หน้าแรก > ราชันสามภพ
ตอนที่ 71 หัวหน้าเผ่าเริ่มเกรงขาม

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

**TL ขอแก้ไข สวนโอสถหลวง เป็น สวนยาแห่งราชันย์ ตามที่ผู้แปลคนแรกแปลนะคะ**

 

เมื่อเว่ยซูฉีเห็นว่าเจี้ยงเฉินจำนางได้ นางรู้สึกอายในใจแต่นางก็รู้สึกถึงความสุขอันแสนหวาน

นางยึดมั่นด้วยความกล้าหาญที่นางได้รับจากที่ไหนสักแห่ง เด็กสาวคนที่มีใบหน้าแดงระเรื่ออยู่ตลอดเวลารวบรวมความกล้าและพูดด้วยน้ำเสียงต่ำเหมือนเสียงของยุงว่า "ข้าได้ยินมาว่าท่านกำลังรับสมัครผู้พิทักษ์ส่วนบุคคล ดังนั้นข้าจึงรีบไปมาที่นี่ เผื่อว่าข้าจะสามารถช่วยอะไรท่านได้ "

องค์หญิงโจวหยู่ได้ใช้อำนาจของพระราชวงศ์ให้เป็นประโยชน์เพื่อประกาศข่าวนี้ให้กว้างไกลไปทั่วทุกอาณาเขต. เจี้ยงเฉินไม่คิดว่าเว่ยซูฉีจะออกเดินทางมายังดินแดนอันไกลโพ้นเช่นนี้.

ตัดสินจากร่างกายของนางที่ตอนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นจากถนน นางต้องเริ่มต้นเดินทางทันทีที่นางได้ยินข่าว

เจียงเฉินงงอยู่ชั่วขณะและถามว่า "นายหญิงของเจ้าเห็นด้วยหรือไม่ที่เจ้ามาที่นี่?"

เมื่อนางได้ยินการกล่าวพาดพิงถึงนายหญิง นางก็ตัวสั่นเล็กน้อย มือขวาของนางบิดด้านล่างของเสื้อของนางจนเป็นเกลียวนางหมุนนิ้วไปรอบ ๆ และเหมือนกับว่านางจะรู้สึกสับสนกับความคิดของนางที่ขัดแย้งกัน.

เจียงเฉินยิ้มโดยไม่ตั้งใจ ดูเหมือนว่าเว่ยซูฉีได้แอบหนีออกมาในช่วงที่นายหญิงของนางเผลอตัว

เว่ยซูฉีรีบพูดเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเจี้ยงเฉินว่า "ถึงนายหญิงจะรู้เรื่องนี้ นางก็คงไม่คิดที่จะหยุดข้าหรอก นางรักข้ามากที่สุด "

เจี้ยงเฉินพยักหน้า. "อืม ข้าเข้าใจ ข้าเป็นคนตัดสินการรับสมัคร ถ้าเจ้าไม่รู้สึกลำบากใจที่จะทำ เจ้าก็สามารถเข้าร่วมในตำแหน่งนี้ได้ "

"จริงหรือ !?" เว่ยซูฉีรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำพูดนี้. นางเป็นกังวลตลอดมาว่านางจะมาสายเกินไป นางกังวลว่าทุกตำแหน่งจะเต็มและจะไม่มีที่ว่างสำหรับนาง.

ใครจะคิดว่านางจะมาทันเวลาสำหรับตำแหน่งสุดท้าย.

เจี้ยงตงยิ้ม เมื่อเห็นความอ่อนโยนและงดงามของเว่ยซูฉี "เฉินเอ๋อ เจ้ารู้จักหญิงสาวคนนี้ด้วยหรือ?"

