spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
บรรยากาศของตระกูลฟางยามนี้เรียกได้ว่าต่างกับบรรยากาศของตระกูลลี่ยิ่งกว่าฟ้าดิน ในขณะที่ตระกูลลี่โศกศัลย์อาลัยให้กับการไว้ทุกข์ ทางด้านตระกูลฟางกลับประดับประดาเทียนโคมจุดไฟสวยงาม ทั้งผู้คนยังเต็มไปด้วยความสนุกสนานครื้นเครง ราวกับเป็นวันฉลองวันขึ้นปีใหม่อย่างไรอย่างนั้น
ในห้องโถงหลังของตระกูลฟาง ประมุขตระกูลฟางรวมทั้งผู้อาวุโสทุกคนล้วนนั่งอยู่กันครบถ้วน ทว่าตำแหน่งที่นั่งของพวกมันยามนี้กลับลดหลั่นมาขั้นหนึ่ง...เนื่องเพราะมีร่างชายชราอายุอานามไม่ต่ำกว่า 100 ปี นั่งอยู่บนเก้าอี้ในตำแหน่งสูงสุดของตระกูลฟาง ...
"ท่านปู่รอง ท่านได้ช่วยเหลือตระกูลฟางเอาไว้อย่างแท้จริง พวกเรานั้นได้รับความทุกข์ทรมานมานานเหลือเกินแล้ว ตั้งแต่ผู้อาวุโสหลักจากไป ทั้งตระกูลลี่และตระกูลเฉินก็กดดันพวกเราอย่างหนัก พื้นที่ในตลาดของตระกูลเราแทบเหลือไม่ถึงครึ่ง แต่ยามนี้เมื่อท่านกลับมาและยื่นมือเข้าช่วยเหลือเช่นนี้ พวกเราก็สามารถเรียกทุกสิ่งที่เคยเป็นของพวกเรากลับมาได้" ใบหน้าของประมุขตระกูลฟางเต็มไปด้วยความเบิกบานและรอยยิ้มกว้างในขณะที่กล่าวกับชายชราที่นั่งอยู่สูงสุด
"ตอนนี้ตระกูลลี่ก็สิ้นลี่หัวแล้ว พวกมันก็ไม่อาจต่อต้านอันใดพวกเราได้อีก เมื่อพวกเราฟื้นฟูพื้นที่ในตลาดของพวกเราเสร็จสิ้นเมื่อไร พวกเราก็หาทางกลืนกินที่ทางและกิจการทั้งหมดของพวกมันเสีย นี่จักเป็นเรื่องประเสริฐสุด" ผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลฟางกล่าวเสริมออกมาพร้อมลูบเคราขาว
"ข้าเห็นด้วย! ถึงแม้พวกเราจักทำเช่นนี้ ข้าก็เชื่อมั่นว่า ตระกูลเฉินคงไม่กล้าสอดมือหรือกล่าววาจาช่วยเหลือแม้เพียงครึ่งคำ"
“ตระกูลเฉิน? ตระกูลเฉินมันอยากช่วยตระกูลลี่แล้วจะอย่างไร เมื่อพวกมันได้ประจักษ์ถึงความแข็งแกร่งของท่านปู่รองแล้ว พวกมันทำได้เพียงยืนนิ่งไม่กล้ากระดิกแม้แต่ปลายนิ้ว ปล่อยให้ลี่หัวตกตายด้วยน้ำมือท่านปู่รองไม่ใช่หรือไร?”
"นั่นสิท่านประมุข ข้าลืมไป! ฮ่าๆ ข้ายังจดจำสีหน้าของ เฉินคุน ผู้อาวุโสหลักตระกูลเฉิน ได้มิลืมเลือน ตอนนั้นมันดูท่าทางเหมือนต้องการกระทำบางสิ่ง ทว่ากลับยึกยักไม่กล้าลงมือ นั่นทำให้ข้าหัวร่อจนแทบตกตายแล้ว!"
