spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
คำสาปแช่งที่ดังติด ๆ กันพร้อมกับทายาทที่หดหู่ใจ พวกเขาเริ่มมารวมตัวกัน.
"ทุกคนสงบสติอารมณ์ลง. ทายาทของพยัคฆ์ขาวและเต่าทมิฬอยู่ที่นี่. พวกเขาเป็นทายาทของขุนนางชั้นสูงทั้งสี่คน และเป็นผู้นำของพวกเราทุกคน เราต้องมีแผนในการต่อสู้กับตระกูลหลงที่โกงการแข่งขัน มิฉะนั้น เมื่อถึงเวลาที่เราต้องกลับไปในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า พวกเราทุกคนจะสูญเสียตำแหน่งขุนนางของเรา!
"ใช่ เราต้องร่วมมือร่วมใจกันเป็นหนึ่งและเราต้องไม่ยอมให้พวกเขาทำตามสิ่งพวกเขาต้องการได้"
"แน่นอนอยู่แล้ว. เราไม่ต้องการสร้างก๊ก แต่อย่าบังคับให้เราลงไปถึงเส้นทางแห่งความหายนะเพราะเราก็จะไม่ปรานี! "
ทายาทของพยัคฆ์ขาว ไป๋ชานอวิ๋น และทายาทของเต่าทมิฬ อี้ไทชู ทั้งสองได้รับเลือกให้เป็นตัวแทน.
"ทุกคน แม้ว่าข้าเป็นหนึ่งในทายาทของขุนนางชั้นสูงที่ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ ข้าก็คิดว่าทุกคนสามารถมองเห็นอนาคตตำแหน่งขุนนางในอาณาจักรของตัวเองที่จะเปลี่ยนไปเพราะคนเพียงคนเดียว"
ไป๋ชานอวิ๋นพูดเสียงดังขณะที่สายตาของเขาจ้องมองอยู่ที่เจี้ยงเฉิน.
เจี้ยงเฉิน?
"พี่เจี้ยงเฉิน,ข้าไป๋ชานอวิ๋น,จะยอมรับเฉพาะท่านเท่านั้น" ไป๋ชานอวิ๋นพ่ายแพ้เพราะเจี้ยงเฉินหลายครั้ง แต่ครั้งนี้เขายอมจำนนด้วยมารยาทที่อ่อนน้อม.
"พี่เจี้ยงเฉิน ข้า อี้ไทชู ก็ยอมรับท่านด้วย" ทายาทของเต่าทมิฬ อี้ไทชู พยักหน้า.
"พี่เจี้ยงเฉิน ท่านได้ยับยั้งทายาทของมังกรทะยานโดยการท้าทายและลงแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งขุนนางระดับหนึ่ง. พวกเราขอยอมจำนนแก่ท่าน โปรดให้คำแนะนำแก่เราสักสองสามข้อด้วย "
เจี้ยงเฉินคือคนที่สามารถชักชวนได้ด้วยเหตุผล แต่ไม่ใช่โดยการบังคับ.
"ทุกคน ข้า เจี้ยงเฉิน ไม่ใช่คนที่ออกคำสั่ง ตามการคาดเดาของข้า นกหงส์หยกต้องอยู่ในห้องที่สาม. แม้ว่าพี่น้องตระกูลหลงจะมีหลายวิธีการ แต่พวกเขาก็ยังไม่กล้าที่จะเข้าไปในห้องที่สี่. ดังนั้น ไม่ว่าพวกเขาจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจ สงครามครั้งสุดท้ายจะต้องอยู่ในห้องที่สาม "
"กลยุทธ์ที่พวกท่านเลือกถูกต้องแล้ว. ในขณะนี้ คำแนะนำเดียวที่ข้ามีสำหรับพวกเจ้าคือการสร้างกลุ่มและล่าสัตว์ร่วมกัน. การเคลื่อนไหวคนเดียวจะทำให้พวกเจ้าไม่อาจตอบโต้ต่อสิ่งใดได้ในห้องที่สาม "
นี่คือทั้งหมดที่เจี้ยงเฉินสามารถพูดได้.