“อืม วันนี้เราได้ทำความคุ้นเคยกันในช่วงที่ข้ากำลังปฏิบัติภารกิจในเขตเทียนฮู. เราเจอกันหลายครั้งแล้ว. หน้าตาและบุคลิกภาพของนางค่อนข้างน่าเชื่อถือ "

"เอาเป็นว่าถ้าเป็นแบบนี้แล้วล่ะก็ เราก็ได้ผู้สมัครคัดเลือกครบแล้วทั้งแปดตำแหน่ง" เจี้ยงตงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก. เขายังไม่พอใจกับผู้สมัครคนใดสำหรับตำแหน่งสุดท้าย.

เป็นไปเรื่องที่ดีที่สุดที่ตำแหน่งสุดท้ายตกเป็นของคนที่เจี้ยงเฉินรับรอง.

"เฉินเอ๋อ พวกเขาบอกว่าคนรู้จักไม่อาจหว่านความบาดหมางกันระหว่างเพื่อนสนิท. แต่เจ้าเลือกคนนอกแทนที่จะเลือกบุตรของลุงของเจ้า ตรรกะนี้อยู่ที่ไหน? ข้า ป้าของเจ้าทำเรื่องอะไรให้เจ้าไม่พอใจหรือ? "

เช่นเดียวกับที่เจี้ยงเฉินพูด ผู้หญิงที่แต่งกายหรูหราและแต่งหน้าแบบจัดเต็มก็รีบวิ่งไปที่ด้านหน้าของเจี้ยงเฉิน และเริ่มบ่นกับเขา

เจี้ยงเฉินรู้จักผู้หญิงคนนี้จากความทรงจำของตัวเองในอดีต นางควรจะเป็นป้าของเขาและแม่ของหลานยี่ซั่วนั่นเอง.

"ท่านป้า ท่านลุงเป็นหัวหน้าที่ชอบคุยโว ยี่ซั่วมีวิธีที่จะสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองได้ดีกว่าการเป็นผู้พิทักษ์ส่วนตัวของข้า ทำไมไม่ให้โอกาสกับผู้ที่มีความต้องการมากกว่า? "

เจี้ยงเฉินต้องชักจูงหว่านล้อมให้นางคล้อยตามเขา เพราะเขาไม่มีความปรารถนาที่จะทำให้ตัวเองต้องยุ่งเหยิงกับผู้หญิงปากร้าย.

"แล้วจะทำไมกัน ถ้าเขาเป็นประมุขใหญ่? สิ่งนั้นสามารถถูกส่งต่อไปได้แค่เพียงบุตรชายคนแรก แล้วอนาคตและความเจริญรุ่งเรืองของบุตรคนที่สองก็ถูกเพิกเฉย ถ้าเขาติดตามเจ้า เจ้าไม่ต้องทำอะไรมากเพียงแค่ต้องเอ่ยปากออกคำสั่ง เพื่อมอบความเมตตาให้แก่ลูกพี่ลูกน้องของเจ้ายี่ซั่วในการปกครองชนเผ่า เมื่อเจ้าได้เป็นขุนนางในภายภาคหน้า เฉินเอ๋อ ให้ข้าบอกอะไรบางอย่างแก่เจ้า ลุงของเจ้าใช้ความพยายามอย่างมากในการดูแลแม่ของเจ้าก่อนจะแต่งงาน. ตอนนี้แม่ของเจ้าไม่อยู่ที่นี่ การได้ดูแลป้าก็เหมือนกับการดูแลแม่ของตัวเอง แม้ว่ายี่ซั่วเป็นเพียงลูกพี่ลูกน้องของเจ้าในนาม เขาก็เป็นเหมือนน้องชายแท้ ๆ จากสายเลือดของเจ้า? เจ้าไม่สามารถละเลยเรื่องของเขาได้. เจ้าสามารถทนต่อ ... "

