หน้าแรก > War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 134 ข้าจะสั่งสอนเจ้า! แทนบิดามารดาของเจ้าเอง!

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

"มากเกินไป?" ใบหน้าของสตรีชุดแดงแปรเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยว เนื่องจากการโจมตีเมื่อครู่ของนางไม่อาจทำร้ายคนที่โต้เถียงนางได้ ทั้งยังโดนขัดขวางไว้เช่นนี้และโดนกล่าวต่อว่าอีก “เจ้าไม่อาจทำตัวเย่อหยิ่งหรือปากกล้าต่อหน้าข้าได้เพราะไร้คุณสมบัติ และไม่ต้องถามเลย แน่นอนว่าตัวประหลาดอย่างนางย่อมไม่มีสิทธิ์จะพูด”

"อา นี่ช่างเป็นเรื่องประหลาดจริงๆตั้งแต่เกิดมาข้าพึ่งเคยได้ยินว่าการจะพูดจาออกมา จำเป็นต้องมีคุณสมบัติ บัดซบอะไรนั่นด้วย อ่อ! แล้วข้ายังสงสัยนัก ว่าที่เจ้าถือสิทธิ์ทำร้ายผู้คนไปทั่วเช่นนี้ต้องมีคุณสมบัติและมีสิทธิ์อันใดบ้าง" ใบหน้าของหลิงเทียนค่อยๆดิ่งลงในขณะที่เขาค่อยๆหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา เนื่องจากบังเกิดโทสะขึ้นมาบ้างแล้ว

แม้ว่าเมื่อครู่เขาจะไม่ได้ลงมือช่วยเหลือลี่เฟยก็ตาม เพราะแค่เพียงอาศัยระดับบ่มพเพาะ้ของนางที่อยู่ในระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 5 มันย่อมเพียงพอที่จะรับมือสตรีอุบาทว์ชุดแดงนี่ ที่มีระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 4 ได้อย่างง่ายดาย ... เหตุผลเดียวที่เขาไปดึงร่างลี่เฟยหลบนั้นไม่ใช่เพราะเขากลัวว่าลี่เฟยจะพ่ายแพ้ แต่เขาเลือกที่จะฟังคำกล่าวของมารดา และพยายามที่จะไม่ให้เกิดปัญหาใดๆ...

แต่ถ้าเรื่องมันลุกลามใหญ่โตไปจนเกินกว่าที่เขาจะควบคุมไหวแล้ว เขาเองก็ไม่ใช่พวกที่จะยอมใครง่ายๆเสียด้วยสิ!

ตอนนี้ผู้คนส่วนมากเองก็เริ่มจะสังเกตถึงการกระทำที่โอหังของสตรีชุดแดงแล้ว จริงๆพวกเขาก็รับรู้ได้ว่านางกระทำมากเกินไปดังที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจริงๆ

"คนบางคนนั้นเกิดมาก็เป็นได้เพียงแค่มดปลวกเท่านั้น แต่บางคนก็เกิดมาเป็นผู้สูงส่งอย่างนายหญิงน้อยเช่นข้า!" สตรีชุดแดงเชิดศีรษะก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างหยิ่งผยอง "เจ้าถามว่า เรานายหญิงน้อยว่ามีคุณสมบัติและสิทธิ์อันใด แน่นอนว่าเรานายหญิงน้อยย่อมมีสิทธิ์และคุณสมบัติ นั่นเพราะพวกเจ้าเป็นเพียงแค่มดปลวกและหนอนแมลงที่ไม่มีคุณสมบัติอันใด แต่กล้ามายืนอยู่ต่อหน้าเรานายหญิงน้อยผู้สูงศักดิ์อย่างไรเล่า! " เมื่อกล่าวจบหญิงสาวชุดแดงก็ฟาดแส้สีดำออกมาราวกับอสรพิษหมายฟาดหน้าหลิงเทียนทันที

"ตรรกะบัดซบอันไรของเจ้า! วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าให้รู้สำนึกแทนบิดามารดาของเจ้าเอง ว่าบนโลกนี้หามีผู้ใดมีสิทธิ์ที่จะเหยียดหยามดูแคลนหรือย่ำยีศักดิ์ศรีผู้อื่นได้!" น้ำเสียงของต้วนหลิงเทียนแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา ตอนนี้ดูเหมือนเขาจะมีโทสะอย่างมาก

"ตาย!" สตรีชุดแดงเองก็ตะโกนด้วยเสียงต่ำ แส้ในมือนางยามนี้ราวกับอสรพิษสีดำกระพริบวูบวาบพุ่งไปทำร้ายต้วนหลิงเทียน

หมับ!

