spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
เหล่าเยาวชนที่สามารถหนีเอาชีวิตรอดมาได้และครูฝึก กำลังเฝ้ารอผู้รอดชีวิตคนอื่นๆอยู่
"เฮ่ มีคนออกมาแล้ว!" แม้ไม่รู้ว่าเป็นใครที่พูดคำนี้ขึ้นมา แต่ทว่าทุกคนล้วนหันไปจับจ้องยังทางเข้าหุบเขาซ่อนอรุณทันที
"ซูหลี่!"
ต้วนหลิงเทียนย่อมจดจำชายชุดแดงที่ถือกระบี่ผู้นี้ได้เป็นอย่างดี เขาเป็นชายหนุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดของหน่วยที่ 1 ซูหลี่ ...
คนของหน่วยที่ 1 ไม่เคยหลบหนีออกจากหุบเขาซ่อนอรุณ!
พวกเขาไม่ได้สังเกตหรอกเหรอว่าครูฝึกของพวกเขาได้หายตัวไป? ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสน มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะเข้าใจความคิดของเหล่าเยาวชนในหน่วยที่ 1
เขาคิดว่าเมื่อครูฝึกของหน่วยที่ 1 ได้จบชีวิตลงด้วยมือเขาเพราะความโลภ เหล่าสมาชิกของหน่วยที่ 1 จะเหมือนกับมังกรไร้หัว เมื่อไร้ซึ่งผู้นำพวกเขาน่าจะรีบพากันออกไปจากหุบเขาซ่อนอรุณแห่งนี้ ตั้งแต่ช่วงแรกๆ และรีบไปแจ้งให้กับหัวหน้ากองหยางต้าถึงเรื่องที่ครูฝึกของพวกเขาหายตัวไป ...
แต่อย่างไรก็ตามจากสิ่งที่เห็น ดูเหมือนเรื่องราวต่างๆจะไม่ได้เป็นไปตามที่หลิงเทียนคาดการณ์เอาไว้
แฮ่ก ๆ ๆ ...
หลังจากที่หลบหนีออกมาจากหุบเขาซ่อนอรุณได้แล้ว ซูหลี่ก็รีบสูดหายใจเข้าอย่างหนักเพราะความเหนื่อย ท่าทางของเขาดูไม่ค่อยดีสักเท่าไร
ฟางเจี้ยนรวมทั้งนายกองอีก 3 คนเดินไปหาเขาและรีบกล่าวถามออกมาทันที "ซูหลี่ เกิดอะไรขึ้นกับหน่วยที่ 1 ของเจ้ากัน ครูฝึกของเจ้ากับคนอื่นๆไปอยู่ที่ใดกันเล่า?"
"ครูฝึก?"
ใบหน้าของซูหลี่เคร่งเครียดลงและเต็มไปด้วยความหมองคล้ำ "ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเขาอยู่ที่ใด พวกเราไม่เห็นหน้าเขามาเป็นเวลา 3 เดือนแล้ว... ส่วนคนอื่นๆงั้นเหรอ หามีผู้ใดรอดมาแม้เพียงสักคน นี่ล้วนเป็นเพราะความไม่ได้เรื่องของครูฝึกบัดซบที่หายไปโดยไม่บอกกล่าว!"
ครูฝึกบัดซบ?
ได้ยินคำด่าของซูหลี่มุมปากของหลิงเทียนถึงกับกระตุกเล็กน้อย
หากหัวหน้ากองหรือเหล่านายกองทั้งหลายรู้ว่าครูฝึกหายไปเพราะฝีมือเขา เกรงว่าเขาจะถูกระบายโทสะจนตกตาย ...