"ท่านป้า ลูกพี่ลูกน้องยี่ซั่วมีเพียงแค่ห้าเส้นชีพจรของพลังลมปราณฉี. ข้าไม่มีอำนาจที่จะดำเนินการ แม้ว่าข้ามีจิตใจที่อยากจะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายของเขา ข้าจะไม่สามารถบรรลุภารกิจของข้าได้อย่างน่าพอใจ. ถ้าท่านรักหลานชายคนนี้ ท่านป้า แน่นอนท่านจะไม่ปล่อยให้ข้าต้องประสบกับความพ่ายแพ้ในการทดสอบมังกรซ่อน? ถ้าข้าแพ้ แล้วท่านลุงจะดำรงตำแหน่งของเขาในฐานะประมุขใหญ่ได้อย่างไร? "

“เอ๊ ?” ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกสับสนเมื่อได้ยินว่าสามีของนางอาจไม่ได้รักษาตำแหน่งของเขาไว้ในฐานะประมุขใหญ่.

เจี้ยงเฉินยิ้มและรีบฉวยโอกาสเดินจากไป.

ตอนนี้เจี้ยงตงกำลังประกาศรายชื่อผู้ลงสมัครคัดเลือก.

"กุยจินจากเมืองหลวง หลานชายโดยตรงของอาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้พิเศษ กุยชุน.

เซี่ยวชาน, เซี่ยวชวน,หลานชายของผู้นำหอโอสถที่สาม.

เว่ยซูฉี จากสำนักดาวกระจายของอาณาเขตเทียนฮู คนรู้จักเก่าของขุนนางน้อยเจี้ยงเฉิน.

หยูตง จากเผ่าหยิงหลานของอาณาเขตเจี้ยงหาน ลูกพี่ลูกน้องของขุนนางน้อย

กิมมู จากเผ่าฤดูร้อนของอาณาเขตเจี้ยงหาน ระดับหกเส้นชีพจรของพลังลมปราณฉี.

เชินยี่ฟาน จากเผ่ามังกรหยกของอาณาเขตเจี้ยงหาน ระดับหกเส้นชีพจรของพลังลมปราณฉ๊.

ไป๋หยุน จากเผ่าภูผาเหล็กของอาณาเขตเจี้ยงหาน ระดับหกเส้นชีพจรของพลังลมปราณฉี”.

การประชุมเพื่อคัดเลือกสิ้นสุดลงเมื่อเจี้ยงตงกล่าวปิดฉากการประกาศของเขา. หลายตระกูลที่ลูกชายของเขาไม่ได้รับการคัดเลือกทั้งหมดมีอาการแอบหดหู่ใจ

พวกเขามีโอกาสที่สำคัญ แต่พลาดไปจนได้.

หัวหน้าเผ่าทั้งสิบเผ่าได้โปรดอย่าเพิ่งรีบกลับ ขอให้พวกท่านไปพักที่คฤหาสน์ของขุนนางสำหรับงานเลี้ยง. ครอบครัวของชนเผ่าอื่น ๆ ที่มีขนาดเล็กสามารถกลับไปได้. เดินทางกลับไปยังพื้นที่ของพวกท่านโดยไม่ต้องเถลไถล”. เจี้ยงตงประกาศหลังจากนั้น.

การบรรจบกันของอำนาจเหล่านี้ทั้งหมดบนเมืองไห่ลั่งก็อาจมีอันตรายที่แฝงอยู่ในเมือง. เนื่องจากภารกิจได้ข้อสรุปแล้วพวกเขาจึงต้องแยกย้ายกันไปตามปริยาย.

นอกเหนือจากหัวหน้าจิง หัวหน้าเผ่าขนาดใหญ่ทั้งสิบเผ่าได้เข้าร่วมประชุม พวกเขาจะไม่ยอมให้โอกาสในการฟื้นฟูความสัมพันธ์หมดไป เมื่อได้ยินว่าคฤหาสน์ของขุนนางก็กำลังต้อนรับพวกเขาด้วยการเลี้ยงอาหารค่ำ.

ยกเว้น หัวหน้าทั้งเก้าเผ่าคนต่างก็อยากรู้ว่าทำไมหัวหน้าเผ่าจื่อจิง หัวหน้าจิง ทำไมเขาถึงไม่มาปรากฏตัว ทั้ง ๆ ที่การประชุมถูกจัดขึ้นในนามของขุนนาง?