อาวุโสคนหนึ่งที่นั่งอยู่อีกด้านกล่าวออกมาพร้อมเสียงหัวเราะสนุกสนาน
สายตาของชายที่ชราที่สุดในห้องเปลี่ยนเป็นเย็นชาก่อนที่จะกลาวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ "หากเฉินคุนนั่นกล้าขยับแม้เพียงครึ่งก้าว ป่านนี้มันตกตายด้วยน้ำมือข้าไปแล้ว! เอาล่ะ จะอย่างไรก็ตาม การที่พวกเราไม่อาจได้สูตรโอสถน้ำลึกลับนั่น ก็นับว่าเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ประการหนึ่งของตระกูลฟางเรา"
ชายชราหันไปมองฟางอี้แล้วกล่าวถามออกมา "เจ้ารู้หรือไม่ว่า ลี่หัวนั่นมันไปได้สูตรโอสถนี้มาจากที่ใด?"
"ข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกันขอรับท่านปู่รอง"
ฟางอี้ส่ายหัวเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวต่อไปอีกว่า "ทว่าข้านั้นมั่นใจอย่างยิ่งว่า มันพึ่งได้รับสูตรโอสถมาภายในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมานี้อย่างแน่นอน... โอสถน้ำลึกลับนั่นนับว่ายอดเยี่ยมนัก แม้กระทั่งไอขยะของตระกูลลี่ที่ใช้แซ่อื่นนั่น ยังสามารถเติบโตขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว และก็เป็นมันที่ทำให้ตระกูลฟางของพวกเราต้องเสียหน้ามากที่สุด โชคร้ายนักที่ไอเด็กบัดซบนั่นมันย้ายไปยังตระกูลลี่สาขาหลักที่เมืองออโรร่าเสียแล้ว ไม่อย่างนั้นข้าคงทำให้มันทรมานจน อยู่ไม่สู้ตาย!! "
ในขณะที่ฟางอี้กล่าวเรื่องนี้ออกมา แววตาของมันลุกโชนวูบวาบไปด้วยเพลิงโทสะและอำมหิต
"ข้าเองก็ได้ยินข่าวของมันมาบ้างแล้ว ไอเด็กบัดซบนั่นช่างสมควรตายนัก !" แววตาของชายชราเองก็เต็มไปด้วยความหนาวเหน็บ
"ท่านประมุข ท่านประมุข!" ทันใดนั้นเองกลับปรากฏร่างที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว พุ่งพรวดเข้ามากลางห้องพร้อมทั้งตะโกนโวยวายออกมาอย่างเสียจริต
ร่างของชายคนนั้นแน่นอนว่าเป็นสาวกตระกูลฟางคนหนึ่ง ทว่าตอนนี้ใบหน้าของมันซีดเผือดไร้สีเลือด แววตาหวาดผวาราวกับพบเจอเรื่องน่าหวาดกลัว ร่างทั้งร่างยังคงสั่นระริกไม่หยุด ...
"บัดซบ! ผู้ใดให้เจ้าเข้ามา?" สีหน้าฟางอี้เริ่มครึ้มลง
ทว่าชายชราที่นั่งอยู่สูงสุดกลับมองไปยังสาวกคนนั้น แล้วกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ "มีเรื่องอะไร?"
