spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ภายในร่างกายของต้วนหลิงเทียน พลังงานต้นกำเนิดได้ถูกควบรวมราวกระบี่แหลมคม ก่อนที่จะทะลวงผ่านชีพจรที่ตีบตันและทลายคอขวดอันนั้นออกไป...
ความรู้สึกดั่งปลาคาร์พท่องทะยานผ่านประตูมังกรและกลับกลายเป็นมังกรทะยานฟ้าในชั่วพริบตา!
หลังจากที่พลังงานต้นกำเนิดสามารถทำลายคอขวดไปได้ ปริมาณพลังงานที่หมุนเวียนในร่างนั้นราวกับล้นทะลักออกมาจากจุดชีพจรของหลิงเทียน ซ้ำมันยังเปลี่ยนแปลงไปจนทำให้เขารู้สึกราวแผ่นดินสั่นสะท้าน ...
ต้วนหลิงเทียนค่อยๆลืมตาขึ้นมา รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากอย่างพร้อมเพรียง
ข้าตัดผ่านได้แล้ว!
ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 4!
ในช่วงเวลา 3 เดือนที่ผ่านมาในขณะที่กำลังเดินทางไปยังเมืองหลวงนั้น ต้วนหลิงเทียนไม่เคยหยุดบ่มเพาะพลังงานต้นกำเนิดแม้แต่วันเดียว และผลลัพธ์นี่ก็เป็นข้อพิสูจน์ในความหมั่นเพียรของเขาว่า มันไม่ได้เสียเปล่า!
"ตอนนี้ด้วยความแข็งแกร่งของข้าในปัจจุบัน ถึงไม่ต้องใช้อาวุธวิญญาณ ก็มีความแข็งแกร่งสูงถึงระดับ ช้างแมมมอธโบราณ 11 ตัว ... นี่หมายความว่ายามนี้ตัวข้ามีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 8 แล้ว! ...และถ้าข้าเสร็จสิ้นการบ่มเพาะร่างกายโดยใช้พลังงานต้นกำเนิดในตอนนี้หลอมกลั่นส่งเสริมกายเนื้อด้วยเคล็ดวิชางูเหลือมคลั่ง กายเนื้อข้าก็จะแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีก 1 ช้างแมมมอธโบราณ นั่นหมายความว่าข้าจะสามารถเทียบได้กับ ผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9! " ดวงตาของหลิงเทียนเรืองวูบออกมาด้วยประกายคมกล้า
"ไอ้บัดซบ ต้วนหลิงซิ่ง อีกไม่นานข้าจะได้เจอหน้าเจ้าอีกครั้ง และถึงเวลานั้นทุกอย่างที่เจ้ากระทำกับข้า กระทำกับเค่อเอ๋อ รวมทั้งกระทำกับลี่ซวน ข้าจะให้เจ้าได้ชดใช้มันอย่างสาสม ชดใช้มันเป็นพันเท่า หมื่นเท่า!!"
หลังจากที่ตัดผ่านระดับได้แล้วตอนนี้อารมณ์ของหลิงเทียนนับว่าดีอย่างมาก แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาเขาก็เห็นว่ามารดาของเขาเองก็ยังนั่งบ่มเพาะพลังอยู่ ส่วนทั้ง 2 สาวก็ยังคงนอนหลับอยู่
"สาวน้อยทั้ง 2 คงเหนื่อยไม่น้อย" รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นบริเวณมุมปากของต้วนหลิงเทียน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน เขาวางแผนที่จะใช้ชีวิตนี้ด้วยความสุขและใช้ทั้งชีวิตปกป้องหญิงสาวเหล่านี้ให้มีความสุขมากที่สุดในโลกไปพร้อมๆกันกับเขา
และนี่คือคำมั่นสัญญาที่เขาตั้งปณิธานเอาไว้ว่าจะกระทำให้จงได้
ต้วนหลิงเทียนเลิกม่านเกวียนขึ้นและทอดสายตามองออกไปไกลๆ ...ในระหว่างการเดินทางครั้งนี้ก็มีบ้างที่พวกเขาพบกับเหล่าโจรไร้สมอง แน่นอนว่าพวกโจรนั่นมันไม่อาจปล้นอะไรจากเขาได้ ซ้ำยังถูกฉงเฉวียนฆ่าเสียจนแทบหมดสิ้น
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกสบายใจอย่างยิ่งเมื่อมีฉงเฉวียนอยู่ข้างๆ ...ทว่าในขณะที่กำลังชมวิวทิวทัศน์อย่างสำราญอยู่นั้น ทันใดนั้นเองเขาก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง
และไม่นานเสียงเกือกม้าดังระงมก็ดังเข้าหูของหลิงเทียน และดูเหมือนพวกที่ควบม้ามานั่น กำลังมุ่งหน้ามาทางเขา ซ้ำเสียงเกือกม้าเหล่านี้ยังถี่ระรัวบ่งบอกถึงความเร็วในการก้าวขาที่เหนือล้ำมากกว่าม้าธรรมดาอย่างเทียบไม่ติด ...