"พี่เจี้ยงเฉิน นี่หมายความว่าเรายังมีหวังว่าจะทำภารกิจสำเร็จใช่หรือไม่?"
เจี้ยงเฉินยิ้ม "ข้าสามารถพูดได้เพียงว่าเจ้าจะมีหวังเมื่อเจ้ารวมตัวกันเป็นกลุ่ม. อย่างไรก็ตาม ถ้าทุกคนมีแรงจูงใจที่จะเห็นแก่ตัวเอง มันก็จะยากที่จะพูด "
"ใช่แล้ว รวมตัว เราต้องรวมตัวกันเป็นกลุ่ม !"
"ข้าอยากจะตั้งกลุ่ม มีใครยินดีที่จะร่วมกลุ่มกับข้าไหม?"
"พี่เจี้ยงเฉิน ท่านพร้อมจะร่วมกลุ่มกับเราหรือไม่?"
"ถ้าพวกเจ้าไม่ต้องการขัดแย้งกับตระกูลหลง หรือไม่อยากยืนอยู่ตรงกลางของการต่อสู้ ทางที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงไม่ยุ่งเกี่ยวกับข้า"
เจี้ยงเฉินพูดความจริง. พี่น้องตระกูลหลงได้วางแผนไว้มากมายและเขาจะไม่เชื่อว่าจะไม่มีอุบายร้ายกาจเพื่อกำจัดเขาในครั้งนี้.
ในทางกลับกัน เจี้ยงเฉินชอบที่ไปมาอย่างอิสระและไม่ได้ต้องการที่จะย้ายไปอยู่ร่วมกับทายาทคนอื่น ๆ.
หลังจากที่พูดเสร็จ เจี้ยงเฉินก็พุ่งออกไปด้วยฝีเท้าอันรวดเร็วและร่างของเขาหายไปในความมืด.
ไม่ว่าพี่น้องตระกูลหลงกำลังวางแผนการอันชั่วร้ายอันใด เจี้ยงเฉินตัดสินใจที่จะรับมือกับทุกเหตุการณ์โดยใช้หลักการพื้นฐานเพียงอย่างเดียว เขาต้องการจะทำภารกิจให้สำเร็จก่อนที่จะพิจารณาเรื่องอื่น.
เจี้ยงเฉินวางแผน เขามุ่งหน้าไปยังห้องที่สาม.
หลังจากที่เจาะลึกเข้าไปประมาณ 40 – 60 ลี้ เจี้ยงเฉินระงับเสียงฝีเท้าและทำจมูกฟุดฟิดสองสามครั้ง.
เจียงเฉินรู้สึกคุ้นเคยแปลก ๆ กับการปรากฏตัวของบางสิ่งค่อย ๆ เลือนหายไปอย่างช้า ๆ.
"นี่มันอะไรกัน ?"
เขาสูดอากาศอย่างระมัดระวัง ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น.
ในขณะนี้ เจี้ยงเฉินได้ขยี้ตาอย่างกะทันหันเนื่องจากทักษะ "นัยน์ตาของพระเจ้า" จู่ ๆ ก็ส่งลำแสงที่มีความเจิดจ้า. มันกวาดไปทั่วป่าหินขนาดเล็กและจ้องมองไปรอบฝูงนกหงส์ มีสามหรือสี่ตัวบินนำ และหน้าผากของพวกมันมีแสงสีเงินส่องเป็นประกายออกมา.
"นกหงส์เงิน?"
เจี้ยงเฉินเหวี่ยงความคิดทั้งหมดออกไปและเร่งความเร็วขึ้น เขาทะยานไปยังฝูงนกหงส์
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นฝูงนกหงส์บินกันเป็นกลุ่มตั้งแต่เขาเข้ามาในอุโมงค์ใต้ดินไร้พรมแดน.