"เรียนท่านบรรพชนรอง ท่านประมุข ยามนี้มีชาย 2 คนบุกรุกตระกูลฟางของพวกเรา และพวกมันได้ลงมืออย่างอำมหิตเข่นฆ่าผู้คนของตระกูลฟางทุกคนที่พบเจอ สร้างเส้นทางโลหิตมายังห้องโถงหลักนี้ขอรับ!" ชายหนุ่มคนนั้นกล่าวออกมาด้วยท่าทางหวาดกลัว ร่างทั้งร่างยังคงสั่นระริกไม่หยุด
"ว่ากระไร?!" ท่าทางของทุกคนในห้องโถงหลักของตระกูลฟางพลันเปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นทันที
"ไป! ข้าอยากเห็นนักว่าผู้ใด กล้ามาลูบคมตระกูลฟางของข้า" ชายชรากล่าวจบ ก็พุ่งร่างราวกับเหินบินออกไปในพริบตา
เหล่าผู้อาวุโสและประมุขของตระกูลก็พุ่งร่างตามไปติดๆ
ต้วนหลิงเทียนยามนี้ตวัดกระบี่อ่อนดาราม่วงอย่างอำมหิตไม่หยุดยั้ง คมกระบี่อาบชโลมไปด้วยโลหิตท่วมทั้งใบกระบี่ ตั้งแต่เขาเหยียบตระกูลฟางมา พบ 1 คนสังหาร 1 คน พบ 10 คนสังหารสิ้น 10 คน...ขอเพียงเป็นอ้ายอีตัวใดก็ตามที่อยู่ในตระกูลฟาง ฆ่าไม่ละเว้น!!
ฉงเฉวียนที่ติดตามหลิงเทียนมาก็เช่นกัน ด้วยดาบยาว 3 ฟุตในมือ ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใดที่กล้ำกรายเข้ามาเป็นอันต้องทิ้งลมหายใจสุดท้ายเอาไว้เสียสิ้น
ฉัวะ!
กระบี่อ่อนดาราม่วงตวัดทิ้งเส้นแสงสีม่วงทอประกายค้างไว้ในอากาศ พร้อมหยาดโลหิตสาดกระเซ็น ศีรษะผู้คนหลุดกระเด็นไปอีกครั้ง ...เด็กน้อยที่สมควรมีอนาคตไกลกับต้องเห็นแสงกระบี่สีม่วงเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต
ยามนี้ทั่วทั้งหน้าและร่างกายของหลิงเทียนราวกับอาบโลหิตมาอย่างไรอย่างนั้น ไม่ว่าที่ใดที่เขามุ่งไป หนทางเส้นนั่นจะกลับกลายเป็นทะเลโลหิตในพริบตา
สิบย่างก้าวคร่าสังหาร ไร้ต่อต้านนับพันลี้!
ตอนนี้คำกล่าวที่ว่าช่างเหมาะสมกับต้วนหลิงเทียนนัก
แม้แต่ต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่ได้นับว่ายามนี่กระบี่ของมันปิดปลงศีรษะผู้คนไปมากน้อยเท่าไรแล้ว มันเพียงเดินไปตามท้างพร้อมกับฉงเฉวียน ด้วยสายตาไม่แยแสราวกับเหลือบมองเหลือบไรเท่านั้น สำหรับมันยามนี้ต่อให้ฆ่าล้างผู้คนตระกูลฟางไปสักเท่าไรก็ไม่อาจเทียบได้กับชีวิตของอาวุโสหลักลี่หัว
ตอนนี้ทุกกระบี่ที่สังหารผู้คนไปนั้นมันหวังเพียงจะปลอบประโลมวิญญาณของลี่หัวให้สุขสงบ เด็กสตรีคนชรา ฆ่าไม่ละเว้น!!
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
...
ประกายแสงจากกระบี่อ่อนดาราม่วง ราวกับจะแข่งขันประชันกับแสงดาบสีคราม ทั้งสองลำแสงแลดูงดงามนัก ทว่ากับฝ่ายศัตรู กระบี่และดาบนั้นมันไม่ต่างอะไรกับคมเคียวของมัจจุราช และแสงตะเกียงเก็บดวงวิญญาณของมัจจุราชแม้แต่น้อย เนื่องเพราะคราใดที่ประกายแสงนี้ส่องสว่างขึ้น เปลวไฟชีวิตของผู้คนในตระกูลฟางล้วนดับลงไปอีกกอง
"มัน...มันคือต้วนหลิงเทียน!" มีคนหนึ่งสามารถจดจำได้ว่าเป็นต้วนหลิงเทียน
“ปะ..เป็นมันจริง โอ้สวรรค์!! ดูด้านบน นะ..นั่น..ชะ...ช้างแมมมอธโบราณ 9 ตัว...นี่ไม่ใช่ว่ามันแข็งแกร่งกว่าประมุขตระกูลของพวกเราหรือ? "
"เป็นไปไม่ได้! ปีนี้มันควรมีอายุแค่ 17 ปีเท่านั้น!"
