หน้าแรก > ราชันสามภพ
ตอนที่ 88 จัดการนักฆ่าซื่อชาให้เหลือแต่ซาก

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

เจี้ยงเฉินรู้สึกสะเทือนใจเมื่อมองเห็นความผิดหวังเล็ก ๆ ในสายตาของเม็งฉี. เขารู้ว่าถ้าเขาเพียงแค่เดินปัดฝุ่นออกไปและปล่อยมันไว้เช่นนี้ก็คงจะดูใจร้ายใจดำเกินไป.

"ข้าคิดว่าข้าสามารถรอได้อีกหน่อย มากสุดก็ได้อีกสองวัน ในช่วงสองวันนี้ เราสามารถพูดคุยเกี่ยวกับผนึกของเจ้าและเรื่องเกี่ยวกับการก่อตัวนี้ได้ " เจี้ยงเฉินกล่าว.

เม็งฉียิ้ม. “อืม เจี้ยงเฉินในที่สุดข้าก็สามารถมั่นใจได้ว่าเจ้าเป็นมนุษย์ที่น่าเชื่อถือ. อย่างไรก็ตาม ข้าไม่มีความรู้อะไรเลยเกี่ยวกับผนึกภายในร่างกายของข้า และไม่สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับมันได้. แต่การก่อตัวนี้ ... ข้าคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยได้ยินมาว่าราชาของห้องที่สี่พูดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน. ข้าคิดว่ามันถูกเรียกว่า 'การก่อตัวที่ยิ่งใหญ่ของการคุมขังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์' หรืออะไรทำนองนี้แหละ! "

"การก่อตัวที่ยิ่งใหญ่ของการคุมขังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์?"

คิ้วของเจี้ยงเฉินขมวดเล็กน้อย เมื่อมีความทรงจำของชีวิตที่ผ่านมาของเขาแวบผ่านมาอีกครั้ง. เขาเคยศึกษาการก่อตัวขึ้นในชีวิตที่ผ่านมาของเขาแล้ว และเขาก็ได้ยินเกี่ยวกับเรื่อง "การก่อตัวที่ยิ่งใหญ่ของการคุมขังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์" มาก่อนหน้านี้. แต่ความทรงจำภายในใจของเขายังไม่ได้ถูกเปิดออกอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถหาเบาะแสได้ในช่วงเวลานี้.

แต่เม็งฉีจะรู้ความลับของเจี้ยงเฉินได้อย่างไร?

"เจี้ยงเฉิน เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเพื่อที่จะไตร่ตรองเรื่องนี้เดี๋ยวนี้. เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องนี้ให้หนักใจแม้ว่าจะอีกร้อยปีหรือห้าร้อยปี เว้นแต่การฝึกซ้อมของเจ้าจะเพียงพอที่จะทำให้เจ้าสามารถยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของโลกนี้ " เม็งฉีถอนหายใจเบา ๆ.

เจี้ยงเฉินเข้าใจในทุกสิ่งที่เม็งฉีเพิ่งพูด.

"เจี้ยงเฉิน เอาสิ่งนี้ติดตัวไปด้วย" เม็งฉีได้เอาวัตถุที่แข็งอย่างหยก แต่ไม่ใช่หยก.

"นี่คืออะไร?”

"บางอย่างจากร่างกายของข้า. ถ้าจะให้อธิบายให้ละเอียดขึ้น,มันคือฟันของข้าเอง "

แม้ว่ามันจะเป็นฟันหนึ่งซี่ แต่ความสว่างของมันก็เหมือนกับหยก และดูค่อนข้างเรียบง่ายและไม่ซับซ้อน. มันเกือบจะดูเหมือนว่ามันอาจจะเป็นกระดูกของเทพเจ้าหรือปีศาจ เพราะมันมีลวดลายโบราณแปลก ๆ อยู่บนนั้น.

