spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ผู้อาวุโสเหล่านี้อดไม่ได้ที่จะยืดตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย พวกเขาอยากจะได้ยินอย่างชัดเจน. ปฏิกิริยาของพวกเขาล้วนเป็นผิดปกติอย่างพร้อมเพรียงกัน ขณะที่ทุกคนคิดว่าพวกเขาได้ยินไม่ถูกต้อง.
ต้องรู้ก่อนว่า อัจฉริยะที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์เช่นเจี้ยงเฟิง ผู้ซึ่งสามารถปกครองอาณาเขตเจี้ยงหานได้อย่างมั่นคง แต่เขาก็เอาชนะได้เพียงขุนนางระดับที่สอง.
จากทั้งหมด 108 ขุนนางในราชอาณาจักรการ อันดับที่ 14 ดูเหมือนจะเป็นขีดจำกัดสูงสุดของตระกูลเจี้ยง.
พวกผู้อาวุโสทุกคนต้องยอมรับว่า บทบาทของเจี้ยงเฟิงไม่สามารถมองข้ามได้ในการพัฒนาความเป็นอยู่ปัจจุบันของตระกูลเจี้ยง. มันไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงที่จะบอกว่าเขาได้บรรลุความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับตระกูลเจี้ยงจนถึงยุคปัจจุบัน.
ความคาดหวังที่สูงที่สุดของพวกเขาต่อเจี้ยงเฉินในระหว่างการทดสอบมังกรซ่อนในครั้งนี้เป็นเพียงเพื่อรักษาสถานะปัจจุบันไว้. แม้ว่าการจัดอันดับของพวกเขาจะตกลงมาไม่กี่ตำแหน่ง ก็คงจะดีถ้าพวกเขาไม่เสียตำแหน่งขุนนางระดับที่สอง.
อย่างไรก็ตาม ตามผลการปฏิบัติงานตามปกติของเจี้ยงเฉิน ทุกคนรู้ดีว่านี่เป็นเรื่องตลกทั้งหมด คำถามที่ใหญ่กว่านั้นคือการที่เขาจะสามารถรักษาตำแหน่งขุนนางของตระกูลเจี้ยงไว้ได้หรือเปล่า ไม่ต้องกล่าวถึงตำแหน่งขุนนางระดับที่สอง.
ท้ายที่สุดชื่อเสียงปกติของเขาก็ตกต่ำเพียงพอแล้ว.
อย่างไรก็ตาม โลกนี้ไม่แน่นอน
เมื่อพวกเขาคิดว่าเจี้ยงเฉินจะไม่ทำ - เมื่อพวกเขาทำใจได้มานานแล้ว - เจี้ยงเฉินก็ประกาศว่าเขากำลังต่อสู้เพื่อตำแหน่งขุนนางระดับหนึ่ง.
และเขาก็กลับมาในเวลานี้เพื่อทำภารกิจที่สองของระดับแรก.
สิ่งนี้นำมาซึ่งอะไร ?
นี่หมายความว่าเจี้ยงเฉินได้ทำภารกิจแรกเสร็จสิ้นแล้ว!
ภารกิจของระดับแรกสอดคล้องกับตำแหน่งของขุนนางระดับหนึ่ง.
ความสามารถในการปฏิบัติภารกิจในตำแหน่งแรก ไม่ว่าเขาทำสำเร็จได้เพียงแค่ภารกิจเดียวก็ตาม เขาจะโดยตราหน้าว่าเป็นคนธรรมดาสามัญได้อย่างไร?
การทดสอบมังกรซ่อนไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ และกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ก็เข้มงวดมาก. ทุก ๆ ภารกิจของระดับแรกถูกแบ่งแยกอย่างเคร่งครัด - มันเป็นไปไม่ได้สำหรับใครก็ตามที่จะฉวยโอกาสหรือได้เปรียบโดยใช้กลอุบาย.
การคิดว่าเจี้ยงเฉินได้ทำภารกิจแรกของระดับที่หนึ่งเสร็จสิ้นแล้ว!