...
ตอนนี้เหล่าสาวกของตระกูลฟางไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ไม่หวาดกลัว
"บัดซบ เจ้า!! ต้วนหลิงเทียน!" เสียงที่เต็มไปด้วยโทสะอารมณ์เสียงหนึ่งดังขึ้นจากที่ไกลๆ
ต้วนหลิงเทียนที่ก้าวไปด้านหน้าค่อยๆก้าวช้าลงก่อนที่จะหยุดร่าง สายตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชาของเขาค่อยๆกลับสู่ความสงบ...ที่ควรมาก็มาได้เสียที เป้าหมายหลักของเรื่องราวในวันนี้ปรากฏตัวออกมาแล้ว
ฉงเฉวียนเองก็ถือดาบมายืนอยู่กอดอกด้านหลังของต้วนหลิงเทียนราวกับเทพอารักษ์
ต้วนหลิงเทียนเพียงเหลือบตามองไปยังชายชรารูปร่างผอมบาง ที่เดินนำหน้าคนของตระกูลฟางมาด้วยสายตาวาวโรจน์เท่านั้นไม่ได้ลงมือหรือเคลื่อนไหวอะไร
ด้านหลังของพวกมันยังมี ฟางอี้ ประมุขของตระกูลฟางและกลุ่มผู้อาวุโสของตระกูลฟางติดตามมาด้วย
ดูเหมือนว่ายามนี้ผู้คนระดับสูงๆของตระกูลฟางจะมารวมหัวกันอยู่ที่นี่จนครบคน ท่าทางของพวกมันตอนนี้เต็มไปด้วยโทสะและความรังเกียจ โดยเฉพาะผู้ที่ตะโกนเมื่อครู่แลดูจะเกรี้ยวกราด อีกทั้งยังมีใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะโทสะมากกว่าผู้ใด มันคือฟางอี้ ประมุขตระกูลฟางนั่นเอง...
"เจ้าน่ะหรือ ต้วนหลิงเทียน?"
แววตาของหลิงเทียนยังคงราบเรียบสงบนิ่ง แม้จะต้องเผชิญหน้ากับแววตาอำมหิตน่าหวาดกลัวของชายชรา เขากล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ "ถูกแล้ว ข้าคือต้วนหลิงเทียน เจ้าเองก็ไม่พ้นไอแก่โลงผุ ของตระกูลฟางสินะ"
"เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่ายามนี้ เจ้ากำลังรนหาที่ตาย ... " จิตสังหารเริ่มแผ่ซ่านออกมาจากสายตาของชายชรา
"รนหาที่ตาย?" ต้วนหลิงเทียนพลันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น "ไอแก่หนังเหี่ยวใกล้ตาย นี่เจ้ามั่นใจตัวเองนักหรือไร?"
“สามหาว! ไอเด็กบัดซบต้วนหลิงเทียน เจ้ากล้าโอหังต่อหน้าท่านปู่รองของข้าหรือ หาที่ตาย!” ใบหน้าฟางอี้พลันเต็มไปด้วยความอำมหิต มันกล่าวออกมาด้วยเสียงดังสนั่น ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสายลมใหญ่หอบหนึ่งพุ่งมาทางต้วนหลิงเทียน
"นั่นก็ต้องดูว่าเจ้า มีความสามารถพอหรือไม่ล่ะนะ" รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นที่มุมปากของต้วนหลิงเทียน ทันทีที่เขาเห็นเงาร่างช้างแมมมอธโบราณเพียง 8 ตัวเหนือหัวฟางอี้...