"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจ้าเล่ามาให้หมด?" ท่าทางของครูฝึกนายกองทั้ง 4 ล้วนปั้นยากขึ้นมาทันที
"วันที่สองของพวกเราในหุบเขาซ่อนอรุณ ครูฝึกได้มอบหมายภารกิจล่าสัตว์ดุร้ายให้แก่พวกเรา และบอกว่าให้พวกเราทำภารกิจนี้ให้เสร็จก่อนค่ำ ทว่าเมื่อทุกคนในหน่วยออกไปทำภารกิจจนสำเร็จกลับมา พวกเราก็ไม่มีใครได้พบเห็นครูฝึกอีกเลย เขาหายตัวไปตั้งแต่ตอนนั้น!" ในขณะที่ซูหลี่กล่าวออกมานั้น จะเห็นได้ว่าเขามีความเคียดแค้นและเกลียดชังครูฝึกบัดซบที่หายตัวไปอย่างมาก
"แล้วเหตุใดเจ้าและคนอื่นๆ ไม่ออกจากหุบเขาซ่อนอรุณเพื่อไปแจ้งท่านหัวหน้ากองถึงการหายตัวไปของครูฝึกกันเล่า?" ฟางเจี้ยนอดสงสัยเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ได้
"ออกจากหุบเขาซ่อนอรุณ? พวกเราจะไปกล้าทำเช่นนั้นได้อย่างไรกันเล่า ตอนนั้นทุกๆคนเพียงคิดว่าการหายตัวไปของครูฝึกมีเพียงกรณีเดียวคือ เขาจงใจที่จะซ่อนตัวเพื่อไม่ให้พวกเราพบเห็น ... ดังนั้นพวกเราในหน่วยจึงคิดว่านี่คงเป็นการฝึกฝนเอาตัวรอดในรูปแบบหนึ่ง พวกเราจึงอยู่ร่วมกันเช่นนั้นต่อไป ...ตลอดเวลา 3 เดือนที่ผ่านมาจนถึงเมื่อเช้านี้ในหน่วยของพวกเรามีผู้รอดชีวิตรวมข้าด้วยทั้งสิ้น 13 คน" ซูหลี่สูดหายใจเข้าลึกๆ หลังจากที่ร่ายยาวออกมารวดเดียว
ท่าทางของนายกองทั้ง 4 นั้นเคร่งเครียดขึ้นมาทันที พวกมันย่อมรู้ว่าหากนี่เป็นเรื่องจริง เกรงว่าเรื่องราวครั้งนี้คงผิดท่าแล้ว
ต้วนหลิงเทียนที่ยืนฟังอยู่ไกลๆ ท่าทางของเขายังคงเป็นปรกติไม่ได้เผยพิรุธหรืออะไรออกมาแม้แต่น้อยในขณะที่ฟังซูหลี่กล่าว ...
"ต่อมาเมื่อฝูงสัตว์ดุร้ายเคลื่อนพลมาถึง พวกเราเองก็ยังคิดว่าเป็นการกวาดต้อนของครูฝึก เพื่อคัดเลือกผู้คนในหน่วยของพวกเราเป็นครั้งสุดท้าย และเพราะด้วยความคิดเช่นนั้นพวกเราจึงไม่ได้ตระหนักถึงอันตรายตั้งแต่แรก ... ทว่าเป็นข้าที่ได้ยินเสียงคำรามดังก้องของสิงโตอัสนี ที่แข็งแกร่งระดับเดียวกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 7 จึงรีบหนีสิงโตอัสนีนั่นตั้งแต่เนิ่นๆไม่อยู่รอให้เห็นมัน หาไม่แล้วข้าคงไม่รอดมาถึงตรงนี้”
เมื่อซูหลี่กล่าวจบดวงตาของเขาเผยความอำมหิตออกมาไม่น้อย "เรื่องราวอุบาทว์ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะ ครูฝึกบัดซบของหน่วยที่ 1 ไป่เฟิ่ง!"
ฮึก!
เสียงของซูลี่หาได้เบาไม่ ...ทุกคนที่อยู่รอบๆล้วนได้ยินเรื่องราวทั้งหมดพวกมันพลันบังเกิดโทสะขึ้นมาเช่นเดียวกัน
นี่มันเรื่องห่าเหวอะไรกัน?
