spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

มีชนเผ่าสำคัญสิบเผ่าใหญ่อยู่ในอาณาเขตเจี้ยงหาน และมีชนเผ่าเล็ก ๆ อีกหลายเผ่าภายใต้ชนเผ่าใหญ่ทั้งสิบ.

ชนเผ่าเหล่านี้ถูกควบคุมโดยตระกูลต่าง ๆ.

ตัวอย่างเช่น เผ่าจื่อจิงถูกควบคุมโดยตระกูลจิง.

ตัวอย่างเช่น เผ่าหยิงหลานถูกควบคุมโดยเผ่าของแม่ของเจี้ยงเฉิน,ตระกูลหลาน.

แน่นอนว่า แต่ละเผ่าจะมีอีกหลายตระกูลนอกเหนือจากต้นตระกูลหลัก. พวกเขาจึงจะร่วมกันสร้างอำนาจปกครอง.

ดังนั้น หลายร้อยครอบครัวได้รวมตัวกันในลานจัตุรัสหลักของเมืองไห่ลั่งในวันนี้. ในแต่ละตระกูลมีสมาชิกครอบครัวจำนวนอย่างน้อยยี่สิบหรือสามสิบคน - การชุมนุมมีความแข็งแกร่งและแรงผลักดันอย่างแท้จริง.

เจี้ยงเฟิงไม่ได้อยู่ในอาณาเขตเจี้ยงหานขณะนี้ ดังนั้นเจี้ยงตงจึงทำหน้าที่รักษาการแทน. อย่างไรก็ตาม เขาจะไม่แย่งความสนใจของหลานชายของเขาในวันนี้. เจี้ยงตงรู้อย่างชัดเจนว่าหลานชายของเขา เจี้ยงเฉินเป็นเหมือนดวงดาวแห่งการแสดงในวันนี้.

"ทุก ๆ ท่าน เราเรียกท่านมาที่นี่ในนามของขุนนางเพราะเรามีความสุขกับเหตุการณ์ของความสัมพันธ์ที่กว้างขวางจะประกาศให้ทุกคนได้ทราบ !"

รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าของเจี้ยงตงขณะที่สายตาของเขากวาดไปเป็นรอบ ๆ เขากวาดตามองไปที่หัวหน้าเผ่าของทุกเผ่า.

"ฮ่า ฮ่า ใต้เท้าลำดับที่สามได้เรียกพวกเรามาเข้าร่วมการประชุมที่นี่ในนามของขุนนาง การประชุมครั้งนี้ต้องมีความสำคัญมาก"

"แน่นอน ใต้เท้าลำดับที่สาม อย่าให้เราคาดเดาต่อไปอีกเลย. เชิญท่านใต้เท้าลำดับที่สามประกาศเรื่องสำคัญเพื่อให้ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการเฉลิมฉลอง ! "

เจี้ยงตงยิ้ม "ดีแล้ว ข้าจะไม่ทำให้พวกท่านต้องสงสัยนาน. ทุกคนรู้ว่าขุนนางและบุตรชายของเขาได้ไปที่เมืองหลวงเพื่อเข้าร่วมในการทดสอบมังกรซ่อน ขุนนางน้อยได้กลับมาในเวลานี้อย่างกะทันหันเพราะเขาต้องการกลับมารับสมัครชายฉกรรจ์เพื่อเป็นผู้พิทักษ์ส่วนตัวของเขา. เมื่อผู้พิทักษ์ก่อตัวขึ้น ก็จะเป็นพื้นฐานของแกนหลักของอาณาเขตเจี้ยงหานในอนาคต! "

ขุนนางน้อยกำลังสรรหาชายฉกรรจ์เพื่อเป็นผู้พิทักษ์ส่วนตัวของเขา ?

ที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องดี,แต่ไม่มีใครในตระกูลของชนเผ่าให้ความสนใจ. ทุกคนมองลดสายตาของพวกเขาลง,พวกเขาไม่ต้องการสบตากับเจี้ยงตง,กลัวว่าเจี้ยงตงจะลงโทษพวกเขา.