"ไม่ต้องคิดมากหรอก นี่ไม่ใช่อาวุธและไม่สามารถปกป้องเจ้าได้. ประโยชน์ของมันมีอย่างเดียวคือเครื่องหมายบนนั้นเป็นสัญลักษณ์ของข้า. "

เม็งฉีหัวเราะ. "ถ้าเมื่อใดที่เจ้าต้องการความช่วยเหลือจากข้า ให้ใส่ข้อมูลนี้กับพลังลมปราณฉีที่ของเจ้าและข้าจะได้รับข้อความจากเจ้า"

"แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า? เจ้าติดอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินไร้พรมแดนมิใช่หรือ? "

"ข้าไม่สามารถออกไปได้ แต่กองกำลังของข้าทำได้." เม็งฉียิ้ม. "เจ้าลองนึกถึงภาพของนกหงส์จำนวนหลายล้านตัวที่อยู่ภายใต้การนำของนกหงส์ทอง. ใครจะสามารถทนต่อความสามารถของพวกมันในราชอาณาจักรธรรมดาเหล่านี้? "

เจี้ยงเฉินสั่นจากอาการตกใจสุดขีดของเขา.

เขารู้สึกชาที่หนังศีรษะเมื่อต้องคิดถึงภาพของฝูงนกหงส์นี้. กลุ่มแรกก็นกหงส์หยกที่มีจำนวนมากพอที่จะสามารถปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้าและปกปิดพื้นโลกไว้ได้ ไม่ต้องพูดถึงอุโมงค์ใต้ดินไร้พรมแดน ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะนำไปสู่ความหายนะอันถาวร.

มันเป็นไปได้ว่าอาณาจักรอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงทั้งสิบหกอาณาจักรจะได้รับผลกระทบไม่ต้องพูดถึงแค่อาณาจักรตะวันออก!

เม็งฉีช่างเป็นอสูรภูตที่น่าพิศวง ! เขาได้เสนอของขวัญอันล้ำค่าให้กับเจี้ยงเฉิน เห็นได้ชัดว่าเพื่อผูกมัดเขาไว้ พร้อมด้วยกับผลกำไรและความสูญเสียของเขาด้วยกัน.

นี่เป็นข้อบ่งชี้ถึงความปรารถนาดีอย่างแน่นอน มันพยายามเริ่มมีสัมพันธภาพที่ดีกับเขา ทำให้เขารู้สึกสบายขึ้น.

"เม็งฉี ข้ายอมรับของขวัญของเจ้า" เจี้ยงเฉินไม่ได้จองหอง. ในตอนนี้เขามีความจำเป็นต้องใช้ขวัญที่เยี่ยมยอดเช่นนี้.

"ฮ่า ฮ่า วัตถุชิ้นนี้ยังสามารถทำอย่างอื่นได้อีกนะ. ถ้าหากข้าคิดถึงเจ้า ข้าเพียงแค่ต้องใช้พลังจิต และวัตถุชิ้นนี้จะส่งพลังงานไปยังร่างกายของเจ้า มันจะแจ้งเตือนให้เจ้ารู้ "

"งั้นก็หมายความว่าถึงเวลาที่ข้าจะต้องมาพบเจ้าแล้วใช่มั้ย?" เจี้ยงเฉินยิ้ม.

"ฮ่า ฮ่า ข้าจะไม่เรียกหาเจ้าโดยไม่มีเหตุผลจำเป็น เจ้าจะเป็นทางเลือกสุดท้ายหากข้าหมดหนทาง. ข้อนี้เจ้าสามารถมั่นใจได้ " ใบหน้าของเม็งฉีมีสีแดงขึ้นขณะที่มันให้สัญญา.

หลังจากที่ได้บรรลุข้อตกลงกับเม็งฉีเรียบร้อยแล้ว เจี้ยงเฉินได้แสดงเจตนาที่จะจากไป. ถึงแม้จะยังมีเวลาอีกห้าหรือหกวัน แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เจี้ยงเฉินหนักใจ.

ฆาตกรจากสำนักนักฆ่าดาบเทวดาได้ปลอมตัวเป็นอ้วนซวนและหูปิงเย่ว. เจี้ยงเฉินกังวลเกี่ยวกับเพื่อนรักสองคนนี้ และเขาอยากจะออกไปสอดแนมสถานการณ์.

เขาต้องการที่จะเห็นพวกเขาหากพวกเขายังมีชีวิตอยู่,และหากพวกเขาตายแล้วเขาก็ต้องการที่จะเห็นซากศพของพวกเขา.