มีนกหงส์ประมาณ 40-50 ตัวในฝูงนี้ มีนกหงส์เงินสี่ตัวบินนำนำ. ตอนแรกพวกมันบินไปในทิศทางอื่น,แต่ก็หันกลับและบินไปทางเจี้ยงเฉิน.
ในเวลาเดียวกับที่เจี้ยงเฉินมุ่งหน้าไปยังฝูงนก ก็มีอีกหลายคนพุ่งตัวออกมาจากมุมมืดที่อยู่ตรงข้ามเขา. พวกเขาแยกตัวออกไปหลายทิศทางและปิดกั้นเส้นทางหนีของฝูงนกหงส์.
"อย่าปล่อยให้เป้าหมายตัวอ้วนนี้หลบหนีจากมือเราไป!"
ร่างทั้งสามที่เพิ่งปรากฏตัวก็มุ่งจู่โจมสู่ฝูงนกหงส์เงิน.
เจี้ยงเฉินจะปล่อยให้โอกาสสำคัญดังกล่าวผ่านไปได้อย่างไร? ร่างกายของเขากระโจนออกไปขณะที่เขาพุ่งขึ้นมา ใบมีดไร้นามตัดผ่านอากาศ!
มันเหมือนกับว่าทะเลอันกว้างใหญ่ไหลย้อนหลัง ราวกับว่าทางช้างเผือกพลิกคว่ำลงมา!
รูปแบบที่สองของทักษะ "กระแสน้ำแห่งมหาสมุทร" - คลื่นบดขยี้!
รัศมีของใบมีดที่แข็งแกร่งแปรเปลี่ยนเป็นเกลียวคลื่นอันน่าสยดสยอง มันครอบคลุมจำนวนนกหงส์หยกทั้งหมด.
เจี้ยงเฉินเอื้อมมือออกมาและคว้ามันด้วยการเคลื่อนไหวที่ราบรื่น และไข่มุกเงินสองเม็ดก็หลุดลงมาอยู่มือของเขาทันที. เขาโบกมืออีกครั้งและเขานำไข่มุกแห่งวิญญาณอีกเก้าเม็ดเข้าไปในกระสอบของเขา.
อีกสามคนก็แยกไข่มุกวิญญาณด้วยกำลังที่เร็วที่สุด.
"เจี้ยงเฉิน เจ้าได้รับประโยชน์จากความพยายามที่ยากลำบากของพวกเรา! พวกเราตั้งหน้าตั้งตารออย่างเหน็ดเหนื่อยและพยายามต้อนฝูงนกจนตัวเป็นเกลียว แต่เจ้ากลับได้รับผลประโยชน์มากที่สุด "
หนึ่งในทายาทไม่เต็มใจที่จะยอมรับผลลัพธ์นี้.
แม้ว่าทั้งสองคนนั้นไม่ได้พูดอะไร พวกเขาก็มองดูเจี้ยงเฉินเหมือนเสือโคร่งที่มองดูเหยื่อของมันอย่างละโมบ.
เจี้ยงเฉินได้รับประโยชน์สูงสุดในเวลานี้. ไข่มุกสีเงินสองเม็ดและไข่มุกสีเขียวเก้าเม็ด เทียบเท่ากับการได้ไข่มุกจิตวิญญาณยี่สิบเก้าเม็ดในจังหวะเดียว.
ไข่มุกทั้งยี่สิบเก้าเม็ดนี้รวมกับไข่มุกอีกห้าสิบเจ็ดเม็ดที่เขาหาได้ก่อนหน้านี้,ทำให้เขามีไข่มุกทั้งหมดจำนวนแปดสิบหกเม็ด. ตอนนี้เขามีไข่มุกที่ต้องหาเพิ่มอีกสิบสี่เม็ดเท่านั้นแล้วเขาก็จะประสบความสำเร็จในการทำภารกิจ.
"หึ?" ถ้าข้าไม่เคลื่อนไหว มีรึที่พวกเจ้าจะสามารถรั้งฝูงนกส์หงไว้ที่นี่ได้ " เจี้ยงเฉินหัวเราะอย่างหนาวเย็นและกำลังจะย่างเท้าของเขาเพื่อที่จะออกไป.