ไม่จำเป็นต้องคุยโม้หรือโอ้อวด. เจี้ยงเฉินแค่เพียงยกแก้วของเขาขึ้น พูดไม่กี่คำ และแจกแจงข้อเท็จจริงและรายละเอียดอย่างโปร่งใสในทุกเรื่อง.
ถ้ากลุ่มผุ้อาวุโสเหล่านี้ยังขาดความเข้าใจในเรื่องนี้อยู่ ก็ไม่ได้เป็นเรื่องของการถกเถียงกันว่าพวกเขาจะสนับสนุนเจี้ยงเฉินหรือไม่ แต่พูดให้ถูกต้องคือ เจี้ยงเฉินจะใคร่ครวญว่าพวกเขามีค่าคู่ควรกับตนเองหรือเปล่า !
"ขุนนางระดับแรก ขุนนางระดับแรก ... " เจี้ยงตงหันมาพึมพำคำเหล่านี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในลำคอ. ทันใดนั้นแสงของความประหลาดใจกระพริบออกมาจากสายตาที่เลื่อนลอย. "เฉินเอ๋อ เจ้าหมายความว่าเจ้าได้ทำภารกิจแรกเสร็จแล้วอย่างนั้นหรือ"
"ใช่แล้ว ภารกิจที่สองนี้ต้องการความสัมพันธ์บางอย่าง. ข้าจะต้องใช้เครือข่ายและชื่อเสียงของผู้อาวุโสในตระกูล "
เจี้ยงเฉินไม่ได้รู้สึกเหิมเกริมและไม่ได้กระวนกระวายใจ และขาดความปรารถนาที่จะโอ้อวด ไม่มีอะไรที่เขาจะต้องแสดงในเรื่องเล็กน้อยนี้.
ในอีกด้านหนึ่ง เจี้ยงเซิ้งไม่สามารถเก็บอาการไว้ได้เขาจึงพูดขึ้นมาว่า "บัณฑิตที่เดินทางไปสามวันต้องได้รับการพิจารณาด้วยมุมมองใหม่ ขุนนางแห่งอาณาเขตของเราคือคนที่มีความตั้งใจและมุ่งมั่น ผู้คนจากพระราชวังยังมาเป็นแขกทั่วไป และแม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญด้านโอสถจิตวิญญาณที่เป็นที่ยอมรับ เช่น หอโอสถก็ยังประจบเอาใจขุนนางน้อยของเรา "
ไม่มีคนนอกที่นี่ เจี้ยงเซิ้งจึงไม่สามารถเก็บตัวเองได้และต้องพูดคำสองสามคำออกมา เขาไม่สามารถเก็บอาการไว้ได้อีกต่อไป. เขาถูกมองข้ามและไม่มีใครแยแสนับตั้งแต่เขาเริ่มต้นติดตามเจี้ยงเฉิน. ตอนนี้ในที่สุดเขาก็พบว่ามีโอกาสที่จะมีความภาคภูมิใจ. จะมีที่ไหนอีกให้เขาแสดงออกมา หากเขาไม่สามารถแสดงออกภายในครอบครัว?
ผู้คนที่มาจากพระราชวังยังมาเป็นแขกทั่วไปหรือ ?
แม้หอโอสถก็ยังประจบเอาใจขุนนางน้อย ?
เป็นไปได้อย่างไร? เหล่าบรรดาผู้อาวุโสประหลาดใจมาก พวกเขาคิดไม่ถึง ไม่ต้องพูดถึงเจี้ยงตง. พวกเขาทั้งหมดสูดหายใจอย่างรวดเร็ว และกระสับกระส่ายจนเกือบลุกขึ้นจากที่นั่ง.