"เจี้ยงเฉิน เพื่อนที่ต้องการฆ่าเจ้ายังคงรออยู่นอกห้องที่สี่" เม็งฉีเตือนเขา.

"อย่างนั้นหรอ? พวกเขาทั้งหมดอยู่ที่นั่นหรือ? ข้าก็กลัวว่าพวกเขาจะกลับไปกันหมด " เสียงของเจี้ยงเฉินนั้นช่างเย็นน่าขนลุก.

"ข้าเกรงว่าเจ้าจะผิดหวัง. สองคนออกไปแล้ว ยังเหลือคนสุดท้ายกำลังยืนเฝ้าอยู่ที่นั่น. ดูเหมือนว่าเขาจะไม่หยุดจนกว่าเขาจะตาย "

"หลงหยินเยและหลงยู่ซื่อกลับไปแล้ว?" หลังจากที่เจี้ยงเฉินคิดทบทวน เขาก็เข้าใจว่าเรื่องราวทั้งหมดคร่าว ๆ. พวกเขาจะไม่มีวันอ้อยอิ่งอยู่นาน เพราะมีภารกิจที่กำหนดไว้มีเวลาแค่หนึ่งเดือน.

นั่นหมายความว่าคนที่ยังไม่ได้ออกไปไหนคือ หัวหน้านักฆ่าแห่งสำนักนักฆ่าดาบเทวดา.

"เจี้ยงเฉินลองฟังสิ่งที่ข้าจะพูด. ข้าตัดสินใจที่จะส่งกองทัพนกหงส์ออกไป. พวกมันจะฟังคำสั่งของเจ้า. ในหนึ่งกองทัพประกอบไปด้วยนกหงส์ทองสิบตัว นกหงส์เงินหนึ่งร้อยตัว และนกหงส์หยกหมื่นตัว. ถ้านั่นยังไม่พอ เจ้าสามารถใช้สิ่งนั้นเพื่อติดต่อกับข้าได้ตลอดเวลา "

เม็งฉีมองเจี้ยงเฉินเหมือนเป็นสมบัติล้ำค่าตอนนี้ และไม่ต้องการให้เหตุร้ายใด ๆ เกิดขึ้นกับเขา. นอกจากนี้ภายในอาณาเขตของเขาเอง เขามีหน้าที่ในการดูแลความปลอดภัยของเจี้ยงเฉินด้วย.

เม็งฉีเดินไปยืนตรงกลางและให้คำสั่งในภาษาอสูร. นกหงส์ทองบินไปเจี้ยงเฉินอย่างเชื่อฟัง.

"เจี้ยงเฉิน ทำตัวตามสบาย พวกมันจะปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าอย่างเต็มที่" เม็งฉีให้สัญญา. "ข้าไม่สามารถออกจากห้องที่สี่ได้ ดังนั้นให้นกของข้าสอนบทเรียนเรื่องนี้ให้เพื่อนเจ้าได้เห็น"

เจี้ยงเฉินไม่ได้ปฏิเสธหรือปฏิบัติตามพิธีการ. เขาเพียงแค่เดินจากไปพร้อมกับกองทัพนกหงส์.

ในเขตแดนระหว่างห้องที่สามและสี่ หัวหน้านักฆ่าซื่อชายืนเฝ้ายามอยู่ประมาณหกหรือเจ็ดวัน.

"นี่น่าจะเป็นสถานที่ที่ไดเปรียบที่เราจะใช้โอกาสนี้ต่อสู้กับเจี้ยงเฉิน แต่ถ้าเขาไม่ออกมาเร็ว ๆ นี้ล่ะ" ซื่อชายังลังเลอยู่. "หรือว่าข้าควรจะเข้าไปดูข้างในว่าเกิดอะไรขึ้นดี? เกิดอะไรขึ้นถ้าอาการบาดเจ็บของเขาสาหัสขึ้นและเขาเสียชีวิตด้านนอกสุดของห้องที่สี่? ถ้าแค่เพียงไม่กี่ลี้ ก็คงจะไม่เป็นไรหากข้ารีบเข้าไปและออกมาทันทีใช่มั้ย? "

ซื่อชาปลอบใจตัวเองด้วยวิธีนี้ แต่เขาก็ยังไม่กล้าพอที่จะเริ่มย่างก้าวแรกเข้าสู่ห้องที่สี่ได้.

