลงไปโดยลืมตัวเอง,เขาต้องการระบายความรู้สึกไม่ดีออกไป.

หลังจากเตะเขาสองถึงสามครั้งแล้ว อ้วนซวนก็ดึงมีดที่ปักไว้ที่เอวของเขาออกและตัดหัวของหลงหยินเยออกมา. จากนั้นเขาก็เดินไปยังหลงยี่และทำเช่นเดียวกัน.

อ้วนซวนถือหัวทั้งสองไว้ในมือคนละข้าง เขาเรียก "พี่เฉิน ข้ากำลังเดินทางไปยังคฤหาสน์มังกรทะยาน"

สามารถบอกได้ว่าความแค้นของอ้วนซวนที่มีต่อตระกูลมังกรทะยานนั้นลึกซึ้งมาก. นี่เป็นการแสดงพลังแห่งความเป็นไปได้ครั้งแรก !

เจี้ยงเฉินเรียกหานกหงส์ทองและพึมพำเพื่อเตือนความจำบางอย่างกับมันในภาษาสัตว์ภูตอสูร. เขาตบหน้าไหล่ของอ้วนซวน. "เจ้าไปได้ แต่อย่ามัวชักช้า. มีผู้ฝึกฝนที่แข็งแกร่งหลายคนอาศัยอยู่ในคฤหาสน์มังกรทะยาน อย่าตกหลุมพรางของพวกเขาที่นั่น "

อ้วนซวนยิ้มกวน ๆ "พี่เฉิน ท่านรู้ดีว่าข้ากลัวตายมากที่สุด. ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่ลงไปภายในระยะที่พวกเขาจะสามารถยิงข้าด้วยธนูและลูกศรได้ ถ้าเป็นแบบนั้น ข้าไปได้ไหม. "

การฆ่าใครสักคนแล้วนำหัวของพวกเขามาเหยียบย่ำ มันช่างเหนือระดับ.

แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่ขุนนางแห่งมังกรทะยานได้ทำกับตระกูลเจี้ยง พวกเขาไม่ได้มีค่าแม้เพียงจะกล่าวถึง.

ทั้งสองฝ่ายกำลังกระหายเลือดในตอนนี้ และจะไม่หยุดพักจนกว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะตาย. เจี้ยงเฉินไม่เคยวางแผนทำร้ายพวกเขาล่วงหน้า. เขาตอบโต้ขุนนางแห่งมังกรทะยานเท่าที่จำเป็นเท่านั้น.

เจี้ยงเฉินเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่า ถ้าเขาไปไม่ทันเวลา การล่มสลายของสมาชิกตระกูลของเขาจะแย่ยิ่งกว่า. มั่นใจได้เลยว่าหลงหยินเยจะโหดร้ายยิ่งกว่าเขาถึงสิบเท่า.

ด้วยบุคลิกที่โหดเหี้ยมและกระหายเลือดของหลงหยินเย เขาจึงต้องคิดค้นแผนการใหม่ที่ไร้ความปรานีเพื่อข่มเหงขุนนางคนอื่น.

เนื่องจากองค์หญิงโจวหยู่เกิดและเติบโตในราชวงศ์ นางจึงรู้สึกคุ้นเคยกับเหตุการณ์แบบนี้. นางรู้สึกว่าไม่มีอะไรที่ไม่ดีเกี่ยวกับการตัดหัวหลงหยินเย.

"เจี้ยงเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าจะกลับมา" องค์หญิงโจวหยู่เดินขึ้นมา.

เจี้ยงเฉินมองไปที่องค์หญิงโจวหยู่และถอนหายใจเบา ๆ "องค์หญิง ข้า เจี้ยงเฉินเป็นหนี้บุญคุณท่านสำหรับการยื่นมือมาช่วยเราในครั้งนี้ด้วยความเมตตา. ข้าแน่ใจว่าจะตอบแทนความโปรดปรานนี้ให้กับท่าน "

"อย่าพูดแบบนี้เจี้ยงเฉิน. ข้ามาเพื่อมโนธรรมของข้าเอง ไม่ใช่เพราะว่าข้าต้องการสิ่งตอบแทน. นอกจากนี้ข้า ... "

เจี้ยงเฉินกางมือออกมา "นี่เป็นหลักการส่วนตัวของข้า"

องค์หญิงโจวหยู่ไม่รู้สึกยินดีที่ได้เห็นเจี้ยงเฉินแบบนี้. หัวใจของนางห่อเหี่ยว นางรู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างเจี้ยงเฉินและพี่ชายของนางแตกสลายในที่สุด.

เจี้ยงเฉินไม่ได้พูดถึงองค์ราชาเลย และบอกเพียงว่าเขาเป็นหนี้บุญคุณนาง องค์หญิงโจวหยู่.

นี่หมายถึงอะไร ? นั่นหมายความว่าเจี้ยงเฉินไม่สนใจอะไรเกี่ยวกับพี่ชายของนางองค์ราชาตงฟางลู่อีกต่อไป.

อืม. องค์หญิงโจวหยู่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจด้วยความรู้สึกที่แสนซับซ้อน.

การปรากฏตัวอย่างมหัศจรรย์ของเจี้ยงเฉินในวันนี้ และการแสดงที่ไร้เทียมทานของเขา ทำให้ความเข้าใจของนางทั้งหมดเปลี่ยนไป. แม้กระทั่งหลงยี่ หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญพลังลมปราณฉีระดับสิบเอ็ดเส้นชีพจรก็ไม่สามารถต่อกรกับการยิงอันศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้.

เจี้ยงเฉินแข็งแรงแค่ไหน?

พูดกันอย่างเปิดเผย หลังจากที่เจี้ยงเฉินได้กินผลไม้หยกหายากในอุโมงค์ใต้ดินไร้พรมแดนและได้ทะลวงเส้นลมปราณ เขาประสบความสำเร็จในการพัฒนาเส้นลมปราณไปสู่สิบเส้นชีพจรและเข้าร่วมกลุ่มของผู้เชี่ยวชาญพลังลมปราณฉีที่แท้จริง แม้ในการเผชิญหน้าโดยตรง เขาจะมีความสามารถในการต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญพลังลมปราณฉีระดับสิบเอ็ดเส้นชีพจร.

ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาใช้ธนูอันล้ำค่าของซื่อชาและลูกศรแห่งสวรรค์ของเขาเพื่อเพิ่มพลังของเขาต่อไป. รวมทั้งหมดเข้ากับตำแหน่งที่ได้เปรียบของเขาจากด้านบน ด้วยธนูและลูกศรที่ราวกับมีเวทมนตร์ ซึ่งเขาทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่ทันตั้งตัว.

นอกจากนี้พลังการโจมตีของนกหงส์ทอง ทำให้สิ่งต่าง ๆ ง่ายขึ้นสำหรับเจี้ยงเฉินโดยไม่รู้ตัว. มันได้นำไปสู่การเพิ่มกำลังสนับสนุน ทำให้กำลังจากลูกศรของเขาพุ่งไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ.

และหลงยี่มีความคิดเกี่ยวกับการเสียสละตัวเองอย่างมากในการช่วยชีวิตหลงหยินเย. ถ้าเขาไม่ได้ใส่ใจหลงหยินเย และเขาเพียงกังวลเกี่ยวกับการหลบหนีของตัวเองเท่านั้น เขาจะสามารถหลบหนีไปได้ เนื่องจากลูกศรแรกของเจี้ยงเฉินไม่ได้มุ่งเป้าไปที่เขา.

แต่น่าเสียดาย เขาคือหลงยี่คนรับใช้ที่ซื่อสัตย์ของขุนนางแห่งมังกรทะยาน. เขาได้จ่ายด้วยชีวิตของเขาเอง ในขณะที่เขาพยายามช่วยนายของเขา.

กองทัพสามหมื่นคนกระจัดกระจายไปเหมือนกับนกและสัตว์. พวกเขาทั้งหมดหนีไปอย่างดุเดือดกลับไปที่คฤหาสน์มังกรทะยาน. อย่างไรก็ตาม ถึงแม้พวกเขาจะมีเท้าที่รวดเร็ว แต่พวกเขาไม่สามารถที่จะเทียบกับความว่องไวของนกหงส์ทองที่อ้วนซวนขี่ได้.

ขณะที่เหล่ากองทัพเหล่านี้กำลังเดินทางไปถึงเพียงครึ่งทาง อ้วนซวนได้มาถึงเหนือคฤหาสน์มังกรทะยานแล้ว.

อ้วนซวนเป็นคนซื่อที่ไม่ค่อยใช้ปัญญา. เขาไม่เคยคิดจะดูท่าทีของยามรักษาการ ในขณะที่เขาบินว่อนอยู่กลางอากาศ เขาก็ส่งเสียงออกมาดัง ๆ. "หลงเซ้าเฟิง ออกมา!"

เสียงตะโกนฉับพลันนี้ทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายขึ้นรอบ ๆ ขุนนางแห่งมังกรทะยานภายในรัศมีหลายกิโลเมตร.

ชายคนนั้นเป็นใคร? เขาช่างอาจหาญ เขาถึงกับกล้าเรียกชื่อของขุนนางแห่งมังกรทะยาน? เขากำลังเรียกหาความตายรึยังไง?

เปลือกตาขวาของขุนนางหลงขยับไปมา. ราวกับว่าฟ้าร้องกระแทกลงมายังสถานที่ที่เขายืนอยู่เมื่อได้ยินเสียงโห่ร้องอย่างกะทันหันนี้ ทำให้ทั่วทั้งตัวเขาเป็นตะคริว.

“เขาเป็นใคร?”

ผู้ฝึกฝนที่เข้มแข็งบางคนซึ่งจงรักภักดีต่อขุนนางหลงได้รีบวิ่งไปที่หลังคา.

"เจ้าเป็นใครกัน ถึงกล้าดีมาเอะอะโวยวายอย่างป่าเถื่อนที่คฤหาสน์มังกรทะยาน?" เหล่าผู้ฝึกฝนแห่งมังกรทะยานเพียงรู้สึกว่ามันค่อนข้างแปลกที่จะเห็นคนขี่นกลอยอยู่ในเมฆ พวกเขารู้สึกว่าผู้เชี่ยวชาญจากหนึ่งในกลุ่มลับได้มาถึงอย่างมีน้ำใจ เนื่องจากทุกคนเอียงศีรษะของพวกเขากลับมา ราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม.

"แสดงกิริยาป่าเถื่อน? ข้ามาที่นี่เพื่อมอบของขวัญ! บอกหลงเซ้าเฟิงให้เขาออกมา! "

ในใจอ้วนซวนรู้สึกดีจริง ๆ. นี่คืออะไร ? นี่คือการที่เขากลายเป็นคนใหม่ !

คิดว่าเขาอ้วนซวน คนที่เคยเป็นเป้าหมายของการกลั่นแกล้งในเมืองหลวง สามารถจะพูดถึงชื่อของขุนนางแห่งมังกรทะยานได้อย่างตรงไปตรงมาในวันนี้ ... อะไรคือสิ่งที่ทำให้เขาสามารถทำตัวสูงส่งได้เช่นนี้? อะไรคือจุดสูงสุดของชีวิต ? ในวันนี้ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าช่วงเวลานี้.

หลงเซ้าเฟิงได้ยินอย่างชัดเจน และเขาก็ปีนขึ้นไปบนหลังคา เขายืนอยู่ในที่สูง และเขาหันกลับไปถามว่า "เจ้าเป็นใคร และเจ้านำของขวัญอะไรมา?

อ้วนซวนเป็นคนที่ลื่นไหลไปตามน้ำ ขณะที่เขายืนอยู่ไกลออกไป ไม่ได้แสดงใบหน้าของเขาให้หลงเซ้าเฟิงเห็น. ศีรษะของเขาก้มลงอยู่ที่ด้านหลังของนกหงส์ทอง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการปรากฏตัวที่ประหลาดน่าอัศจรรย์.

"ของขวัญอะไร ? ข้าขอถามท่านว่าลูกชายของท่านหลงหยินเยอยู่ที่ไหน? หลงยี่ไปอยู่ที่ไหน? "

หลงเซ้าเฟิงเริ่มไม่เข้าใจแต่ตอบไปว่า "หลงยี่ออกเดินทางไปพร้อมกับบุตรชายของข้า หยินเย เพื่อแก้ปัญหาเรื่องส่วนตัวบางเรื่อง. ข้าคาดว่าพวกเขาจะกลับมาในไม่ช้า. เจ้าเป็นใคร เจ้าเป็นเพื่อนของหยินเย บุตรชายของข้ารึ? "

เมื่อเขาเห็นว่าชายคนนี้ขี่นกหงส์ทองมา เขาอาจมีภูมิหลังที่ทรงพลัง. ด้วยเหตุนี้ จึงยับยั้งเสียงดุดันของเขา เขามีถ้อยคำที่สุภาพและแม้กระทั่งมองเขาอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส.

"ฮ่า ๆ แก้ปัญหาเรื่องส่วนตัวนี่เอง? พวกเขาจะกลับมาในไม่ช้า ? " อ้วนซวนยิ้มขณะพูด.

"ใช่แล้ว.”

ท่านคิดผิดแล้ว,พวกเขาได้กลับมาแล้ว. รับนี่ไปเถอะ.”

อ้วนซวนโยนห่อผ้าลงไป มันก็กลิ้งตกไปไกลพอสมควร แรงเหวี่ยงวัตถุที่โยนจากจุดที่ได้เปรียบค่อนข้างแรงทีเดียว และขุนนางหลงก็ไม่กล้าที่จะประมาทมัน. เขาตั้งท่าและรับมันด้วยมือทั้งสองข้างของเขาหลังจากมันลอยหมุนอยู่ในอากาศสักพัก

หลงเซ้าเฟิงสับสนจนไม่รู้จะทำอะไรก่อนดี. เขารู้สึกงงกับคำพูดของอ้วนซวนที่ว่า "พวกเขากลับมาแล้ว. เอานี่ไป "เขารู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.