หน้าแรก > War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 108 ความละโมบบังเกิด

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

น้ำเสียงของฟางเจี้ยนช่างเย็นชาและไร้ความเมตตาแม้แต่น้อย ราวกับไม่ว่าชีวิตของเหล่าเยาวชนจะเป็นอย่างไรก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา จะเป็นจะตายก็ช่างหัวมันเช่นนั้นล่ะ

"เสือดาวลายเมฆา? สัตว์ดุร้ายที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 3?"

สีหน้าของเยาวชนในหน่วยที่ 3 ถึงกับเปลี่ยนเป็นซีดเผือดในพริบตา

นี่ไม่ใช่เพราะอะไร แต่เป็นเพราะส่วนมากเยาวชนพวกนี้ ยังมีดับบ่มเพาะเพียงระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 2 เท่านั้น!

และตอนนี้เงาร่างทั้ง 4 ก็ได้พุ่งตัวจากไปอย่างไม่เกรงกลัวตั้งแต่แรก มันดึงความสนใจของเยาวชนทุกคนให้ตื่นจากภวังค์ และหันไปจับจ้องแผ่นหลังของทั้ง 4 คน...

"มันเป็นกลุ่มของต้วนหลิงเทียน!"

"บัดซบ! นี่นับว่าเจ้าลั่วเฉินอะไรนั่นมีโชคอย่างยิ่ง มันสามารถเข้าร่วมกลุ่มเดียวกันกับของต้วนหลิงเทียนได้ หากต้วนหลิงเทียนให้ความช่วยเหลือมันแล้วล่ะก็ ภารกิจเช่นนี้จะนับเป็นอะไรได้เล่า”

"ช่างเถิด พวกเราอย่าได้เสียเวลากล่าวถึงเรื่องนี้กันอีกเลย พวกเราควรมาปรึกษากันว่าจะทำเช่นไรกันดีมากกว่า"

...

ในขณะที่เยาวชนของหน่วย 3 ยังจับกลุ่มสนทนาเพื่อหาทางร่วมมือในการล่าสัตว์ดุร้ายเสือดาวลายเมฆา กลุ่มของต้วนหลิงเทียนทั้ง 4 ก็เข้ามาในหุบเขาซ่อนอรุณถึงปลายขอบชั้นในเรียบร้อยแล้ว

"เฮ่! ลั่วเฉิน นับว่าเจ้าเองก็มีโชคไม่น้อยที่มาเข้ากลุ่มของพวกเรา จะอย่างไรหากให้หลิงเทียนช่วยเหลือเจ้าย่อมผ่านภารกิจนี้ไปได้อย่างแน่นอน"

เมิ่งฉวนตบไหล่ลั่วเฉินเบาๆ พร้อมกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม

ลั่วเฉินนั้นไม่ได้ให้ความสนใจอะไรกับคำพูดและท่าทางของเมิ่งฉวน แต่เขากลับจับจ้องไปยังหลิงเทียนด้วยสายตาจริงจังแล้วกล่าออกมาว่า "ต้วนหลิงเทียน ข้าอยากขอร้องเจ้า ถ้าหากข้าปะทะกับเสือดาวลายเมฆา เจ้าอย่าพึ่งรีบให้การช่วยเหลือข้าจะได้หรือไม่ ... ข้าต้องการที่จะลองเผชิญหน้ากับมันด้วยตัวเองดู ข้าอยากให้เจ้าลงมือช่วยเหลือข้าในยามที่เจ้าเห็นว่าข้ากำลังจะประสบอันตรายจนถึงชีวิตแล้ว จะได้หรือไม่?"

ต้วนหลิงเทียนหันกลับไปมองลั่วเฉินด้วยแววตาประหลาดใจเล็กน้อยก่อนที่จะยิ้มรับพร้อมพยักหน้า

เขาไม่คิดเลยว่า ลั่วเฉินที่มีรูปร่างบอบบางและใบหน้างดงามราวกับอิสตรี จะเป็นบุรุษที่มีความเด็ดเดี่ยวถึงเพียงนี้

"เฮ่! ลั่วเฉิน เหตุใดเจ้าจึงคิดที่จะทำให้เรื่องราวมันยุ่งยากและมีปัญหาเล่า ในเมื่อมีหลิงเทียนอยู่พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยงชีวิตอะไรถึงเพียงนั้น" เมิ่งฉวนสายหน้าพร้อมกับหัวเราะออกมา

ต้วนหลิงเทียนพลันหัวเราะขึ้นมาด้วยเช่นกัน และกล่าวออกมาอย่างสนุกสนานว่า "เมิ่งฉวนจากคำกล่าวราวกับชีวิตมันเป็นเรื่องสะดวกสบายเช่นนี้ของเจ้านี่ข้าขอบอกเอาไว้เลย ว่าการล่าเสือดาวลายเมฆาครั้งนี้ข้าจะไม่ช่วยเหลือเจ้าแน่นอน หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือ ก็ให้ไปขอมันจากเซี่ยวหยูแล้วกัน ข้าคงขอผ่านเพราะกลัวเจ้าจะไม่สนุกสนานมากเพียงพอ"

"บัดซบ! ต้วนหลิงเทียน เรื่องเช่นนี้หาได้ตลกสักนิด อย่าได้กล่าวล้อเล่นแล้ว" เมิ่งฉวนทำหน้าเหลอหราราวกับตัวโง่งม

แต่หลังจากที่ได้ยินคำกล่าวของหลิงเทียนเมิ่งฉวนเองก็รีบหันไปหาเซี่ยวหยู เพราะจะอย่างไรหากหลิงเทียนไม่ช่วยอะไรมันแล้ว เซี่ยวหยูจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายของชีวิตมัน ทว่าเซี่ยวหยูกลับทำสีหน้าเมินเฉิยมันและหันไปชมนกชมไม้ซะอย่างนั้น

ดูเหมือนว่าเมิ่งฉวนจะซวยเพราะปากพล่อยๆอีกครั้งแล้ว!