ไม่ว่าจะอย่างไร ตำนานที่เล่าขานดูเหมือนจะเป็นเรื่องน่ากลัวสุดหัวใจ. ไม่มีผู้ฝึกฝนคนใดกลับออกมาหลังจากที่ได้เข้าสู่ห้องที่สี่.

แม้ว่าจะเป็นเพียงไม่กี่ลี้ และไม่ได้เข้าไปลึกข้างใน ซื่อชาก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าเขาจะสามารถหลบหนีออกมาได้.

แต่ด้วยใบมีดของเจี้ยงเฉินที่ล่อตาล่อใจเขาเป็นอย่างมาก มันคืออาการคันในหัวใจของเขา ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะเกา! เขารู้ได้ชัดว่าถ้าเขาสามารถหากระบี่นั้นได้ เขา ซื่อชา ผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้แห่งเต๋า คนอื่น ๆ ก็จะไม่มีเคยเอาชนะเขาได้. เขาสามารถก่ออาชญากรรมได้โดยไม่ต้องออกจากอาณาจักรเหล่านี้!

กระบี่ที่ล่อตาล่อใจเขาทำให้ยากที่จะทนได้.

เข้าไปข้างในหรือรอข้างนอก?

"เจ้าสารเลวเจี้ยงเฉิน. ถ้าเจ้าไม่ได้เข้าไปในห้องที่สี่ แน่นอนว่าใบมีดล้ำค่าอันนี้จะอยู่ในมือของข้าแน่ ๆ " ซื่อชารู้สึกคันในหัวใจของเขาเมื่อใดก็ตามที่เขาคิดถึงใบมีด.

เขายังเสียใจที่ไม่ได้ฆ่าเจี้ยงเฉินด้วยความรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้. ถ้าเขาฆ่าเจี้ยงเฉินตั้งแต่ช่วงที่เขาอยู่ในห้องที่สาม มันจะไม่มีเรื่องวุ่นวายดั่งเช่นเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้?

แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าความแข็งแกร่งของเจี้ยงเฉินเกินความคาดหมายของเขา. ถ้าไม่ใช่เพราะการโจมตีจากอาวุธแห่งจิตวิญญาณในตำนานของหลงหยินเยและหลงยู่ซื่อที่ดึงดูดความสนใจของเขา ก็คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะหาโอกาสในการฆ่าเจี้ยงเฉินคนเดียว.

"เอ๊ะ เมื่อไหร่กันที่ความผิดปกติดังกล่าวเกิดขึ้นในอาณาจักรตะวันออก?" ซื่อชาแช่งในใจของเขา. "โอ้ ใช่เจี้ยงเฉินคนนี้มาจากอาณาเขตเจี้ยงหาน. ขุนนางแห่งเจี้ยงหานเป็นเพียงขุนนางระดับสองเท่านั้น. เขาปลูกฝังความอัจฉริยะเช่นนี้ได้อย่างไร ? เว้นแต่ว่า ... มีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ในคฤหาสน์เจี้ยงหานใช่หรือไม่? "หึ?" ถ้าข้าไม่สามารถขโมยมีดเล่มนั้นมาได้ ข้าต้องไปที่เมืองหลวงของอาณาจักรตะวันออกก่อนที่ข้าจะกลับไปยังสำนักของข้า ข้าควรโจมตีเมืองของขุนนางแห่งเจี้ยงหาน. อย่างน้อยข้าคงจะได้รับอะไรบางอย่างจากเขา "

หูของซื่อชาขยับเมื่อความคิดของเขาแล่นมาถึงเส้นทางนี้ และจมูกของเขาสูดอากาศเข้าออกขณะที่เขายกคันธนูในมือขึ้นมา.

เขาแทบไม่อยากจะเชื่อเลยเพราะเขาสามารถรู้สึกถึงการปรากฏตัวของบางสิ่งบางอย่างได้จาง ๆ. การปรากฏตัวนี้เป็นกลิ่นที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของเจี้ยงเฉินก่อนหน้านี้!