เจี้ยงเฉินยิ้มจาง ๆ "ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้หรอก เจี้ยงเซิ้ง. ผู้อาวุโสทั้งหลาย ข้าต้องการความช่วยเหลือของพวกท่านในการประชุมชนเผ่าในวันพรุ่งนี้ "
ผู้อาวุโสซี่ซึ่งมีประวัติที่ยาวที่สุดในการทำงานและมีปฏิกิริยาที่เร็วที่สุด เขารีบยิ้มและพูดว่า "ดูเหมือนตระกูลเจี้ยงของเราได้ผลิตอัจฉริยะ เช่น ขุนนางน้อย และพวกเราผู้เฒ่าจะไม่มีทางรู้ได้เลยหากเจี้ยงเซิ้งไม่พูดออกมา. ฮ่า ฮ่า ต้นตระกูลบรรพบุรุษตระกูลเจี้ยงในชั้นฟ้าทั้งหลายได้มอบรางวัลให้แก่เราซึ่งก็คืออัจฉริยะขุนนางน้อย ตระกูลเจี้ยงของเรามั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายของเราด้วยความพยายามต่อไป. ข้าจะใช้กระดูกเก่า ๆ เหล่านี้ในร่างกายของข้าในการต่อสู้อย่างหนักเพื่อผลลัพธ์บางอย่าง. ข้าแน่ใจว่าจะเข้าร่วมการประชุมของชนเผ่าในวันพรุ่งนี้ด้วยกระดูกเก่า ๆ เหล่านี้! "
ไปกัน ! .
เราจะไปให้ได้ ! ตระกูลเจี้ยงของเรารวมตัวเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งอยู่เสมอในการควบคุมพื้นที่อาณาเขตเจี้ยงหานของเรา. มิฉะนั้นชนเผ่าเหล่านี้จะคิดว่าตระกูลเจี้ยงของเราเป็นพวกที่ไม่คำนึงถึงความรู้สึกของคนอื่น. "
"อันที่จริงเราไม่สามารถยอมให้เสี้ยนหนาม เช่น หัวหน้าจิงปรากฏตัวขึ้นภายในเผ่าอีก !"
พวกผู้อาวุโสทั้งหมดได้แสดงท่าทีของพวกเขา และแต่ละคนก็มีความร่วมมือกันมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา. พวกเขามีประสบการณ์ และสามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในเจี้ยงเฉินไม่ได้เป็นเท็จ.
นอกจากนี้เจี้ยงเฉินคงไม่กล้าที่จะโกหกเรื่องการทดสอบมังกรซ่อน.
ผู้อาวุโสบางคนไม่สามารถอดคิดได้ว่า "เจี้ยงเฉินอาจแกล้งเป็นคนโง่เซ่อซ่าตั้งแต่วัยหนุ่มเพื่อปกปิดโลกภายนอก และเขาได้เล็งตำแหน่งขุนนางระดับหนึ่งไว้ตลอดเวลาที่ผ่านมา ?"
ผู้อาวุโสเกือบทั้งหมดมีความคิดเช่นเดียวกันขณะนั้นเองทัศนะคติที่มีต่อเจี้ยงเฉินก็เปลี่ยนไป. พวกเขาไม่ได้ถือตัวว่าพวกเขามีวัยวุฒิที่สูงกว่า แต่พวกเขาแสดงออกถึงความเคารพและความอ่อนน้อมถ่อมตน
ด้วยวิธีนี้ ทุกคนต่างก็ยินดีและอิ่มอกอิ่มใจ และกลับบ้านด้วยความพึงพอใจจากการจัดเลี้ยงนี้.
ในท้ายที่สุด ผู้อาวุโสของตระกูลมีความยินดีที่ได้เห็นและได้ยินเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเจี้ยงเฉิน. ทายาทที่เข้มแข็งและมีกำลังอันยิ่งใหญ่จะสนับสนุนตระกูลและแม้กระทั่งนำวงศ์ตระกูลไปสู่ความจำเริญรุ่งเรือง.
ผู้อาวุโสซี่ได้จิบเหล้าองุ่นเพียงเล็กน้อยเพราะเขามีความสุข ดังนั้นเขากลับมาบ้านด้วยอาการมึนเมานิด ๆ.