"เห็ดได้ชัดว่าที่หน่วยที่ 1 เกือบตกตายจนแทบหมดสิ้น เป็นเพราะครูฝึกอุบาทว์นั่นหายตัวไป"
"นี่มันเรื่องห่าเหวอันใดกัน โชคดีที่ข้าไม่เข้าร่วมหน่วยที่หนึ่ง ไม่งั้นเพราะครูฝึกลูกสำส่อนได้หายตัวไปโดยไร้ความผิดชอบเช่นนี้ ตัวข้าคงต้องตกตายไปด้วยแล้ว"
"ข้าสิโชคดีกว่าเจ้ามากนัก วันนั้นข้าเองก็ไปขอเข้าร่วมกับซูหลี่ ทว่าสุดท้ายข้ากลับถูกผู้อื่นกีดกันและขับไล่ไสส่งออกมาจนต้องระเห็จมาอยู่กลุ่มของต้วนหลิงเทียน ... มาคิดถึงเรื่องนั้นยามนี้ ข้าอดไม่ได้ที่จะต้องกล่าวขอบคุณพี่ๆและสหายเหล่านั้นที่ทำให้ข้ายังรอดชีวิตอยู่ได้ ...ท่านพี่ทั้งหลายข้าขอสาบานด้วยชีวิต หากข้ายังมีชีวิตรอดอยู่จนกระทั่งจบการเข้าค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะ ข้าผู้นี้จะเผากระดาษเงินกระดาษทองส่งไปให้พวกท่านได้อิ่มหนำสำราญในปรภพ! "
"ข้าเองก็รอดไปเพราะเห็นว่ากลุ่มของซูหลี่มีคนมากแล้ว จึงเลือกที่จะไปเข้ากลุ่มของหยูเซี่ยงซะ พอมาคิดว่าเรื่องนี้มันทำให้เกือบตาย ข้าอดใจสั่นไม่ได้จริงๆ"
...
เหล่าเยาวชนหลายคนที่นึกย้อนไปได้แต่เผยสีหน้าหวาดกลัวออกมา มีแม้กระทั่งบางคนที่ซับเหงื่อกาฬเม็ดโตบนหน้าผากที่หลั่งออกมา
"ต้วนหลิงเทียนดูเหมือนโชคชะตาของพวกเรายังมิได้เลวร้ายอันใดนัก แม้ครูฝึกของหน่วยที่ 3 เราจะแลดูไม่ค่อยเหมือนครูฝึกสักเท่าไร แต่อย่างน้อยเขาก็ยังมีความรับผิดชอบและน่าเชื่อถืออยู่บ้าง ไม่ได้หายตัวไปไหนอย่างครูฝึกของหน่วยที่ 1 ... " เมิงฉวนกล่าวความในใจของเขาออกมากับต้วนหลิงเทียน
"ข้าเองก็เห็นด้วย" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำ
ถ้าสมมติให้ไป่เฟิ่งนั่นมาเป็นครูฝึกของหน่วยที่ 3 จริงๆ แล้วมีฝูงสัตว์ร้ายบุกมาเช่นนี้ล่ะก็ เขาเองก็คงคิดที่จะหนีไม่อยู่ตั้งแต่แรกหรอก!
เพราะหลังจากที่รู้อยู่แก่ใจว่าไป่เฟิ่งตายด้วยมือเขา นั่นจะทำให้เขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่ฝูงสัตว์ดุร้ายพวกนั้นจะถูกต้อนมาโดยไป่เฟิง ...
คนที่ตายไปแล้วจะไปต้อนฝูงสัตว์ดุร้ายมาได้อย่างไรกัน?
เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เยาวชนของกลุ่มที่ 1 นั้นไร้เดียงสาเกินไป ...
แต่ถึงแม้หลิงเทียนจะเป็นต้นเหตุของเรื่องราวความสูญเสียครั้งนี้เขาก็ไม่ได้รู้สึกผิดแม้แต่น้อย
เพราะยามนั้นไป่เฟิ่งคิดที่จะฆ่าเขาให้ตาย หากเขาไม่ลงมือสังหารเข่นฆ่ามันก่อน เกรงว่าคนที่ตายคงต้องเป็นเขา
และตอนนี้เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะบอกกล่าวเรื่องที่เขาสังหารไป่เฟิ่งให้แก่ผู้ใดรับรู้ ไม่อย่างนั้นแล้วเขาต้องเผชิญกับภัยพิบัติและปัญหาไม่รู้จักจบสิ้นอย่างแน่นอน
แต่เท่าที่เขานึกได้เขาก็ไม่ได้ทิ้งหลักฐานหรือสร้างพิรุธอะไรไว้
เขาปราศจากความรู้สึกผิดอย่างสิ้นเชิง!
"ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ข้าเริ่มมีอารมณ์อ่อนไหวแบบนี้?"ต้วนหลิงเทียนหัวเราะเยาะตนเองเล็กน้อย
บางทีเขาอาจจะไม่รู้ตัวว่า เขาไม่ใช่เครื่องจักรสังหารที่ไร้หัวใจอย่างที่เคยเป็นอีกแล้ว เขาเริ่มมีความรู้สึกเหมือนมนุษย์คนอื่นๆมากขึ้น
การแสดงออกของนายกองทั้ง 4 ยามนี้บิดเบี้ยวจนน่าเกลียด พวกมันหารือกันอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจ นำเยาวชนที่เหลือกลับไปยังเมืองโลหิตเหล็กก่อน ...