"เจี้ยงเฉินรึ?" ซื่อชาถามด้วยความไม่เชื่อ.

“ข้าเอง.” เขาได้ยินเสียงของเจี้ยงเฉินมาแต่ไกลในความมืด.

"เจ้าจริง ๆ เหรอ?" ซื่อชากระวนกระวายใจ. "เจ้ายังไม่ตายหรอกหรือ? ดีมาก ! เจี้ยงเฉิน เราคุยกันได้. ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า และข้าจะปล่อยให้เจ้าเป็นอิสระ. เงื่อนไขสำหรับสิ่งนั้นคือ การที่เจ้าต้องออกไปโดยทิ้งใบมีดของเจ้าไว้ข้างหลัง. "

"เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อเรื่องไร้สาระหลอกลวงของเจ้าหรือ?" เจี้ยงเฉินระเบิดเสียงหัวเราะออกมา.

"เจ้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อข้า. มิฉะนั้น เจ้าก็ลองเข้าไปข้างในนั้นได้อีกครั้ง ไม่มีใครโผล่ออกมาจากห้องที่สี่ในสภาพที่ยังมีชีวิต! ข้าคิดว่าเจ้าต้องไม่ได้เข้าไปลึก และเจ้าเพียงแค่เข้าไปในเขตด้านนอกใช่มั้ย? " ซื่อชาถาม.

"ข้าทำเช่นนั้นหรอกรึ? ทำไมเจ้าถึงไม่เข้ามาข้างในและพิสูจน์ความจริง? เจี้ยงเฉินหัวเราะเยาะ.

ซื่อชาหัวเราะด้วยเสียงหัวเราะที่ร้ายกาจและน่ากลัว. "ข้าไม่จำเป็นต้องเข้าไป ข้าเพียงแค่มีหน้าที่ต้องยืนเฝ้าอยู่ที่นี่เท่านั้น. เจ้าจะไม่สามารถออกไปไหนได้. เจ้าจะออกไปแต่โดยดีหลังจากที่มอบใบมีดล้ำค่า หรือจะยอมตายในเขตหวงห้ามของห้องที่สี่? "

"ข้าต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งหรือ?" เจี้ยงเฉินยิ้มเฉย ๆ.

"เจ้าต้องเลือกเพียงอย่างเดียว!"

"ดีมาก ! ข้าเลือกให้เจ้าอยู่และข้าจะออกไป! " เจี้ยงเฉินพึมพำบางอย่างในปากของเขาทันทีที่พูดเสร็จ.

“เจ้าหมายความว่ายังไง?” ซื่อชาตกตะลึง.

ทันใดนั้นเอง ซื่อชาถึงกับต้องหายใจไม่ทั่วท้อง เมื่อเห็นว่านกหงส์ทุกประเภทบินออกมาจากทุกมุมและทุกทิศทางเช่นฝูงตั๊กแตนที่เต็มท้องทุ่ง.

ปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้าและปกปิดทั่วทั้งแผ่นดิน บินวนอยู่ทุกหนทุกแห่งใต้ฟ้าสวรรค์.

เหล่านกหงส์ขนาดมหึมาที่ใส่ใจในรายละเอียดต่างจดจ่อกับการเคลื่อนไหวของเขา จนทำให้เขาไม่สามารถที่จะหาที่ยืนได้.

หกหงส์จำนวนนับไม่ถ้วนบินจู่โจมเขาโดยไม่กลัวตาย. จะงอยปากที่แหลมและปีกขนนกของพวกมันคมเหมือนดั่งมีดเมื่อมันบินตัดผ่านอากาศ ปีกของมันตัดผ่านกำแพงหิน ตัดผ่านทุกสิ่งทุกอย่าง.

ใบหน้าของซื่อชาเปลี่ยนไป เนื่องจากเส้นชีพจรของเขาระดับสิบเอ็ดเส้นเริ่มต่อสู้ได้ช้าลง พยายามที่จะต้านทานเหล่านกหงส์.

อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่แคบ ๆ และภายใต้สภาพที่ถูกล้อมรอบ พื้นที่ที่เขาสามารถใช้งานได้อย่างแท้จริงมีไม่มากนัก.

