หน้าแรก > ราชันสามภพ
ตอนที่ 58 การแข่งขัน ณ สำนักดาวจรัสฟ้า

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า, เจ้าได้ข่าวไหม ? การแข่งขันที่เกิดขึ้นในทุกสิบปีของสำนักดาวจรัสฟ้าจะเริ่มขึ้นภายในสามวัน. ดูเหมือนว่าทั้งกลุ่มทิศใต้และกลุ่มทิศเหนือได้คิดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าชัยชนะจะอยู่ในเอื้อมมือของพวกเขา "

“หึ หึ พวกขอนไม้จากทิศเหนือจะสามารถเอาชนะปีศาจดุร้ายจากทิศได้ได้อย่างไรกัน. พวกเขาไม่เคยเอาชนะกลุ่มทิศใต้ได้เลยในช่วงหกสิบปีที่ผ่านมา "

"ใครทำอะไรไว้ก็จะได้รับสิ่งนั้นตอบแทน. มีคนกล่าวว่านายหญิงหยกแห่งกลุ่มทิศเหนือได้รับสาวกกลุ่มหนึ่งที่มีศักยภาพค่อนข้างดี. ศักยภาพของพวกเขาแทบไม่มีข้อบกพร่องเลยและในครั้งนี้พวกเขาเป็นความหวังสูงสุดของกลุ่มที่จะเอาชนะกลุ่มทิศใต้.

ยังไงก็ช่าง ! ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มทิศใต้หรือกลุ่มทิศเหนือที่ชนะ,เราจะไม่อยู่ในสำนักดาวจรัสฟ้า มันก็จะมีเพียงกลุ่มผู้ชายที่เปลี่ยนไปเป็นกลุ่มผู้หญิง "

เจี้ยงเฉินได้ยินเรื่องบทสนทนาสั้น ๆ จากโต๊ะข้างเคียงในโรงเตี๊ยม.

ในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่เขาไปถึงหมู่บ้านผาหมื่นลี้ เขาจะได้ยินข่าวมากมายเกี่ยวกับกลุ่มทิศเหนือและกลุ่มทิศใต้ของสำนักดาวจรัสฟ้า.

ผู้ชนะจะสามารถเข้าพักที่สำนักดาวจรัสฟ้าได้ และผู้แพ้จะต้องออกไปหาที่อื่นเพื่อปักหลัก.

แน่นอนว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงหนึ่งครั้งในทุก ๆ สิบปี. ถ้ากลุ่มไหนแพ้ พวกเขาก็เพียงแค่กลับมาประลองใหม่ในครั้งถัดไป.

เจียงเฉินนั่งดื่มคนเดียว แต่เขากำลังตั้งใจฟังบทสนทนาของโต๊ะข้าง ๆ. การฝึกทักษะ"หูของเทพแห่งลมประจิม" ตอนนี้อยู่ในระดับที่สามและการได้ยินของเขามีความแข็งแรงกว่าผู้ฝึกฝนในรุ่นเดียวกันอย่างน้อยสองถึงสามเท่า.

มีข้อมูลและข้อความทุกประเภทที่ไหลเข้ามาในขณะนี้.

สำนักดาวจรัสฟ้า,กลุ่มทิศเหนือ, กว้างใหญ่, งดงาม ...

เจี้ยงเฉินได้คัดกรองข้อมูลที่เป็นประโยชน์และจำแนกมันออกเป็นข้อ ๆ ตามลำดับความสำคัญ.

เขาวางถ้วยสาเกลง ทิ้งเหรียญเงินไว้บนโต๊ะและเดินออกไปนอกประตู. เขาตัดสินใจที่จะไปยังสำนักดาวจรัสฟ้า.

หากนักล่าพรหมจรรย์จะก่อเหตุร้ายในเวลาอันใกล้นี้ ก็ไม่มีสถานที่ใดที่เหมาะสมในเขตเทียนฮู มากไปกว่าสำนักดาวจรัสฟ้า.