ถ้าเขาไม่ได้เคลื่อนไหวเมื่อสักครู่นี้ ก็น่าจะเป็นไปได้ว่านกหงส์เหล่านี้ส่วนใหญ่จะหลบหนีไปได้. นกหงส์เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว และพวกมันก็ได้เปรียบกว่าในที่มืด. ทั้งสามคนนี้สามารถล้อมรอบสามทิศทางได้เท่านั้นและฝูงนกเหล่านี้บินโหมกระหน่ำไปในทิศทางของเจี้ยงเฉิน.
ถ้าเจี้ยงเฉินไม่ได้เคลื่อนไหว พวกเขาก็คงจะสามารถเก็บนกหงส์ไว้ได้ไม่กี่ตัว.
แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้รับผลประโยชน์เพิ่มเติมจากการกระทำของเจี้ยงเฉิน.
"เจี้ยงเฉิน ทิ้งไข่มุกวิญญาณสีเงินไว้ให้เรา เจ้าสามารถเอาสีเขียวไปได้."
"ใช่ เราจะช่วยให้เจ้าได้รับกำไรสักหน่อย แต่อย่าโลภมากเกินไป"
"นี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา!"
"มารับมันไปสิ ถ้าเจ้ามีฝีมือพอ" เจี้ยงเฉินไม่ต้องการพูดพล่ามและเขากระโจนเข้าสู่ความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุดทันที. เจี้ยงเฉินไม่มีเวลาที่จะอธิบายเหตุผลกับกลุ่มคนที่ไม่เข้าใจเรื่องความกตัญญูรู้คุณ.
ด้วยความเร็วของเจี้ยงเฉิน ทั้งสามคนจะไม่สามารถทำให้เจี้ยงเฉินอยู่นิ่งได้ ถ้าเขาต้องการออกไป.
ในมุมที่ห่างไกลบางมุมในห้องที่สาม มีคนสี่คนประชุมกัน.
หนึ่งในนั้นถามด้วยเสียงแหบห้าวว่า "มีข่าวคราวของเจี้ยงเฉินบ้างหรือไม่"
หัวหน้า เด็กคนนั้นซ่อนตัวเองได้มิดชิด แต่ในที่สุดเขาก็แสดงตัวในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา. ด้วยความร่วมมือจากพี่น้องตระกูลหลง พวกเขากำลังดำเนินการตามแผน "
“อืม.ข้าสงสัยว่าเด็กคนนั้นทำอะไรบ้างภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ? "
"ตามข้อมูลข่าวกรองเมื่อสองวันก่อน,เด็กคนนั้นได้รวบรวมไข่มุกสีเขียวได้ประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนที่ถูกหนด"
ครึ่งหนึ่ง? ดูเหมือนเด็กคนนี้มีฝีมือและศักยภาพสูงเขาสามารถไล่ล่าไข่มุกวิญญาณสีเขียวได้มากมายภายใต้สถานการณ์เช่นนี้. มันก็สมเหตุสมผลแล้วที่ขุนนางแห่งมังกรทะยานยอมจ่ายค่าจ้างให้เราถึงสองเท่า "
"ฮ่า ฮ่า, แน่นอนว่าเขาจะต้องมีเหตุผล. มิฉะนั้น ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของพี่น้องตระกูลหลง พวกเขาไม่จำเป็นต้องจ้างเราหรอก? "
“อืม,หากเด็กคนนั้นรวบรวมไข่มุกได้เพียงพอก่อนที่จะถึงบริเวณนี้ มันก็หมายความว่าเราต้องเปลี่ยนแผนนะสิ "
“อืม,ดูเหมือนว่าแผนของเราจะต้องมีการปรับเปลี่ยน. ยังไงก็แล้วแต่เราก็มีแผนสำรองอยู่ดีนั่นแหละ. "
"หมายเลขสาม,เจ้าฉลาดที่สุด เจ้าออกไป. เนื่องจากเขาจะไม่มาถึงบริเวณนี้ เจ้าต้องไปล่อให้เขามาที่นี่. ดำเนินการตามแผนของเรา "
"ขอรับหัวหน้า!"