หัวหน้าจิงคนนี้ตามปกติเป็นคนที่หยิ่งเจ้ายศและชอบกดขี่ แต่เขาถึงกับกล้าที่จะต่อต้านขุนนางอย่างเปิดเผยในครั้งนี้? นี้มันเกินไปจริง ๆ!

ต้องรู้ว่าถ้ามีเผ่าหนึ่งกล้าท้าทายคำสั่งของขุนนาง พวกเขาจะถูกลงโทษ.!

หัวหน้าชนเผ่าเก็บข้อสงสัยเหล่านี้ไว้จนไปถึงงานเลี้ยง. นอกเหนือจากขุนนางน้อยเจี้ยงเฉิน ผู้อาวุโสของตระกูลเจี้ยง รวมทั้งเจี้ยงตง ทั้งหมดเข้าร่วมงานเลี้ยง.

"ทุก ๆ ท่าน งานเลี้ยงครั้งนี้ประการแรกเป็นรางวัลสำหรับทุกท่าน เพราะพวกท่านใส่ใจกับภารกิจของอาณาเขตเจี้ยงหานเสมอมา และประการที่สองเพื่อประกาศเรื่องสำคัญสำหรับทุกท่าน"

เจี้ยงเฉินได้ยกแก้วของตัวเองขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่เขาได้มองจ้องตาของหัวหน้าเผ่าทุกคนด้วยการจ้องมองที่เจิดจ้า ซึ่งแสดงถึงความมั่นใจในความเหนือกว่าผ่านสายตาของเขา.

หัวหน้าทุกคนรู้สึกหนาวสั่นสะเทือนไปตามหลังของพวกเขา ขณะที่พวกเขาถูกจ้องมองด้วยสายตาของเจี้ยงเฉิน. พวกเขารู้สึกว่ามีคำใบ้ที่คลุมเครือของบางสิ่งบางอย่างขนาดใหญ่เกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น.

"หัวหน้าจิงไม่เคยเคารพผู้บังคับบัญชาของเขา และได้มายังคฤหาสน์ของขุนนางหลายต่อหลายครั้ง และแสดงท่าทีป่าเถื่อน เขาทำเรื่องที่อาจหาญมากครั้งนี้ เขาถึงกับกล้าไปยังที่ธารกำนัลสาธารณะเพื่อท้าทายอำนาจของขุนนาง. เขาถูกจับกุมตามคำสั่งของข้าและถูกคุมขังอย่างลับ ๆ ! "

"อะไรนะ"

"หัวหน้าจิงถูกคุมขังอย่างลับ ๆ?"

ข่าวนี้ทำให้ใบหน้าของหัวหน้าเผ่าผู้ปกครองของท้องถิ่นของตนเปลี่ยนแปลงไปอย่างสุดขีด.

นี่คือหัวหน้าจิง! ในอาณาเขตเจี้ยงหานทั้งหมด เมื่อพูดถึงการกดขี่ข่มเหงผู้อื่น ไม่มีใครทำได้ดีไปกว่าหัวหน้าจิง. นอกเหนือจากเจี้ยงเฟิงที่มีความสามารถในการปราบปรามชายคนนี้ แม้กระทั่งหัวหน้าคนอื่น ๆ ก็แสดงความอ่อนแอต่อหน้าเขา.

แม้แต่เจี้ยงเฟิงขุนนางแห่งเจี้ยงหานก็ต้องคิดแล้วคิดอีกก่อนที่จะดำเนินการกับหัวหน้าจิง แต่ขุนนางน้อยได้จัดการกับหัวหน้าจิงอย่างสุขุมโดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำเสียง.