"ท่านปู่ ข้าจะไปซื้อของกับเซี่ยวเคียนพรุ่งนี้. ข้าจะไม่ไปเข้าร่วมการประชุมเผ่า "
"ท่านพ่อ ข้าจะไปซื้อโอสถจิตวิญญาณวันพรุ่งนี้. ข้าก็ไม่อยากไปเข้าร่วมการประชุม "
“ท่านปู่ พรุ่งนี้ข้า ... "
ผู้อาวุโสซี่กระแทกฝ่ามือลงบนโต๊ะในขณะที่หนวดยาวของเขาโผล่ขึ้นด้วยความโกรธ.
ก่อนหน้านี้เขามีอารมณ์ดี แต่คนจำนวนมากได้โผล่ออกมาจากทั่วทุกทิศเพื่อขอลาไม่เข้าร่วมประชุมทันทีที่เขานั่งลง. ทุก ๆ คนอยากจะทำเรื่องส่วนตัวของตนเอง โดยเห็นได้ชัดว่าไม่ได้ให้ความสนใจกับการประชุมในวันพรุ่งนี้.
เรื่องนี้จะไม่ทำให้เขาโกรธได้อย่างไร!
"ใครบ้างที่จะไม่ไป ? ข้าจะหักขาของใครก็ตามที่ไม่ไป ! " ผู้อาวุโสซี่โกรธมากและชี้นิ้วข่มขู่ชายวัยกลางคน. "เจี้ยงเซี่ยง เจ้าเป็นลูกของข้า เพียงแค่ลองพูดอีกครั้งว่าเจ้าจะไม่ไป ! ซื้อโอสถจิตวิญญาณรึ ? อย่าคิดว่าชายชราคนนี้ไม่รู้ว่าเจ้ามีผู้หญิงที่อยู่ในตรอกชิงหวา และเจ้าต้องรีบไปที่นั่นเพื่อทำเรื่องบ้า ๆ ทุกวัน!
และเจ้า เจี้ยงฮี ! เจ้าเป็นหลานชายโดยตรงของข้า เจ้ามีแผนการสำหรับอนาคตข้างหน้าหรือไม่? ใช้วันเวลาของเจ้าผูกติดอยู่กับเด็กผู้หญิง เจ้ามีความทะเยอทะยานในด้านอื่นบ้างมั้ย ?
และเจ้า ลี เจ้าเป็นบุตรชายของลูกสาวข้า (1) ถ้าเจ้าไม่มีความจงรักภักดีต่อตระกูลเจี้ยงแล้ว แล้วเจ้ามาทำอะไรที่นี่? "
หัวหน้าผู้อาวุโสได้พูดพล่ามจนน้ำลายเป็นฟองและจ้องเขม็งด้วยความโกรธที่แผ่กระจายออกมาจนผู้รับไม่รู้ว่าจะมองไปทางไหน.
ท่านพ่อ... บุตรชายคนโตของผู้อาวุโสซี่ เจี้ยงเซี่ยงรู้สึกอับอายขายหน้าเล็กน้อย.
"เก็บเรื่องเหลวไหลของพวกเจ้าไว้ พรุ่งนี้ทุกคนต้องไป. และตัดเรื่องที่ไม่สำคัญเหล่านี้ทั้งหมดออกไปได้เลยตั้งแต่วันพรุ่งนี้. ในฐานะลูกศิษย์และลูกชายของตระกูลเจี้ยง และในฐานะญาติพี่น้อง เจ้าจะมีความหมายอะไรถ้าเจ้าไม่สามารถแก้ไขปัญหาและความวิตกกังวลของครอบครัวได้ ?
ผู้อาวุโสซี่พูดด้วยประโยคที่มีอิทธิพลและน่าเกรงขามต่อความชอบธรรมของตัวเอง.
นี่ทำให้ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ครุ่นคิดหนัก. พวกเขาไม่เคยถูกใครบังคับ และช่วงเวลาที่ผ่านมานาน ๆ ทีพวกเขาถึงจะได้พบปะกันทีและพวกเขาไม่เคยเห็นจุดมุ่งหมายของผู้นำอาวุโสเลย.
มีอะไรผิดปกติกับเขาในวันนี้ ? ทำไมเสียงของเขาเปลี่ยนไปหลังจากดื่มเหล้า ? ถ้าเขาถูกล้างสมองโดยเจี้ยงเฉินรึเปล่า ?