ต้วนหลิงเทียนเพียงแสยะยิ้มอย่างไม่แยแส ก่อนที่จะใช้มือเปล่าจับแส้เอาไว้ได้อย่างง่ายดาย ทั้งเขายังใช้กำลังเพียงแค่ 7 ช้างแมมมอธโบราณเท่านั้นในการสยบนาง เมื่อจับแส้ของนางได้เขาก็ไม่รอช้า เขาก็สะบัดแส้ด้วยความเร็วสูงทันที

เพียะ! "โอ๊ยยย" มือของสตรีชุดแดงที่จับแส้อยู่พลันถูกแส้ตวัดทำร้ายเข้าอย่างแรง จนเลือดไหลซึมออกมา นางหันไปด่าหลิงเทียนด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยโทสะ และระเบิดน้ำเสียงดังก้าวร้าวออกมา "เจ้า ... เจ้ากล้า ...เจ้ากล้าทำร้ายเรานายหญิงน้อยผู้นี้จริงๆ? สารเลว!"

“บัดซบ เจ้ายังมีสมองอยู่หรือไม่ เจ้าคิดฆ่าข้า แต่เจ้ากลับโวยวายเรื่องที่ข้าทำร้ายเจ้า?” ต้วนหลิงเทียนหัวเราะเยาะออกมาดังลั่น "เจ้าเป็นสตรีบ้าไร้สมองหรือไร เจ้าคิดว่าตัวเองเป็น ที่ 2 รองจากสวรรค์เช่นนั้นหรือ? เจ้าสามารถเข่นฆ่าผู้อื่นได้ แต่ผู้อื่นไม่สามารถทำอะไรได้งั้นรึ? พวกเขาต้องยืนเฉยๆให้เจ้าเข่นฆ่าหรือไร!”

เมื่อได้ฟังคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน ไม่นานคนบนชั้น 2 ของเหลาอาหารแห่งนี้ก็หันไปมองสตรีชุดแดงด้วยสายตาราวกับนางเป็นตัวโง่งม แม้ว่าพวกเขาจะเห็นบุตรหลานของตระกูลที่มั่งคั่งหลายคนทำตัวเลวร้าย นิสัยเสีย แต่พวกเขาพึ่งเคยเห็นตัวเลวร้ายนิสัยเสีย ที่โง่งมถึงเพียงนี้ ...

"นี่! เจ้ารู้ไหมเรานายหญิงน้อยผู้นี้เป็นใคร! ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายแก่เจ้ารีบคุกเข่าลงแล้วโขกศีรษะขอขมาข้า 3 ครั้ง แล้วข้าอาจจะเมตตาไว้ชีวิตมดปลวกของเจ้าให้" สตรีชุดแดงมองไปยังต้วนหลิงเทียนก่อนที่จะกล่าวออกมา ด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งราวกับนางกำลังมอบความเมตตาเล็กๆน้อยๆให้หลิงเทียนอย่างไรอย่างนั้น

"บัดซบ นี่เจ้ายังคิดไม่ได้อีกหรือไง เจ้าคิดจริงๆหรือว่าตัวเจ้าสามารถกำหนดชีวิตความเป็นความตายให้แก่ผู้อื่นได้ อย่างง่ายดายเช่นนั้นหรือ?" ต้วนหลิงเทียนเริ่มก้าวเดินไปข้างหน้า และตอนนี้จิตสังหารที่น่าพรั่นพรึงหนาวยะเยือกพลันแผ่ซ่านออกมาจากร่างของหลิงเทียนอย่างสยดสยอง

