spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
"เทียนดู,ส่งพระราชโองการของข้า. ส่งทหารไปให้รออยู่รอบ ๆ คฤหาสน์เจี้ยงหานระหว่างการทดสอบมังกรซ่อนและให้พวกเขาคอยคุ้มกันทุกคนที่อยู่คฤหาสน์เจี้ยงหาน. เจ้าจงไปดำเนินการภารกิจนี้ด้วยตัวเองและคอยตรวจสอบความปลอดภัยของเจี้ยงเฉินอย่างลับ ๆ. อย่าปล่อยให้ภัยคุกคามใดเข้าใกล้เจี้ยงเฉินได้เป็นอันขาด"
"ทราบแล้วพะยะค่ะ"
องค์ราชาตงฟางหลูไม่เคยคิดเลยว่าหนุ่มคนนี้ที่เคยก่อกวนทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ จะทำให้เขา ผู้ซึ่งปกครองอาณาจักร ใช้กำลังคนจำนวนมากเพื่อการปกป้องเขาในวันนี้.
"เจี้ยงเฉิน ... เจ้าเป็นคนแบบไหนกันแน่?" องค์ราชาตงฟางหลูพิจารณาใคร่ครวญครู่หนึ่ง.
ขณะนี้มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นมากมายในเมืองหลวง.
หอโอสถมีความสุขเกินกว่าที่จะเป็นได้. ไม่ว่าอย่างไร ยิ่งเจี้ยงเฉินมีความแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าใด พวกเขาก็รู้สึกว่าการเป็นหุ้นส่วนกับเจี้ยงเฉินยิ่งมั่นคงด้วยอนาคตที่สดใสยิ่งขึ้น.
อย่างไรก็ตาม,ไม่มีใครมีความสุขไปมากกว่าเจี้ยงเฟิง. เขาทำงานอยู่คนเดียวในเมืองหลวงในช่วงเวลานี้และได้รับแรงกดดันมากมาย.
เนื่องจากการแทรกแซงจากพระราชวงศ์,แม้ว่าการล่วงละเมิดจากขุนนางแห่งมังกรทะยานยังไม่เป็นที่ประจักษ์ชัด,แต่ก็ทำให้เจี้ยงเฟิงรู้สึกถึงแรงกดดันอันมากมาย.
เจี้ยงเฉินสามารถมีชัยเหนือหลงหยินเยและหลงยู่ซื่อในภารกิจครั้งนี้. แม้ว่าจะเป็นเพียงการชนะในเรื่องเล็กน้อย แต่ก็ยังทำให้เจี้ยงเฟิงมีความสุขมาก.
"`เฉินเอ๋อ,ทำได้ดีมาก!" เจี้ยงเฟิงไม่ได้มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับภารกิจที่สองของเจี้ยงเฉิน,และเขายังไม่รู้ถึงเหตุการณ์เกิดขึ้นในอาณาเขตเจี้ยงหานเมื่อตอนที่เจี้ยงเฉินเดินทางกลับไปที่นั่น.
เขาตระหนักดีว่าเขาเป็นเสมือนแผ่นเหล็กที่อยู่ในอาณาเขตเจี้ยงหาน,และไม่มีใครกล้าที่จะสร้างความวุ่นวายเมื่อเขาอยู่ที่นั่น. แต่เมื่อเจี้ยงเฉินเดินทางกลับไป เขาก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่าว่าผู้อาวุโสของตระกูลจะฟังคำสั่งของเขามากน้อยเพียงใด.
อย่างไรก็ตาม,ความจริงได้พิสูจน์ว่าความกังวลของเจี้ยงเฟิงไม่ใช่เรื่องจริง.
ไม่เพียงแต่เจี้ยงเฉินสามารถควบคุมสถานการณ์ได้สำเร็จ เขายังสามารถกำจัดหัวหน้าจิงซึ่งเป็นเสี้ยนหนามใหญ่ที่อยู่ข้างตัวเขาได้. ไม่ควรลงมือในสิ่งที่ตัวเองไม่สามารถทำให้สำเร็จเพราะจะทำให้เสียหน้าเปล่า ๆ แต่เจี้ยงเฉินได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเขาทำได้.