"ทำได้ดี ! ชายผู้นี้ได้ข่มขู่ทุกคนโดยไม่มีข้อจำกัด และชื่อเสียงของเขาก็แย่ที่สุดในบรรดาเผ่าที่ยิ่งใหญ่! " คนแรกที่พูดขึ้นมาเป็นหัวหน้าของเผ่าหยิงหลาน ลุงของเจี้ยงเฉิน หลานเทียนจี่.

"ใช่แล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หัวหน้าจิงคนนี้ได้ไปที่คฤหาสน์ของขุนนางเพื่อแสดงกิริยาที่ไม่สุภาพและสร้างฉาก เขาควรได้รับบทลงโทษที่สาสม. สิ่งที่เลวร้ายอาจเกิดขึ้นกับพวกเราไม่ช้าก็เร็วถ้าไม่มีใครปราบปรามเขา.

"ขุนนางน้อยฉลาดหลักแหลมมาก. อย่างไรก็ตามอิทธิพลของตระกูลจิงแห่งเผ่าจื่อจิงเป็นที่แพร่หลายและเข้าถึงได้ทั่วทุกทิศ แต่เมื่อหัวหน้าจิงได้ถูกจับกุม ตระกูลจิงและอำนาจท้องถิ่นมีแนวโน้มที่จะก่อปัญหาให้เกิดขึ้น"

เจียงเฉินยิ้มบาง ๆ. "นี่คือเหตุผลที่ข้าเรียกพวกท่านมาที่นี่. ตระกูลจิงสามารถที่จะแข็งข้อได้เป็นเวลานานส่วนหนึ่งเนื่องจากพวกเขามีพลังอำนาจของท้องถิ่นอย่างมั่นคง และอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะพวกเขามีธุรกิจที่ค่อนข้างใหญ่. นอกจากนี้ดินแดนหลักที่การเพาะปลูกในอาณาเขตเจี้ยงหานของเราไหลผ่านพื้นที่ของชนเผ่าของพวกเขา "

หัวหน้าใหญ่ทุกคนพยักหน้าและมองไปที่เจี้ยงเฉินด้วยดวงตาอันสดชื่น. นี่คือขุนนางน้อยที่พวกเขาเคยรู้จักหรือ? นี่เป็นคนเดิมที่ไร้สาระไม่มีประโยชน์อะไร -?

เขาคือหมาป่าในคราบของแกะอย่างแท้จริง และเป็นลูกชายที่มีเกียรติที่พลิกแพลงสถานการณ์ทางการเมืองได้ดีมาก!

ในที่สุดพวกเขาก็เชื่อในขณะนี้ว่า ก่อนหน้านี้เจี้ยงเฉินได้แสดงละครตบตาเพื่อหลอกให้คนอื่นสับสน. เด็กคนนี้น่าจะตั้งเป้าไว้ที่ขุนนางระดับหนึ่งนับตั้งแต่ที่เขายังเป็นเด็ก!

พวกเขาตัดสินเขาผิดไป. ทุกคนยอมรับเจี้ยงเฉินในหัวใจของพวกเขาตอนนี้. พวกเขาเข้าใจผิดอย่างแท้จริงเกี่ยวกับตัวตนของขุนนางน้อยเจี้ยง.

เจี้ยงเฉินได้เฝ้าดูการแสดงของคนเหล่านี้ผ่านทางหางตาของเขา แต่พูดด้วยความสุขุมและไม่ช้าจนเกินไป "ข้าไม่มีความสนใจในคำพูดที่แสดงถึงความภักดีของพวกท่าน. ข้าพูดเพียงเท่านี้ ในครั้งนี้ ชนเผ่าแต่ละเผ่าต้องส่งคนมาห้าหมื่นคนพร้อมด้วยม้า คฤหาสน์ของขุนนางจะส่งกองทัพของทหารกล้าหนึ่งแสนคน. เราจะซุ่มโจมตีชาวเผ่าจื่อจิงอย่างเร็วที่สุดให้เหมือนกับความเร็วของสายฟ้าฟาด เร็วจนกระทั่งผู้คนไม่มีเวลาที่จะปิดหู. เราต้องกวาดล้างผู้สมรู้ร่วมคิดทุกคนที่เหลืออยู่ของหัวหน้าจิง "

การถอนรากถอนโคนความชั่วร้ายให้หมดสิ้นเป็นเรื่องปกติ. หัวหน้าชนเผ่าไม่ประหลาดใจเลย.