ในแง่ของความแข็งแกร่งถึงแม้เขาจะโยนกระบี่อ่อนดาราม่วงที่เป็นอาวุธวิญญาณทิ้งไปเสีย ความแข็งแกร่งของฟางอี้ก็ยังด้อยกว่าเขา 1 ช้างแมมมอธโบราณ
ในแง่ของวิชายุทธ์นั้น ...ล้วนไร้ซึ่งหนทางใดที่ฟางอี้จะมาเปรียบเทียบกับเขาได้ อาศัยสิทธิ์ในการเปรียบเทียบมันยังไม่มีด้วยซ้ำ
"ตาย!" ฟางอี้ที่เคลื่อนร่างมาถึงตรงหน้าของหลิงเทียนในพริบตา มันคำรามออกมาอีกครั้งก่อนที่จะฟาดฝ่ามือที่ควบแน่นไปด้วยพลังงานต้นกำเนิดลงมา หมายป่นร่างหลิงเทียนอย่างเกรี้ยวกราด
ต้วนหลิงเทียนเองก็เริ่มขยับร่างด้วยท่าทีปลอดโปร่ง ทว่าความแข็งแกร่งที่เขาระเบิดออกมานั้นกลับสูงถึง 9 ช้างแมมมอธโบราณ...วิชาทาร่าง วิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย!
ฟุ่บ!
ฟ่ามือฟางอี้ยังฟาดลงมาไม่ถึงครึ่งทาง ร่างของต้วนหลิงเทียนนพลันกระพริบวูบไหวหายไปต่อหน้าต่อตา ย้ายไปอยู่ด้านหลังของฟางอี้อย่างอัศจรรย์
ฉับ!
ประกายแสงของกระบี่อ่อนดาราม่วงกระพริบขึ้นมากลางอากาศอีกครั้ง ร่างของฟางอี้ที่พุ่งโถมเข้ามาหมายจู่โจมหลิงเทียน ก็ยังคงพุ่งต่อไปด้านหน้าอย่างรุนแรง ทว่าน่าเสียดาย ที่ศีรษะของมันหลุดลอยขึ้นฟ้าไม่อาจติดตามลำตัวไปได้อีกแล้ว...หยาดโลหิตอุ่นๆสาดกระเซ็นออกมาราวกับน้ำพุ
ฟางอี้นั้นไม่สามารถตอบสนองต่อความรวดเร็วของหลิงเทียนได้อย่างสิ้นเชิง ยามนี้แม้ศีรษะมันจะหลุดลอยไปแล้วมันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอันใดขึ้น...สุดท้ายโลกเบื้องหน้าของมันพลันมืดดับไปอย่างฉงน ทุกอย่างพลันกลับกลายเป็นว่างเปล่า...
ความแข็งแกร่งของทั้งสองแตกต่างกันราวสวรรค์และโลก
ชายชราร่างผอมรวมทั้งเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลฟางไม่เว้นแม้แต่สาวกที่ชมดูเหตุการณ์อยู่ล้วน ตกตะลึงราวกับคนบ้าใบ้
"ทะ..ท่านประมุข ... " สาวกของตระกูลฟางที่อยู่ใกล้ๆ ตอนนี้ทั่วทั้งร่าของมันพลันสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
ต้วนหลิงเทียนผู้นี้เป็นปีศาจอย่างแท้จริง! มันอาศัยเพียง 1 กระบี่เท่านั้นในการสังหารท่านประมุข... น่าสะพรึงกลัวเกินไป!