สาวกที่สวยงาม,เพียงแค่นี้ก็น่าสนใจพอสมควร.

กฎของฆาตกรโรคจิตก็คือยิ่งเหยื่อมีระดับการฝึกที่สูงเท่าไหร่ มันก็จะเป็นเรื่องที่น่าสนุกมากเท่านั้น. ดังนั้นสาวสวยที่ได้รับการฝึกฝนจึงเป็นที่โปรดปรานของพวกเขา.

ในหมู่บ้านผาหมื่นลี้ ณ เวลานี้ จะหาสถานที่ที่มีสาวสวยที่ไหนกันถ้าไม่ใช่ที่สำนักดาวจรัสฟ้า. ไม่พูดถึงความจริงที่ว่าบรรดาสาวสวยเหล่านั้นเป็นผู้ฝึกฝน,มันจะเป็นการล่าพรหมจรรย์ครั้งใหญ่หากได้ตัวสาวเหล่านี้มา.

เจี้ยงเฉินครุ่นคิดถึงสิ่งต่าง ๆ จากมุมมองของนักล่าพรหมจรรย์ และรู้สึกว่าแม้ว่าเขาจะไม่ลงมือ แต่เจี้ยงเฉินก็แน่ใจว่าเขาจะออกมาและทำอะไรบางอย่าง.

เจี้ยงเฉินใช้อุปกรณ์ไม่กี่ชิ้นในการอำพลางตัวหลังจากออกจากเมืองหลวง. ภาพลักษณ์ปัจจุบันของเขาเหมือนกับคนพเนจรอายุราว ๆ สามสิบปี.

คนพเนจรและนักเดินทางเหล่านี้มีจำนวนอย่างน้อยแปดร้อยล้านคน.ถ้าไม่ใช่ก็หนึ่งพันล้านภายในอาณาจักรตะวันออก การปลอมตัวของเจี้ยงเฉินเป็นเรื่องธรรมดา. หากเขาเข้าไปรวมกลุ่มกับฝูงชนก็ไม่สามารถแยกแยะได้.

ภูมิประเทศของสำนักดาวจรัสฟ้าเป็นแบบที่เหมาะอย่างยิ่ง. เมืองที่เรียกว่าดาวกระจายได้ถูกสร้างขึ้นในระยะหนึ่งห้าสิบลี้ รอบ ๆ สำนักดาวจรัสฟ้า.ทั้งสองถูกสร้างขึ้นให้เป็นสิ่งคู่กัน.

การดำรงอยู่ของกลุ่มแม้จะเป็นกลุ่มธรรมดาก็จะส่งผลต่ออิทธิพลของท้องถิ่น.

อีกสองวันต่อมา เจี้ยงเฉินไปถึงเมืองดาวกระจายเขาค้นพบว่าไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเข้าชมการแข่งขันระหว่างกลุ่มทิศเหนือและใต้ของสำนักดาวจรัสฟ้า.

มีผู้ชมเพียงสามร้อยคนเท่านั้นที่ได้รับอนุญาต. หลังจากที่นับจำนวนที่นั่งที่ถูกจองไว้ล่วงหน้าออกไปแล้ว มีเหลือเพียงหนึ่งร้อยที่นั่งสำหรับบุคคลภายนอกเท่านั้น.

จำนวนนักเดินทางที่ผ่านเข้ามาในเมืองดาวกระจายช่วงสองสามวันที่ผ่านมามีจำนวนมากกว่าแสนคน.

คนมากกว่าหนึ่งแสนคนที่กำลังแย่งชิงที่นั่งหนึ่งร้อยที่ เท่ากับว่าที่นั่งหนึ่งที่ต้องแย่งกับคนพันคน. นี่ไม่ใช่แค่ความยากลำบากในระดับธรรมดาซะแล้ว.

อย่างไรก็ตามเจี้ยงเฉินรู้ว่าเพื่อที่จะสืบสวนนักล่าพรหมจรรย์,เขาจะต้องได้ที่นั่งที่สามารถสังเกตการณ์ได้.

ถ้าเจี้ยงเฉินเปิดเผยสถานะของเขาในฐานะทายาทของขุนนาง,เขาก็ต้องทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายภายในเมืองดาวกระจาย. มันก็จะไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เขาจะสามารถเลือกที่นั่งที่เหมาะสมได้.

หากว่าเขาทำเช่นนั้น,จะเป็นการละเมิดกฎ,และเขาจะถูกไล่ออกจากการแข่งขันทันที.

เจียงเฉินมาถึงที่ทำงานใหญ่ของสำนักดาวจรัสฟ้าที่ประจำอยู่ในเมืองดาวกระจาย. มีผู้คนมากมายได้ต่อแถวกันอยู่ก่อนแล้ว.

"ข้าจะจ่ายเงินสามหมื่น มีใครยินดีจะให้ที่นั่งกับข้าบ้าง ?"

“ฮึ ฮึ นี่เจ้าเพิ่งจะตื่นจากฝันหรอ ? เงินนับแสนก็ไม่อาจจะซื้อที่นั่งได้ในเวลานี้ เจ้ายังมีหน้ามาเสนอราคาหมื่น?

"เอ๋ —”

"ข้าอยู่ในระดับห้าเส้นชีพจรของพลังลมปราณฉี ข้ามีสิทธิที่จะชมการต่อสู้?"

"ต้องขออภัย,กฎของเราคือ เจ้ามีสิทธิ์ที่จะเข้าชมได้ก็ต่อเมื่อเจ้าอยู่ในระดับหกเส้นชีพจรของพลังลมปราณฉี"

"พี่ชาย ข้ามีความสัมพันธ์กับซี่เกี๋ยงหนึ่งในกลุ่มทิศใต้. ยกเว้นกฎให้ข้าได้หรือไม่ "

"ใครคือซี่เกี๋ยง ? เรารู้จักแค่ความสัมพันธ์กับหัวหน้ากลุ่มและผู้อาวุโสเท่านั้น "

"น้องชาย ข้าเป็นเจ้าของฟาร์มหมื่นอาชา. สำนักดาวจรัสฟ้าของเจ้าก็ทำธุรกิจกับข้าอยู่บ่อยครั้ง. สำหรับเรื่องที่นั่งเจ้าคงจัดการให้ข้าได้ ... "

"ขออภัยด้วย ธุรกิจคือธุรกิจและความสัมพันธ์คือความสัมพันธ์. หากท่านมีเงินตอนนี้ยังมีที่นั่งเหลืออยู่. เงินหนึ่งแสนสำหรับที่นั่ง "

"ได้สิ ข้าจะซื้อ!"

เจี้ยงเฉินกวาดหูฟังและแสดงความคิดเห็นเช่นสิ่งที่เขาได้ยิน. ฉากทั้งหมดอยู่ในความโกลาหลวุ่นวาย. ทุกคนพยายามเต็มที่และงัดทุกกลเม็ดออกมาใช้เพื่อให้ได้ที่นั่งที่ต้องการ.

"อือ คนจนก็จะพยายามจนสุดความสามารถ. ดูเหมือนว่าเราจะไม่มีโชคที่จะได้เห็นการแข่งขันที่เกิดขึ้นเพียงสิบปีครั้งระหว่างกลุ่มทิศเหนือและทิศใต้ "

"เราเข้าชมได้ แต่สำนักดาวจรัสฟ้าเรื่องมากจนเกินไป. เห็นได้ชัดว่าสาวกที่เข้าร่วมในครั้งนี้ทั้งหมดอยู่ในระดับห้าเส้นชีพจรของพลังลมปราณฉี "

"อ่า อ่า ความแข็งแกร่งคือสิ่งที่มีอิทธิพลมากที่สุดในเทียนฮูใช่ไหม. แม้กระทั่งเมื่อเทียบกับบุตรชายและลูกศิษย์ของขุนนางต่าง ๆ เหล่าสาวกอัจฉริยะไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกเขาเลย "

"นี้ ... พวกเขาอาจจะอยู่ในระดับที่คล้ายกัน ?"

เจี้ยงเฉินพูดไม่ได้เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น. ห้าเส้นชีพจรของพลังลมปราณฉีคือระดับต่ำสุดของการเป็นทายาทขุนนาง.

อย่างไรก็ตาม สำนักดาวจรัสฟ้านี้เป็นเพียงกลุ่มกลุ่มหนึ่งในเขตเทียนฮู. มันเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจและมีเกียรติในสิ่งที่พวกเขาอวดว่าสาวกจำนวนมากอยู่ในระดับห้าเส้นชีพจรของพลังลมปราณฉี.

เจี้ยงเฉินยืนอยู่ที่มุมห้อง,กำลังคิดหนักว่าเขาจะหาบัตรเชิญด้วยวิธีไหน.

เขาตั้งใจจะปลอมตัวเองให้เป็นผู้ฝึกฝนระดับสามเส้นชีพจรของพลังลมปราณฉีที่มีพลังธรรมดา. เขาไม่ต้องการเปิดเผยความสามารถของเขาและดึงดูดความสนใจของนักล่าพรหมจรรย์.

ดังนั้นเขาอย่างไม่สามารถเปิดเผยพลังของเขาได้.

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง เจี้ยงเฉินก็มีทางออก.

"พี่ชาย ความแรงของข้าในการต่อสู้ด้วยพลังเต๋าอยู่ในระดับปานกลาง แต่ความรู้ของข้าเกี่ยวกับโอสถจิตวิญญาณค่อนข้างสูง. ข้ายังเชี่ยวชาญในการเล่นแร่แปรธาตุ. ข้าสามารถช่วยได้ ถ้าหากผู้ใดได้รับบาดเจ็บในการต่อสู้ "

"เจ้ามีศักยภาพสูงในด้านโอสถจิตวิญญาณ? มันจะพิสูจน์ได้ด้วยกับการทดสอบเท่านั้น. ถ้าเจ้ามีความสามารถจริงอย่างที่ว่าแล้วก็จะไม่มีปัญหาในการได้รับคำเชิญ "

เจี้ยงเฉินเข้ารับการทดสอบเกี่ยวกับโอสถจิตวิญญาณตามคำแนะนำของอีกฝ่ายหนึ่ง. สำหรับเจี้ยงเฉินนี่เป็นเรื่องง่ายๆเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก.

เจี้ยงเฉินได้รับการยกย่องให้เป็นแขกผู้มีเกียรติภายในเวลาไม่ถึงสิบห้านาที. โอสถจิตวิญญาณของเขาทำให้แม้แต่ผู้บริหารโอสถจิตวิญญาณที่มีอำนาจบัญชาการในพื้นที่จากสำนักดาวจรัสฟ้าต้องยอมรับความพ่ายแพ้.

ด้วยวิธีนี้,ทำให้บัตรเชิญลอยมาอยู่ในมือของเขาและมีข้อความ "ผุ้เชี่ยวชาญอันยิ่งใหญ่ด้านโอสถจิตวิญญาณ เฉิน" เขียนไว้บนนั้น.

เจี้ยงเฉินปลื้มใจที่ทำให้ตัวเองกลายเป็น "ผู้เชี่ยวชาญอันยิ่งใหญ่เฉิน"

สถานะของเจี้ยงเฉินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยคำเชิญ,เป็นแขกพิเศษที่ได้รับเกียรติ,คนที่ได้รับมอบหมายพิเศษพาเขาเข้าไปในที่ทำงานของสำนักดาวจรัสฟ้าและจัดห้องพักชั้นหนึ่งสำหรับเขา.

"ฮะ ฮะ ฮ่า, ดูเหมือนว่า การที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษด้านใดด้านหนึ่งเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ. จะไม่มีใครเข้าประตูได้โดยปราศจากความเชี่ยวชาญเฉพาะตัว. "

เจี้ยงเฉินหัวเราะตัวเองอย่างขบขันและเริ่มนั่งขัดสมาธิบนเตียง.

เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สิ่งที่ต้องทำถ้าเขาเริ่มฝึกเทคนิคอย่างมีประสิทธิภาพและมีพลังในขณะที่อยู่ในอาณาจักรอื่น. เจี้ยงเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและเริ่มหมุนเวียนพลังคลื่นใหญ่ในร่างของเขาเพื่อเสริมสร้างเส้นชีพจรของเขา.

หลังจากที่เสริมสร้างเส้นชีพจรให้แข็งแรงขึ้น,เจี้ยงเฉินได้เริ่มฝึกทักษะทั้งสาม "นัยน์ตาของพระเจ้า" "หูของเทพแห่งลมประจิม" และ "หัวใจดั่งศิลา"

ตอนนี้เจี้ยงเฉินได้ผ่านการฝึกซ้อมทักษะ "นัยน์ตาของพระเจ้า" ไปถึงจุดสูงสุดในระดับที่สามและ "หูของเทพแห่งลมประจิม" ถึงจุดสูงสุดในระดับที่สามเช่นกัน.

ความคืบหน้ายังคงช้าอยู่ในทักษะ "หัวใจดั่งศิลา" เขาเพิ่งเข้าสู่ระดับที่สอง.

"มีคนกล่าวว่าความสามารถเหล่านี้สามารถทะลุไปได้ถึงสามสิบสามสวรรค์ (1) ดังนั้นจึงควรมีสามสิบสามระดับ. ข้าเพิ่งเริ่มต้นจากจุดศูนย์ "

เจี้ยงเฉินรู้ด้วยว่าขั้นตอนการฝึกช่วงแรกคือสิ่งที่ง่ายที่สุด.น่าเสียดายที่จะกลายเป็นเรื่องยากขึ้นเรื่อย ๆ.

ขอบเขตของทักษะ "นัยน์ตาของพระเจ้า" และ "หูของเทพแห่งลมประจิม" สามารถครอบคลุมได้เพียงรัศมี 3 ลี้เท่านั้น.

ไกลกว่านั้นจะเกินพลังของเขา.

พลังความสามารถทางจิตของทักษะ "หัวใจดั่งศิลา" ไม่สามารถระบุได้ในแง่เชิงปริมาณ,แต่เจี้ยงเฉินสามารถเข้าใจได้ชัดเจนว่าสถานะทางจิตของเขาเพิ่มมากขึ้น.

สภาพจิตใจของสิ่งมีชีวิตสามารถเข้าใจได้เฉพาะในรายละเอียดเท่านั้น. มันเป็นความรู้สึกของสัญชาตญาณ,สัมผัสที่หกที่เจ็ดซึ่งเกินสัมผัสทั้งห้า.

เจี้ยงเฉินตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นเนื่องจากเหตุการณ์ประจำสิบปีของสำนักดาวจรัสฟ้ากำลังเริ่มขึ้นในวันนี้.

ในฐานะ "ผู้เชี่ยวชาญผู้ยิ่งใหญ่ เฉิน" ในด้านของโอสถจิตวิญญาณ เขาได้ถูกจัดให้นั่งในระดับแถวที่สอง. ที่นั่งนี้ค่อนข้างเหมาะมากและตั้งอยู่ด้านหลังเพียง "แขกกิตติมศักดิ์" ในแถวแรก.

เจี้ยงเฉินใช้ทักษะ "นัยน์ตาของพระเจ้า" เพื่อสังเกตการณ์เล็กน้อยและพบว่าผู้ที่นั่งอยู่ด้านหน้ามีอำนาจที่ไม่ด้อยไปกว่าเหล่าหัวหน้าของกลุ่มทิศเหนือและใต้ของ.

พวกเขาส่วนใหญ่อยู่ในระดับเจ็ดเส้นชีพจรของพลังลมปราณฉี.

ดูเหมือนวัฒนธรรมศิลปะการต่อสู้ด้วยพลังเต๋ากำลังมีการพัฒนาในหมู่บ้านผาหมื่นลี้. เป็นภาพที่หาได้ยากที่จะมีผู้ฝึกฝนระดับเจ็ดเส้นชีพจรจำนวนมากรวมตัวกันในสถานที่เดียว " เจี้ยงเฉินประเมินอย่างเงียบเชียบ แต่ก็กังวลเล็กน้อย. "ผู้ฝึกฝนระดับเจ็ดเส้นชีพจรจำนวนมากล้อมรอบป้อมปราการ,แม้กระทั่งนักล่าพรหมจรรย์ที่อยู่ในระดับแปดเส้นชีพจร,เขาคงไม่กล้าที่จะลงมืออย่างโจ่งแจ้งโดยไม่ไตร่ตรอง?"

อารมณ์ของเจี้ยงเฉินค่อนข้างซับซ้อน. เขาหวังทั้งสองอย่าง เขาอยากให้นักล่าพรหมจรรย์จะปรากฏตัว แต่ก็ไม่อยากให้ผู้ฝึกฝนหญิงตกเป็นเป้า.

ขณะที่เขาลังเลใจ, กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเดินออกจากทางเดินที่ทั้งสองข้าง.

ฝ่ายหนึ่งสวมสีดำทั้งชุด พวกเขามาจากกลุ่มทิศใต้.

อีกฝ่ายเป็นผู้หญิงทั้งหมดและส่วนใหญ่สวมเสื้อผ้าสีเหลืองอ่อน,ได้ชัดว่าคือกลุ่มทิศเหนือ.

หัวหน้ากลุ่มทิศใต้มีชื่อว่าเชินหลงและอายุประมาณสี่สิบปี. เขามีเครายาว รูปร่างผอมบางของเขาดูสง่างาม.

ทุกคนเรียกนายหญิงแห่งกลุ่มทิศเหนือว่า "นายหญิงหยก" นางเป็นหญิงสาวที่แต่งงานแล้วซึ่งอายุราว ๆ ยี่สิบเจ็ดหรือยี่สิบแปดปี. ดวงตาทั้งสองข้างแหลมคมประดับประดาบนใบหน้าของนาง ทำให้นางดูมีเสน่ห์มาก. ไม่มีใครรู้ว่านั่นคืออายุที่แท้จริงของนางหรือถ้านางมีทักษะในการทำให้ตัวเองดูอ่อนเยาว์.

ในฐานะแขกคนหนึ่งเจี้ยงเฉินไม่สามารถหมิ่นเกียรติและสังเกตหัวหน้ากลุ่มทั้งสองด้วยทักษะ"นัยน์ตาของพระเจ้า" ได้. แต่จากการปรากฏตัว ดูจากภายนอกของทั้งสองนับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพลังลมปราณฉี.

ไม่ว่าจะเป็นเจ็ดหรือแปดเส้นชีพจร เจี้ยงเฉินไม่สามารถวัดได้ ถ้าไม่ได้พิจารณาเป็นเวลานาน.

"ฮะ ฮะ ฮะ, น้องหยก มันผ่านมาเป็นสิบปี แต่ความสง่างามของเจ้ายังคงเหมือนเดิม" เชินหลงหัวเราะและเป็นผู้นำในการพูด.

"เก็บคำพูดเหลวไหลของท่านไว้เถอะ เชินหลง. ในการแข่งขันครั้งนี้,กลุ่มทิศเหนือของข้าจะสามารถควบคุมสำนักดาวจรัสฟ้าได้อย่างเต็มที่ " คิ้วบางของนายหญิงหยกโค้งงอ และนางมีน้ำเสียงที่เบื่อหน่าย.

"ดีแล้ว ให้พวกสาวกของเราต่อสู้อย่างเต็มที่ !" เชินหลงยิ้มอย่างเบิกบานใจ.

…………….

1 นิพพานชั้นที่สามสิบสามดินแดนแห่งพระเจ้าในพระพุทธศาสนาอันเป็นดินแดนของผู้บรรลุมรรคผลเป็นพระอรหันต์.

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.