spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
เจี้ยงเฉินเตะกระดูกไปด้านข้างและเอาคันธนูอันมีค่าและลูกธนูที่อยู่ในกระบอกไป.
ข้ากำลังคิดหาวิธีที่จะได้ธนูล้ำค่าสำหรับหยูตง. ซื่อชาเป็นคนให้ของขวัญอันมีค่านี้ " เจี้ยงเฉินเป็นคนที่มีสายตาอันแหลมคมเขาสามารถแยกออกว่าอะไรเป็นของมีค่าและอะไรเป็นขยะ. เขารู้ว่าคันธนูนี้ไม่ธรรมดา.
หลังจากจัดการซื่อชาจนสิ้นซาก เจี้ยงเฉินก็ไม่รอช้าเขารีบเดินออกไปข้างนอก.
ในเวลาเดียวกัน เขาได้สื่อสารกับกองทัพนกหงส์ในภาษาอสูรภูต เขาสั่งให้พวกมันออกค้นหาอ้วนซวนและหูปิงเย่วตั้งแต่ห้องแรกจนถึงห้องที่สาม.
นอกเหนือจากนกหงส์ทอง ซึ่งพอจะเข้าใจคำพูดของเจี้ยงเฉินได้บ้าง นกหงส์ตัวอื่น ๆ สามารถเข้าถึงได้โดยคำสั่งของนกหงส์ทองเท่านั้น.
เจี้ยงเฉินไม่ได้นั่งเล่นอย่างเกียจคร้าน เขาก็เริ่มค้นหาในทุกซอกทุกมุม.
"อ้วนซวน หวังว่าจะไม่มีอะไรร้ายแรงไปกว่านี้เกิดขึ้นกับเจ้า" เจี้ยงเฉินรู้ว่าอ้วนซวนและคนอื่นต้องประสบกับเคราะห์ร้ายที่ไม่สมควร ถ้าไม่ใช่เพราะฝ่ายตรงข้ามต้องการจะโจมตีเจี้ยงเฉิน พวกเขาคงจะไม่มุ่งเป้าไปยังอ้วนซวนและคนอื่น ๆ
ยังคงมีเวลาเหลืออีกห้าหรือหกวันจนกว่าจะสิ้นสุดระยะเวลาที่กำหนดสำหรับภารกิจ. เจี้ยงเฉินไม่รีบออกไป.
จำนวนทายาทที่เหลืออยู่ในอุโมงค์ใต้ดินไร้พรมแดนในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด. นอกจากนี้ยังมีร่องรอยของการสู้รบที่สามารถเห็นได้ชัดอยู่ทั่วอุโมงค์ใต้ดิน เรายังเห็นด้วยว่าการทดสอบครั้งนี้มีการหลั่งเลือดมากมายและการต่อสู้ระหว่างทายาทต่าง ๆ ได้เพิ่มความรุนแรงมากขึ้น.
"เหล่านี้คือบาปที่ตระกูลหลงก่อขึ้น. ทายาทเหล่านี้ได้รับความเดือดร้อนจากภัยพิบัติที่ไม่สมควร " เจี้ยงเฉินถอนหายใจเบา ๆ.
ร่องรอยของพี่น้องหลงในการจัดการแข่งขันครั้งนี้เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัด. เมื่อสังเกตที่ซากศพ บางคนก็ใกล้ชิดกับตระกูลหลง ในขณะที่บางคนไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับตระกูลหลงเลย.
มันต้องได้รับการแย่งชิงและต่อสู้ระหว่างสองฝ่าย.
ดูเหมือนว่าอัตราการสูญเสียในระหว่างการแข่งขันในครั้งนี้อย่างน้อยจะเกินสามในสิบส่วน
สำหรับอาณาจักรนี่ถือว่าเป็นอัตราการสูญเสียที่สูง. ต้องรู้ว่าอัตราการสูญเสียในการสอบและการทดสอบก่อนหน้านี้จะไม่เกินหนึ่งในสิบส่วน
อะไรที่มากกว่าหนึ่งในสิบส่วนจะถือเป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง
"ความขัดแย้งภายในระหว่างเหล่าขุนนาง นี่น่าจะเป็นผลพวงที่ตามมาของการขัดแย้งกันเอง? ขุนนางแห่งมังกรทะยานกำลังใช้วิธีการเหล่านี้เพื่อสร้างพลังของเขา. แม้ว่าเขาจะมาแทนที่ราชวงศ์และควบคุมทั้งอาณาจักร แต่กำลังใจของผู้คนจะถูกทำลายอย่างมาก นอกจากนี้ เขาจะใช้วิธีการใดให้ขุนนางเหล่านี้ยอมจำนนให้เขา?
