หน้าแรก > ราชันสามภพ
ตอนที่ 87 ข้อแลกเปลี่ยนที่ไม่คาดฝัน

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

"นั่นคือความลับของข้า" เจี้ยงเฉินยิ้มบาง ๆ

"ความลับ?" อสูรภูตยิ้ม. "เจ้าเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวที่กล้าพูดคุยกับข้าเกี่ยวกับความลับ ในขณะที่อยู่ในดินแดนของข้าอย่างนั้นหรือ?"

"มันเป็นความลับจริง ๆ. ช่างเหอะยังไงข้าก็ไม่ได้วางแผนที่จะออกจากที่นี่โดยที่ยังมีชีวิต. เจ้าแทบไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย นกหงส์เหล่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการข้า " เจี้ยงเฉินช่างไร้ยางอายเสียจริง.

"ฮ่า ฮ่า อันที่จริงเจ้าเป็นมนุษย์ที่น่าสนใจจริง ๆ. ก่อนหน้านี้ ไม่มีมนุษย์คนใดที่เข้าไปในดินแดนของข้าแล้วสามารถมีชีวิตออกมาได้ นอกเสียจากข้าไม่สามารถเอาชนะคนคนนั้นได้ แต่ก็ยังไม่เคยมีใครเอาชนะข้าได้. แต่อย่างไรก็ตาม เจ้า ข้าไม่ได้มีแผนที่จะฆ่าเจ้า "

"เพราะข้ารู้ภาษาโบราณของอสูรงั้นรึ?" เจี้ยงเฉินถามด้วยเสียงต่ำ.

“ไม่ใช่.” อสูรภูตส่ายหัว. "เพราะเนื่องจากตั้งแต่ที่เจ้าได้เข้ามาสู่ดินแดนของข้า มีอำนาจบางอย่างที่ซ่อนอยู่ภายในตัวเจ้าเป็นพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัว. แม้ว่าข้าจะไม่สามารถสัมผัสถึงมันได้อีกแล้ว แต่ข้าแน่ใจว่าพลังอันน่าเกรงขามมันกำลังหลับใหลภายในตัวเจ้า "

"โอ้?" เจี้ยงเฉินรู้สึกทึ่งกับคำพูดของอสูรร้ายจนนิ่งไป.

เป็นสิ่งที่แน่ใจได้ว่า สมองของเขาเต็มไปด้วยคำสอนของอัครสาวก และเขามีความรู้ด้านทฤษฎีและวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดถี่ถ้วน แต่เขาจะเริ่มอธิบายความจริงที่เห็นได้ชัดว่ามีอำนาจที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในตัวเขาได้อย่างไร?

"ไม่จำเป็นต้องสงสัย เจ้ายังไม่ได้เข้าสู่จิตวิญญาณแห่งเต๋าเลย และยังไม่ได้เปิดห้วงจิตวิญญาณในตัวเจ้า. เจ้าจะยังไม่สามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของพลังนี้ได้อย่างเต็มที่ "

เฉพาะเมื่อเข้าสู่จิตวิญญาณแห่งเต๋าและตัดผ่านห้วงจิตวิญญาณก็จะเริ่มฝึกจิตวิญญาณของพลังลมปราณฉีได้.

จากทักษะความสามารถทั้งสี่ที่มาพร้อมกับเทคนิค "มีดบินทะลวงจันทรา" หนึ่งในสี่ทักษะ "ญาณทิพย์" สามารถฝึกได้เฉพาะหลังจากที่เข้าสู่จิตวิญญาณแห่งเต๋า.

"นี่หมายความว่า เจ้ากลัวอำนาจของข้า?"

"ฮ่า ฮ่า, กลัว?" อสูรภูตยิ้มแย้ม. "เช่นเดียวกับที่เจ้าเคยกล่าวไว้ นกหงส์เหล่านี้มีกำลังมากพอที่จะบดขยี้เจ้าไม่ว่าจะกี่หมื่นกี่พันครั้ง. ข้าจะกลัวเจ้าไปทำไมกัน ? "

"ในเมื่อเจ้าไม่ได้กลัวข้า และข้าได้บุกรุกเข้ามาในดินแดนของเจ้า เจ้ามีเหตุผลอะไรที่จะปล่อยข้าไป?"