ถ้ามีขุนนางน้อยคนอื่น ๆ กำลังสรรหาผู้พิทักษ์ส่วนตัว อำนาจภายใต้การปกครองของเขาจะทำให้ผู้คนแก่งแย่งกันเพื่อที่จะลงทะเบียนสมัคร. อย่างไรก็ตาม ขุนนางน้อยคนนี้เป็นคนไร้สาระไม่มีอะไรดีอยู่เสมอมา ถ้ามีลูกชายหรือลูกศิษย์ของพวกเขาไปเกี่ยวข้องกับเขา โอกาสที่พวกเขาจะประสบกับหายนะในอนาคตมีสูงมาก.

ตอนนี้ทุกคนในอาณาเขตเจี้ยงหานต่างกระวนกระวายใจ. เก้าในสิบคนรู้สึกว่าเจี้ยงเฉินคงไม่สามารถเก็บรักษาตำแหน่งขุนนางไว้ได้.

ดังนั้นพวกเขาจะตื่นเต้นกับการที่เจี้ยงเฉินประกาศรับสมัครผู้พิทักษ์ส่วนตัวได้อย่างไรกัน? พวกเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เหมือนเช่นโรคระบาดที่ระบาดอย่างรวดเร็ว !

เจี้ยงตงได้คาดเดาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะเห็นปฏิกิริยาเหล่านี้จากทุกคน.

"ข้อกำหนดสำหรับผู้พิทักษ์ส่วนบุคคลเหล่านี้ก็มีสูงเช่นกัน. ไม่ใช่ว่าทุกคนสามารถลงทะเบียนได้. ขั้นแรก ระดับการฝึกฝนของเขาต้องอยู่ในขั้นหกเส้นชีพจรของพลังลมปราณฉี. นอกจากนี้,อายุไม่ควรเกินกว่ายี่สิบปี,และมันจะเป็นสิ่งที่โดดเด่นกว่าถ้าเขาทั้งฉลาดและมีไหวพริบ ... "

คนที่อยู่ใต้เวทีทุกคนสบถในใจ ขณะที่เจี้ยงตงระบุเงื่อนไขข้อกำหนดไว้ในรายการยาวเหยียด. พวกท่านควรจะขอบคุณสวรรค์และแผ่นดิน ถ้ามีใครลงชื่อสมัครตอนที่ขุนนางน้อยแห่งตระกูลเจี้ยงของพวกท่านกำลังสรรหาผู้พิทักษ์เพื่อเป็นองค์รักษ์ส่วนตัว และพวกท่านยังมีข้อกำหนดในการเริ่มต้น?

ไม่มีการตอบรับจากใครสักคนเป็นเวลานาน. มันเงียบสนิทจนแม้กระทั้งถ้ามีเข็มตกลงบนพื้นทุกคนก็สามารถได้ยิน.

"นี่เป็นข้อกำหนด มีใครต้องการลงชื่อสมัครคัดเลือก?" เจี้ยงตงถามด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน.

หลังจากที่เจี้ยงตงถามคำถามนี้,เมื่อใดก็ตามที่เขากวาดตามองไปในทิศทางของพวกเขา ทุกคนก็หันหน้าหนีหรือมองไปในทิศทางอื่น พวกเขากลัวที่จะสบสายตากับเจี้ยงตงและถูกเรียกตัว.

บรรยากาศของฉากนั้นดูแปลกประหลาดในช่วงเวลาหนึ่ง.

สมาชิกในครอบครัวของเจี้ยงตงทุกคนต่างแสดงออกทางสีหน้า. พวกเขาต้องการหัวเราะแต่ไม่กล้าทำ. พวกเขารู้ว่าเจี้ยงตงกำลังทำอย่างนี้โดยตั้งใจที่จะทดสอบแรงกดดันของชนเผ่าเหล่านี้.

เจี้ยงตงใช้สายตากวาดมองไปรอบ ๆ ของเขาสามครั้งแต่ก็ยังไม่มีใครตอบ.

เจี้ยงตงถอนหายใจและกำลังจะพูดอะไรบางอย่างทันใดนั้นเสียงลึกลับดังออกมาจากนอกลานจัตุรัส. "อ่า ข้าอยากจะลงทะเบียนสมัคร !"

อีกเสียงก็ดังขึ้น "อา ข้าก็อยากจะสมัครเหมือนกัน !"

ชายหนุ่มสองคนมีสะโพกที่ดูเข้มแข็งเหมือนหมี,และมีแผ่นหลังที่นุ่มนวลเหมือนเสือ,เดินออกมาข้างหน้ามุ่งไปยังเจี้ยงเฉินด้วยความมั่นใจ. หนึ่งในพวกเขาสวมขวานใหญ่อยู่ที่หลังของเขา,และอีกคนหนึ่งสวมก้านทองเหลือง.