"เจี้ยงเซี่ยงถามอย่างขลาด ๆ ว่า ท่านพ่ออย่างกับว่าท่านไม่รู้ว่าตระกูลเจี้ยงของเราจะไม่สามารถเก็บรักษาตำแหน่งขุนนางไว้ได้ แม้ว่าท่านจะพูดแค่นี้ แต่ท่านจะต้องได้รับความกดดันอย่างหนักให้หยุดยั้งความคิดนี้. ท่านเคยพูดไว้แล้วไม่ใช่หรือว่าท่านปล่อยวางกับเรื่องนี้ได้แล้ว? "
“ไร้สาระ! เมื่อไหร่ที่ข้าเคยพูดคำเหล่านั้น? " ผู้อาวุโสซี่ปฏิเสธอย่างฉุนเฉียว. "พวกเจ้าทุกคนจำไว้ให้ดี. ตระกูลเจี้ยงของเราไม่เพียงแต่จะเก็บรักษาตำแหน่งขุนนางไว้ได้ แต่เราอาจจะก้าวไปข้างหน้าอีกขั้นและขึ้นไปอยู่ในอีกระดับซึ่งก็คือตำแหน่งขุนนางระดับหนึ่ง.!”
ผู้อาวุโสซี่ยังคงตื่นตระหนกและกระวนกระวายใจเมื่อพูดถึงเรื่องนี้.
ตำแหน่งขุนนางระดับหนึ่งแตกต่างจากกลุ่มคนอื่นทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง.
ขุนนางระดับหนึ่งมีอำนาจในการปราบปรามผู้อื่น. บุตรชายของตระกูลจะได้รับที่ดินแดนและความเจริญมั่งคั่ง !
ความร่ำรวยและความรุ่งเรือง ดังนั้นมันจะแตกต่างไปจากสถานการณ์ปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง.
"เอ๋ ? ท่านพ่อ ท่านต้องสับสนเพราะเหล้าแน่นอน ? เจี้ยงไม่สามารถกลั้นหัวเราะได้.
ผู้อาวุโสซี่สะบัดมือตบหน้าเขาอย่างแรงและยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว. "เจ้าคนงี่เง่าเต่าตุ่น เจ้าไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย ! ข้าขอเตือนสติเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายว่าเจ้าต้องไปประชุมในวันพรุ่งนี้. และเจ้าต้องแสดงความสุภาพและเคารพสูงสุด. ข้าไม่สามารถจะช่วยเจ้าได้ถ้าเจ้าทำให้ขุนนางน้อยไม่พอใจ !
และพวกเจ้าทุกคน ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของพวกเจ้าหายไปไหน? พวกเจ้าถึงกล้าดูถูกขุนนางน้อย? คิดว่าเขาเป็นคนไม่มีอะไรดีอย่างนั้นสินะ? ไร้สาระ! เขาเป็นเหมือนหมาป่าในคราบของแกะ เขาปกปิดความแข็งแกร่งของตนเพื่อทำให้ศัตรูสับสน ! ขุนนางน้อยกำลังพยายามยกตัวเองให้ก้าวไปสู่ระดับหนึ่งในครั้งนี้ และเขาก็ทำภารกิจแรกเสร็จแล้ว. เขาได้ฆ่านักข่มขืนที่ชั่วร้ายไปแล้ว ที่มีชื่อว่านักล่าพรหมจรรย์ ! "
"อะไรนะ" เจี้ยงเซี่ยงตกตะลึง เขาเอามือปิดหน้าตัวเองไร้ซึ่งความรู้สึก.
เขาได้ฆ่าฆาตกรข่มขืน, นักล่าพรหมจรรย์?!
ถึงแม้ดินแดนเทียนฮูจะอยู่ไกลจากที่นี่ แต่ข้อมูลข่าวสารก็คลอบคลุมไปยังทุกอาณาเขต. ข่าวลือมากมายที่เกิดขึ้นในอาณาเขตเจี้ยงหานเกี่ยวกับชื่อที่น่าอับอายของนักล่าพรหมจรรย์.