"เจ้ามนุษย์ อย่าพยายามยั่วยุอารมณ์ข้าเลย ข้าอยู่ที่นี่มาหลายล้านปี. เจ้าคิดว่าข้าจะโมโหได้ง่าย ๆ เพียงเพราะถูกมนุษย์ยั่วยุงั้นหรือ? มันเป็นเพียงเพราะข้ารู้สึกถึงพลังจิตลึกลับภายในตัวเจ้า. พลังนี้ดูเหมือนจะมีมากกว่ากฎของการดำรงอยู่ของโลกนี้. อำนาจนี้เป็นสิ่งที่เพื่อนของข้าได้คาดการณ์ไว้อย่างแม่นยำในการนอนหลับของพวกเขานับหมื่นปี. นี่เป็นความหวังอีกอย่างหนึ่ง! "

“ความหวัง?”

เจี้ยงเฉินรู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้น.

"ใช่ ความหวัง ความหวังที่จะได้ออกจากสถานที่แห่งนี้! " ความรู้สึกเยือกเย็นแบบโบราณ สำหรับชีวิตหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์ผลัดเปลี่ยนรอบตัวมากมาย ความรู้สึกดังกล่าวมันไหลออกมาจากดวงตาของอสูรภูต.

"ออกจากที่นี่ ? เจ้ากำลังล้อข้าเล่น. ด้วยพลังของเจ้า การออกไปจากที่นี่เป็นเพียงเรื่องง่าย ๆ ไม่ใช่หรือ? "

"นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าบอกว่า ตอนนี้เจ้าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น. เจ้ายังไม่ได้ฝึกฝนพลังวิญญาณของเจ้า เจ้าจะสังเกตเห็นตาข่ายที่ไม่สามารถหลบหนีออกไปได้ที่ปิดกั้นอยู่รอบด้านของอุโมงค์ใต้ดินไร้พรมแดนได้อย่างไร? "

"อุโมงค์ใต้ดินไร้พรมแดนนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยความสามารถของมนุษย์ที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ คนที่มีเกียรติศักดิ์อันสูงส่งจากอีกภพ. พลังเหล่านั้นน่าสะพรึงกลัวน่าเหลือเชื่อ เป็นพลังหวงห้าม การก่อรูปแบบที่ต้องห้าม. บุคคลที่อยู่นอกจิตวิญญาณแห่งเต๋าสามารถเข้าออกได้อย่างอิสระ ในขณะที่ร่างกายของพวกเราถูกพันธนาการและถูกประทับตราด้วยผนึกที่สอดคล้องกับการก่อตัว. หากเราย่างเท้าออกไปเราจะไปกระตุ้นผนึกที่ถูกปิดเดี๋ยวนั้น ทำให้เกิดเพลิงไหม้จากสวรรค์และแผ่นดินโลก และเราจะตายในที่เรายืนอยู่ทันที "

"นี่หมายความว่า คนจากโลกภายนอกสามารถเข้าและออกจากสุสานอุโมงค์ใต้ดินไร้พรมแดนนี้ได้ แต่สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ข้างในไม่สามารถออกไปได้?"

"นั่นไม่ใช่ความจริงทั้งหมด. เหล่าวิญญาณระดับล่างเช่นนกหงส์เหล่านี้ยังสามารถเข้าและออกได้ " อสูรภูตถอนหายใจเบา ๆ ความเหงาปรากฏชัดเจนในสายตาของมัน.

เจี้ยงเฉินยังคงเงียบ. เขาสามารถมองเห็นความเยือกเย็นอันโดดเดี่ยวจากดวงตาของอสูรภูต อันเนื่องมาจากการถูกพันธนาการในห้องนี้เป็นเวลาหลายปี. นี่เป็นเช่นเดียวกับที่เวลาหลายล้านปีในภพที่ผ่านมาของเจี้ยงเฉิน มันช่างว่างเปล่า เหงา และโดดเดี่ยว!