"ขุนนางน้อยเจี้ยง! ฮึม ข้าเซี่ยวชาน นี่คือน้องชายของข้าเซี่ยวชวน ท่านเซี่ยวผู้นำที่สามของหอโอสถคือลุงของข้า. เขาแนะนำให้เรามาที่นี่ "

เซี่ยวชาน เซี่ยวชวน พี่น้องฝาแฝดทั้งสองมาถึงแล้ว!

เจี้ยงเฉินหัวเราะ "เจ้าทั้งสองมาถึงแล้ว. นี่คือกุยจิน เขาเป็นหลานชายโดยตรงของอาจารย์กุยชุน อาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้ของราชวงศ์ การฝึกของเขาอยู่ที่ระดับหกเส้นชีพจรของพลังลมปราณฉี พวกเจ้าจะเป็นเพื่อนร่วมงานกันในอนาคตพวกเจ้าควรทำความสนิทสนมกันไว้ "

หลานชายของผู้นำที่สามของหอโอสถ,หลานชายโดยตรงของอาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้แห่งราชวงศ์กุยชุน.

อัตลักษณ์เหล่านี้กลายเป็นข้อมูลสำคัญที่แล่นไปมาในหูของชนเผ่าเหล่านั้นทันที.

"หืมม ? มีบางอย่างไม่ถูกต้อง. หอโอสถมีชื่อเสียงอันโด่งดังในเมืองหลวง และผู้นำของหอโอสถก็เป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคม. เขาปล่อยให้หลานชายของเขามาเถลไถลทำตัวไร้ประโยชน์อยู่กับบุตรของขุนนางคนนี้ได้อย่างไรกัน? หลานชายโดยตรงของอาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้แห่งราชวงศ์คือคนที่สามารถติต่อกับราชวงศ์ได้โดยตรง ทำไมเขาถึงมาติดตามเจี้ยงเฉิน? "

บางเผ่าหัวหน้าชนเผ่าที่มีความรู้สึกไว ดูเหมือนจะระแคะระคายใจว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่เข้าใจผิด.

กุยจินรู้สึกเคืองใจและเดินออกไปเพื่อทักทายพี่น้องเซี่ยว หลังจากนั้นเขากวาดตามองฝูงชนและพูดอย่างเย็นชาว่า "ตระกูลของข้าคือตระกูลกุย ข้าเกิดและเติบโตขึ้นในเมืองหลวง. ข้าเคยเห็นองค์ชายสองสามคนและบุตรของบรรดาขุนนาง. ข้าคิดว่าค่อนข้างแปลก แต่ตอนนี้ข้ามาถึงดินแดนเจี้ยงหานแล้ว. ลูกศิษย์ขององค์ชายคนอื่น ๆ และบุตรชายของขุนนางชั้นสูงพวกเขาประสบสอพลอหาความโปรดปราณจากเจ้านายของพวกเขา พวกเขาแสดงความเคารพนอบน้อม แต่ท่าทางการปฏิบัติตัวของพวกท่านราวกับว่าเทียบชั้นกับเจ้านายมากเกินไป มันเป็นการแสดงออกที่น่าอัปยศอดสู?

กุยจินยิ้มอย่างเยือกเย็น. "ไม่ว่าอย่างไร ด้วยกับความรู้ที่ข้ามี ในอาณาจักรตะวันออกคนที่จะสามารถแข่งขันกับขุนนางน้อยของเราหาได้ยากเช่นเดียวกับขนนกฟีนิกซ์และเขาของยูนิคอร์น แม้แต่ทายาทของขุนนางแห่งมังกรทะยานก็ยังเกรงกลัวเมื่อพูดถึงขุนนางน้อยของเรา. ข้าสงสัยว่าการดำรงอยู่อันยิ่งใหญ่แบบไหนที่คุ้มค่ากับการก้มคำนับของพวกท่าน? "

กุยจินมาจากเมืองหลวง และคำพูดของเขาจึงมีน้ำหนักโดยปริยาย.