ได้มีการกล่าวกันว่านักล่าพรหมจรรย์มีการฝึกฝนระหว่างระดับแปดถึงเก้าเส้นชีพจรของพลังลมปราณฉีและเขาก็เชี่ยวชาญในการใช้ยาพิษร้ายแรง. วิชาตัวเบาของเขายอดเยี่ยมและเขาเป็นคนเจ้าเล่ห์. เขาเป็นคนที่มีความสามารถพิเศษเป็นเรื่องยากที่จะจัดการกับเขา.
ขุนนางน้อยฆ่านักข่มขืนคนนี้?
และใช้เวลาไม่ถึงเดือนนับจากที่ได้รับคำสั่งให้ทำภารกิจนั้น?
"พวกเจ้าทุกคนกลับไปยังที่ของพวกเจ้าและพิจารณาอย่างรอบคอบ ! ถ้าเจ้าไม่ต้องการที่จะอยู่ที่นี่อีกแล้ว ให้ออกไปจากตระกูลนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่สามารถจะทำได้. แต่ถ้าเจ้ายังคงต้องการที่จะอยู่ที่นี่แล้ว ก็ให้รีบดูแลขุนนางน้อยให้ดี ! " ผู้อาวุโสซี่กล่าวคำเหล่านี้ทั้งหมดอย่างหงุดหงิดและเดินจากไป.
ฉากที่คล้ายคลึงกันเกิดขึ้นซ้ำอย่างต่อเนื่องในบ้านของผู้อาวุโสแต่ละคน.
บรรดาคนที่คัดค้านเอื่อยเฉื่อยเหล่านี้ พวกเขามีนิสัยดื้อด้าน บรรดาผู้อาวุโสจึงตำหนิพวกเขาอย่างรุนแรงโดยไม่มีใครได้รับการยกเว้น. บางคนต้องถูกตบอย่างเช่นเจี้ยงเซี่ยง.
เช้าวันรุ่งขึ้น การเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ได้เกิดขึ้นในบรรยากาศของตระกูลเจี้ยงทั้งหมด. ตระกูลเจี้ยงที่เป็นเหมือนทรายกระจัดกระจายถูกผูกติดเข้าด้วยกันทันทีด้วยกับเชือกที่มองไม่เห็น.
บรรดาผู้ที่มักหลับอยู่และบรรดาผู้ที่มักจะเถลไถลออกไปเพื่อไปเที่ยวเล่น พวกเขาก็ปรากฏตัวขึ้นที่บริเวณหลักของคฤหาสน์เจี้ยงหานอย่างน่าทึ่ง. ทุกคนตื่นตัวและเตรียมพร้อมสำหรับการปฏิบัติการ ทุกคนแต่งตัวสุภาพเรียบร้อย.
บางคนที่มีสติปัญญาและไหวพริบรีบก้าวไปข้างหน้าและทักทายเจี้ยงเซิ้งด้วยรอยยิ้มเมื่อเขาเดินออกไป "เจี้ยงเซิ้ง ขุนนางน้อยยังไม่ตื่นหรือ?"
“ตื่น? ขุนนางน้อยตื่นในยามจื้อ (23.00 น. จนถึง 24.59 น.) ทุกวันเพื่อเริ่มต้นการฝึกซ้อม และเจ้าถามว่าเขายังไม่ตื่น? "
"โอ้ โอ้ มันเป็นความผิดพลาดของข้าเอง ต้องขออภัยด้วย ! อภัยให้ข้าด้วย ! "
เจี้ยงเฉินเดินออกมาจากด้านตอนนี้ เขายิ้มและกล่าวว่า "ทุกคนมากันเกือบครบแล้ว. เผ่าต่าง ๆ ควรจะใกล้ถึงที่นี่แล้วมิใช่หรือ "
………………..
(1) ลูกชายของลูกสาวไม่ถือเป็นหลานชายโดยตรงในวัฒนธรรมจีน เพราะลูกสาวแต่งงานกับตระกูลอื่นและลูก ๆ ของนางต้องเปลี่ยนไปใช้สกุลอื่น