"มนุษย์เอ๋ย ข้าใช้เวลาส่วนใหญ่ของข้าที่นี่ไปกับการนอนหลับ เพราะข้าไม่ต้องการที่จะตื่นขึ้นมา. การตื่นขึ้นมาจะทำให้ข้าสูญเสียทั้งพลังจิตและพลังงาน. เว้นเสียแต่ว่าการกระทำผิดที่ไม่ยั้งคิดอย่างบ้าบิ่นของมนุษย์ที่แข่งขันกันเพลี่ยงพล้ำเข้ามาทำให้เรารำคาญ เรามักชอบนอนหลับเกือบตลอดเวลา เพราะเราไม่สามารถออกไปจากอุโมงค์ใต้ดินไร้พรมแดนนี้ได้. เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมบรรดาผู้ที่เสี่ยงภัยเข้ามาที่นี่ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถกลับออกไปได้? "

"ข้ารู้สิ เพราะพวกเขาเข้ามารบกวนเจ้าและทำให้เจ้าต้องเสียพลังจิตวิญญาณและพลังงาน" เจี้ยงเฉินสามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว.

"เจ้าฉลาดมาก. ดังนั้นเจ้าเป็นมนุษย์เดียวที่ข้าไม่ต้องการที่จะฆ่า เพราะข้าต้องการทำข้อแลกเปลี่ยนกับเจ้า "

“ข้อแลกเปลี่ยน?” เจี้ยงเฉินสะดุ้งตกใจ.

"ใช่แล้ว.” อสูรภูตตัวนี้ถอนหายใจเบา ๆ. "ข้ารู้ว่าสิ่งที่ข้าพูดแม้จะฟังดูบ้า แต่ข้ารู้สึกอย่างไม่ชัดเจนถึงร่องรอยของพลังที่ไม่ได้เป็นของสัตว์ตัวใดในสถานนี้ในช่วงเวลานั้น. หวังว่าความมหัศจรรย์อันเหลือเชื่อบางอย่างจะเกิดขึ้นกับเจ้าในอนาคต? เจ้าจงคิดแค่ว่ามันเป็นหนึ่งในความฝันที่ยังไม่เกิดขึ้นของข้า. หรือบางทีมันอาจจะเป็นแค่ความคิดเห็นที่ผิดเท่านั้น. แต่ แม้ว่าจะเป็นการเข้าใจผิด แต่ข้าก็ยังไม่อยากปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไป ... "

กล่าวได้ว่า อสูรภูตมีแนวโน้มที่พูดเรื่อยเปื่อย เพราะเขาถูกขังอยู่นานเกินไป.

"มาเข้าประเด็นสำคัญกันเถอะ" เจี้ยงเฉินต้องเตือนอสูรภูต.

“อืม การทำข้อแลกเปลี่ยนนี้เป็นเรื่องง่าย. ข้าสามารถปล่อยเจ้าไปได้ และแม้แต่สาบานว่าจะจงรักภักดีต่อเจ้า ตราบใดที่เจ้าสาบานว่า เมื่อใดก็ตามที่เจ้ามีความสามารถในการปลดปล่อยพันธนาการจากภายในร่างกายของข้าในภายภาคหน้า เจ้าจะกลับมาช่วยข้าให้ออกไปจากสถานที่นี้. เจ้าต้องรู้ว่ามันรู้สึกหดหู่ใจอย่างแท้จริง เมื่อต้องอาศัยอยู่ภายในสถานที่ร้อนและแออัดนี้. ข้ายอมเป็นทาสของเจ้าที่ได้เห็นโลกภายนอกซะ ยังดีกว่าต้องอยู่แบบไม่มีที่สิ้นสุดในที่นี่อย่างทุกข์ทรมาน. "

"ง่าย ๆ แบบนี้เลยรึ?" เจี้ยงเฉินรู้สึกว่ามันไม่น่าเชื่อ.

"ง่าย ๆ แค่นี้แหละ" อสูรภูตพยักหน้า ด้วยการมองที่จริงใจอย่างมากไหลผ่านสายตาของมัน.

มันดูเหมือนว่าความเหงาและความว่างเปล่า ความจริงทั้งสองสิ่งพอที่จะทำลายทุกอย่าง รวมทั้งอสูรภูตที่แข็งแกร่งตัวนี้ด้วย!

"คำสาบานในนามของกฎแห่งสวรรค์มีประสิทธิภาพมาก เจ้าต้องคิดอย่างรอบคอบ." อสูรภูตไม่ลืมที่จะเตือนเขา.