"หลังจากที่มีการกำจัดผู้สมรู้ร่วมคิดที่เหลืออยู่ของตระกูลจิง ข้าจะส่งผู้อาวุโสซี่ไปดูแลชนเผ่าจื่อจิงด้วยตัวเอง ข้าจะเอาผลกำไรสองในสิบส่วนจากดินแดนแห่งการเพาะปลูกและแบ่งผลกำไรให้กับทั้งเก้าเผ่าเท่า ๆ กัน "

ถ้าคำพูดของเขาก่อนหน้านี้ถูกระบุว่าเป็นการบีบบังคับแล้ว กำไรสองในสิบส่วนก็จะเป็นสิ่งล่อใจ.

การบีบบังคับและสัญญาเรื่องกำไร ทั้งสองอย่างก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอันใด.

หัวหน้าที่ยิ่งใหญ่จะทำอย่างไรกับเรื่องนี้? หัวหน้าหลานเทียนจี่ของชนเผ่ายิงหลานเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นยืน "ข้าจากเผ่าหยิงหลานจะปกป้องและสนับสนุนตระกูลเจี้ยงจนตัวตาย! เรายินดีที่จะสู้กับคนทรยศเหล่านั้นไปสู่ความตาย ! "

"เรายินดีที่จะให้กองกำลังของเราเข้าร่วมกับคฤหาสน์ของขุนนางและกำจัดคนทรยศให้สิ้นซาก!"

สิบเผ่าที่มีขนาดใหญ่ในดินแดนเจี้ยงหานได้เข้าร่วมการแข่งขันกันเอง โดยมีเผ่าจื่อจิงปกครองทุกคน. สถานการณ์เป็นเช่นนี้มาหลายปีแล้ว และหัวหน้าจิงก็เป็นคนที่ชอบกดขี่ข่มเหงผู้อื่น.

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ คนเหล่านี้มักจะเพิ่มการดูถูกการบาดเจ็บของหัวหน้าจิงโดยการทับถมเขาด้วยหิน แม้ว่าไม่มีการบีบบังคับและการล่อลวงเกี่ยวกับผลกำไร ไม่พูดถึงเมื่อพวกเขาจะได้รับผลตอบแทน.

เจี้ยงตงมองไปที่เจี้ยงเฉินด้วยสายตาที่มีความหมายและแอบประหลาดใจเล็กน้อย. ขุนนางน้อยคนนี้ไม่ทำอะไรครึ่ง ๆ กลาง ๆ. ความกล้าหาญในการมองการณ์ไกลของเขาช่างน่าประหลาดใจ. เขาให้ผลกำไรสองในสิบส่วนกับคนอื่นอย่างง่ายดาย.

สานสัมพันธไมตรีกับหัวหน้าเผ่า โดยแบ่งผลกำไรให้กับพวกเขา แล้วจะไม่ให้หัวหน้าเผ่าร่วมมือกันทำงานให้เขาอย่างเต็มใจและเต็มความสามารถได้อย่างไร? นี่เป็นประโยชน์มากกว่าการข่มขู่.

"ทุกท่าน อาณาเขตเจี้ยงหานของเราได้ทำงานร่วมกับสวนยาแห่งราชันย์มาก่อน. แต่ตอนนี้หุ้นส่วนของเราคือหอโอสถ. และข้ายังต้องการจะบอกให้ทุกท่านได้ทราบว่าผลกำไรของเรากับหอโอสถได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของผลกำไรที่เราเคยทำงานร่วมกับสวนยาแห่งราชันย์. สิ่งที่ดูเหมือนว่าสองในสิบส่วนสำหรับพวกท่าน ความจริงแล้วมันคือสี่ในสิบส่วนในแง่ของผลกำไรเดิม. "

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้,เจี้ยงเฉินไม่คิดจะปิดบังข้อมูลสำคัญเล็กน้อยให้กับพวกเขา.