"หมายเลขสอง หมายเลขสี่ เตรียมตัวให้พร้อม. ถ้าเราจะต้องแสดงละครตบตาเราก็ควรทำให้สมจริง. ทำให้แน่ใจว่าเด็กคนนั้นจะไม่สงสัยเรา "
"อย่ากังวลไปเลย ด้วยกำลังของเราทั้งสี่คนรวมกัน เราวางแผนกำจัดเจี้ยงเฉินโดยที่เขาไม่รู้ตัว เราจะทำอย่างไรกับชื่อเสียงของเราในฐานะที่เป็นนักฆ่าดาบเทวดาถ้าเราไม่สามารถกำจัดเด็กคนนี้ได้?"
ขณะที่เจี้ยงเฉินเดินทะลุเข้าไปในห้องที่สาม เขาก็เริ่มล่านกหงส์อีกครั้ง.
"ดูเหมือนว่าข้าจะสามารถรวบรวมไข่มุกสีเขียวได้มากพอโดยไม่ต้องไปถึงเขตสิ้นสุดของห้องที่สาม" เจี้ยงเฉินคำนวณและรู้สึกว่าถ้าเขารักษาระดับไว้ได้เขาจะสามารถทำภารกิจของเขาให้เสร็จได้ภายในครึ่งวัน.
ขณะที่เจียงเฉินกำลังครุ่นคิด ดวงตาข้างหนึ่งของเขาจู่ ๆ ก็กระตุกและส่งสัญญาณเตือน. "เจ้าเป็นใคร ออกมา! เจ้ามาแอบทำอะไรแถวนี้ ? "
เจี้ยงเฉินใช้ทักษะ "นัยน์ตาของพระเจ้า" ในความมืดและเห็นทายาทคนหนึ่งวิ่งออกมาจากด้านหลังของก้อนหินที่มีรอยแตก.
"พี่ชายเจี้ยงเฉิน,ท่านจริง ๆ ด้วย?" เขามีแววตาที่ตกใจและดีใจเมื่อเขาเห็นเจี้ยงเฉิน.
"เจ้า..... "
เจี้ยงเฉินคิดว่าเขารู้สึกคุ้นเคยกับชายคนนี้ แต่จำชื่อของเขาไม่ได้.
"ข้าคืออู้หยางปิงทายาทของขุนนางแห่งอาณาจักรซานเช่อ dukedom. พี่เจี้ยงเฉิน,ข้าตามหาท่านทั่วทั้งห้องนี้. อ้วนซวนและหูปิงเย่วได้จัดตั้งกลุ่มขึ้นพร้อมกับทายาทขุนนางอีกหลายคนและตอนนี้กลุ่มของเขากำลังมีเรื่องขัดแย้งกับกลุ่มขุนนางอีกกลุ่ม. พวกเขาต่อสู้กัน. ข้าเป็นเพื่อนของอ้วนซวน และด้วยพลังของข้าไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย ดังนั้นข้าจึงได้ออกมาตามหาท่านอย่างบ้าคลั่ง "
ในความทรงจำของเขา อู้หยางปิงดูเหมือนจะเป็นเพื่อนของอ้วนซวนจริง ๆ.
"พวกเขาอยู่ที่ไหน ? นำข้าไป! "
อ้วนซวนและหูปิงเย่วเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเจี้ยงเฉิน. เขาไม่สามารถนั่งเฉย ๆ และละเลยเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาได้ลง.
ในเวลาเดียวกันเขารู้สึกว่าแปลก ๆ. ด้วยพลังของหูปิงเย่ว ใครบ้างที่สามารถคุกคามเขาได้นอกเหนือจากทายาทของเหล่าขุนนางชั้นสูงทั้งสี่คน?
"หรือว่าจะเป็นกลุ่มของทายาทขุนนางชั้นสูงทั้งสี่?"