เจี้ยงเฉินส่ายหัว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาไม่ได้สนใจในเรื่องการแก่งแย่งชิงอำนาจของราชวงศ์ชั้นสูงและขุนนางชั้นนำ. อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โดยรวมก็ได้นำเขาไปยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับขุนนางแห่งมังกรทะยาน.
ความจริงที่ว่าขุนนางแห่งมังกรทะยานได้จ้างนักฆ่าในครั้งนี้ ก็ทำให้เจี้ยงเฉินจนลุกเป็นไฟ.
"ขุนนางแห่งมังกรทะยาน ข้า เจี้ยงเฉิน สักวันหนึ่งจะทำให้ตระกูลหลงถูกลบไปจากอาณาจักรตะวันออก!"
เจี้ยงเฉินรู้สึกโกรธมากในเวลานี้.
ไม่มีความคืบหน้าในวันแรก. เขาไม่พบอ้วนซวนและไม่สามารถค้นหาตำแหน่งของหูปิงเย่วได้!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีข่าวใดที่เป็นข่าวที่ดีที่สุด.
เหตุผลที่เขายังตามหาพวกเขาไม่เจออาจหมายความว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่!.
วันรุ่งขึ้น ทายาทที่ยังคงเหลือในอุโมงค์ใต้ดินไร้พรมแดนทั้งหมดจากไป. เจี้ยงเฉินยังไม่พบเบาะแสใด ๆ.
"เป็นไปได้ไหมว่า พวกเขายังไม่ตาย แต่พวกเขาออกไปแล้ว?"
เจี้ยงเฉินไม่มีทางยอมแพ้. เขาตัดสินใจที่จะค้นหาอีกวัน. ถ้าเขายังไม่พบอะไรในวันที่สาม เขาก็จะออกไปจากอุโมงค์ใต้ดินไร้พรมแดน.
มีเวลาเหลืออีกสองหรือสามวัน ยังคงมีเวลาพอที่อาจจะได้เบาะแสบางอย่าง!
เมื่อถึงวันที่สาม นกหงส์ทองก็พบร่องรอยของเบาะแสบางอย่าง. มันสามารถจับเสียงลมหายใจของคนที่ยังมีชีวิตเขาซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่เล็ก ๆ ที่มีบึงโคลนในห้องที่สอง.
เจี้ยงเฉินรีบวิ่งไปและพบว่ามีคนที่ยังมีชีวิตอยู่ใกล้กับบึงจริง ๆ ร่างกายของเขาส่วนใหญ่ถูกดูดเข้าไปในบึงโคลน แต่ชายคนนี้กำลังดึงกิ่งไม้ไว้แน่น แต่ไม่สามารถไต่ขึ้นไปหรือถอยได้. เขาบาดเจ็บสาหัสมาก แต่มือของเขายังคงพันรอบกิ่งไม้เขาพยายามดึงมันไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่เหลือ.
"อ้วนซวน?" เจี้ยงเฉินงงงวยเมื่อเห็นใบหน้าคนนี้อย่างชัดเจน.
เขารีบสั่งให้นกหงส์ทองช่วยเขา.
อ้วนซวนถูกลากไปอย่างรวดเร็วเพื่อความปลอดภัย เขาอ่อนแอและอ่อนปวกเปียกอย่างเห็นได้ชัด. เจี้ยงเฉินป้อนโอสถให้เขาและนวดให้เขาฟื้นตัวเล็กน้อย.
อ้วนซวนค่อย ๆ เปิดตาช้า ๆ ริมฝีปากของเขาซีด "พี่เฉิน ข้า ... ข้ายังไม่ตายรึ?"
"เจ้าอ้วนซวน ข้าคิดว่าเจ้าตายไปแล้วจริง ๆ เจ้าเห็นเซี่ยวเย่วหรือไม่? " เจี้ยงเฉินถาม.