ท่าทางของหญิงสาวชุดแดงพลันแปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวจับขั้วหัวใจเมื่อ ถูกจิตสังหารของหลิงเทียนแผ่ซ่านกดดันเอาไว้ ร่างกายของนางสั่นระริกสีหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด สองเท้าเริ่มก้าวถอยหลังออกไปอย่างหวาดกลัว ยามนี้เมื่อนางมองหลิงเทียนอีกครั้ง สายตาของนางไม่เหลือความเย่อหยิ่งใดๆอีกต่อไป คงเหลืออยู่แต่เพียงความหวาดกลัวราวกับเห็นอสูรร้ายเท่านั้น "เจ้า ... เจ้าอย่าเข้ามานะ... อย่าเข้ามาใกล้ข้านะ ... "

"พอแล้ว!" ในที่สุดหญิงชราก็กล่าววาจาออกมา นางพุ่งร่างไปยืนบังหน้าสตรีชุดแดงเอาไว้ ก่อนที่จะปิดกั้นจิตสังหารที่น่าพรั่นพรึงที่แผ่ซ่านออกมาจากต้วนหลิงเทียน

ทว่า ตอนนี้เองแม้กระทั่งหญิงชราก็อดไม่ได้ที่จะสั่นไหว เยาวชนคนนี้อายุน่าจะราวๆ 18 ปีเท่านั้น ไม่เพียงแต่มีระดับบ่มเพาะไม่ได้ด้อยไปกว่ารุ่นเยาว์ของตระกูลใหญ่ รวมทั้งตระกูลของนายหญิงของนางเอง แต่เขากลับมีจิตสังหารที่น่าพรั่นพรึงเช่นนี้อีก หากบรรลุระดับบ่มเพาะเดียวกันกับนางไม่ใช่ว่านางจะตกตายเพียงเพราะแรงกดดันนี่หรือไร ...แม้กระทั่งทั่วทั้งอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้ก็ตาม คงมีไม่มากที่จะบรรลุจิตสังหารที่น่าพรั่นพรึงระดับนี้ได้

"จะ..เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่?" หญิงชราเริ่มจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตากริ่งเกรง นางเริ่มหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย และในที่สุดนางก็เริ่มตระหนักได้ว่าบางทีชายหนุ่มในชุดสีม่วงนี้อาจจะไม่ได้ง่ายดายนัก เขาอาจมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งก็ได้

"ข้าเป็นใครน่ะเหรอ ?" ต้วนหลิงเทียนเริ่มหัวเราะเยาะออกมา ก่อนที่จะกราดสายตาเย็นชาไปยังสตรีชุดแดงที่อยู่ด้านหลังของหญิงชรา “ข้าเป็นมดปลวกหนอนแมลงที่นางกล่าวถึงอย่างไรเล่า มดแมลงที่เกิดมาตำต้อยไร้ราคา ไร้คุณสมบัติ! ไร้สิทธิ์! ...แต่แล้วเพราะเหตุใดกันเล่า นายหญิงน้อยที่เกิดมาสูงส่งมีคุณสมบัติยิ่งใหญ่รวมถึงสิทธิ์มากมาย กลับทำได้เพียงซอนตัวอยู่เบื้องหลังราวเต่าหดหัว? ผู้สูงศักดิ์เช่นเจ้าไม่กล้าเข้ามาบี้มดตัวน้อยเช่นข้แล้วงั้นหรือ?” น้ำเสียงของต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

สตรีชุดแดงที่ได้ฟังก็บังเกิดความหงุดหงิดอย่างมากใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ สุดท้ายนางก็กล่าวตะโกนออกมาด้วยโทสะ "ฆ่ามันซะ ข้าอยากให้มันตาย!"

หญิงชราที่ยังจับจ้องที่ร่างของต้วนหลิงเทียนอย่างไม่คลาดสายตา เดิมทีก็คิดว่าต้วนหลิงเทียนอาจจะมีพื้นหลังอะไรบางอย่างจึงไม่กล้าลงมือผลีผลาม นี่เพราะท่าทางของหลิงเทียนลึกลับเกินไปมันสะกดให้นางไม่อาจลงมือ แต่ตอนนี้หลังจากได้ยินคำสั่งของนายหญิงน้อย นางเองก็ไม่ลังเลอะไรอีกต่อไป แม้ว่าตัวตนของชายหนุ่มในชุดสีม่วงนี้จะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตาม วันนี้เขาต้องตาย!!