พลังแห่งสิบเอ็ดเส้นชีพจรของพลังลมปราณฉีผู้เชี่ยวชาญพลังฉี อันที่จริงเป็นผู้ที่มีพลังมหาศาลอย่างแน่นอน. นกหงส์หลายตัวถูกยิงโดยพลังลมปราณฉีและตกลงมากมาย เหมือนกับว่าฝนเลือดตกลงมาเป็นก้อนเนื้อ.

อย่างไรก็ตาม เขาสามารถฆ่านกหงส์ได้สิบตัวถึงร้อยตัวด้วยวิธีนี้ แต่พลังของเขาก็ถูกจำกัด เขาไม่สามารถฆ่าได้ทั้งกองทัพ.

ในกองทัพนกหงส์มีนกนับหมื่นตัว. รวมทั้งนกหงส์ที่อยู่ข้างนอกเกือบสองหมื่นตัวได้พุ่งเข้ามาในเวลานี้. ภายในพื้นที่ห้ากิโลเมตรเต็มไปด้วยนกหงส์.

เงาสีทองพุ่งไปทางซื่อชา.

มีอีกหนึ่งเงาสีทองและเงาสีทองที่เพิ่มขึ้นเรื่อยตามติดกันไป ...

เงาสีทองทั้งสิบในแถวเดียวกันเริ่มโจมตีซื่อชาด้วยกลิ่นอายที่คุกคามราวกับฟ้าร้องและก้อนหินที่ตกลงมาจากฟากฟ้า.

ในที่สุดนกหงส์ทองก็เริ่มขยับตัว.

นกหงส์ทองแต่ละตัวมีพลังเทียบเท่ากับผู้เชี่ยวชาญพลังลมปราณฉี. ผู้เชี่ยวชาญพลังลมปราณฉีทั้งสิบรวมทั้งผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ทั่วไปจำนวนนับไม่ถ้วนที่ไม่กลัวความตาย.

นี่ได้ยืนยันคำกล่าวที่ว่า - "คนธรรมดาร่วมแรงกันสามารถที่จะเอาชนะคนที่มีวรยุทธ์สูงได้!"

ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็จะไม่สามารถเผชิญกับกลยุทธ์ของกองทัพคนทั้งกองทัพได้ หากไม่มีอำนาจที่ท้วมท้น.

นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของกองทัพมนุษย์ แต่เป็นกองทัพนก.

พัพ!

ปีกสีทองตัดผ่านแขน มือ หลัง และต้นขาของซื่อชา ...

มีการโจมตีอีกรอบพุ่งไปยังเขา.

ซื่อชาครวญครางเหมือนปีศาจที่กำลังร้องไห้และหมาป่าที่กำลังเห่าร้อง "เจี้ยงเฉิน ช่วยข้าด้วย! เราจะหลบหนีไปด้วยกัน! "

กล่าวได้ว่าคนมักจะพูดเรื่องน่าขบขันอย่างสิ้นเชิง คำพูดที่ไร้เดียงสามาก เมื่อพวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง.

เจี้ยงเฉินยิ้มจากระยะไกล "ซื่อชา ข้าจะออกไปในไม่ช้า แต่ข้าจะไม่หนี. เจ้ารู้ตัวรึยังว่านกหงส์ทองดูเหมือนจะชอบเนื้อและเลือดของเจ้า? "

ซื่อชาร้องไห้ออกมาและส่งเสียงสะอึกสะอื้น,แล้วเสียงของเขาก็เบาลงและเบาลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งมันหายไปในที่สุด.

หลังจากนั้นสักครู่ มีเพียงโครงกระดูก เส้นผมกองพะเนิน เศษผ้าจำนวนมาก และดูเหมือนจะมีธนูที่ดูมีค่าและลูกธนูที่อยู่ในกระบอกยังหลงเหลืออยู่.

ถึงแม้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญพลังลมปราณฉีที่มีอำนาจมากถึงสิบเอ็ดเส้นชีพจรซึ่งสามารถสร้างคลื่นพลังขนาดใหญ่ขึ้นมาได้เพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการฝ่ายตรงข้ามที่ใช้ยุทธวิธีกองทัพนกล้อมรอบ

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.