"ไม่ ... ข้าไม่เห็นเขาเลย. ข้าโชคร้ายมาก. ข้าจมลงไปในบึงนี้ในวันที่สามของการเข้ามาในสถานที่แห่งนี้. ข้าร้องเรียกขอความช่วยเหลือทั้งวันทั้งคืน แต่ไม่มีใครได้ยินข้า! " อ้วนซวนบ่น.
พื้นที่ในบึงนั้นโดดเดี่ยวมาก มันช่างโชคดีที่อ้วนซวนได้เดินมาจมในสถานที่เปลี่ยวร้างนี้.
เจี้ยงเฉินแอบดีใจ ดีที่เจ้าอ้วนซวนจมลงไปในบึงนี้. มิฉะนั้น เป็นไปได้ว่าเขาคงต้องเผชิญกับความน่ากลัว
เอ๊ะ. พี่เฉิน ข้าตะครุบกบคราวนี้ ข้าไม่ได้เก็บไข่มุกสีเขียวแม้แต่เพียงเม็ดเดียว. ให้ตายซิ แม้แต่บึงโคลนก็ทำร้ายข้า? ข้าแค่น้ำหนักมากไปนิดหน่อยเอง. วิชาตัวเบาของข้าก็ไม่ใช่ว่ากระจอกจนเกินไป แต่ทำไมข้าถึงจมลงไป? " อ้วนซวนชิงตำหนิตัวเอง
เจี้ยงเฉินถึงกับพูดไม่ออกและเขาเหลือบไปที่อ้วนซวน. เขายิ้ม, "มันก็ไม่เชิงว่าเจ้าจะเสียเวลาเปล่านะ. ดูที่ไขมันในร่างกายของเจ้าสิ มันหายไปตั้งเยอะ "
ไขมันตะลึงและมองลงไปที่ตัวเอง. เสื้อตัวเดิมที่รัดแน่นก่อนหน้านี้มันหุ้มร่างกายเขาเหมือนกับลูกชิ้นตอนนี้มันหลวมมากจนเหมือนกับกับเสื้อผ้าที่ถูกขโมยมา.
เอวที่หนากว่าถังก็ลดลงไปมากจนอยู่ในระดับของคนธรรมดา.
หลังจากเกือบหนึ่งเดือนที่เขาไม่ได้กินหรือดื่มอะไรเลย ถ้ามันไม่ใช่เพราะไขมันในร่างกายของเขา เขาอาจจะอดตายไปนานแล้ว.
"พี่เฉิน ข้า ... ในที่สุดข้าก็ลดน้ำหนักได้สำเร็จล่ะ?" อ้วนซวนกระโจนขึ้นขณะที่ดวงตาของเขาส่องประกาย. "ฮ่าฮ่า นี่ข้าประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักจริงหรือ? นี่คือการบอกว่าเมื่อข้าไปจีบหญิงสาวในอนาคตและข้ากอดพวกนาง พวกนางจะไม่มีใครบ่นว่าข้าอ้วนจนพวกนางหายใจไม่ออก?
เจี้ยงเฉินไม่มีอะไรจะตอบโต้ อ้วนซวนไม่ใช่แค่อารมณ์ดีมาก. แต่ประโยคเดียวที่ฟังดูเป็นการเป็นงานคือ การพูดเกี่ยวกับความล้มเหลวในการทดสอบ และในความเป็นจริงตอนนี้ เขาเริ่มคิดถึงการจีบหญิงสาว.
ดีที่เจี้ยงเฉินเก็บรวบรวมไข่มุกสีเขียวมากมายจากศพของทายาทที่เสียชีวิตระหว่างทางกลับ.
ถ้าลองนับจำนวนไข่มุกหลังจากหักส่วนของอ้วนซวนตามภารกิจของเขาออกแล้ว ก็ยังมีไข่มุกเหลืออยู่พอสมควร.