เจี้ยงเฉินยิ้ม. ในภพที่แล้วเขาเป็นบุตรชายของจักรพรรดิสวรรค์. เขาตระหนักดีถึงอำนาจของคำสาบานในนามของกฎแห่งสวรรค์. แม้แต่จักรพรรดิสวรรค์เองก็ไม่กล้าฝ่าฝืนคำสาบานตามกฎแห่งสวรรค์.

อสูรภูตจ้องเขม็งไปที่เจี้ยงเฉิน,เห็นได้ชัดว่ามันกังวลเกี่ยวกับข้อตกลงว่ามันจะสูญเปล่า มันกลัวว่ามันจะต้องอยู่อย่างสิ้นหวัง หากเจี้ยงเฉินจะปฏิเสธ.

เจี้ยงเฉินลูบท้องของเขาและยิ้มอย่างเฉื่อยชา. "ถ้าเจ้าสามารถหาบางสิ่งบางอย่างให้ข้ากิน เราจะมาตกลงเรื่องนี้กันหลังจากนั้น."

"จริงรึ!?" ดวงตาของอสูรภูตเป็นประกาย.

"ข้าสามารถสาบาน แต่ข้าไม่สามารถรับประกันเกี่ยวกับระยะเวลาได้. เพราะปัจจุบันข้าไม่มีความคิดหรือความรู้เกี่ยวกับการก่อรูปแบบและการเปิดผนึก.

"นั่นไม่ใช่ปัญหา เราอยู่ที่นี่เป็นเวลานานจนไม่อาจนับได้ หากต้องอยู่ต่ออีกสักไม่กี่ปีก็คงเป็นเรื่องเดิม ๆ ที่ง่ายดาย."

เอาล่ะ ข้า เจี้ยงเฉิน ขอสาบานในนามของกฎแห่งสวรรค์ว่า หากวันใดที่ข้ามีพลังที่สามารถจะทำลายผลึกที่กักขังเจ้าได้แน่ใจว่าข้า ... แล้วเจ้าชื่ออะไร?"

"เรียกข้าว่าเม็งฉี!" อสูรภูตรีบตอบแบบลุกลี้ลุกลน.

"ข้าขอสาบานว่า ข้าจะช่วยเม็งฉีให้ออกจากสถานที่แห่งนี้. ถ้าข้าฝ่าฝืนคำสาบานนี้แล้ว ขอให้กฎแห่งสวรรค์ลงโทษข้าอย่างสาหัส " เจี้ยงเฉินกล่าคำสาบานอย่างคล่องแคล่วและจริงจัง.

"เอาล่ะ,ดูเหมือนว่าเจ้าจะแตกต่างไปจากคนอื่น. ข้ารู้สึกได้ถึงความจริงใจของเจ้า. เนื่องจากเจ้าไม่ได้ให้คำสาบานอย่างขอไปที แต่เจ้าใส่ใจในเรื่องของข้า ข้า เม็งฉีก็ขอสาบานว่า ถ้าเจ้าสามารถช่วยข้าให้ออกไปจากสถานที่นี้ได้ ข้าจะถือว่าเจ้าเป็นเจ้านายของข้าไปตลอดชั่วชีวิตของข้า และข้าจะฟังคำสั่งของเจ้าทั้งหมด! ถ้าข้าฝ่าฝืนคำสาบานนี้แล้ว ขอให้กฎแห่งสวรรค์ลงโทษข้าอย่างสาหัส "

มนุษย์คนหนึ่งและอสูรร้ายตัวหนึ่งได้ดำเนินการทำข้อแลกเปลี่ยนที่แปลกใหม่ในสถานการณ์เช่นนี้.

ในขณะนี้.ท้องของเจี้ยงเฉินเริ่มส่งเสียงร้องในจังหวะที่ไม่เหมาะสมนี้.

นกหงส์ทองรีบส่งอาหารมาให้อย่างรวดเร็ว เป็นช่อผลไม้สีเขียวหยก.

"กินซะ. นี้เป็นผลไม้ที่มีคุณภาพค่อนข้างสูงงอกเงยภายในถ้ำเท่านั้น. เนื้อเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจมาก ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่สามารถที่จะกินมันเป็นอาหารได้. "

เจี้ยงเฉินไม่รีรอเขารีบตรงไปยังอาหารและเริ่มเคี้ยวผลไม้. ผลไม้กรอบชุ่มฉ่ำและละลายในปาก. อาจรู้สึกว่ามีไอน้ำอุ่นจาง ๆ จากการกลืนมัน. มันอบอุ่นและน่ารื่นรมย์ มันทำให้มีความรู้สึกเบาสบายที่ไม่สามารถอธิบายได้.