"อาชาเหงื่อโลหิตถึง 3 ตัวเลยหรือ?"เมื่อเสียงม้าเข้ามาใกล้ๆมากๆ หลิงเทียนก็เปิดผ้าม่านขึ้นและชะโงกหน้าออกไปดูด้านหลังเพื่อตรวจสอบ
และเมื่อเขามองไปเขาก็พบว่า 1 ใน 3 ร่างนั่นเป็นร่างที่เขาคุ้นตา...
หยูเซี่ยง!
“ตระกูลหยูก็นับว่าลงมือได้รวดเร็วไม่น้อย” แววตาของหลิงเทียนทอประกายเย็นชาออกมา ก่อนที่จะปิดม่านลง เขาไม่อยากรบกวนการบ่มเพาะพลังของมารดา รวมทั้งการนอนหลับพักผ่อนของเค่อเอ๋อและลี่เฟย เขาจึงเปิดม่านด้านหน้าและออกไปกระซิบบอกฉงเฉวียน "ฉงเฉวียน ม้าที่กำลังควบขับมาด้านหลังมันมาหาข้าโดยเฉพาะ เจ้าไปหาที่จอดเกวียนและย้อนไปจัดการพวกมันด้วยกันกับข้า"
"ขอรับนายท่าน" ฉงเฉวียนพยักหน้ารับก่อนที่จะนำเกวียนไปจอดข้างทาง และเดินตามหลิงเทียนย้อนไปทางด้านหลังที่พึ่งผ่านมา
ฮี้!
หยุดด ~
...
อาชาเหงื่อโลหิตทั้ง 3 ตัวหยุดลงเมื่อพบร่างของหลิงเทียนยืนอยู่กลางถนน ม้าทั้ง 3 ตัวตอนนี้หลั่งเหงื่อที่แดงสดราวกับโลหิตของมัน ลงไปหยดบนพื้นถนน ยามที่หยาดเหงื่อส่องประกายภายใต้แสงของดวงตะวัน แลไปกลับคล้ายอัญมณีแห่งความชั่วร้ายอยู่ไม่น้อย
ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนอาชาเหงื่อโลหิต จับจ้องไปยังหลิงเทียนด้วยความเย็นชาก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างเย้ยหยัน "ต้วนหลิงเทียน เจ้ารู้ตัวว่าไม่อาจหนีพ้นความตายได้แล้วใช่หรือไม่? จึงได้เป็นฝ่ายมารับโทษทัณฑ์ด้วยตัวเองเช่นนี้ เจ้าหวังจะใช้มันเพื่อให้ข้าละเว้นครอบครัวของเจ้าหรือไร? "
“เฮ่ หยูเซี่ยงเจ้านี่ก็ยังยโสโอหังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ” ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองไปยังหยูเซี่ยงก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส ในสายตาของเขาไม่มีเงาของหยูเซี่ยงอยู่อีกเลย หลังจากเหลือบมองมันครั้งแรก เพราะตอนนี้หลิงเทียนกำลังจับจ้องไปยัง 2 ร่างที่เหลือ
เป็นชายชราคนหนึ่ง กับชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่ง
เมื่อผู้ฝึกยุทธ์ที่มีระดับบ่มเพาะเหนือล้ำไปกว่าระดับก่อกำเนิดไปแล้ว การที่จะตรวจสอบระดับบ่มเพาะของพวกเขานับว่าเป็นเรื่องที่ยากเย็นอย่างมาก แต่ทว่าต้วนหลิงเทียนนั้นได้รับประสบการณ์และความทรงจำมากมายของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด 2 ชาติภพ ทำให้เขามีสายตาที่ไม่เหมือนใคร สามารถแยกแยะรายละเอียดได้อย่างไม่ผิดพลาด และจากการตรวจสอบของเขา เขาก็พบว่าชายวัยกลางคนนั้นยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ ทว่าชายชราคนนั้นกลับเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้ง ...