"ท่านประมุข" กลุ่มผู้อาวุโสของตระกูลพลันได้สติกลับมาจากอาการตะลึงอีกครั้ง พวกมันจับจ้องไปยังร่างกายไร้วิญญาณ และไร้ศีรษะของประมุขด้วยความเศร้าโศกก่อนที่จะร่ำไห้ออกมา คำว่าเป็นไปไม่ได้ยังคงฉายชัดอยู่ในดวงตาของพวกมัน ในขณะที่มันหันมามองต้วนหลิงเทียน
นี่มันเป็นเรื่องที่เหนือจินตนาการและความคิดอ่านของพวกมันมากเกินไป แม้กระทั่งในฝันของพวกมันยังไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องราวเช่นนี้ได้ ต้วนหลิงเทียนจะบรรลุความแข็งแกร่งที่น่าพรั่นพรึงถึงเพียงนี้ได้อย่างไร มันเพิ่งออกจากเมืองวายุโปรยไปยังไม่ครบ 2 ปีด้วยซ้ำ
ความแข็งแกร่ง 9 ช้างแมมมอธโบราณ!
ไม่มีผู้ใดสักคนในหมู่พวกมันบรรลุถึงความแข็งแกร่งระดับนี้
"หลานอี้!!" ใบหน้าของชายชราเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำก่อนที่จะตะโกนออกมาด้วยโทสะ มันใช้สายตาเย็นชาราวกับจะแช่แข็งได้แม้กระทั่งจิตวิญญาณ มองมาที่หลิงเทียนอย่างอำมหิต "ไอ้เด็กบัดซบ ข้าจะใช้โลหิตเจ้าชโลมวิญญาณหลานข้าในสวรรค์!"
"นี่ ไอ้แก่ปากเหม็น เหตุใดสวะในตระกูลฟางรวมทั้งเจ้าชอบคุยโวโอ้อวดเช่นนี้ทุกตัวเลยเล่า?" มุมปากของหลิงเทียนแสยะยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวคำเย้ยหยันออกไป โดยไม่ได้รู้สึกรู้สากับสายตาเย็นชาและจิตสังหารของชายชราแม้แต่นิด
"ต้วนหลิงเทียน!" ทันใดนั้นเองคนของตระกูลลี่ที่พึ่งมาถึงก็ตะโกนเรียกชื่อหลิงเทียนออกมา และเมื่อพวกเขาสังเกตเห็นถึงซากศพฟางอี้ที่หัวกับตัวแยกจากกันบนพื้น อดไม่ได้ที่ประกายตาของพวกเขาจะเรืองวูบออกมาด้วยความอิ่มเอมใจ ...
"วันนี้จะไม่มีสวะตัวใดของตระกูลลี่ ที่ก้าวออกไปจากตระกูลฟางทั้งที่ยังมีลมหายใจ" ชายชราที่เต็มไปด้วยโทสะพลันก้าวออกมาด้านหน้าในขณะที่พลังงานต้นกำเนิดก็ปะทุแผ่ซ่านออกมาจากร่างของมันอย่างมหาศาล พลังงานฟ้าดินตอบรับความแข็งแกร่งของมันจนฉายเงาร่างช้างแมมมอธโบราณออกมา 30 ตัว!...
ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 2!
ทว่าเหล่าผู้คนของตระกูลลี่หาได้หวาดหวั่นหรือบังเกิดจิตขลาดเขลาแต่อย่างใด พวกเขายังคงเต็มไปด้วยความกระหาย ... กระหายที่จะล้างแค้นให้แก่ผู้อาวุโสหลักลี่หัว!
สู้!
ถึงแม้ว่าวันนี้พวกเขาจะต้องต่อสู้จนตัวตายพวกเขาก็ไม่หวาดหวั่น พวกเขากล้าทีจะพุ่งออกไป! แม้รู้ว่าความตายโบกมือรออยู่ตรงหน้า!
ทว่าในขณะที่อารมณ์ของทุกคนพุ่งถึงขีดสุดเตรียมปะทะนั้นเอง เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นจนทำให้ทุกคนตะลึงงัน ...