"เอ๋ ? ผลไม้นี้มันเรียกว่าอะไร? " เจี้ยงเฉินรู้สึกว่าคลื่นลมร้อนพุ่งขึ้นมาจากจุดตันเทียนของเขา เมื่อเขากินไปได้สามผล. จากนั้นมันก็ไหลไปตามเส้นชีพจรต่าง ๆ เหมือนกับการหล่อเลี้ยงดั่งกับฤดูฝน ทำให้เจี้ยงเฉินรู้สึกอุ่นใจและมีความสุข.

"นี่คือผลไม้หยกที่หายาก ซึ่งเป็นผลไม้ที่เติบโตขึ้นในพื้นที่ที่ข้านอนหลับ. ผู้ฝึกฝนธรรมดาสามารถเพิ่มระดับการฝึกซ้อมของเขาระดับหนึ่งโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ เมื่อได้ลิ้มรสผลไม้นี้เพียงผลเดียว.

"แล้วข้าได้กินสามผลติดต่อกัน นั่นไม่ได้หมายความว่า ... "

"ฮ่าฮ่า เจ้าคิดมากเกินไป. ผลของการกินผลหยกนี้เป็นร้อยผลก็มีค่าเทียบเท่ากับการกินเพียงผลเดียว. การกินมากเกินไปจะนำไปสู่ผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ ดังนั้นข้าจึงได้เตรียมไว้เพียงหกผลสำหรับเจ้า "

"อ่า? ทำไมเจ้าไม่บอกข้าก่อนล่ะ? ข้าจะไม่กินมันอีกแล้ว มันช่างน่าเสียดายจริง ๆ เลย! " ราวกับว่าเจี้ยงเฉินได้รับสมบัติอันล้ำค่าในขณะที่เขาเก็บผลไม้หยกหายากไว้ในย่ามของเขา.

นี่เป็นผลไม้หายากและมีค่า. ถึงแม้ว่านี่จะเป็นเพียงพืชผลที่ถูกปลูกไว้ด้านข้างของทางเดินเพื่อประดับประดาสำหรับเจี้ยงเฉินในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา แต่ช่วงเวลา ณ ขณะนี้ก็ไม่เหมือนกับชาติก่อน.

ผลไม้จิตวิญญาณธรรมชาติตอนนี้เป็นสิ่งที่ฟุ่มเฟือยสำหรับเจี้ยงเฉิน.

เม็งฉีหาวหลายครั้งและยิ้ม "ดูเหมือนว่าข้าต้องให้เวลาส่วนตัวกับเจ้าบ้าง. เจ้าต้องเตรียมพร้อมเพื่อที่จะทะลวงเส้นชีพจร?

ผลไม้หยกที่หายากจะยกระดับการฝึกซ้อมของเจ้าหนึ่งขั้นโดยไม่มีเงื่อนไข. นี่ไม่ใช่แค่คำพูดลอย ๆ.

พลังวิญญาณที่ก่อตัวขึ้นโดยผลไม้ชนิดนี้ ทำให้ระดับพลังวิญญาณภายในร่างกายของเจี้ยงมีความอุดมสมบูรณ์อย่างฉับพลัน มันช่างเหมือนปาฏิหาริย์ที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บที่เขาเคยมีมาก่อนได้อย่างน่าอัศจรรย์.

สามวันต่อมา ...

เม็งฉีปรากฏตัวอีกครั้งและมีรอยยิ้มที่เป็นมิตรบนใบหน้า. "ขอแสดงความยินดี,ดูเหมือนว่าเจ้าสามารถพัฒนาเส้นลมปราณได้แล้ว. หืม? เป็นผู้เชี่ยวชาญพลังลมปราณฉีที่อายุน้อยมาก?”

เจียงเฉินค่อย ๆ เปิดตาของเขา จัดระเบียบแต่ละกระแสลมปราณฉีภายในร่างกายของเขาอย่างประณีต และเก็บพวกมันกลับเข้าไปในจุดตันเถียนของเขา.

ทุกอย่างดูไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว.