วู้มมม!

หญิงชราหมายจู่โจมด้วยกำลังทั้งหมดของนาง เงาร่างช้างแมมมอธโบราณจำนวน 80 ตัวปรากฏขึ้น นั่นแสดงให้เห็นถึงระดับบ่มเพาะของนาง...นางกลับเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 6!

"ฉงเฉวียนจับนางไว้ อย่าให้มารบกวนข้าได้" ตอนนั้นเองจิตใจของผู้ที่อยู่ข้างหลิงเทียนก็กังวลอย่างหนักเมื่อเห็นหญิงชราจู่โจมหลิงเทียน แต่ทว่าเมื่อได้ฟังคำกล่าวของหลิงเทียน ผู้ที่อยู่ข้างหลิงเทียนพลันตกตะลึงทันที

"ขอรับ นายท่าน!" ฉงเฉวียนไม่คิดลีลาอะไร เขาเร่งเร้าพลังงานต้นกำเนิดออกมา 100 ช้างแมมมอธโบราณ เพื่อสกัดการจู่โจมของหญิงชราก่อนที่เขาจะสยบนางเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย โดยที่นางไม่มีแม้แต่หนทางขัดขืนเลยสักนิด และตอนนี้นางเองก็ไม่อาจไปวุ่นวายอะไรหลิงเทียนได้อีกแล้ว

"ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7!" หญิงชราได้แต่มองไปยังฉงเฉวียนด้วยความหวาดกลัว ยามนี้ใบหน้าของนางเริ่มเปลี่ยนเป็นซีดเซียว

"เจ้า... เจ้าอย่าเข้ามานะ... ออกไปให้พ้น อย่าเข้ามาใกล้ข้า ... " ใบหน้าของสตรีชุดแดงพลันเปลี่ยนเป็นซีดเผือดเมื่อสังเกตว่าข้ารับใช้หญิงที่นางเชื่อมั่น ได้ถูกสยบเอาไว้โดยข้ารับใช้ของอีกฝ่าย ...เมื่อฉงเฉวียนสยบสตรีชราเอาไว้ได้แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ก้าวเดินไปหานางอย่างไม่เร่งร้อน

เพียะ!!

ต้วนหลิงเทียนเมื่อเดินไปถึงก็ไม่ได้กล่าวอะไรมากมาย เขาจิกผมของนางขึ้นมาด้วยมือซ้าย ก่อนที่จะสะบัดมือขวาไปตบหน้านางดังสนั่นลั่นร้าน "ท่านหญิงผู้สูงส่ง วันนี้ข้ามดปลวกผู้แสนต่ำต้อยขอบังอาจ สั่งสอนนายหญิงสูงส่งเช่นท่านให้รู้สำนึกแทนบิดามารดาของท่านสักวัน ตบเมื่อครู่นั้นเพราะเจ้ากล้าระรานภรรยาข้า! "

ลี่เฟยที่นั่งอยู่ด้านข้างพลันแย้มยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข

"เจ้า ... เจ้ากล้าตบเรานายหญิงน้อยจริงๆ?" หญิงสาวที่สวมชุดสีแดงนั้นตกตะลึงและเจ็บปวดอย่างมาก แม้แต่บิดาของนางเองก็ไม่เคยตบตีนาง ... แต่ชายประหลาดผู้นี้กลับกล้าตบหน้านาง!

"เจ้าต้องตายแน่ ... เจ้าต้องตายแน่ๆ ... " สตรีที่สวมชุดสีแดงมองไปยังหลิงเทียน ด้วยสายตาเย็นชาราวกับมองคนที่กำลังจะตาย

เพียะ!

ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็ตบหน้านางอีกข้างด้วยหลังมือดังสนั่น ได้ยินลั่นไปทั่วชั้น 2 "ตบนี้เป็นของพี่ชาย ที่เจ้าทำร้าย ตรงนั้น"

ชายวัยกลางคนที่ถูกหญิงชราทำร้ายที่หน้าบวมเป่งอยู่ครึ่งหนึ่งได้หันมามองหลิงเทียนด้วยความซึ้งใจ

"เด็กน้อย เจ้าจะเสียใจในเรื่องนี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่านางเป็นใคร?" ตอนนั้นเองร่างหญิงชราที่ถูกฉงเฉวียนสยบไว้ก็สั่นสะท้านออกมาเบาๆ ก่อนที่จะกล่าวคำออกมา

"ข้าไม่รู้และไม่สนใจ แต่ไม่ว่านางจะเป็นใคร วันนี้ข้าก็จะสั่งสอนให้นางรู้สำนึกแทนบิดามารดาของนาง นางจะได้รู้ว่าต่อไปควรกระทำตัวเยี่ยงไร ... " ต้วนหลิงเทียนแสดงท่าทีไม่แยแสและเย็นชาอย่างถึงขีดสุด หามีวี่แววหวาดหวั่นในใจของเขาแม้แต่น้อยยามจ้องไปยังหญิงชรา เมื่อกล่าวจบ เขาก็หันมายังสตรีชุดแดง

เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ!

...

ต้วนหลิงเทียนระดมตบหน้าสตรีชุดแดงทั้งหน้ามือหลังมือ ซ้ายทีขวาทีตอนนี้ใบหน้าของนางบวมเป่งยิ่งกว่าสุกรเสียอีก แก้มที่เคยเรียบเนียนยามนี้เปลี่ยนเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือน

"ไม่ใช่เจ้ากล่าวเหรอ ว่าเกิดมามีเกียรติ มีคุณสมบัติสูงส่ง?"

"แล้วเจ้าไม่ได้กล่าวหรือไร ว่าจะบี้มดเช่นข้าคนนี้?"

...

น้ำเสียงของหลิงเทียนเต็มไปด้วยความไม่แยแสอย่างสิ้นเชิง

ดวงตาของสตรีชุดแดงนั้นเต็มไปด้วยจิตสังหารเย็นชาราวอยู่ในโลกน้ำแข็ง ทว่าตอนนี้มันเลื่อนลอยเป็นอย่างมาก นางดูเหมือนจะรู้สึกสับสนกับเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นกับนาง ทั้งโทสะถึงขีดสุดไม่อาจระบายออกทำให้นางอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก จนตอนนี้นางไม่รู้ว่ากำลังฝันอยู่หรือย่างไร "เจ้า ... เจ้า... จะต้องเสีย ใจ ...แน่นอน... "

"ข้าไม่สน !" ต้วนหลิงเทียนตวาดใส่สตรีชุดแดงอีกครั้งเมื่อได้ยินคำกล่าว และเขาก็ตบหน้านางอย่างจังจนฟันหลุดลงมา 1 ซี่ ก่อนที่เขาจะเหวี่ยงนางลงพื้นอย่างแรง จนผมหลุดติดมือมาหย่อมหนึ่ง “ไสหัวไปซะ แล้วอย่าได้เสนอหน้าอัปลักษณ์นี่มาให้ข้าเห็นอีกครั้ง... ไม่เช่นนั้น อย่าได้หาว่าข้าไร้เมตตา!”

ตอนนั้นเองฉงเฉวียนก็ปลดปล่อยหญิงชราและเดินกลับไปอยู่ด้านหลังของหลิงเทียน หลังจากที่หญิงชราได้รับอิสรภาพนางก็รีบลุกขึ้นและพุ่งร่างไปช่วยเหลือนายหญิงของนาง และรีบนำตัวนางลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงเย็นชาของนางพลันแววมาจากชั้นล่าง "เด็กน้อยไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้ใดและเบื้องหลังของเจ้าจะเป็นใคร... เจ้าเตรียมรับโทสะของผู้ว่าการประจำมณฑลตะวันฉาย เอาไว้ได้เลย!"

“เหอะ! ผู้ว่าการประจำมณฑลตะวันฉายอย่างนั้นหรือ?” มุมปากของหลิงเทียนยกขึ้นเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย

"ไม่พ้นพวกตระกูลของผู้ว่าการประจำมณฑลอีกครั้ง!"