เรื่องนี้จำเป็นต้องรีบไปรายงานหัวหน้ากอง หรือแม้แต่ท่านรองแม่ทัพให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!
ในระหว่างทางเมิ่งฉวนที่เริ่มเบื่อๆ ก็นับจำนวนผู้คนออกมาฆ่าเวลา ...
"ในบรรดาผู้รอดชีวิตทั้ง 5 หน่วย หน่วยที่ 3 ของพวกเรามีคนรอด 8 คน ในหน่วยที่ 1 ก็มีเพียงซูหลี่คนเดียว หน่วยที่ 2 มี 7 คน ส่วนหน่วยที่ 4 มีคนรอดถึง 9 คน ส่วนหน่วยที่ 5 มีแค่ 4 คน ... โอ้ นี่แค่การฝึกฝนรอบแรกของค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะเท่านั้น แต่จาก 98 คนกลับเหลือเพียงแค่ 29 คนเท่านั้น!” เมื่อเมิ่งฉวนสรุปตัวเลขออกมาเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
"ในบรรดา 29 คนที่เหลือ ข้าคิดว่าน่าจะเหลือรอดไม่ถึง 10คน หลังจากผ่านการฝึกที่จะเกิดขึ้นใน 9 เดือนหลังจากนี้" เซี่ยวหยูเองก็กล่าวออกมาพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย
"ข้าสงสัยว่าการฝึกของพวกเราจะเป็นรูปแบบใดกัน หลังจากที่เกิดเรื่องราวต่างๆในวันนี้ ... " ต้วนหลิงเทียนเองก็อยากรู้อยากเห็นไม่น้อย
เขาค่อนข้างมั่นใจว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์ในวันนี้ รูปแบบการฝึกอบรมต้องเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน
เพราะกำหนดการเดิมนั้นรอบแรกควรมีผู้รอดชีวิตอยู่ 50 คน ทว่าตอนนี้กลับมีเพียง 29คนเท่านั้น
"หืม?"
ทันใดนั้นเองหลิงเทียนพลันขมวดคิ้ว เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะหันมองไปยังนายกองที่อยู่ไกลๆ
นายกองคนนั้นรีบหันหน้าหนีไปทันที เห็นได้ชัดว่ามันกลัวเขารู้ตัว
มันเป็นนายกองอีกคน ที่กล่าวสนับสนุนหยูเซี่ยงในตอนที่แพ้พนันให้กับเขา
หลิงเทียนคิดในใจว่า ‘เมื่อครู่สายตาที่มันมองข้า เต็มไปด้วยคำถามและความสงสัย และดูท่ามันจะไม่ค่อยพอใจข้าสักเท่าไร... ดูเหมือนว่ามันจะระแคะระคายเรื่องที่ข้าสังหารเฟิ่งไป่อะไรนั่น! เฮอะ! ข้าหวังว่าเจ้าจะทำตัวให้ดี เพราะข้าเองก็ไม่ได้รังเกียจที่จะฆ่าเจ้าอีกคน’
เมื่อคิดถึงตอนนี้แววตาของหลิงเทียนพลันเต็มไปด้วยความเย็นชา
เขาไม่ได้กังวลใจสักเท่าไร หากใครจะชี้ตัวเขาว่าเป็นฆาตกรฆ่าไป่เฟิ่ง อีกทั้งเรื่องนี้เองก็เป็นไปไม่ได้อีกด้วย ...