ความแข็งแกร่งของชายชราคนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่า เหอซื่อเต่า ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเมืองหมอกธารา
"เหอะ!! ต้วนหลิงเทียนเจ้าอย่าได้ทำเป็นปากเก่งอยู่อีกเลย จะอย่างไรเจ้าก็ต้องตกตายวันนี้อย่างแน่นอน ถึงแม้เจ้าจะออกมาเพื่อยินยอมรับความตาย แต่ก็อย่าได้หวังจะมาอ้อนวอนขอชีวิตของครอบครัวเจ้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดตราบใดที่เกี่ยวข้องกับเจ้า พวกมันทั้งหมดจะตายไร้ที่ฝัง! " เมื่อเห็นหลิงเทียนเมินเขาอย่างสิ้นเชิง หยูเซี่ยงก็บังเกิดโทสะขึ้นมาไม่น้อย
"ไอบัดซบ เจ้ากล่าว่าอะไรนะ?" ใบหน้าของหลิงเทียนพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา แววตาที่เรียบเย็นจับจ้องไปยังหยูเซี่ยงอย่างไร้อารมณ์ ทว่าจิตสังหารที่ล้นทะลักออกมา มันน่าหวาดหวั่นและหนาวยะเยือกอย่างมาก
การข่มคู่และคุกคามครอบครัวของเขา เป็นเรื่องต้องห้าม!
ตอนนี้ท่าทางของหยูเซี่ยงเปลี่ยนเป็นซีดเซียว สีหน้าของมันไร้เลือดฝาด เหงื่อเริ่มหลั่งไหลออกมา ร่างทั้งร่างของมันสั่นระริก ที่สุดมันก็ร่วงลงจากหลังม้าไปนั่งหมดสภาพอยู่ที่พื้น...และเกรงว่าหากอยู่อย่างนี้ต่อไปอีกไม่นานมันอาจจะต้องตกตายเพราะหายใจไม่ออก...
"หืม นี่มันอะไรกัน?" ชายชราหรือผู้อาวุโสหลักของตระกูลหยู จับจ้องไปยังหลิงเทียนด้วยความประหลาดใจไม่น้อย
จิตสังหาร นั่น... แม้แต่คนที่สังหารผู้คนมาทั้งชีวิตอย่างเขายังทำไม่ได้ถึงขนาดนี้ ชายหนุ่มที่อายุราวๆ 17 ปีคนนี้หาได้ธรรมดาไม่!
"เด็กบัดซบ เจ้ารนหาที่ตาย!" ใบหน้าของหยูหลี่คล้ำลงเล็กน้อยเมื่อเห็นบุตรชายร่วงหล่นจากหลังม้า ขาของเขาเคลื่อนไหวราวพายุส่งร่างพุ่งทะยานลงจากหลังอาชาเหงื่อโลหิต ทะยานมาหาหลิงเทียนด้วยความเร็วสูงไม่ต่างอะไรกับจรวด ซ้ำพลังงานต้นกำเนิดยังควบแน่นในฝ่ามือของเขาอย่างน่าหวาดหวั่น สุดท้ายเขาก็ซัดมันออกมา หมายทำร้ายหลิงเทียน แรงลมจากฝ่ามือพัดกรรโชกแรงขึ้นจนฝุ่นดินลอยคละคลุ้งตลบอบอวล บังเกิดเสียงอากาศแตกระเบิดตามรายทาง
"ต้วนหลิงเทียน เจ้าบังอาจสังหาร หยูหง บุตรชายข้า วันนี้เจ้าต้องตาย!"
"หืม หยูหง หรือ?" ดวงตาของหลิงเทียนหรี่ลงเล็กน้อย จากคำพูดเมื่อครู่เขาก็เข้าใจได้ว่า ชายคนนี้น่าจะเป็นบิดาของหยูหง
และเขาก็มองไปยังภาพเงาร่างช้างแมมมอธโบราณจำนวน 110 ตัวเหนือศีรษะของหยูหงแล้วกล่าวออกมาเบาๆว่า "ความแข็งแกร่งของพ่อเจ้าหยูหงกับหยูเซี่ยงอะไรนี่ ก็นับได้ว่าไม่ธรรมดา อย่างน้อยมันก็อุตส่าห์ฝึกมาจนถึงระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 8"
"แต่มันก็เท่านั้น ... "
"ตัวบัดซบ เจ้ากล้ากำแหงต่อหน้านายท่านของข้า ตาย!!" ฉงเฉียนระเบิดเสียงคำรามออกมา ก่อนที่ร่างกายของเขาจะกระพริบไปขวางทางหยูหลี่ เหนือศีรษะปรากฏเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 100 ตัว ...
"ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7?" หยูหุ่ยยังคงนั่งอยู่บนหลังของอาชาเหงื่อโลหิตอย่างใจเย็น เขาประหลาดใจอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ไม่ได้คิดที่จะสอดมือไปช่วยเหลืออะไร ถึงแม้เขาจะห่วงแต่ลำพังหยูลี่ก็น่าจะรับมืออีกฝ่ายที่มีระดับเพียงกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7 ได้
"เหอะ! อาศัยเพียงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7 กลับกล้าขวางข้า เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าได้ตายก่อน!" หยูหลี่มองไปยังฉงเฉวียนด้วยสายตาเย้ยหยัน ก่อนที่ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยพลังงานต้นกำเนิดของเขาจะเบนทิศทางและซัดไปหมายฟาดฉงเฉวียนให้ตกตาย
วู้มมม!
ทว่าในพริบตานั้นเอง อยู่ๆความแข็งแกร่งของฉงเฉวียนพลันทะยานมากขึ้นไปอีก 100 ช้างแมมมอธโบราณ ทำให้ตอนนี้ฉงเฉวียนมีความแข็งแกร่งสูงถึ ง 200 ช้างแมมมอธโบราณ!
"ไม่!!" เมื่อเห็นภาพนี้มุมปากที่เคยแสยะยิ้มเยาะเย้ยพลันหายไป และสีหน้าแววตาของหยูหลี่กลับกลายเป็นหวาดกลัว
เขาไม่คิดเลยว่าฉงเฉวียนจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งไปได้ นี่เพราะความแข็งแกร่งสูงถึง 200 ช้างแมมมอธโบราณนี้ ผู้ที่จะครอบครองความแข็งแกร่งนี้ได้ ต้องเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 1 เสียก่อน
เขาต้องการที่จะถอนตัวและรั้งกระบวนท่านี้ของเขา ทว่ามันสายไปแล้ว! เขาได้โถมมาสุดกำลังอีกทั้งยังควบรวมพลังงานต้นกำเนิดผันแปรโคจรใช้ออกใช้ออกด้วยเคล็ดวิชาจู่โจม จนถึงจุดที่ยากรั้งกลับ
"หยุดมือของเจ้าซะ!" ท่าทางของหยูหุ่ยแปรเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยว นี่เพราะเขาไม่เคยคาดคิดเลยสักนิดว่าฉงเฉวียนจะซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้ ร่างของเขาพุ่งตัวออกไปด้วยความเร็วสูงสุดราวกับเส้นแสง หมายจะช่วยเหลือหยูหลี่ให้ทันท่วงที เหนือศีรษะเขาเงาร่างช้างแมมมอธโบราณจำนวน 300 ตัวฉายชัดออกมา!