ดูเหมือนว่าเขาจะมีโชคที่จะต้องเจอเรื่องราววุ่นวายกับพวกผู้ว่าการประจำมณฑลเป็นประจำ ครั้งก่อนก็มีเรื่องมีราวกับบุตรชายผู้ว่าการประจำมณฑลผานางแอ่นเหิน ตอนนี้เขายังไประรานลูกสาวผู้ว่าการประจำมณฑลตะวันฉายอะไรนั่นอีก

"เช่นนั้นก็หมายความว่า สตรีชุดแดงผู้นั้นเป็นบุตรสาวของผู้ว่าการประจำมณฑลตะวันฉายอย่างนั้นรึ?"

"ข้าเองก็เคยได้ยินมาถึงนิสัยหยิ่งยโสโอหัง แถมยังจองหองของบุตรีผู้ว่าการประจำมณฑลตะวันฉาย แต่ข้าเองก็ไม่เคยคิดเลยว่านางจะเลวร้ายได้ถึงขั้นนี้!"

...

ตอนนี้สีหน้าท่าทางของผู้ที่อยู่ในเหลาอาหารชั้นที่ 2 เปลี่ยนเป็นซีดเซียว พวกเขารีบชำระเงินค่าอาหารของพวกเขา แล้วรีบหนีไป เพราะกลัวว่าภัยพิบัติจะมาเยือน

"น้องชาย" ไม่นานนักชายวัยกลางคนที่หน้าบวมเป่ง ก็เดินเข้ามาหาต้วนหลิงเทียน พร้อมกล่าวออกมาด้วยท่าทางหวาดกลัว "ผู้ว่าการประจำมณฑลตะวันฉายนี้หาได้ง่ายดายนัก น้องชายรีบหลบหนีออกจากเมืองหลวงเสียจะดีกว่า"

"ฮ่าๆ อะไรกัน ที่นี่นับว่าเป็นเมืองหลวงของอาณาจักร อาศัยอำนาจเพียงผู้ว่าการประจำมณฑลหนึ่ง กล้าที่จะก่อเรื่องราวในเมืองหลวงเชียวหรือ มันไม่กลัวข้อหากบฏหรือไร?" ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย เพราะไม่ว่าตระกูลผู้ว่าการประจำมณฑลจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน แต่พวกมันก็น่าจะมีเพียงอิทธิพลในพื้นที่เท่านั้น ไม่น่าจะมีอำนาจอะไรในเมืองหลวงเชนนี้

ที่เมืองหลวงแห่งนี้ผู้ว่าการมณฑลยังกล้าที่จะก่อเรื่องได้ตามใจชอบเช่นนั้นหรือ?

ชายวัยกลางคนเห็นท่าทางไม่แยแสและหัวเราะออกมาอย่างไร้กังวลของหลิงเทียน เขาเพียงกล่าวออกมาอย่างขมขื่นว่า "น้องชาย เรื่องนี้เจ้าอาจจะยังไม่ทราบ ...หากเป็นอีก 17 มณฑลล่ะก็คงไม่มีปัญหาอะไรเช่นนั้น แต่ผู้ว่าการประจำมณฑลตะวันฉายนั้นจะแตกต่างจกผู้อื่นสักหน่อย หากข้าจำไม่ผิด สตรีชุดแดงที่เจ้าทุบตีไปผู้นั้นสมควรเป็นบุตรีของผู้ว่าการประจำมณฑลตะวันฉาย กับ น้องสาวของสนมองค์ราชา ...และสนมองค์ราชาคนนั้นก็เป็นมารดาขององค์ชาย 5 "

ชายวัยกลางคนนั้นเมื่ออธิบายเรื่องราวทุกอย่างให้แก่ต้วนหลิงเทียนเขาเองก็เดินทางออกจากเหลาอาหาร และก่อนเขาจากไปก็ไม่ลืมเตือนให้หลิงเทียนรีบหนีออกจากเมืองหลวงโดยเร็วที่สุด

"อีกเช่นนั้นกล่าวง่ายๆ สตรีชุดแดงนั่นเป็นลูกพี่ลูกน้องกับองค์ชาย 5?" คิ้วที่สวยงามของลี่เฟยพลันขมวดขึ้น ก่อนที่จะมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยความตื่นกลัวเล็กน้อย "ตัวเลวร้าย แล้วพวกเราจะทำอย่างไรดี?"