นั่นเพราะคงไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะสังหารไป่เฟิ่งได้จริงๆ
"ไอพวกตระกูลหยูนั่นมันรอดตายกันหมดจริงๆ" เมิ่งฉวนบ่นพึมพำกับตัวเองออกมา หลังจากเห็นคนของตระกูลหยูยืนอยู่กันครบทีม
ไม่นานนักหลิงเทียนกับเยาวชนที่เหลืออีก 28 คนจากค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะ ก็เดินตามนายกองทั้ง 4 มาถึงสถานที่ตั้งค่ายของกองกำลังโลหิตเหล็ก
"ข้าจะไปแจ้งท่านหัวหน้ากอง" ครูฝึกฟางเจี้ยน กล่าวบอกนายกองทั้ง 3 ก่อนที่จะออกเดินทางไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นานนัก ฟางเจี้ยนก็กลับมาอีกครั้ง "ท่านหัวหน้ากองสั่งให้นำเยาวชนทั้ง 29 คน ไปพักชั่วคราวในกระโจมสำรอง"
กระโจมสำรองนั้นไม่อาจบอกได้ว่ากว้างขวาง เพราะภายในมีเพียงเตียงไม้เรียบง่ายเพียง 4 เตียงเท่านั้น
ต้วนหลิงเทียนและกลุ่มทั้ง 4 คนก็ถูกจัดให้อยู่ในกระโจมเดียวกัน
"ฮ่าๆ ในที่สุดข้าก็จะได้นอนหลับฝันดีเสียที" ตาทั้งสองข้างของเมิ่งฉวนหยีลงเล็กน้อยหลังจากยิ้มกว้างด้วยความยินดี แล้วเขาก็กระโดดขึ้นเตียงนอนทันที
ต้วนหลิงเทียนเองก็คิดที่จะห้ามเขาทันที...แต่เสียดาย มันสายเกินไป
เปรี๊ยะ ปัก โครมมมมม แอ๊กก!!
เมื่อร่างกายของเมิ่งฉวนโดดถึงเตียง เตียงไม้ก็พังพินาศแยกออกเป็นเสี่ยงๆ
"บัดซบ!"
เมิ่งฉวนลุกขึ้นยืนอย่างทุกลักทุเล ก่อนที่จะปัดฝุ่นรวมถึงหยากไย่ที่เต็มหัวของเขาไปหมด ก่อนที่เขาจะใช้สายตาสับสนอื้ออึงมองไปยังเตียงที่แหลกเป็นชิ้นๆ
"ฮ่า ๆ ๆ ๆ…." ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังลั่น
เมิ่งฉวนหันไปจ้องมองลั่วเฉินด้วยสายตาปริบๆ "ลั่วเฉินพวกเราก็นับเป็นสหายที่ดี ... เจ้าจะไม่ทอดทิ้งสหายใช่หรือไม่?"
"แน่นอนข้าย่อมไม่ทอดทิ้งสหาย" ลั่วเฉินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"เมื่อสหายคนหนึ่งของเจ้ากำลังเดือดร้อน เจ้าคงไม่นิ่งดูดาย และให้ช่วยเหลือสหายของเจ้าใช่หรือไม่?"เมิ่งฉวนยังคง กล่าวต่อไป
"แน่นอน... แต่อย่างไรก็ตามหากเจ้าคิดที่จะให้ข้ายกเตียงนอนให้เจ้าแล้วล่ะก็ ฝันไปเถอะ"
ลั่วเฉินค่อยๆเอนกายลงไปนอนบนเตียงในขณะที่เขากล่าวก่อนที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความสบายตัว เขาไม่ลืมที่จะหันไปแขวะเมิ่งฉวนเบาๆว่า "สบายหลังยิ่งนัก!"
"เจ้า " เมิ่งฉวนรู้สึกหงุดหงิดและขุ่นเคืองเล็กน้อย หลังจากนั้นเขาก็หันหน้าไปมองหลิงเทียนและเซี่ยวหยู
"อืม พักสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน" ก่อนที่จะเอนกายลงนอนพักผ่อน หลิงเทียนก็กล่าวออกมาและทำราวกับว่าเขาไม่ได้สังเกตเห็นเมิ่งฉวนที่กำลังจ้องมา
"อะไรเมิ่งฉวน เจ้าคิดที่จะแย่งเตียงข้างั้นรึ?" เซี่ยวหยูยิ้มในขณะที่จ้องเมิ่งฉวนกลับ
เมิ่งฉวนอยากร้องไห้!
เขาได้นอนบนพื้นดินแข็งๆตลอดเวลา 3 เดือนในหุบเขาซ่อนอรุณ และในที่สุดวันนี้เขาก็จะได้นอนบนเตียงให้สบายๆตัว แต่เขาดันทำมันพังเพราะความเซ่อซ่า...
เป็นไปได้ไหมที่เขาจะเกิดมาเพื่อนอนบนพื้น?