“นี่ไอแก่ไม้เสียบผี นี่เจ้าคิดว่าระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 2 ของเจ้ามันยิ่งใหญ่มากนักรึไงกัน?” ต้วนหลิงเทียนมองชายชราด้วยสายตาสมเพช ก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างเย้ยหยัน
"เจ้าไม่ลองดูเล่า" ชายชราพลันหัวเราะเยาะออกมา ราวกับว่าเขาบ้าคลั่งไปแล้ว
ตอนนี้ เขาโยนเรื่องที่ตระกูลลี่สาขาหลักแห่งเมืองออโรร่า จะเดินทางมายังเมืองวายุโปรยแห่งนี้ออกไปจากหัวจนหมดสิ้น เขาจะล้างตระกูลลี่และไม่สนผลลัพธ์บัดซบใดๆทั้งสิ้น
ต้วนหลิงเทียนแบมือออกพร้อมยักไหล่อย่างยียวน ก่อนที่จะก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย แล้วกล่าวออกมาอย่างเบื่อหน่ายราวกับรำคาญเต็มที "ฉงเฉวียน ข้าให้เจ้า 3 ลมหายใจ ฆ่าไอแก่เนื้อเน่านี่เสีย!"
3 ลมหายใจ?
ภายใต้การจับจ้องของทุกคน ฉงเฉวียนที่ยืนกอดอกอยู่ด้านหลังต้วนหลิงเทียน พลันก้าวไปข้างหน้าเพื่อเผชิญหน้ากับชายชรา เขาถอนหายใจพร้อมส่ายหน้าออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวราวกับน้อยใจว่า "นายท่าน ท่านดูแคลนข้าไปแล้ว ฆ่ามัน...อาศัย 1 ลมหายใจก็เกินพอแล้ว!"
ทุกๆคนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่ว่าจะเป็นตระกูลลี่ หรือตระกูลฟาง ล้วนแสดงสีหน้าเหวอราวกับตัวโง่งมออกมาอีกครั้ง ...
เมื่อครู่พวกเขาก็อ้าปากค้างราวกับคนบ้าไปทีนึงแล้ว ในยามที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวให้ชายวัยกลางคนด้านหลัง ลงมือสังหารชายชราภายใน 3 ลมหายใจ แต่ตอนนี้ชายวัยกลางคนนั่นกลับกล่าวออกมา...ว่าอะไรนะ?
อาศัย 1 ลมหายใจก็เกินพอ?
เรื่องนี้เป็นไปได้ด้วยหรือ?
"ลมหายใจเดียว?" ชายชราพลันหัวเราะออกมาราวกับคนคลุ้มคลั่ง "เด็กน้อย ข้าอยากรู้นักเจ้าจะอาศัยอะไรสังหารข้าใ... ."
น่ายเสียดายที่ชายชรานั้นไม่ได้กล่าวคำที่เขาคิดจะกล่าวออกมาจนจบ...นี่เพราะโอกาสกล่าวคำในชีวิตนี้ของเขาไม่มีเหลืออีกแล้ว
ฟุ่บบ!
ทุกคนต่างจับจ้องได้เพียงเงาลางๆที่กระพริบวูบไหวออกมาในเสี้ยวพริบตาเท่านั้น ร่างของชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านหน้าของต้วนหลิงเทียน อยู่ๆก็ไปปรากฏตัวตรงหน้าชายชรา ... ราวกับว่าเขาหายตัวไปโผล่ ณ จุดนั้นทันทีทันใดอย่างไรอย่างนั้น!
ฟั่บ ฉัวะ!