เขาได้พัฒนาสู่ระดับเก้าเส้นชีพจรของพลังลมปราณฉีหลังจากที่ได้เข้ามาในอุโมงค์ใต้ดินไร้พรมแดน. ใครจะคิดว่าหลังจากการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรง เขาจะมีโอกาสที่จะพัฒนาระดับลมปราณในสถานการณ์ที่อาจนำไปสู่ความตายเช่นนี้!

และการพัฒนาครั้งนี้ผลักดันให้เขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญพลังลมปราณฉ๊โดยตรง!

ระดับสิบเส้นชีพจรแห่งพลังลมปราณฉี,ผู้เชี่ยวชาญพลังลมปราณฉี!

ผู้เชี่ยวชาญพลังลมปราณฉีคือที่สุดของยอดวรยุทธ์ที่อยู่ในอาณาจักรตะวันออกทั้งหมด!

เว้นแต่ว่า,เจี้ยงเฉินไม่ได้ดีใจจนมากเกินไป. เขาพยักหน้าด้วยท่าทางอ่อนล้า "ข้าได้ประเมินพลังอำนาจของผลไม้หยกที่หายากนี้ต่ำไป!"

"ค่อนข้างปกติ ส่วนมากหลังจากที่ได้ทะลวงเส้นลมปราณข้ามระดับขั้น ทุกคนจะดีอกดีใจ แต่ข้าดูเหมือนจะไม่เห็นว่าเจ้าจะมีความปิติยินดีใด ๆ เลย?. โอ้ใช่,ดูเหมือนจนถึงตอนนี้ข้ายังไม่ได้ถามถึงชื่อเจ้าเลย? "

"เจี้ยงเฉิน"

"เจี้ยงเฉิน ... เจี้ยงเฉิน" เม็งฉีพูดชื่อนี้ซ้ำกับตัวเองสองสามครั้ง ราวกับว่ามันต้องการประทับชื่อนี้ลึกลงในจิตสำนึกจิตของมัน.

"ใช่สิ เม็งฉี ผ่านมากี่วันแล้วนับตั้งแต่ที่ข้าเข้ามาในห้องที่สี่?" เจี้ยงเฉินถามอย่างฉับพลัน.

"ตั้งแต่ที่เจ้าเข้ามาเจ้าก็หมดสติไปสองสามวันหลังจากนั้นเจ้าก็ใช้เวลาอยู่กับการนั่งสมาธิเพื่อพัฒนาเส้นลมปราณอีกสามวัน รวม ๆ แล้วเจ้าใช้เวลาในห้องที่สี่ควรจะประมาณ 6-7 วัน. แต่คงไม่เกิน 7 วัน "

"ยังไม่เกินเจ็ดวัน?" เจี้ยงเฉินรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เขากังวลว่าเขาหมดสตินานจนเกินไปและพลาดกำหนดเส้นตายหนึ่งเดือนของภารกิจ.

เหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นในช่วงที่เขากำลังล่านกหงส์หยกก่อนหน้านี้ และเขาก็จะล่าช้าไปอีกหลายวันเมื่อเขาต้องพบกับการไล่ล่าของสำนักนักฆ่าดาบเทวดา. ก่อนหน้านี้เขาใช้เวลาไปประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดวัน.

เมื่อรวมกับช่วงเวลาหกหรือเจ็ดวันที่นี่ รวมคร่าว ๆ ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในอุโมงค์ใต้ดินไร้พรมแดนเขาใช้เวลาไปยี่สิบสี่หรือยี่สิบห้าวัน.

"เจ้ามีธุรกิจเร่งด่วนรึ?" ถึงเม็งฉีจะไม่มีเหตุผล แต่มันก็ไม่ต้องการให้มนุษย์คนนี้ออกไป.

"ภารกิจเร่งด่วนอย่างไม่น่าเชื่อ. มันเกี่ยวข้องกับบิดาของข้าและความอยู่รอดของตระกูลของข้า! " เจี้ยงเฉินไม่ใช่พวกกระต่ายตื่นตูม. แต่หากตระกูลหลงได้รับชัยชนะและตระกูลเจี้ยงต้องสูญเสียอำนาจแล้ว มันก็น่าจะเป็นการล้มล้างและสังหารที่น่าหวาดกลัว!

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.