ในมุมๆหนึ่งของค่ายที่ไม่ค่อยเป็นจุดสนใจของกองกำลังโลหิตเหล็ก
"ฟางฉุน มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดไป่เฟิ่งถึงหายตัวไป?" หยูหงมองชายตรงหน้าก่อนที่จะกล่าวถามออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง
ฟางฉุนผู้นี้คือนายกองอีกคน ที่ลุกขึ้นมากล่าวมาเพื่อช่วยเหลือหยูเซี่ยงในวันนั้น
"ข้าเองก็ไม่แน่ใจอะไรสักเท่าไร แต่ข้ามีความรู้สึกว่าเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวของกับต้วนหลิงเทียน" ฟางฉุนส่ายหัวออกมาก่อนที่จะกล่าวเท่าที่รู้
"ต้วนหลิงเทียนงั้นหรือ? เขาเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 4 เท่านั้น เขาจะมีความสามารถสังหารเฟิ่งไป่ได้อย่างไร?" หยูหงขมวดคิ้ว
"นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการจะสื่อ สิ่งที่ข้าคิดนั้นเป็นเรื่องที่เฟิ่งไปคิดที่จะสังหารหลิงเทียนต่างหาก ข้าคิดว่ามันน่าจะเข้าป่าลึกไปเพื่อต้อนสัตว์ดุร้าย แล้วเกิดพลาดท่าอันใดขึ้นมา ... เพราะเท่าที่ดูๆแล้วกลุ่มสัตว์ดุร้ายที่มาเป็นฝูงนั่นดูเหมือนจะมีการวางแผนอะไรบางอย่างมานานแล้ว นี่อาจจะเป็นเพราะเฟิ่งไป่ก็เป็นได้ น่าเสียดายที่เขาอาจจะพลาดท่าให้แก่ฝูงสัตว์ดุร้ายพวกนั้น " ฟางฉุนกล่าวความคิดเห็นของเขาออกมา
"หากเป็นเพราะเหตุนั้น หลิงเทียนผู้นี้นับว่ามีโชคนัก!"
ใบหน้าของหยูหงหมองลงเล็กน้อย "พวกเราพลาดโอกาสที่ดีที่สุดในช่วงแรกของการฝึกฝนไปแล้ว หลังจากนี้จะหาโอกาสอีกครั้งคงเป็นเรื่องยากเย็นนัก"
"หยูหง ... " ฟางฉุนมองไปที่หยูหงด้วยความลังเลเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าควรพูดเรื่องนี้ดีหรือไม่
"เจ้ายังมีเรื่องอะไรอีกหรือ?"
หยูหงกล่าวถามต่อไปอีกว่า "ฟางฉุนเจ้าไม่ต้องลังเล พวกเราเป็นสหายกันมานานถึงเพียงนี้เจ้ามีอะไรจะกล่าว รีบกล่าวมันออกมาเถอะ"
"หยูหง 3 เดือนที่แล้ว น้องชายของเจ้ากับต้วนหลิงเทียนได้วางเดิมพันกัน ... "
ฟางฉุนได้บอกเรื่องราวทั้งหมดแก่หยูหงว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในระหว่างการเดิมพัน "ตอนนั้นหลิงเทียนเพียงกล่าววาจาไม่กี่คำ ก็สามารถชักจูงความคิดของหัวหน้ากองได้ จนสุดท้ายเขาก็สามารถบีบบังคับให้น้องเจ้าจ่ายราคาในการเดิมพัน"
"ไอบัดซบนั่นมันทำให้น้องชายของข้าต้องอับอายถึงเพียงนี้ มันกล้าให้น้องชายของข้าแก้ผ้าวิ่งไปกลับ 10 รอบต่อหน้าคนเป็นร้อยเช่นนั้นหรือ!" ท่าทางของหยูหงดูบิดเบี้ยวเป็นอย่างมาก เพราะตอนนี้เขาโกรธเกรี้ยวอย่างถึงขีดสุด โทสะของเขาแทบจะระเบิดออกมา
"ต้วนหลิงเทียน! เจ้ากล้าทำให้น้องชายข้าต้องได้รับความอัปยศ เจ้ากล้าหยามหยันตระกูลหยูถึงเพียงนี้ ...ข้าหยูหงจะไม่มีวันเลิกราจนกว่าเจ้าจะตกตาย!"