เจี้ยงเฟิงต้องยอมรับด้วยความกล้าหาญและวิธีการเช่นนั้น บุตรชายของเขาแข็งแกร่งกว่าตัวเขาเองเมื่ออายุใกล้เคียงกัน.
เจี้ยงเฟิงมีความสุขมากที่บุตรชายของเขามีความสามารถล้ำเลิศไปกว่าเขา.
เจี้ยงเฟิงได้ค้นพบว่านับตั้งแต่การพบกันที่พิธีกรรมแห่งการนมัสการเทพเจ้า เจี้ยงเฉินมีการเปลี่ยนแปลงที่คล้ายกับการทำให้โลกพลิกคว่ำ.
การทดสอบมังกรซ่อนดำเนินต่อไปดั่งเปลวไฟที่ลุกโชน.
ถึงเวลาแล้วสำหรับภารกิจที่สาม. ภารกิจนี้เป็นภารกิจหนึ่งที่ทายาททุกคนต้องมีส่วนร่วม.
ภารกิจที่สาม: การทดลอบในอุโมงค์ใต้ดินไร้พรมแดน.
อุโมงค์ใต้ดินไร้พรมแดนเป็นโลกใต้ดินที่น่าตื่นตาตื่นใจในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอาณาจักรตะวันออก
ตลอดประวัติศาสตร์ของอาณาจักรตะวันออก อุโมงค์ใต้ดินไร้พรมแดนเหล่านี้ยังไม่มีการขุดต่อไปอย่างจริงจัง.
แม้แต่คนที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาผู้ฝึกฝนในอาณาจักรตะวันออกก็ยังไม่เคยสำรวจอุโมงค์ใต้ดินไร้พรมแดนจนถึงที่สิ้นสุดของมัน.
ไม่มีใครรู้ว่าอุโมงค์ใต้ดินไร้พรมแดนมีจุดสิ้นสุดหรือไม่.
ไม่มีใครรู้เหมือนกันว่าจุดสิ้นสุดของอุโมงค์ไร้พรมแดนอยู่ที่ไหน.
มันเป็นโลกใต้ดิน,และเป็นสวรรค์สำหรับการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตใต้ดิน.
สิ่งที่เป็นสวรรค์สำหรับสิ่งมีชีวิตใต้ดินสามารถเปลี่ยนไปเป็นเส้นทางไปสู่ขุมนรกที่ไม่อาจย้อนกลับมาได้สำหรับผู้ฝึกฝน.
เจี้ยงเฉินมีความมุ่งมั่นเพื่อชิงตำแหน่งขุนนางระดับหนึ่ง ดังนั้นการทำภารกิจนี้คือเป้าหมายสูงสุด.
"รวบรวมไข่มุกจิตวิญญาณสีเขียว 100 เม็ด หรือไข่มุกจิตวิญญาณสีเงิน 10 เม็ดหรือไข่มุกจิตวิญญาณสีทอง 1 เม็ด!" เจี้ยงเฉินรู้สึกสับสนกับข้อกำหนดของภารกิจนี้.
เป็นเรื่องที่ดีที่มีการแนะนำให้รู้จักกับอุโมงค์ใต้ดินไร้พรมแดนไว้ที่ด้านล่างของแผ่นกระดาษคำสั่งของภารกิจ.
มีสัตว์ใต้ดินหลายชนิดอาศัยอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินไร้พรมแดน,หนึ่งในนั้นคือนกหงษ์หยกมีปีกสีเขียวซึ่งมีไข่มุกจิตวิญญาณอันเป็นประกายที่มีแสงสีเขียวอยู่ที่หน้าผาก.
เนื่องจากอุโมงค์ใต้ดินไร้พรมแดนเป็นโลกใต้ดิน,มันจึงเป็นสถานที่มืดและเต็มไปด้วยวิสัยทัศน์ที่ยากต่อการมองเห็น. ไข่มุกวิญญาณสีเขียวที่หน้าผากของนกนกหงษ์หยกที่มีปีกสีเขียวจะให้ประโยชน์อย่างมากในสภาพแวดล้อมนี้.