อู้หยางปิงนำทางขณะที่เจี้ยงเฉินเดินตามหลัง แต่เขาไม่ได้ถามคำถามเพิ่มเติม. มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับอู้หยางปิงที่จะนำข้อความนี้มาให้เขา.
หลังจากนั้นประมาณ 1 เค่อ ทั้งสองก็ผ่านหนองน้ำลุ่มแฉะและมีหนามอยู่ระหว่างทาง.
"ทางนี้ข้าจำได้มันมีหนองน้ำและมีหนามระหว่างทาง"
เจี้ยงเฉินพยักหน้า "นำทางข้าไป"
หลังจากที่ผ่านขวากหนามไปแล้ว พวกเขาก็มาถึงทุ่งหญ้าขนาดใหญ่. บริเวณโดยรอบมีบรรยากาศที่น่าขนลุกเหมือนมีอะไรแอบแฝง มีเงามืด โขดหินและผนังที่เปียกลื่น. โขดหินที่มีรูปร่างตะปุ่มตะป่ำหยาบกร้านที่มีรูปร่างแปลก ๆ ข้างหน้าดูเหมือนจะน่ากลัวมาก.
"พี่เจี้ยงเฉิน เดินไปข้างหน้าอีกนิดเดียวก็จะถึงที่หมาย.”
เจี้ยงเฉินพยักหน้าและจู่ ๆ ก็ถามว่า "อู้หยางปิง ตอนนี้พลังลมปราณฉีของเจ้าอยู่ในระดับเส้นชีพจรที่เท่าไหร่?”
"ฮ่า ฮ่า,ข้าไม่ได้ก้าวหน้ามากนัก,ข้าอยู่ในระดับหกเส้นชีพจรของพลังลมปราณฉีเท่านั้น,เช่นเดียวกับอ้วนซวน."
"โอ้ ?" เจี้ยงเฉินรำพึงและพยักหน้า.
"พี่เฉิน ท่านมาถึงในที่สุด!"
เจี้ยงเฉินตามที่มาของเสียงและเห็นอ้วนซวนนั่งอย่างหดหู่พิงกับกำแพงหิน. ใบหน้าของเขาซีดและเขาสูดหายใจเฮือก. ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บ.
หูปิงเย่วก็อาการไม่ดีเช่นกัน. เขานั่งในท่าสมาธิข้าง ๆ อ้วนซวน และเขาเผยให้เห็นร่องรอยแห่งความปิติยินดีเมื่อเจี้ยงเฉินมาถึง
"อ้วนซวน เกิดอะไรขึ้น?" เจี้ยงเฉินขมวดคิ้ว. เจ้าถูกทำร้าย!
อ้วนซวนสาปแช่งอย่างท้อแท้ "ฝีมือหยานยี่หมิงและพวกคนชั่ว. บัดซบ พวกเขารังแกเราได้เพราะพวกเขามีมากกว่าเรา. มันเป็นสิ่งที่ดีที่ข้า อ้วนซวนมีผิวหนาและมีเนื้อหลายชั้น. "
"อาการของเจ้าสาหัสหรือไม่?" เจี้ยงเฉินหยิบโอสถแห่งชะตากรรมสวรรค์ขึ้นมาสองเม็ด.
"บาดเจ็บภายในเล็กน้อย. ดีที่ข้าพัฒนาถึงระดับหกเส้นชีพจรของพลังลมปราณฉี ไม่เช่นนั้นแล้วข้าอาจไร้ความสามารถที่จะทนต่อมัน. " อ้วนซวนบ่น.
แขนของเจี้ยงเฉินก็หยุดนิ่งอยู่ในอากาศ แต่เขาก็ยังขยับนิ้วมือและส่งต่อโอสถสองเม็ด. "นี่คือโอสถแก้โรคล่าสุดที่ได้รับการปรับปรุงจากหอโอสถ"
"พี่เฉินของข้าเก่งกาจที่สุดในยุทธ์ภพ!"
อ้วนซวนยิ้มกว้าง