"ปู่ของข้าเป็นอาจารย์สอนพิเศษที่วังหลวง. องค์ราชาและองค์หญิงได้รับประโยชน์ทั้งหมดจากการสอนของปู่ของข้า. พี่ชายทั้งสี่คนนี้จากกองพันเซิงเป็นกลุ่มระดับหัวกะทิของกองทัพเทียนดู และเป็นผู้พิทักษ์ส่วนตัวที่องค์หญิงเลือกให้ขุนนางน้อยด้วยพระองค์เอง. ข้ายังสงสัย แม้กระทั่งทหารระดับสูงของกองทัพเทียนดูยินดีที่จะยอมรับใช้และจงรักภักดีต่อขุนนางน้อย เป็นไปได้ไหมว่าในสายตาของท่าน ขุนนางน้อยยังไม่สมควรที่จะให้พวกท่านแสดงความเคารพ? "

เสียงของกุยจินดังขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นผ่านสถานที่ชุมนุมเช่นเสียงระฆังที่ดังกังวาน ทำให้เลือดของชนเผ่าเหล่านี้หมุนเวียนอย่างรวดเร็ว.

ไม่มีใครกล้าที่จะสงสัยว่ากุยจินกำลังเล่าความเท็จในที่ชุมนุมเช่นนี้.

นอกจากนี้ รัศมีของพี่น้องทั้งสี่คนจากกองพันเซิงก็อยู่ตรงหน้าทุกคน การที่พวกเขาแสดงตนอย่างมั่นคงแม้แต่ขุนนางเจี้ยงเฟิงเองอาจไม่สามารถจะปราบปรามพวกเขาได้!

แต่ในขณะนี้ ทั้งสี่คนนี้ยืนอยู่เคียงข้างเจี้ยงเฉิน พวกเขารอคำสั่งของเขาโดยปราศจากการโต้แย้งหรือขัดขืน

"เอ๋ ? นี่เป็นการบอกว่าเราสองคนพี่น้องมาที่นี่ทันเวลาสำหรับการแสดงที่น่าตื่นเต้น? นี่คือเรื่องตลกชัด ๆ. แม้ลุงของข้า,ด้วยระดับความสามารถของเขาที่มี เขาได้มอบหมายตัวเองให้อยู่ภายใต้การควบคุมของเจี้ยงเฉิน. พวกท่านคิดว่าพวกท่านฉลาดกว่าผู้นำหอโอสถหรือ? " เซี่ยวชานพูดขึ้นมาอีกเสียง.

"ฮ่า ฮ่า ... " เจี้ยงตงก้าวออกมาหัวเราะเบา ๆ ในเวลานี้. "ทุก ๆ ท่านให้อภัยข้าด้วยที่ไม่ได้พูดให้ชัดเจนก่อนหน้านี้ ขุนนางน้อยกำลังแข่งขันเพื่อตำแหน่งขุนนางระดับหนึ่งของการทดสอบมังกรซ่อนในครั้งนี้. เขากลับมาในเวลานี้เพื่อดำเนินภารกิจที่สองและรับสมัครผู้พิทักษ์ส่วนตัวแปดคน "

ขุนนางแห่งระดับหนึ่ง ภารกิจแรกของระดับหนึ่งผ่านไปแล้ว และนี่เป็นภารกิจที่สอง!

การชุมนุมมีความสับสนวุ่นวาย ผู้คนส่งเสียงอึกทึกเมื่อข่าวดังกล่าวทะลุผ่านฝูงชน. มีใครบ้างในที่ประชุมที่ไม่ใช่สุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์? พวกเขาจะไม่เข้าใจถึงความหมายแฝงที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ได้อย่างไร?

"ให้ตายสิ, เวรกรรมจริง ๆ ข้าทำผิดพลาดและพลาดโอกาสสำคัญในการแสดงความภักดีของข้า "

"ไอบ้าเจี้ยงตง ทำไมเขาไม่บอกก่อนหน้านี้? เขาตั้งใจทำให้เราดูไม่ดี ! "

ชนเผ่าทุกเผ่าต่างรู้สึกหดหู่อย่างลับ ๆ พวกเขาไม่ได้ตำหนิตัวเองเลยที่ก่อนหน้านี้ไม่อยากเข้าร่วมกับเจี้ยงเฉินเพราะกลัวว่าตัวเองจะต้องประสบกับภัยอันตราย แต่พวกเขาโทษเจี้ยงตงที่่ไม่ยอมพูดให้ชัดเจนตั้งแต่แรก.