นกหงษ์เงินต่างจากนกหงษ์หยก,มันมีไข่มุกอยู่บนหน้าผากของมันเรืองแสงด้วยแสงสีเงิน. นกหงส์เงินเป็นอีกรูปแบบที่กลายพันธุ์มาจากนกหงส์หยก และในจำนวนนกหงษ์หยก 100 ตัวสามารถพบนกหงส์เงินได้เพียง 1 ตัวเท่านั้น.
นกหงษ์ทองเป็นอีกรูปแบบที่กลายพันอีกธุ์ครั้งหนึ่งของนกหงษ์หยก เป็นดั่งราชาของนกหงษ์หยก. พวกมันยังมีพลังที่จะเทียบเท่ากับผู้เชี่ยวชาญพลังลมปราณฉี.
หลังจากอ่านข้อมูลเกี่ยวกับอุโมงค์ใต้ดินไร้พรมแดนแล้ว,เจี้ยงเฉินมีความคิดที่ดีขึ้นในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น.
ยกเว้น,ข้อมูลที่ได้กล่าวถึงความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตจำนวนมากภายในอุโมงค์ใต้ดินไร้พรมแดน. นกหงษ์หยกเป็นหนึ่งในนกที่เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่พบเห็นได้โดยทั่วไป.
"ทายาททั้งหมดที่เข้าร่วมในการทดสอบมังกรซ่อนโปรดฟังอย่างตั้งใจ. มาชุมนุมที่นี่ในเช้าวันพรุ่งนี้เพื่อมุ่งหน้าไปยังอุโมงค์ใต้ดินไร้พรมแดน. ภารกิจที่สามจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในเวลาสามวัน"
องค์หญิงโจวหยู่พูดเสียงดัง "จำสิ่งที่กำหนดไว้ในลำดับภารกิจของพวกเจ้าให้ดี. เวลาที่กำหนดคือหนึ่งเดือน. ภารกิจนี้จะถือว่าล้มเหลวหลังจากหนึ่งเดือน. หากเจ้าหาสิ่งที่กำหนดไว้ครบก่อนเวลา,เจ้าสามารถออกไปก่อนเวลา. ชีวิตและความตายของเจ้าขึ้นอยู่กับลิขิตของสวรรค์ในภารกิจนี้. ถ้าเจ้ากลัวหรือขี้ขลาด,เจ้าจงสละสิทธิ์ "
การทดสอบมังกรซ่อนเกี่ยวข้องกับตำแหน่งขุนนางซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเคยยอมสละสิทธิ์.
เรื่องของชีวิตหรือความตายก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในโลกของการต่อสู้แห่งเต๋า. เมื่อประสบกับการเสี่ยงชีวิตและความตายเท่านั้นถึงจะสามารถเติบโตได้.
"เอาล่ะ,ข้าพูดทุกอย่างที่ต้องพูดแล้ว. กลับไปที่คฤหาสน์ของเจ้าคืนนี้และกลับมาประชุมกันที่นี่ในตอนเช้า มาให้ตรงเวลา เราจะไม่รอถ้าเจ้ามาสาย! "
เจียงเฉินขังตัวเองอยู่ในห้องลับเมื่อกลับไปที่คฤหาสน์.
ภารกิจครั้งนี้มีความซับซ้อนมากขึ้น และเขาต้องเตรียมการหลายอย่าง.
เจี้ยงเฉินกำลังอยู่ในจุดสูงสุดของระดับแปดเส้นชีพจรของพลังลมปราณฉี. เขาจะสามารถผ่านไปได้ถึงเก้าเส้นชีพจรของพลังลมปราณฉีภายในสามวันเป็นอย่างน้อยและอย่างมากที่สุดครึ่งเดือน
รูปแบบที่สองของเทคนิค "กระแสน้ำแห่งมหาสมุทร" คลื่นบดขยี้ เขาเริ่มคุ้นเคยกับมันมากขึ้น. เต็มไปด้วยคุณภาพที่น่าพอใจ,ความสามารถในการสู้รบอันน่าทึ่งเมื่อได้ใช้งาน.