หลังจากพักผ่อนในอุโมงค์ใต้ดินเป็นเวลาครึ่งวัน อ้วนซวนฟื้นคืนความแข็งแกร่งขึ้นมาบ้าง. เมื่อไม่ต้องกังวลกับร่างกายอ้วนซวนรีบถามทันทีเพราะความอยากรู้อยากเห็น "พี่เฉิน เกิดอะไรขึ้น? ทำไมนกหงส์เหล่านี้ถึงได้เชื่อฟังท่าน? "
"เจ้าอ้วน เราเป็นพี่น้องกัน ดังนั้นอย่าถามเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้. ยิ่งเจ้ารู้มากเท่าไหร่ ชีวิตของเจ้าก็จะตกอยู่ในอันตรายมากเท่านั้น " เจี้ยงเฉินรู้ว่า อ้วนซวนถูกลิขิตไว้ว่าเขาจะไม่มีวรยุทธ์พิเศษในการฝึกศิลปะการต่อสู้ด้วยพลังแห่งเต๋าในชีวิตของเขา. จะดีกว่าหากเขาไม่รู้เรื่องราวเหล่านี้.
"เอาล่ะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ท่านจะยังคงเป็นพี่ชายที่ข้าเทิดทูนมากที่สุด” อ้วนซวนไม่ได้ถามเพิ่มเติม. "พี่เฉิน ตอนนี้ผ่านมากี่วันแล้ว?"
"ยี่สิบเจ็ดหรือยี่สิบแปดวัน?"
"ยี่สิบเจ็ดหรือยี่สิบแปดวันแล้วรึ?" อ้วนซวนหดหู่. "ถ้าเป็นเวลายี่สิบเจ็ดวัน กองทัพของเหล่าผู้เข้าแข่งขันจะยังคงอยู่นอกหุบเขา. ถ้าเป็นเวลายี่สิบแปดวัน,เหล่าผู้เข้าแข่งขันคงจะออกไปแล้วและเราจะต้องกลับไปเพียงลำพัง. ถ้าเราไม่มีม้าเร็ว เราจะทำอย่างไรให้มันทันเวลา? "
"ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ ตอนนี้ข้ากังวลเรื่องเซี่ยวเย่วมากที่สุด" เจี้ยงเฉินถอนหายใจ.
"เซี่ยวเย่วอยู่ในระดับแปดเส้นชีพจรของพลังลมปราณฉี. แล้วจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับเขาได้อย่างไรกัน? " อ้วนซวนถามอย่างไม่กังวล.
เจี้ยงเฉินกางมือออกแต่เขาไม่ได้พูดอะไร.
หากหูปิงเย่วตายไปแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แน่ใจได้ว่าเจี้ยงเฉินจะทำให้ตระกูลหลงต้องชดใช้สิ่งที่พวกเขาทำลงไป ซึ่งมันจะเป็นราคาที่สูงกว่าความตายของเขานับร้อยนับพันครั้ง.!
หลังจากพักอีกหนึ่งคืน อีกประมาณ หกถึงเจ็ดในสิบส่วนของบาดแผลอ้วนซวนก็ดีขึ้น. หลังจากที่ทั้งสองเดินอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินไร้พรมแดนไม่กี่ชั่วยาม ในที่สุดพวกเขาก็ออกจากอุโมงค์ใต้ดินได้สำเร็จ!
พวกเขาได้ออกมาเห็นท้องฟ้าสีครามและดวงอาทิตย์สว่างสดใส ต้นไม้ให้ร่มเงาที่ชวนมอง.
อ้วนซวนเอียงศีรษะขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วก็หายใจเข้าและตะโกนดังขึ้นว่า "มีใครยังมีชีวิตอยู่บ้าง? มันเยี่ยมยอดมากที่ยังได้มีโอกาสหายใจอีก! อากาศของโลกภายนอกช่างงดงามยิ่งที่จะสูดหายใจเข้า! "
เดินออกจากหุบเขาและมาถึงสถานที่ที่กองทัพของเหล่าผู้แข่งขันตั้งค่ายไว้ มันดูยุ่งเหยิง ทุกคนเดินทางกลับไปนานแล้ว.