"ทุกท่าน ขุนนางน้อยกำลังสรรหาผู้พิทักษ์ส่วนบุคคลแปดคนในเวลานี้และสามตำแหน่งแรกได้รับการคัดเลือกแล้ว. เหลืออีกห้าคน หากท่านอ่านคุณสมบัติตามข้อกำหนดแล้ว ให้ส่งแผ่นกระดาษสำหรับการลงทะเบียนได้ทันที " เจี้ยงตงประกาศเสียงดัง.

ในช่วงเวลานั้น,ทุกเผ่าเริ่มหารือพูดคุยกันกับคนในเผ่าของตน.

ถ้าเป็นบุตรชายโดยตรงของหัวหน้าเผ่า เผ่าพวกเขาอาจจะไม่เต็มใจที่จะเป็นผู้พิทักษ์ส่วนตัว แม้แต่กับขุนนางแห่งระดับหนึ่ง.

ดังนั้นจึงยังคงเป็นสิ่งที่ดีถ้าพวกเขาสามารถต่อสู้เพื่อตำแหน่งว่างให้กับลูกหลานคนอื่นของพวกเขา.

มีการส่งใบสมัครประมาณยี่สิบฉบับ.

กล่าวได้ว่า ดินแดนแห่งนี้ยังคงมีชายหนุ่มที่มีพรสวรรค์ มีชายหนุ่มหลายคนที่อายุต่ำกว่ายี่สิบปีมีความสามารถในระดับหกเส้นชีพจรของพลังลมปราณฉี.

เรื่องนี้ไม่ได้รวมถึงทายาทโดยตรงของหัวหน้าเผ่าแต่ละคน.

ท่านลุงสาม ช่วยข้าดูชื่อในรายการทั้งหมดนี้ แม้ว่าศักยภาพจะมีความสำคัญ บุคลิกภาพก็เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า. ตระกูลเจี้ยงของข้าไม่ต้องการความจงรักภักดีของบรรดาคนขี้ขลาดที่จะกลัวจนตัวหดในยามวิกฤติอันตราย "

เมื่อไตร่ตรองดูแล้ว การคัดเลือกผู้พิทักษ์ส่วนบุคคลแปดคนยังคงเป็นเพียงแค่การแทรกแซงเล็ก ๆ ของเจี้ยงเฉิน. ความทะเยอทะยานของเขาไม่ได้หยุดนิ่งอยู่ที่นี่.

การดำเนินภารกิจเป็นเพียงแค่การปล่อยตัวไปตามสถานการณ์ แต่เขามีเหตุผลหลักที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านั้น. เขาเพียงแค่ไม่ต้องการที่จะแพ้ใครในการทดสอบมังกรซ่อน!

ด้วยความช่วยเหลือของผู้อาวุโสตระกูลเจี้ยง เจี้ยงตงได้ตัดสินใจเลือกมาสามคนอย่างรวดเร็ว.

ทั้งสามคนเป็นคนที่พวกเขารู้สึกว่าเชื่อถือได้มากที่สุด. ชีวิตของพวกเขาทั้งหมดทุ่มเทให้กับตระกูลเจี้ยง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเกิดหรือชื่อเสียง ทั้งสามคนนี้ยังไม่เป็นศูนย์กลางหลักของอำนาจในตระกูลของพวกเขา นี่จะทำให้พวกเขามีแรงผลักดันในการพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อพัฒนาตัวเองให้ก้าวหน้า.

"เฉินเอ๋อ, มีชื่อถูกลบออกจากใบสมัครคัดเลือก. มีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับสิ่งนี้ " เจี้ยงตงขมวดคิ้ว. "จากร่องรอยที่ถูกลบออกไป ใบสมัครนี้ควรเป็นของลูกพี่ลูกน้องของเจ้า หยูตง เขายังเป็นบุตรของน้องสาวของแม่ของเจ้าด้วย?"

หยูตง ?

เจี้ยงเฉินมีความทรงจำน้อยนิดของคน ๆ นี้ในความทรงจำของตัวเองในอดีต เขาดูเหมือนจะจำได้อย่างคลุมเครือ เขามีร่างผอม ๆ ในความรู้สึกของเขา ชายคนนี้เป็นคนที่อยู่นอกสายตาซึ่งย่าของเขาไม่ได้รักเขา และพ่อของเขาก็ไม่สนใจเขาเลย.

"มีใครจากตระกูลทางฝ่ายแม่ของข้ามายื่นใบสมัครบ้าง?" เจี้ยงเฉินอยากรู้.