พวกเขาพึ่งเดินทางเข้าเมืองหลวงมาเท่านั้น แต่ตอนนี้ดันไปมีปัญหาทางอ้อมกับองค์ชาย 5 ของอาณาจักรนภาลองซะแล้ว นี่ไม่ใช่สัญญาณของเรื่องราวที่ดีสักเท่าไร...

"เสียวเฟย ก่อนหน้านี้ไม่ใช่เจ้ามั่นใจมากหรอกหรือ แล้วใยตอนนี้มากลัวเอาเสียแล้วเล่า?" ต้วนหลิงเทียนหยอกล้อหวังให้นางผ่อนคลาย

"ฮึ่ม ข้าแค่เป็นห่วงเจ้าเท่านั้น" ลี่เฟยกล่าวออกมาด้วยความฮึดฮัด

ต้วนหลิงเทียนเพียงยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ก่อนที่จะกลับมานั่งตรงกลางระหว่างเค่อเอ๋อและลี่เฟย แล้วกล่าวออกมาอย่างสบายอารมณ์ "เอาล่ะ พวกเราก็มากินอาหารกันเถอะ"

หลังจากนั้นไม่นานหลิงเทียนก็มองไปยังบริกรหญิงก่อนที่จะเรียกนางเข้ามา

"นะ...นายท่านต้องการอะไรหรือเจ้าคะ?" บริกรหญิงเองก็ไม่กล้าที่จะสบตากับหลิงเทียน เพราะตัวตนของหลิงเทียนเองก็แลดูยิ่งใหญ่น่าหวาดกลัวไม่น้อย

"เฮ่ เจ้าไม่ต้องตกใจกลัวอะไรข้า ข้าแค่อยากจะถามเจ้าสักหน่อย ว่าเจ้ารู้หรือไม่ว่าเมืองชั้นในนี่จะเปิดให้ผู้คนเข้าไปเมื่อไหร่?" ต้วนหลิงเทียนยิ้ม ก่อนที่จะกล่าวถามออกมา

ท่าทางของบริกรหญิงคนนั้นเริ่มผ่อนคลายลงเมื่อเห็นรอยยิ้มของต้วนหลิงเทียน "นายท่านเจ้าคะ เมืองชั้นในนั้นจะเปิดให้ผู้คนเข้าออกเป็นเวลา 1 ชั่วยาม ในช่วงเช้า ช่วงเที่ยง และหัวค่ำ เจ้าค่ะ"

"แล้วความแตกต่างระหว่างเมืองชั้นใน และชั้นนอก มันมีอะไรบ้างเล่า?" ต้วนหลิงเทียนยังคงกล่าวถามต่อไป

"เมืองชั้นนั้นนั้นแน่นอนย่อมมีความหรูหรายิ่งใหญ่กว่าเมืองชั้นนอกมากมายเลยเจ้าค่ะ ทั้งเมืองชั้นในเองยังเป็นที่ตั้งของพระราชวัง ที่ตั้งของตระกูลประจำราชวงศ์ ที่ตั้งของตระกูลใหญ่ต่างๆ อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของสถาบันบ่มเพาะขุนพล ... อย่างไรก็ตามถึงแม้ปกติแล้วเมืองชั้นในจะเปิดให้ผู้คนทั่วไปเข้าไปท่องเที่ยว ชมดูได้ แต่ทว่าก็ไม่มีคนทั่วไป คนไหนที่คิดจะพักอยู่ในเมืองชั้นในหรอกเจ้าค่ะ เพราะราคาที่พักนั้นมันแพงกว่าที่พักที่ดีที่สุดในเมืองชั้นนอกถึง 10 เท่า และทุกคนที่สามารถซื้อหาที่ดินในเมืองชั้นในได้ ล้วนแต่เป็นผู้ที่ร่ำรวยมหาศาลหรือเป็นขุนนางเท่านั้นแหล่ะ เจ้าค่ะ " บริกรหญิงค่อยๆกล่าวออกมาช้าๆ

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.