"พวกเรามาสายจริง ๆ ด้วยละ ?" อ้วนซวนค่อนข้างอับอายขายหน้า. "พี่เฉิน ดูเหมือนข้าจะดึงท่านให้ต้องมาลำบากกับข้าอีกครั้ง"
"หยุดเรื่องไร้สาระของเจ้าได้แล้ว" เจี้ยงเฉินมองไปรอบ ๆ บริเวณ. "พิจารณาจากร่องรอยเหล่านี้ พวกเขาคงจะออกเดินทางไปได้เพียงวันเดียวก่อนเราจะมาถึง. ซึ่งหมายความว่าเรามีเวลาอีกสองวันเพื่อไปให้ทันพวกเขา "
"แล้วเราจะรออะไรอีกล่ะ,เราควรจะออกเดินทางทันที!" อ้วนซวนกล่าวอย่างรีบด่วน.
"ไม่ต้องรีบ." เจี้ยงเฉินส่งยิ้มให้เขาเล็กน้อยและพึมพำบางอย่างในภาษาอสูรภูต นกหงส์ทองสิบตัวรีบบินออกมาจากพุ่มไม้ทันที พวกมันบินตรงมาที่เขา.
"ข้าต้องการจะกลับไปที่เมืองหลวง และข้าต้องขอยืมปีกของพวกเจ้า" เจี้ยงเฉินออกคำสั่ง.
เขาจัดให้นกหงส์ทองหกตัวผลัดกันแบกพวกเขาทั้งสองคน. อีกสี่ตัวมีหน้าที่รับผิดชอบในการเป็นผู้นำกองทัพนกหงส์.
เจี้ยงเฉินไม่คิดจะพานกหงส์ทั้งกองทัพเข้าไปในเมืองหลวง. เขาให้พวกมันปลีกตัวอยู่ลึกเข้าไปในภูเขาหลายลี้จากเขตชานเมืองของเมืองหลวง.
ระยะทางหลายลี้เป็นระยะเวลาเพียงไม่ถึงครึ่งเค่อด้วยความเร็วของนกหงส์.
เมื่อมีกองทัพที่บินได้อยู่ข้างกาย เจี้ยงเฉินรู้สึกมั่นใจมากขึ้นในหัวใจของเขา.
ภายในเมืองหลวง ความเกรี้ยวกราดมีแต่เพิ่มขึ้นทุกวัน.
อัตราการสูญเสียสำหรับการทดสอบในเวลานี้มีถึงสามในสิบส่วน จากทายาททั้งหมดร้อยคน มีเพียง 70 – 80 คนที่ปรากฎตัวออกมา.
และในจำนวน 70-80 คนนี้ เกือบจะครึ่งหนึ่งได้รับบาดเจ็บ.
ข่าวลือเกี่ยวกับการกระทำของทายาทของขุนนางแห่งมังกรทะยาน ที่พวกเขาโกงการแข่งขันได้แผ่ขยายไปทั่วเมืองหลวงทำให้ทั้งผู้คนทั่วทั้งอาณาจักรตะวันออกตกตะลึง!
มีการกล่าวกันว่าความขัดแย้งระหว่างขุนนางแห่งมังกรทะยานกับราชวงศ์เกิดขึ้นอย่างลับ ๆ มานานแล้ว การโกงการแข่งขันเป็นการยั่วยุให้ประชาชนสงสัยในอำนาจการปกครองของราชวงศ์.
แม้ว่าจะไม่มีกฎใด ๆ ในการทดสอบมังกรซ่อนซึ่งกล่าวเกี่ยวกับการโกงการแข่งขัน คำขู่ของทายาทแห่งมังกรทะยานที่ว่า "บรรดาผู้ที่ยึดมั่นกับพวกเราจะอยู่อย่างมีความสุข และบรรดาผู้ที่ต่อต้านเราต้องตายอย่างทรมาน" เป็นแรงกดดันที่บาดหูบาดตา เพื่อที่จะบังคับให้ขุนนางคนอื่น ๆ อยู่ภายใต้อำนาจของพวกเขา.
นี่เป็นการสร้างกลุ่มเพื่อให้วิ่งตามผลประโยชน์ที่เห็นแก่ตัวของพวกเขาเอง!
ขุนนางแห่งมังกรทะยานได้เริ่มจัดตั้งกลุ่มของเขาต่อธารกำนัล นี่คือการนำผู้คนให้ก่อกบฏ!
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความคิดเห็นของประชาชนในเมืองหลวงเท่านั้น.
มีข่าวลือที่ตรงข้ามกับเรื่องนี้อีกอย่างคือ. มีการกล่าวหาว่าเจี้ยงเฉินจากอาณาจักรเจี้ยงหานคือคนที่โกงการแข่งขัน.