การฝึกเทคนิค "หมัดศักดิ์สิทธ์อันนิรันดร์" เมื่อเทียบกับเทคนิค "กระแสน้ำแห่งมหาสมุทร" กำลังดำเนินไปด้วยความเร็ว. เขาได้รับการฝึกฝนมาแล้วถึงสี่ช่วงของวงจรการเวียนว่ายตายเกิด ความลึกลับของวงจรการเกิดใหม่สี่รอบ
เจี้ยงเฉินยังมีความเชี่ยวชาญในการเคลื่อนไหวพื้นฐานของเทคนิค "มีดบินทะลวงจันทรา"
การฝึกฝนของเจี้ยงเฉินในความสามารถที่เกิดขึ้นทั้งสี่นี้ได้ก้าวหน้าไปเล็กน้อย แต่เขายังคงห่างไกลจากการใช้ความลึกลับของเทคนิค "มีดบินทะลวงจันทรา" ในการโจมตี
การใช้ความลึกลับในการโจมตีคือการเคลื่อนไหวที่แท้จริงของวิธีการนี้.
ทักษะ "นัยน์ตาของพระเจ้า" เป็นความสามารถที่โดดเด่นที่สุดที่เจี้ยงเฉินได้ฝึกฝนได้อย่างรวดเร็วที่สุด ตอนนี้เขาได้ฝึกฝนมาแล้วถึงระดับที่ห้า.
ทักษะ"หูของเทพแห่งลมประจิม" อยู่ในระดับเดียวกันกับทักษะ "นัยน์ตาของพระเจ้า" เจี้ยงเฉินยังได้ฝึกเทคนิคนี้ถึงระดับที่ห้า.
ในอาณาเขตเจี้ยนหานภายในเวลา 1 เดือนที่เขาได้ฝึกฝนทักษะ "หัวใจดั่งศิลา" ในที่สุดก็ทะลวงสู่ระดับที่สองและเข้าสู่ระดับที่สามได้สำเร็จ.
ไม่มีทางที่เจี้ยงเฉินสามารถลองทักษะ "ญาณทิพย์" ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่อาณาจักรแห่งวิญญาณได้
เจี้ยงเฉินใช้วิธีการและเทคนิคแบบต่าง ๆ ของเขา,เขามั่นใจว่าแม้ว่าเขาจะได้พบกับผู้เชี่ยวชาญพลังลมปราณฉีที่แท้จริง เขาก็สามารถที่จะเผชิญหน้ากับเขาได้โดยตรง.
ผู้เชี่ยวชาญพลังลมปราณฉีมีอยู่จริงในบรรดาทายาททั้งหมดหรือไม่?
เจี้ยงเฉินไม่กล้าคิดมองโลกในแง่ดี แต่ก็ไม่ได้มองในแง่ร้ายเกินไป แม้ว่าหลงหยินเยและหลงยู่ซื่อจะเข้ามาอยู่ในกลุ่มของผู้เชี่ยวชาญพลังลมปราณฉีที่แท้จริง เจี้ยงเฉินก็ยังคงสามารถประลองกับพวกเขาได้ 1-2 ครั้ง.
"การจัดระดับของเหล่าขุนนางจะเริ่มขึ้นหลังจากภารกิจที่สามเสร็จสิ้น. ไม่ว่าจะเป็นหลงหยินเยหรือหลงยู่ซื่อ ก็มั่นใจได้ว่าจะมีไพ่ตายจำนวนมากเนื่องจากเป็นทายาทของขุนนางแห่งมังกรทะยาน ข้าจะต่อสู้พวกเขาในการจัดอันดับการต่อสู้ได้อย่างไร ถ้าข้าไม่ได้ปรับปรุงการฝึกซ้อมของข้าให้สุดความสามารถ? "
เจี้ยงเฉินค้นพบว่าถึงแม้ว่าความเร็วของความก้าวหน้าในการฝึกฝนของเขานับตั้งแต่เกิดใหม่อาจพูดได้ว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ เขาก็ยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเต็มเต็มช่องว่างที่เจี้ยงเฉินคนเก่าเคยทำไว้ก่อนหน้านี้.
"ยังมีเวลาอีก 1 เดือนและทุกอย่างก็เป็นไปได้. อุโมงค์ใต้ดินไร้พรมแดนถือเป็นการทดสอบที่แท้จริงในชีวิตของข้า. บางทีศักยภาพของข้าจะได้รับการกระตุ้นให้อยู่ในระดับต่อไปท่ามกลางสงครามที่แท้จริง? "
เจี้ยงเฉินอยู่ในอารมณ์ที่ฮึกเหิมและเต็มไปด้วยพลังขณะที่เขากำลังเตรียมตัว.
นอกเหนือจากข้อได้เปรียบของวิธีการต่อสู้แห่งเต๋า เจี้ยงเฉินยังตระเตรียมอาวุธและอุปกรณ์ไปด้วย.
มีดบินขนนกคริสตัลทองคำที่องค์หญิงโจวหยู่มอบให้ ชุดเกราะอ่อนที่ทำจากเส้นใยของไหมนภาทั้งหมดเป็นสิ่งจำเป็นต้องนำไปใช้ เช่นเดียวกับกระบี่ไร้นามที่ยึดมาได้จากบุกเข้าไปในบ้านของดูหลูไห่ ตอนนี้มันเป็นอาวุธส่วนตัวของเจี้ยงเฉิน,และเขาไม่เคยทิ้งมันเลย.
นอกจากนี้,เจี้ยงเฉินไม่เคยหมดหวังในการใช้พลังของยาพิษ. จนกว่าเขาจะฝึกฝนพลังแห่งเต๋าจนพบกับความสมบูรณ์แบบ,นี่เป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบของเขา.
ยาพิษที่ถูกปรุงแต่งบางชนิดของเขาจะมีผลในการช่วยชีวิตในช่วงเวลาที่สำคัญ.
หลังจากเสร็จสิ้นการตระเตรียมอุปกรณ์ของเขา เจี้ยงเฉินนั่งในท่าสมาธิและเริ่มหมุนเวียนพลังลมปราณฉีของเขาอีกครั้งเพื่อสร้างเส้นชีพจรและฝึกฝนพลังลมปราณ.
จุดสูงสุดของระดับแปดเส้นชีพจรของพลังลมปราณฉี. เจี้ยงเฉินพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อโจมตีและหาช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการทะลวงเส้นชีพจรเพื่อพัฒนาระดับพลังลมปราณ.
เมื่อเขากำลังฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ด้วยพลังแห่งเต๋า การพัฒนาความสามารถก็ไม่ง่ายเท่ากับการกินหรือการนอนหลับ. แม้กระทั่งผู้ที่มีศักยภาพพิเศษจำเป็นต้องใช้เวลาในการเข้าใจ และต้องมีแรงกระตุ้นเพื่อที่จะก้าวไปสู่ประตูถัดไปของเส้นชีพจร.
การทะลวงเส้นชีพจรจะไม่เกิดขึ้นเพียงแค่การเคาะแบบสุ่ม.
เขาใช้เวลาครึ่งแรกในตอนกลางคืนเพื่อบรรเทาให้พลังลมปราณฉีของเขาคงที่ และใช้เวลาช่วงครึ่งหลังของคืนไปกับการนั่งสมาธิปิดตา คืนหนึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว.
เจี้ยงเฉินเดินออกจากห้องลับในเช้าวันรุ่งขึ้น,เขาไปอำลาบิดาของเขาและจัดแจงหน้าที่ต่าง ๆ เกี่ยวกับการดูแลคฤหาสน์ให้กับผู้พิทักษ์ส่วนบุคคลของเขา.
ภารกิจที่สามไม่อนุญาตให้ผู้พิทักษ์ส่วนบุคคลเข้าร่วม.
เขามาถึงจุดนัดพบโดยมีกองทัพหลวงคอยคุ้มกัน คณะผู้ติดตามได้ออกเดินทางไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอาณาจักร สถานที่ตั้งของอุโมงค์ใต้ดินไร้พรมแดน.!
ภายในคฤหาสน์มังกรทะยาน.
"นายท่าน,ข้าน้อยได้ทำข้อตกลงอย่างลับ ๆ ไว้กับสำนักนักฆ่าดาบเทวดาแล้ว. พวกเขาจะส่งสี่ผู้เชี่ยวชาญพลังลมปราณฉีและเราจะจ่ายเงินเป็นสองเท่า "
"ผู้เชี่ยวชาญพลังลมปราณฉีสี่คน? ดีมาก!” หลงเซ้าเฟิงพยักหน้าและยิ้ม. "นักฆ่าดาบเทวดาไม่ใช่สำนักนักฆ่าจากอาณาจักรตะวันออก แม้ว่าองค์ราชาตงฟางหลูต้องการจะติดตามเรื่องนี้ภายหลัง เขาจะไม่สามารถรู้ได้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเรา "
“ฮ่า ฮ่า, ท่านขุนนางฉลาดหลักแหลมมากขอรับ."
"หลงยี่ ข้าขอโทษเจ้าในเรื่องนี้, หลงซานเป็นพี่ชายของเจ้าและเจ้าน่าจะเป็นคนที่จะแก้แค้นแทนเขา. อย่าคิดในทางที่ไม่ดีที่ว่าเจ้าจะไม่สามารถที่จะแก้แค้นได้ด้วยตัวเอง. "
"แผนการอันยิ่งใหญ่ของขุนนางถือเป็นสิ่งสำคัญเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง" หลงยี่เป็นชายที่มีรูปร่างผอมบางเขามีสายตาเหมือนมีด แต่ก็แสดงความนอบน้อมถ่อมตนต่อหน้าหลงเซ้าเฟิง.
"ข้าขอให้สัญญากับเจ้าว่า เมื่อเรื่องของข้าประสบความสำเร็จในอนาคตตระกูลเจี้ยงจะถูกส่งมอบให้เจ้าลงโทษพวกมันให้สาสมกับสิ่งที่มันทำไว้กับพี่ชายของเจ้า ถ้าเราได้ตัวเจี้ยงเฉินมา คนที่เหลือในตระกูลเจี้ยงก็จะไม่สามารถหลบหนีจากเงื้อมมือของเราได้ "
"ตระกูลเจี้ยง!" แววตาของหลงยี่ส่องประกายไปด้วยกับความอาฆาตอันเยือกเย็น.
"โอ้ใช่,หลงยี่,เจ้าได้เลือกผู้สมัครแล้วหรือยัง? เรื่องนี้ต้องเก็บไว้เป็นความลับสุดยอด ต้องไม่ให้ไม่มีหลักฐานสาวมาถึงตัวเรา แม้ว่าพวกเขาจะคาดเดาว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับเรา ก็ควรให้เป็นเพียงการคาดเดา "
"ข้าเลือกพวกเขาแล้ว ทายาทสี่คนที่ไม่ธรรมดา. สำนักนักฆ่าดาบเทวดามักจะดำเนินงานของพวกเขาอย่างพิถีพิถัน พวกเขาสามารถลอบสังหารและปกปิดร่องรอยได้อย่างแนบเนียนโดยไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ ผลของเรื่องนี้ก็คือทั้งทายาททั้งสี่คนจะล้มเหลวในการทดสอบของพวกเขา และจะถูกกินโดยสัตว์ที่ดุร้าย "
เสียงของหลงยี่นั้นห่างไกล,ราวกับว่าชีวิตของคนอื่นมีค่าน้อยกว่ามดในสายตาของเขา.
หลงเซ้าเฟิงหัวเราะเสียงดัง "เจี้ยงเฉิน มาลองดูกันว่าเจ้าจะใช้วิธีไหนที่จะหลีกเลี่ยงกับดักที่ข้าวางไว้รอบตัวเจ้าไม่ว่าจะด้านไหน เจ้าต้องตายซักทาง! องค์ราชาตงฟางหลู เจ้ากำลังหวังให้ตระกูลเจี้ยงเป็นสุนัขรับใช้แทบเท้าเจ้า ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่เหลือไพ่ในมืออีกต่อไป "