"โอ้! ไอแก่นั่นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 2 งั้นรึ!" หลิงเทียนกระพริบตาเล็กน้อยเมื่อเห็นหยูหุ่ยลงมือจู่โจม ทว่าเขาก็ไม่ได้หวาดกลัวหรือสะทกสะท้านอะไร
ฟุ่บ!
ดาบยาวราวๆ 3 ฟุตปรากฏอยู่ในมือของฉงเฉวียนอย่างอัศจรรย์ก่อนที่จะวาดแสงเส้นหนึ่งออกมากลางอากาศ พาดผ่านลำคอของหยูหลี่ และหลังจากที่ลงมือเสร็จสิ้นแล้วฉงเฉวียนก็พุ่งร่างกลับมายืนด้านหน้าเพื่อคุ้มครองหลิงเทียน ทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตาเท่านั้น...สุดท้าย ฝ่ามือของหยูหลี่ทำได้เพียงปะทะอากาศที่ว่างเปล่า
หยูหุ่ยพยายามจับร่างของหยูหลี่เอาไว้ ก่อนที่จะพยายามห้ามเลือดที่บริเวณลำคออย่างสุดกำลัง ทว่ามันเปล่าประโยชน์โลหิตยังคงพุ่งกระจายออกมาราวน้ำพุ กลิ่นอายชีวิตของหยูหลี่ค่อยๆจางหายไปหลังจากที่มันพยายามรั้งเอาไว้อย่างเต็มที่แล้ว ...
"อาวุโสรอง!" ท่าทางของหยูหุ่ยแปรเปลี่ยนเป็นโศกเศร้าอย่างมาก เนื่องจากชายวัยกลางคนที่หมดลมหายใจในมือของเขา ไม่ใช่แค่ผู้อาวุโสคนหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นถึงน้องชายคนรองของประมุขตระกูลหยู แต่ตอนนี้หยูหลี่ได้สิ้นลมหายใจตกตายลงเชนนี้ทั้งๆที่มีเขามาด้วย... แล้วเขาจะกลับไปรายงานประมุขตระกูลว่าอย่างไร?
ตั้งแต่ที่ฉงเฉวียนระเบิดความแข็งแกร่งออกมามากมายถึงระดับผู้ฝึกยุทธ์วิญญาณแรกก่อตั้ง หยูเซี่ยงก็ตกตะลึงจนแทบกลายเป็นคนบ้าเสียสติ และเขาพลันได้สติอีกครั้งเมื่อเห็นร่างของหยูหลี่ค่อยๆชักกระตุก และล้มลงไปอย่างช้าๆ เขารีบพุ่งไปหาร่างบิดาของเขาทันทีทว่าเขามาสายเกินไป ยามนี้บิดากลับกลายเป็นศพไร้ชีวิตร่างหนึ่งเท่านั้น เขาได้แต่ส่ายร่างของหยูหลี่อย่างรุนแรง ราวกับไม่เต็มใจจะเชื่อถือ ว่าเรื่องราวตรงหน้าเป็นเรื่องจริงอย่างไรอย่างนั้น "ท่านพ่อ! ท่านพ่อ! ... "
หยูหุ่ยวางศพของหยูหลี่ไว้ให้หยูเซี่ยงดูแล ก่อนที่จะเดินไปหาต้วนหลิงเทียนและฉงเฉวียน... ในขณะที่เดินมาสายตาของหยูหุ่ยก็เปลี่ยนเป็นหนาวเหน็บทั้งไม่แยแสฉงเฉวียน
"วันนี้ต่อให้เจ้าจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 1 เจ้าก็ต้องตกตายอย่างแน่นอน ส่วนเจ้าต้วนหลิงเทียน หลังจากที่ข้าฆ่ามัน ข้าจะไม่สังหารเจ้า ... ข้าจะจับเจ้าเอาไว้และทำให้เจ้าไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน! ได้แต่รอรับการทรมานจากหยูเซี่ยง! " นำเสียงเย็นชาไม่แยแสของหยูหุ่ยดังดังวานออกมา มันเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บราวกับตกอยู่ในโลกน้ำแข็ง สายตาอำมหิตของเขาก็กวาดผ่านร่างของฉงเฉวียนก่อนที่จะจับจ้องไปยังหลิงเทียน
"ต้วนหลิงเทียน ข้าจะให้เจ้าได้เห็นเนื้อของเจ้าค่อยๆถูกแล่ออกมาทีละชิ้นๆ ข้าจะให้เจ้ามีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย ข้าจะให้เจ้าทนทุกข์ทรมาน!" หลังจากได้ยินคำกล่าวของหยูหุ่ย หยูเซี่ยงเองพลันเงยหน้ามากล่าววาจาอำมหิตพร้อมจ้องไปยังหลิงเทียนด้วยแววตาอาฆาต
ทว่าหลิงเทียนพลันยักไหลและกล่าวออกมาอย่างสนุกสนาน "ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับไอแก่คนนี้ของเจ้า ว่ามันจะมีปัญญาทำอย่างที่มันพูดได้รึเปล่า"
ฟึ่บ!
หยูหุ่ยใช้วิชาท่าร่างบางอย่างออกมา และมันรวดเร็วเกินกว่าสายตาของหลิงเทียนจะจับภาพได้ทัน ตอนนี้อาศัยระดับบ่มเพาะของเขายังไม่สามารถมองเห็นร่างที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงนี้ได้ ... ทว่าฉงเฉวียนเองก็พลันกระพริบร่างขึ้นมาครั้งหนึ่งไปยืนขวางหยูหุ่ยเอาไว้อย่างง่ายดายราวกับมองเห็นได้อย่างแจ่มชัด
"เพียงแค่ระดับวิญญาณก่อตั้งขั้นแรก ตกตายไปเสีย!" ร่างของหยูหุ่ยปรากฏขึ้นอีกครั้ง เขาตะโกนออกมาด้วยเสียงดังเปี่ยมด้วยความเย็นชา ในมือของเขาปรากฏ ดาบบางเล่มหนึ่งมันแลดูบางเบาราวกับปีกนก ก่อนที่มันจะถูกตวัดแหวกฝ่าอากาศส่งเสียงดังหวีดหวิวพุ่งไปยังฉงเฉวียน!
รังสีดาบส่องประกายแวววาวสะท้อนออกมาราวกับจะแข่งขันประชันกับแสงดวงตะวันพร่างพราว ...
"โอ้! อาวุธวิญญาณระดับ 8!" หลิงเทียนหรี่ตามองอาวุธในมือของหยูหุ่ยเล็กน้อย ก่อนที่จะระบุได้ว่ามันเป็นอาวุธวิญญาณระดับ 8
และในขณะเดียวกัน ด้านข้างของเงาร่างช้างแมมมอธโบราณเหนือศีรษะหยูหุ่ยพลันมีเงาร่างช้างแมมมอธโบราณอีก 60 ตัวปรากฏเพิ่มขึ้นมา
อาวุธวิญญาณระดับ 8 สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ผู้ที่ใช้มันถึง 20%
ชิ้งงง!
วิชายุทธ์โจมตีนี้นับว่าเข้าคู่กับดาบขนนกในมือของหยูหุ่ยอย่างมาก มันขับจุดเด่นความแข็งแกร่งของดาบประเภทนี้ได้อย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเขาได้อย่างเห็นได้ชัด ด้วยกระบวนท่าการโจมตีของเขานี้ ก่อให้เกิดเกิดพายุคมดาบห้อมล้อมร่างกายของฉงเฉวียนพร้อมพุ่งทะลวงร่างเขาทุกทิศทาง
"วิชายุทธ์เจ้าก็นับว่าไม่เลว น่าเสียดายที่เจ้ามาเจอกับข้า" ฉงเฉวียนไม่ได้คิดจะหลบหนีเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการจู่โจมของหยูหุ่ย เขาเพียงสะบัดดาบ 3 ฟุตในมือขึ้นมารอตั้งรับกระบวนท่าของหยูหุ่ยเท่านั้น
"ไม่ประมาณตน!" มุมปากของหยูหุ่ยพลันแสยะยิ้มออกมา
ทว่าพริบตาต่อมาทีท่าของเขานั้นกลับลำเปลี่ยนผันอย่างสิ้นเชิง ...
เขาเห็นอะไรน่ะหรือ?
ในขณะที่ฉงเฉวียนวาดดาบออกมาหมายจู่โจมนั้น เหนือศีรษะปรากฏเงาร่างช้างแมมมอธเพิ่มมาอีกถึง 200 ตัวอย่างอัศจรรย์ เมื่อรวมกับของเดิมมันก็กลับกลายเป็น 400 ช้างแมมมอธโบราณ
ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 3!!
ทว่านั่นยังไม่สิ้นสุดเพียงเท่านั้น ในขณะที่ดาบในมือของฉงเฉวียนเปล่งประกายเพราะมันกำลังแสดงความสามารถออกมาอย่างสมบูรณ์ เงาร่างช้างแมมมอธโบราณแต่เดิมที่มีจำนวน 400 ตัว กลับปรากฏเพิ่มออกมาอีกถึง 100 ตัว ...
เช่นนั้นหมายความว่าความสามารถในการเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของผู้ใช้มันเกือบถึง 30%
และความแข็งแกร่งระดับ 500 ช้างแมมมอธโบราณ เมื่อมาปะทะกับความแข็งแกร่งแค่ 360 ช้างแมมมอธโบราณ...อาศัยช้างแมมมมอธโบราณเพียง 360 ตัวมันจะไปทำอะไรได้ล่ะ... เพราะทั้งสองไม่ได้ใกล้เคียงกันสักนิดมันอยู่ในระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ผลลัพธ์จึงปรากฏออกมาอย่างเห็นได้ชัด
เคร๊ง!
อาวุธวิญญาณระดับ 7 ในมือของฉงเฉวียนวาดผ่านอากาศพร้อมสะบั้นดาบขนนกในมือของหยูหุ่ยได้อย่างง่ายดาย ทว่าแรงวาดดาบของฉงเฉวียนหาได้สิ้นสุดแต่อย่างใดมันตวัดผ่าร่างของหยูหุ่ยออกเป็น 2 ซีกอย่างงดงาม ร่างของหยูหุ่ยค่อยๆแยกออกจากกันช้าๆ เพราะตับไตไส้พุงรวมถึงอวัยวะภายในทั้งหมดล้วนอยากออกมาสูดอากาศภายนอก ...
เรืองสุดท้ายที่อยู่ในใจของหยูหุ่ยก่อนตายมีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น "ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 3 ..อาวุธวิญญาณระดับ 7 ... "
ใบหน้าที่ถูกผ่าออกเป็น 2 ซีกของฉงเฉวียนนั้นฉายแววประหลาดใจออกมาจนถึงขีดสุด ดวงตาของมันทั้งสองดวงเบิกกว้างออก บ่งบอกว่า ถึงแม้ตอนนี้ที่มันกำลังจะตกตาย มันก็ไม่คาดคิดสักนิดว่าฉงเฉวียนจะมีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ...
"ผะ...ผู้อาวุโสหลัก ... ไม่จริง! มันเป็นไปไม่ได้! ใช่แล้ว ข้ากำลังฝันอยู่เป็นแน่ มันต้องเป็นแค่ความฝัน!" เรื่องราวตรงหน้ามันทำให้ดวงตาของหยูเซี่ยงเหม่อลอย และท่าทางของเขาก็ดูเลอะเลือนอย่างถึงขีดสุด! ทั้งเขายังบ่นพึมพำออกมาอย่างหดหู่ราวกับฝันละเมอ ก่อนที่จะค่อยๆเอื้อมมือไปยังต้นขาหมายจะลองบิดเนื้อทดสอบ ...