คำพูดนี้ทำให้เจี้ยงเฉินเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังการฉ้อโกงในการแข่งขัน. เหตุผลที่ทำให้เกิดการปะทะกันภายในหมู่ทายาท ถูกผลักเข้าสู่เจี้ยงเฉิน.
นอกจากนี้ข่าวลือดังกล่าวยังได้กล่าวถึงอุบายที่เจี้ยงเฉินใช้ซุ่มโจมตีพี่น้องตระกูลหลง และแย่งชิงตำแหน่งขุนนางระดับแรกจากขุนนางแห่งมังกรทะยาน!
ข่าวลือทั้งสองแบบนี้เป็นตัวแทนของพลังอำนาจทั้งสองที่อยู่ในเมืองหลวง!
ถึงแม้ว่าข่าวลือแรกจะมีแรงโน้มเอียงและใกล้กับความจริงมากกว่า แต่จากจำนวนขุนนางทั้งร้อยแปดคนในเมืองหลวงมากกว่าครึ่งหนึ่งได้ยอมร่วมมือกับขุนนางแห่งมังกรทะยานแล้วอย่างเงียบ ๆ.
ดังนั้น แม้ว่าเรื่องนี้จะใกล้กับความเป็นจริงมากกว่าแต่มันก็ถูกเปลี่ยนอย่างช้า ๆ.
สำหรับข่าวลือรูปแบบที่สอง เนื่องจากการหายตัวไปของคนที่ถูกตั้งคำถาม เจี้ยงเฉิน มันไม่มีโอกาสที่เขาจะได้แก้ตัว นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่า มีข้อมูลบ่งชี้ถึงความขัดแย้งระหว่างราชวงศ์และขุนนางแห่งมังกรทะยานอยู่ระดับหนึ่ง.
แม้ว่าเจี้ยงเฟิงจะสามารถรักษาเสถียรภาพของสถานการณ์ภายในอาณาเขตเจี้ยงหานไว้ได้ แต่เขาก็ไม่มีอำนาจที่จะหยุดข่าวลือในโลกภายนอกด้วยอิทธิพลของเขา.
ท้ายที่สุด อำนาจของเจี้ยงเฟิงยังมีไม่มากพอ. เขาไม่มีอำนาจอิทธิพลแม้เพียงหนึ่งในสิบของขุนนางแห่งมังกรทะยาน.
อีกวิธีหนึ่งที่กล่าวได้ว่าเมื่อราชวงศ์ถอนตัวจากการเป็นผู้สนับสนุน เจี้ยงเฟิงจะกลายเป็นคนที่ถูกลอยแพ อย่างสิ้นเชิงโดยไม่มีการสนับสนุนจากมวลชน ตระกูลเจี้ยงหานทั้งตระกูลเป็นเหมือนเรือเล็กในทะเลอันกว้างใหญ่ที่ปั่นป่วน ซึ่งเปรียบเสมือนการเผชิญหน้ากับผลกระทบอย่างรุนแรงจากขุนนางแห่งมังกรทะยานและพรรคพวกของเขาเพียงลำพัง.
สถานการณ์ในเมืองหลวงกลายเป็นเรื่องที่อ่อนไหวมากขึ้น.
ภายในคฤหาสน์มังกรทะยาน หลงเซ้าเฟิงเปี่ยมไปด้วยความสุขใจ หนามยอกอกของเขาซึ่งก็คือเจี้ยงเฉินถูกถอนออกในที่สุด. แม้ว่าพี่น้องตระกูลหลงไม่สามารถที่จะเห็นความตายของเจี้ยงเฉินด้วยตาของตัวเองก่อนออกจากอุโมงค์ใต้ดินไร้พรมแดน ขุนนางหลงก็ค่อนข้างสบายใจ. เจี้ยงเฉินบุกเข้าไปในห้องที่สี่ ซึ่งทุกคนต่างก็รู้กันว่าเป็นเขตต้องห้าม. เมื่อเขาเข้าไปแล้ว เขาจะต้องตายโดยไม่ต้องสงสัยเลย!
ดังนั้น ในสายตาของขุนนางหลง เจี้ยงเฉินจึงเป็นคนที่ตายไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย