หน้าแรก > War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 129 ราคาที่ต้องจ่ายมันสูงนัก!!

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

ฝูงชนที่มุงดูภาพเหตุการณ์เองก็ค่อยๆแยกย้ายกันไปหลังจากที่ยืนตกตะลึงกันอยู่พักใหญ่ กว่าพวกมันจะหายตื่นตะลึงก็เป็นตอนที่ ชายหนุ่มในชุดสีม่วงนั้นจูงมือสตรีข้างกายทั้ง 2 เดินไปไกลลับตาและค่อยๆหายไป

ชายหนุ่มที่สวมใส่ชุดสีม่วงนั้นน่าหวาดกลัวยิ่งนัก!

เขากล้าลงมือดับสมรรถภาพของนายน้อยตระกูลเถียนเช่นนี้ และที่สำคัญเถียนกวงนั้นเป็นบุตรชายคนเดียวของประมุขตระกูลเถียนอีกด้วย!

พวกเขาสามารถจินตนาการได้เลยว่าในค่ำคืนนี้ที่ตระกูลเถียนจะบังเกิดมรสุมขนาดไหน

ส่วนทางด้านต้วนหลิงเทียนนั้น แน่นอนว่าเขาไม่ได้สนใจอะไรกับเรื่องที่กระทำสักนิด เขาได้เดินตามลี่เฟยและเค่อเอ๋อไป และรอทั้ง 2 สาวซื้อหาสิ่งของอยู่เกือบ 2 ชั่วยาม ในตลาดกลางคืน ก่อนที่จะกลับโรงเตี๊ยม

"ตัวเลวร้าย เจ้าคิดว่างูเจ้าถิ่นนั่นมันจะมาสร้างปัญหาให้พวกเราอีกหรือไม่?" ลี่เฟยมองไปยังต้วนหลิงเทียนอย่างน่ารักแพขนตาที่งดงามของนางนั้นทำให้นางน่าดูอย่างยิ่ง

"งูอะไรกัน สำหรับข้าพวกมันแค่ไส้เดือนเท่านั้น"ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมา ก่อนที่จะส่ายหัวออกมาเล็กน้อย ที่นี่มันเป็นเพียงเมืองเล็กๆเท่านั้น ในตระกุลของพวกมันอาจจะไม่มีแม้แต่ระดับกำเนิดแก่นแท้ด้วยซ้ำ ตราบใดที่พวกมันไม่มายุ่งวุ่นวายหรือแสหาเรื่องอะไรเขาอีกล่ะก็พวกมันคงไม่เป็นอะไรแต่ถ้ามันกล้าอีกล่ะก็...ประกายตาของหลิงเทียนวูบวาบขึ้นมาอย่างอำมหิต

"ข้าจะซื้อผ้าคลุมหน้านี้ไปให้นายหญิงด้วยเจ้าค่ะ" ในขณะที่กำลังเดินจับจ่ายซื้อของในตลาดนั้น แน่นอนว่าเค่อเอ๋อย่อมไม่ลืมนึกถึงลี่หลัว และซื้อของไปเผื่อนาง

ลี่เฟยมองไปยังเคอเอ๋อแล้วกล่าวออกมาอย่างอิจฉาเล็กน้อย "น้องหญิงเค่อเอ๋อนับว่าช่างใส่ใจผู้อื่นมากมายนัก ข้าไม่แปลกใจเลยที่ทำไมท่านน้าลี่หลัวถึงได้รักและเอ็นดูนางมากขนาดนั้น เฮ่อ! ข้าเองยังอดอิจฉานางไม่ได้เลย ... "

"อะไรกัน ข้าเองคิดว่าท่านแม่ก็รักและเอ็นดูพวกเจ้าเท่าเทียมกันนะ จะอย่างไรพวกเจ้าก็เป็นลูกสะใภ้ของนางทั้งคู่นี่นา" ต้วนหลิงเทียนค่อยๆขยับร่างมาใกล้ลี่เฟยก่อนที่จะยื่นมือมารไปโอบเอวนางทั้งยังรั้งร่างบางมาแนบชิด แถมยังก้มลงไปกล่าวด้วยเสียงกระเส่าพร้อมลมหายใจระอุที่ข้างหู "เฟยน้อย...มันก็นานมากแล้วที่ข้าลิ้มรสเจ้า.."

"ตัวลามก!" สีหน้าลี่เฟยพลันเปลี่ยนเป็นแดงแจ๋ ก่อนที่จะสะบัดร่างออกจากอ้อมกอดหลิงเทียนแล้วรีบวิ่งกลับห้องไปด้วยความรวดเร็ว

ต้วนหลิงเทียนอดส่ายหัวแล้วหัวเราะออกมาไม่ได้ เขาไม่คิดเลยสาวน้อยนางนี้แค่กล่าวหยอกล้อนิดหน่อยก็เขินอายถึงเพียงนี้แล้ว หลังจากที่หลิงเทียนและเค่อเอ๋อกลับมาถึงห้อง เขาก็โอบกอดพวกนางทั้งคู่แล้วนอนหลับไป

ก๊อกๆ ทันใดนั้นเองเสียงเคาะประตูห้องพลันดังขึ้น ตามด้วยเสียงของเสี่ยวเอ้อที่ต้อนรับพวกเข้าเข้าโรงเตี๊ยม "ท่านลูกค้าขอรับ ประมุขของตระกูลเถียนกับผู้อาวุโสในตระกูลอีก 2 คนเดินทางมาเพื่อขอพบท่านขอรับ"

"ตระกูลเถียน?" คิ้วของหลิงเทียนขมวดขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะคลายวงแขนที่กอดสตรีทั้ง 2 แล้วลุกออกมา พร้อมใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย

"เจ้าทั้งสองหลับไปก่อนได้เลยไม่ต้องห่วง" ต้วนหลิงเทียนหันไปกล่าวกับลี่เฟยและเค่อเอ๋อด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ก่อนที่จะออกจากห้องไป

"ฉงเฉวียน!" หลังจากเดินออกห้อง หลิงเทียนก็เดินไปเคาะประตูห้องข้างๆ และเมื่อเขาเคาะไปไม่กี่ครั้ง เสียงเปิดประตูดังแกรกก็ดังขึ้น ฉงเฉวียนก้าวออกมาพร้อมทั้งกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า "นายท่านเชิญกลับไปนอนต่อได้เลย ข้าจะไปจัดการพวกมันให้หมดเอง"

น้ำเสียงของฉงเฉวียนเต็มไปด้วยการฆ่าฟันอย่างแท้จริง

"เฮ่ๆ เจ้าไม่ต้องรีบร้อนจัดการพวกมันขนาดนั้น ข้าอยากรู้ว่าพวกมันจะทำอะไร... " ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวออกมาเล็กน้อย แววตาของเขาเต็มไปด้วยความซุกซน

ไม่นานต้วนหลิงเทียนกับฉงเฉวียนก็เดินออกมาพบกับประมุขของตระกูลเถียนที่กล้ามารบกวนเขา ด้านข้างของมันมีชายชราที่น่าจะเป็นผู้อาวุโสของตระกูล แถมตอนนี้ชายชราทั้งสองนั่นก็จ้องเขาด้วยใบหน้าดุร้ายไม่น้อย

"เจ้าน่ะหรือประมุขของตระกูลเถียนอะไรนั่น?" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังชายวัยกลางคนด้วยสายตาเบื่อหน่าย ก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างรำคาญ "เอาล่ะเจ้าอยากจะกล่าวหรือมีอะไรจะกล่าวก็รีบๆเข้าล่ะ ข้านายน้อยเองก็ต้องตื่นแต่เช้าไปทำธุระคงไม่ว่างมาละเล่นกับพวกเจ้านานนักหรอก ... "

"เจ้า!" ท่าทางของประมุขตระกูลเถียนนั้นเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์อย่างมาก เมื่อได้เห็นท่าทางไม่ไม่แยแสของหลิงเทียน

“ประมุข” ชายชราชุดคลุมสีเทาทั้งสองคนกล่าวห้ามประมุขตระกูลเถียนเอาไว้ไม่ให้ทำอะไรวู่วาม

ประมุขตระกูลเถียนได้สูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ของเขา ตอนนี้เขาพึ่งนึกได้ว่าต้องระวังเบื้องหลังของชายหนุ่มคนนี้เพาะมันอาจจะอันตรายอย่างมาก ... และถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ทำไมเขาจะต้องกล้ำกลืนความอัปยศอดสูถึงเพียงนี้กันเล่า!

เถียนกวงนั้นเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของเขา แล้วตอนนี้ ‘น้องชาย’ ของบุตรเขาก็ใช้การไม่ได้แล้ว นั่นหมายความว่าสายเลือดตระกูลได้จบสิ้นลงแล้ว โทสะในใจนี้ของเขาผู้ใดจะเข้าใจ!

"เจ้ามีความเป็นมาอย่างไรกันแน่ ถึงได้ลงมืออย่างโหดร้ายถึงเพียงนี้?" ชายชราที่สวมชุดคลุมสีเทาคนหนึ่งมองไปยังหลิงเทียนด้วยสายตาที่ลุกโชนไปด้วยความดุร้าย ราวกับอยากเห็นสีหน้าหรือการเปลี่ยนแปลงของหลิงเทียน

"ลงมืออย่างโหดร้ายอะไรกัน?" ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมา “ข้าก็อยากจะรู้นัก หากเป็นภรรยาของเจ้าถูกหยอกล้อกลางตลาด เจ้าจะทำอย่างไร ที่ข้าไม่ได้ฆ่ามันก็นับว่าเป็นข้าที่แสดงความเมตตาและปราณีมันมากแล้ว ปกติหากมันทำเช่นนี้แม้มันจะมี 10 ชีวิตก็ไม่พอให้ข้าฆ่าหรอก”

แน่นอนว่าคำกล่าวที่พึ่งกล่าวมานี้ของหลิงเทียนย่อมเป็นความจริง หากเรื่องนี้เกิดขึ้นในชาติที่แล้วตอนที่เขายังอยู่โลกเก่าล่ะก็ สิ่งที่เถียนกวงทำนั่นมากพอให้มันตายนับ 10 รอบ

“เหตุใดเจ้าถึงอำมหิตเช่นนี้ ข้าอยากรู้นัก พื้นเพเจ้าเป็นอย่างไรกันแน่” ประมุขตระกูลเถียนถามด้วยน้ำเสียงต่ำ

ตราบใดที่ชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้เป็นนายน้อยจากตระกูลที่มาจากเมืองประจำมณฑลหรือเมืองหลวงล่ะก็ แม้ว่าเขาจะต้องเสียงสักหน่อยแต่เขาก็จะลงมือฆ่ามัน ณ ที่นี่ และตอนนี้ เพื่อให้เขาได้ระบายความแค้นความเกลียดชังรวมถึงล้างแค้นให้แก่บุตรชายของเขาด้วย และเรื่องนี้ก็ได้รับการเห็นชอบจากผู้อาวุโสทั้ง 2 ที่อยู่ข้างๆนี่แล้ว ก่อนที่จะเดินทางมาที่นี่

เมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาจะร่วมลงมือพร้อมกันเพื่อทำลายหลักฐานกำจัดสิ่งที่อาจจะเป็นภัยออกไปทั้งหมด

"ประมุขตระกูลเถียน ท่านมองข้าสูงเกินไปแล้ว ข้าเป็นเพียงชายหนุ่มที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนามเท่านั้น ไม่มีอะไรให้ควรกล่าวถึงหรอก" ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบออกมาอย่างไม่แยแส

แต่เมื่อได้ยินคำกล่าวของเขา สีหน้าของชายทั้ง 3 คนกลับจมลงเล็กน้อย

ยิ่งต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาแบบนี้มากเท่าไร มันยิ่งทำให้เขาดูลึกลับมากขึ้นเท่านั้น พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะลงมืออย่างวู่วาม

"อะไร เจ้ากล้าทำให้ลูกชายข้าพิการ แต่เจ้ากลับไม่กล้าประกาศความเป็นมาอย่างนั้นหรือ?" ประมุขตระกูลเถียนพยายามกล่าวเย้ยหยันเพื่อยั่วยุให้หลิงเทียนบังเกิดโทสะจนเปิดเผยที่มาและเบื้องหลังของเขา

น่าเสียดาย ที่คนอย่างต้วนหลิงเทียนน่ะเหรอจะติดกับลูกไม้ตื้นๆแบบนี้? "ประมุขตระกูลเถียนข้าย่อมรู้ดีว่าตอนนี้ท่านคิดอะไรอยู่ ... เช่นนั้นข้าจะขอกล่าวออกมาตอนนี้เลยแล้วกัน ข้าเป็นเพียงชายหนุ่มที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร และเบื้องหลังของข้าก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมายดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจ ขอเพียงเจ้าอยากจะทำอะไรก็ลงมือได้เลย อย่าได้เสียเวลาคิดมาก" คำกล่าวของต้วนหลิงเทียนนั้นแน่นอนว่ายั่วยุอารมณ์ของคนจากตระกูลเถียนได้อย่างดี ทว่าชายชรา 2 คนกลับมีใบหน้าหมองหม่นมากขึ้นเรื่อยๆ...

ไม่มีความหวาดหวั่นและเกรงกลัวอะไรออกมาสักนิด ซ้ำยังกล่าวออกมาอย่างปลอดโปร่ง นี่ทำให้พวกเขารู้ว่าคนตรงหน้าไม่ได้ง่ายดายอย่างแน่นอน

"เช่นนั้นข้าอยากรู้นัก ว่าชายหนุ่มไม่มีชื่อเสียงจะมีความสามารถสักเท่าไร!" สีหน้าของประมุขตระกูลเถียนบิดเบี้ยวเพราะโทสะอย่างถึงขีดสุด มันไม่คิดอดทนอะไรอีกต่อไป พลันระเบิดพลังงานต้นกำเนิดที่โคจรสั่งสมอยู่ตั้งแต่แรกออกมา เพียงชั่วพริบตาร่างกายของมันก็พุ่งกระโจนเข้าใส่หลิงเทียนราวกับอินทรีสยายปีก

เหนือศีรษะเขาปรากฏเงาร่างช้างแมมมอธโบราณออกมา 10 ตัว ... ผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 7!

"ประมุข" สีหน้าของผู้อาวุโสตระกูลเถียนทั้งสองคนกลับกลายเป็นซีดเผือด พวกเขาไม่คิดว่าประมุขตนจะวู่วามถึงเพียงนี้ ตอนนี้แม้พวกเขาคิดจะหยุดมือมันก็สายเกินไปแล้ว

พวกเขาสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มที่สวมชุดสีม่วงคนนี้ ตั้งแต่แรก รอยยิ้มสบายอารมณ์ของมันไม่เคยหายไปจากใบหน้าเลยสักนิด มันยืนนิ่งๆไม่สะทกสะท้านอะไรแม้แต่น้อยราวกับว่าไม่ใส่ใจการจู่โจมของประมุขตระกูลเถียนเลยแม้แต่น้อย

และในเวลาต่อมาพวกเขาก็พบคำตอบ ...

"เหอะ! หนอนแมลงที่มีระดับเพียงก่อกำเนิดขั้นที่ 7 กล้ามากำแหงต่อหน้านายท่านของข้า!" ราวกับเขาสามารถหายตัวไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างฉับพลันอย่างไรอย่างนั้น เพียงกล่าวคำร่างของเขาก็ปรากฏตรงหน้าต้วนหลิงเทียนอย่างอัศจรรย์

สีหน้าของประมุขตระกูลเถียนพลันเปลี่ยนเป็นสยดสยอง

"ไม่ใช่ว่าชายสวมหน้ากากนี่เป็นแค่สารถีหรือไร เหตุใดมันถึงมีความเร็วเหนือชั้นเช่นนั้นเล่า?"

เขาไม่สามารถติดตามได้แม้แต่เศษเสี้ยวความรวดเร็วของฉงเฉวียน ... และแน่นอนว่าเขาย่อมรู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร

ปัง!!

ฉงเฉวียนเพียงเหวียงหมัดออกมาโดยไม่ได้ใช้วิชาอะไร มันเป็นแค่พียงหมัดที่ชกออกมาอย่างเรียบง่ายเท่านั้น ทว่าพลังงานต้นกำเนิดที่อัดอยู่ในกำปั้น มันกลับปะทุแผ่พุ่งซัดทำร้ายเข้าที่กลางอกของประมุขตระกูลเถียนอย่างรุนแรงโดยไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่น้อย แรงระเบิดของพลังงานต้นกำเนิดที่ปะทุออกมาส่งร่างของประมุขตระกูลเถียนให้ปลิวกระเด็นออกไป

และพริบตานั้นเหนือศีรษะของฉงเฉวียนก็ปรากฏเงาร่างช้างแมมมอธโบราณออกมา 20 ตัว

ประมุขตระกูลเถียนกระเด็นไปล้มลงบนพื้นด้วยความเสียใจ ทรวงอกของเขาถูกซัดทำลายแหลกเหลวจนยุบลงไปอย่างเห็นได้ชัด เขากระอักเลือดออกมา 2-3 คำ ก่อนที่จะกระตุกและตกตายลงอย่างน่าอนาถ

"ระดับ ... กำเนิดแก่นแท้!" สีหน้าของชายชราทั้งสองนั้นแฝงความหวาดกลัวไปอย่างเต็มเปี่ยม

ถึงแม้ว่าประมุขของพวกมันจะถูกฆ่าอย่างอำมหิตต่อหน้าต่อตาของพวกมันทั้งสองคน แต่พวกมันทั้งสองคนก็ไม่กล้าลงมือตอบโต้หรือทำอะไรวู่วาม เพราะจะอย่างไรพวกมันทั้งสองก็มีระดับบ่มเพาะแค่เพียง ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 8 เท่านั้น หากผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ต้องการฆ่าพวกมันทั้ง 2 คนแล้วล่ะก็ แน่นอนว่ามันง่ายดายไม่ต่างอะไรกับตัดหญ้า

ชายชราทั้ง 2 คนสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะหันไปมองหลิงเทียน แล้วเปิดปากกล่าวออกมาพร้อมกัน

"คุณชายท่านนี้ เรื่องราวทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะ พ่อลูก 2 คนนี้เท่านั้น คุณชาย...ได้โปรดอภัยให้ตระกูลเถียนของเราด้วย"

"ถูกแล้วคุณชาย ท่านเป็นคนที่ยอดเยี่ยมนัก คงไม่ใส่ใจอะไรกับหนอนแมลงไร้ค่าดั่งเช่นพวกเรา" ชายชราทั้งสองคนรีบกล่าวออกมาอย่างอ่อนน้อมและคำนับขอขมาอย่างน่าสมเพช

ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมและเสี่ยวเอ้อที่ยืนอยู่ด้านข้างเองก็ตกตะลึงเมื่อได้เห็นภาพนี้ ในฐานะที่พวกมันเองก็เป็นคนของเมืองพิรุณโปรย พวกมันย่อมรู้ดีว่าชายชราทั้ง 2 คนนี้เป็นใคร พวกมันเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด 2 คนของตระกูลเถียน

ในยามปกติแล้วชายชราทั้ง 2 คนนี้ปฏิบัติตัวราวกับเป็นราชันย์ในดินแดนทุรกันดารแห่งนี้ พวกมันสามารถบันดาลให้เกิดลมและฝนได้อย่างง่ายดายในเมืองพิรุณโปรย แต่ยามนี้พวกมันทำได้เพียงก้มหัวอย่างสุภาพให้แก่ชายหนุ่มในชุดสีม่วง

"เฮ่อ ข้าเองก็ไม่ได้คิดจะถือสาหาความเอาเรื่องเอาราวอะไรพวกเจ้าอยู่แล้ว ถ้าพวกเจ้าไม่มารบกวนการนอนของข้าในค่ำคืนนี้ น่าเสียดาย ... " ต้วนหลิงเทียนหันไปจ้องหน้าชายชราทั้ง 2 ด้วยอำมหิต

ชายชราทั้งสองย่อมรู้ความนัย มันรีบกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว "คุณชายได้โปรดแสดงความเมตตาด้วย หากท่านยินดีละเว้นตระกูลเถียนของพวกเรา พวกเรายินดีจ่ายค่าเสียเวลาให้แก่ท่าน ... "

ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้สามารถทำลายตระกูลเถียนของเขาให้พินาศย่อยยับได้อย่างง่ายดาย นี่คือสิ่งที่พวกเขาไม่สงสัยแม้แต่น้อย

"ค่าเสียเวลาหรือ?" ดวงตาของหลิงเทียนเรืองวูบออกมาเล็กน้อย รอยยิ้มเย็นชาและปรากฏออกมา “เอาล่ะๆ เช่นนั้นก็ไม่คิดทำให้เรื่องราวมันใหญ่โตอะไรข้าคิดเพียงแค่ 1,000,000 เหรียญเงินเท่านั้น แล้วเรื่องราวครั้งนี้จะยุติลง ข้าคิดว่าเล็กน้อยเท่านี้ตระกูลเถียนคงชำระได้ไม่ยาก”

เพียงแค่1,000,000 เหรียญเงิน?

ชายชราทั้งสองตกตะลึง ... คำกล่าวนี้มันเสียดแทงแก้วหูของพวกเขานัก!

แรกเริ่มเดิมทีพวกเขาคิดเพียงว่าหากยินยอมจ่ายให้มากถึง 200,000 - 300,000 เหรียญเงินพวกเขาก็จะปลอดภัยแล้ว แต่พวกเขาไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มคนนี้จะไม่ต่างอะไรจากค้างคาวกระหายโลหิต เรียกร้องออกมาถึง 1,000,000 เหรียญเงิน!

ตระกูลเถียงเป็นเพียงตระกูลในเมืองเล็กๆแห่งนี้เท่านั้น และแน่นอนว่าพวกมันย่อมต่างชั้นกับตระกูลในใหญ่ในเมืองที่หลิงเทียนรู้จัก แม้ว่าตอนนี้ตระกูลเถียนจะสามารถส่งมอบ 1,000,000 เหรียญเงินออกมาได้ แต่มั่นใจได้เลยว่าสถานะทางด้านการเงินของพวกมันย่อมขัดสนไปอีกนานนับเป็นปีๆ ...

ในขณะที่พวกเขาคิดจะกล่าวคำเผื่อขอลดหย่อนผ่อนปรนนั้น ...

"ฉงเฉวียนเช่นนั้นเจ้าก็ตามชายชราทั้ง 2 คนนี่ไปเอาเงินก็แล้วกัน หากเขายินยอมจ่ายดีๆเจ้าก็อย่าลงมือทำอะไรพวกเขา" ต้วนหลิงเทียนปล่อยหมัดน็อคใส่พวกเขาออกมา ด้วยการชิงสั่งการฉงเฉวียนออกมาก่อน

หลังจากที่พวกมันทั้ง 2 คนกำลังอึ้งกับวาจาของต้วนหลิงเทียน เขาก็โบกมือแล้วหันหลังเดินจากไป ...

"เอาล่ะ ข้าขอตัวไปนอนก่อน ต้องขอบคุณตระกูลเถียนสำหรับเหรียญเงินครั้งนี้" ต้วนหลิงเทียนกล่าวทิ้งท้าย

ผู้อาวุโสทั้ง 2 คนของตระกูลเถียนได้แต่หันหน้ามองกันด้วยแววตาขมขื่นและท่าทางอับจน ตอนนี้พวกเขาหลีกเลี่ยงการชำระเงินก้อนโต 1,000,000 เหรียญเงินนี้เอาไว้ไม่ได้แล้ว และตอนนี้พวกเขาไม่ต้องการอะไรมากกว่ากลับไปบีบเถียนกวงให้ตกตายคามือ!

หากไม่ใช่เพราะไอเด็กบัดซบนั่นล่ะก็ ตระกูลเถียนคงไม่ต้องเสียเงินออกไปมากมายถึง 1,000,000 เหรียญ

พวกเขาลอบตัดสินใจอย่างเด็ดขาดด้วยความโกรธและความเจ็บปวดที่ล้นเอ่อในหัวใจ ว่าพวกเขาจะกลับไปลงโทษเถียนกวงให้เป็นเยี่ยงอย่าง เป็นการกล่าวเตือนคนในตระกูลคนอื่นๆว่าอย่าได้ก่อให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีกในอนาคต ...

"รีบไป" สายตาที่เยือกเย็นไร้ความแสแสของฉงเฉวียนทำให้ชายชราทั้ง 2 ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว พวกมันเร่งรีบนำทางไปด้วยความเคารพทันที

"โอสรรค์ช่วย ... ไม่คิดเลยว่าโรงเตี๊ยมของข้าจะมีตัวตนที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้มาพัก" ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมกล่าวออกมาอย่างบ้าน้ำลาย เข้าตัดสินใจว่าเมื่อถึงรุ่งเช้า ในยามที่ชายหนุ่มในชุดสีม่วงผู้นั้นมาคืนห้องพัก เขาจะคืนเงินค่าห้องพักให้แก่ชายหนุ่มคนนั้นทั้งหมด

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.