"ใช่ หลานยี่ซั่ว บุตรชายของลุงคนแรกของท่าน. อย่างไรก็ตาม,การฝึกฝนของเขาอยู่ที่ระดับห้าเส้นชีพจรของพลังลมปราณฉีและเขายังขาดคุณสมบัติอื่นที่มีในข้อกำหนดของการสมัคร. เขาทำตัวเกเรไปวัน ๆ และเราไม่ได้พิจารณาเลือกเขา "

"แล้วหยูตงล่ะ?" เจี้ยงเฉินถาม.

"หยูตง มีหกเส้นชีพจรของพลังลมปราณฉีแต่ดูเหมือนว่าจะถูกไล่ออกจากตระกูลของแม่ของท่าน. ดูเหมือนว่ามีใครดัดแปลงใบสมัครของเขา "

"พวกเขามีกิตติศัพท์อะไร ?"

"หลานยี่ซั่วเป็นบุตรชายคนที่สองของหัวหน้าเผ่าหยิงหลาน. บุคลิกภาพของเขาค่อนข้างหยิ่งยโสและดื้อรั้น. สำหรับหยูตงเขาเป็นคนที่อยู่นอกสายตาอยู่เสมอ และหลานยี่ซั่วก็รังแกเขาตั้งแต่เด็ก. เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดจาแต่มีบุคลิกที่สูงส่งและไม่ยอมก้มหัวให้ใคร "

"งั้นก็หยูตง" เจี้ยงเฉินสรุปสำหรับตำแหน่งที่เจ็ด.

ถ้าเขาคัดเลือกคนที่หยิ่งยโสและดื้อรั้นอย่างหลานยี่ซั่ว เขาจะเป็นคนที่จะนำปัญหายุ่งยากมาสู่เหล่าคณะ เจี้ยงเฉินไม่ต้องการที่จะสร้างปัญหาที่ไม่จำเป็นดังกล่าวให้กับตัวเอง.

ไม่ว่าเขาจะมีความสามารถแค่ห้าเส้นชีพจรของพลังลมปราณฉมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เจี้ยงเฉินมีวิธีที่จะทำให้เขาก้าวหน้าไปสู้ระดับต่อไป.

แต่ปัญหาเกี่ยวกับบุคคลนั้นเป็นไปไม่ได้ ผลแอปเปิ้ลที่ไม่ดีจะทำลายต้นของมัน.

"ข้าขอโทษที่ข้ามาสาย,เรายังสามารถลงทะเบียนได้หรือไม่ ?" ขณะที่เจี้ยงเฉินตัดสินใจในตำแหน่งที่เจ็ดแล้ว มีเสียงอ่อนโยนและสุภาพดังขึ้นจากทางด้านข้าง. มันฟังดูคุ้นเคย.

เจียงเฉินเอียงศีรษะไปข้าง ๆ และตกใจเล็กน้อย.

เด็กสาวคนหนึ่งแหวกฝูงชนเข้ามา นางสวมเสื้อคลุมยาวมีขนปุยสีเหลือง นางมีผิวขาวโปร่งใสและมีใบหน้าที่สวยงาม. เพราะนางต้องรีบเร่งในการเดินทางมาที่นี่ ทำให้ใบหน้าของนางแดงก่ำจากการออกแรง นางเขินอายขณะที่นางสบตากับเจี้ยงเฉินเนื่องจากใบหน้าที่มีเสน่ห์ของนางแดงขึ้นกว่าเดิม.

นี่เจ้า !!

เจี้ยงเฉินรู้สึกทึ่งและงุนงง. หญิงสาวคนนี้เป็นศิษย์ของสำนักดาวจรัสฟ้ากลุ่มทิศเหนือในเขตเทียนฮู เว่ยซูฉี!

นางยังเป็นหนึ่งในเด็กสาวที่เจี้ยงเฉินได้ช่วยเหลือให้รอดพ้นจากการคุกคามของนักล่าพรหมจรรย์ ไม่นานมานี้ในอาณาเขตเทียนฮู. เจี้ยงเฉินไม่อยากจะคิดถึงฉากในถ้ำเมื่อเขาเห็นนาง.

เว่ยซูฉีอ่อนแอและขาดความแข็งแรงขณะที่เสื้อผ้าของนางบังเอิญหล่นลง ทำให้เจี้ยงเฉินจ้องมองตรงหน้าอกของนางอยู่ชั่วขณะ ...