หอโอสถ !

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนเหล่านี้ได้ยินชื่อของหอโอสถวันนี้. หอโอสถเป็นเกณฑ์มาตรฐานของโลกแห่งโอสถจิตวิญญาณในอาณาจักรตะวันออก ทำไมพวกเขาจะไม่ตระหนักถึงสถานที่ที่สำคัญที่ใหญ่ที่สุดในโลกของโอสถจิตวิญญาณ?

"ฮ่า ฮ่า, เจ้าอาจไม่ทราบ? หอโอสถไว้วางใจขุนนางน้อยของเราสำหรับหลายสิ่งหลายอย่าง. นอกจากนี้สิ่งอื่นที่เจ้าอาจไม่ทราบก็คืออาการเจ็บป่วยขององค์หญิงจื่อยั่วแห่งราชวงศ์ตะวันออกยังไม่ได้รับการแก้ไขหลังจากที่ได้พบหมอที่มีชื่อเสียงมากมาย แต่อาการของนางดีขึ้นเมื่อขุนนางเจี้ยงได้ให้การรักษา !

กล่าวได้ว่าเจี้ยงเซิ้งเป็นหัวหน้าพ่อบ้านที่มีประโยชน์มาก เมื่อใดก็ตามที่เจ้านายของเขาจำเป็นต้องใช้เขา เขาจะพูดในสิ่งที่เจ้านายของเขาคิดโดยที่เจี้ยงเฉินไม่จำเป็นต้องปริปาก. เขาจะใช้วิธีการดังกล่าวในเวลาที่เหมาะสมและพูด.

คำเหล่านี้หมายถึงอะไร ? นั่นหมายความว่าผู้สนับสนุนของขุนนางหนุ่มเป็นคนในพระราชวงศ์นั่นเองและยังมีหอโอสถอีก!

บรรดาหัวหน้าเผ่าต่างอึ้งตกใจและพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำเหล่านี้. พวกเขามองกันเอง และไม่รู้ว่าว่าต้องทำอะไรต่อ.

เจี้ยงเฉินยิ้ม. "เชิญทุกท่าน มาดื่มกัน ! เจี้ยงเซิ้ง เจิ้นมักใช้วาจาที่เฉียบคมในทุก ๆ เรื่องแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ ทุกท่านสามารถฟังเรื่องเหล่านี้ขององค์หญิง แต่เก็บมันอยู่ในใจของพวกท่าน. อย่าแพร่กระจายข่าวนี้ออกไป "

"ใช่ ใช่ ใครกล้าที่จะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความลับของราชวงศ์?"

แต่ละคนพึมพำ "ใช่ ใช่" ขณะที่พวกเขายกแก้วขึ้น แต่ก็ไม่ได้อยากจะกินอาหารซักเท่าไหร่ พวกเขาจะยังมีอารมณ์ลิ้มรสและดื่มด่ำกับรสชาติอันยอดเยี่ยมของไวน์อยู่ได้อย่างไรกัน? จิตใจของพวกเขาเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์ของขุนนางน้อยเจี้ยงเฉิน และข่าวสารต่าง ๆ ที่พวกเขาได้รับฟังเมื่อซักครู่มันเป็นสิ่งที่เกินความคาดหมายของพวกเขา. พวกเขาไม่ทราบว่าวิธีการแบบใดดีที่พวกเขาควรใช้เพื่อให้เข้าถึงตัวเจี้ยงเฉิน.

แต่มีความจริงอย่างหนึ่งก็คือ ขุนนางน้อยเจี้ยงเฉินจะทำได้ดีกว่าบิดาของเขาเจี้ยงเฟิง !

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.