ประกายแสงสีเขียวของรังสีดาบกระพริบขึ้นมาเพียงเสี้ยวพริบตา ศีรษะของชายชราก็กระเด็นลอยขึ้นไปในอากาศ คอที่ไร้ศีรษะตั้งอยู่อย่างที่ควรจะเป็น ฉีดพ่นโลหิตออกมาราวกับน้ำพุ ก่อนที่จะล้มลงไปนอนไปใกล้ๆศพของฟางอี้
ศีรษะชายชราที่หลุดลอยกระเด็นขึ้นไปในอากาศนั้นหากผู้ใดสังเกตดีๆจะเห็นดวงตาของมันเบิกกว้างออก และเมื่อศีรษะนั้นกลิ้งตกลงมาบนพื้นโดยหันหน้ามาทางผู้คนตระกูลลี่ ดวงตาที่เคยเบิกกว้าง ก็ค่อยๆฉายชัดออกมาถึงความเสียใจอย่างถึงขีดสุดในยามที่จับจ้องมา..สุดท้ายประกายแสงในดวงตาของมันก็หายลับไปในลักษณะนั้น
"ฉงเฉวียน เจ้านี่ ยอดเยี่ยมนัก"ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าเบาๆ ด้วยความพึงพอใจ ก่อนที่จะลอบหัวเราะเยือกเย็นในใจ
‘ไอแก่ตระกูลฟางนั่นมันคิดว่ามันเป็นตัวอะไร มันกล้าแม้กระทั่งเรียกฉงเฉวียนอดีตผู้พิทักษ์ของนิกายไร้สิ้นสุดว่า เด็กน้อย?’
"ขอบคุณ สำหรับคำชมเชย นายท่าน" ฉงเฉวียนกล่าวออกมาอย่างสุภาพ
เหล่าสมาชิกของตระกูลฟางยามนี้ตกตะลึงจนไร้คำจะกล่าว แม้กระทั่งคนของตระกูลลี่เองก็ยังคงอึ้ง ...ทั้งหมดที่พวกเขารับรู้ในเพียงไม่กี่อึดใจที่ผ่านมามีแต่เรื่องเหลือเชื่อราวเทพนิยายทั้งสิ้น
มารดามันเถอะ นั่นเป็นแค่คนรับใช้ต้วนหลิงเทียนงั้นหรือ?
"บรรพชนรอง ... " เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลฟางในที่สุดก็เก็บกู้สติที่หลุดลอยออกไปได้กลับมา และยามนี้ความหวาดกลัวเริ่มก่อตัวกัดกินจิตใจของพวกมัน อีกทั้งสีหน้าของพวกมันพลันซีดลงเรื่อยๆ เมื่อรับรู้ได้ว่าเงื้อมมือของมัจจุราชกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้พวกมัน
"ฆ่า!" ประมุขของตระกูลลี่ ลี่หนันเฟิงเป็นคนแรกที่สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ได้ทัน ร่างเขาเขากระพริบวูบไหวพุ่งนำไปยังกลุ่มผู้อาวุโสตระกูลฟางด้วยความเกรี้ยวกราด
เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลลี่ที่เต็มไปด้วยความฮึกเหิมในหัวใจ พลันพุ่งร่างตามไปติดๆ
เหล่าผู้อาวุโสตระกูลฟาง นั้นไม่หลงเหลือความคิดต่อสู้อีกต่อไปเมื่อมองไปยังฉงเฉวียน หลังจากนั้นพวกเขาก็รีบแยกย้ายหลบหนีกันไปอย่างกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง ด้วยความหวาดกลัว ...
"ฉงเฉวียนเจ้าไปคอยช่วยเหลือประมุข และคนอื่นๆ " ต้วนหลิงเทียนกล่าวสั่งการออกมา
"ตามที่สั่ง นายท่าน!" ร่างของฉงเฉวียนกระพริบวูบไหวออกไป และหากมีผู้ใดของตระกูลลี่ที่กำลังพลาดพลั้งเขาจะพุ่งร่างไปช่วยเหลือทันที และนั่นช่วยให้ผู้คนของตระกูลลี่สังหารเหล่าศัตรูได้อย่างมีประสิทธิภาพ...
ต้วนหลิงเทียนเพียงยืนคุมอยู่กับที่และเฝ้าดูด้วยสายตาเย็นชา โดยไม่ได้มีความคิดที่จะมีส่วนร่วมในการสังหารหมู่