"ต้วนหลิงเทียน"

ตอนนั้นเองเป็นเซี่ยวหยูที่กำลังชมนกชมไม้ที่เป็นคนเอ่ยคำขึ้นมา "เจ้าบรรลุสภาวะกึ่งกลับกึ่งตื่น และอยู่ในสภาพ ราวกับไร้ตัวตน พร้อมตอบโต้ทุกสถานการณ์เช่นนั้นได้อย่างไร? นี่เป็นเพราะประการแรกเลย เจ้ามิใช่ทหารที่ดูจะมีประสบการณ์ชีวิตมากมายอะไรขนาดนั้นเพราะเจ้ามีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น ประการที่ 2 เจ้าเองก็ไม่ใช่นักฆ่าที่ใช้ชีวิตอยู่บนขอบเหวแห่งความตายและคมมีด ประการที่ 3 เจ้าเองก็ยังไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้... เจ้ามีเคล็ดลับอันใดหรือไม่? "

เห็นได้ชัดว่าเซี่ยวหยูให้ความสนใจในสภาวะกึ่งกลับกึ่งตื่น ที่ราวกับอยู่ในห้วงภวังค์จิตหรือที่เรียกว่าภาวะไร้สำนึกไม่ก็ภาวะไร้ตัวตน ที่พร้อมตอบสนองต่อสถานการณ์ของต้วนหลิงเทียนอย่างมาก

เพราะจากสิ่งที่เขาคิดวิเคราะห์นั้น เป็นไปได้ทางเดียวที่หลิงเทียนจะมีความสามารถเช่นนี้ได้ เพราะเขาต้องมีเคล็ดวิธีลับอะไรบางอย่าง

ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการหายใจเพื่อเดินทางในระยะไกลและรักษาลมหายใจขณะวิ่ง หรือรวมทั้งวิธีจุดไฟที่น่าอัศจรรย์โดยการปั่นไม้จุดไฟนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่มหัศจรรย์และทำให้เขาตระหนักถึงความสามารถทีราวกับปาฏิหาริย์ของหลิงเทียนอย่างมาก

"เซี่ยวหยู เกรงว่าครั้งนี้ข้าคงจะทำให้เจ้าผิดหวังแล้วล่ะ ...ข้าขอกล่าวด้วยความสัตย์จริง สำหรับเรื่องนี้ข้าหาได้มีเคล็ดลับอะไรทั้งสิ้น" ต้วนหลิงเทียนส่ายหัว

มีประสบการณ์เช่นนี้หลายร้อยครั้งและชินกับการพักแรมในป่าเช่นนั้นหรือ?

เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเพราะประสบการณ์มากมายที่สั่งสมมาในทหารรับจ้างของเขาในชีวิตก่อนหน้านี้หรือยังไง?

และแน่นอนว่าถึงแม้เขาจะไม่ได้มีประสบการณ์นี้ก็ตาม ...

อาศัยจิตวิญญาณของเขาที่มีความแข็งแกร่งไม่ต่างอะไรกับจิตวิญญาณของผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ เขาย่อมสามารถกระทำสิ่งต่างๆที่มีแต่เฉพาะผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้เท่านั้นที่ทำได้มากมาย และแน่นอนว่าวิธีการนอนในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นหรือเข้าสู่สภาวะไร้สำนึกนี้ก็อมเป็นหนึ่งในนั้น

"เช่นนั้นยามหลับนอนครั้งต่อไปคงต้องให้เจ้าเป็นผู้ที่ต้องลำบากมาคอยเฝ้าดูแลและระวังให้พวกเราเสียแล้วล่ะ ...แต่อย่าได้ลืมว่าเมื่อมีสัตว์ร้ายจู่โจมเจ้าต้องปลุกพวกเราทันที... ในที่สุดค่ำคืนนี้ข้าเองก็จะได้นอนหลับพักผ่อนได้อย่างเต็มที่บ้าง" ดวงตาของเซี่ยวหยูเองเรืองวูบด้วยความเจ้าเล่ห์เล็กน้อย

"ข้าด้วยๆๆ ข้าจะนอนหลับอย่างสบายแล้วให้เจ้าปลุกด้วยนะ หลิงเทียน หากข้าอดนอนมากกว่านี้ พรุ่งนี้ข้าต้องไม่รอดแน่ๆ" ดวงตาของเมิ่งฉวนก็ส่องประกายเช่นเดียวกัน

"ขะ... ข้าก็ต้องการเช่นกัน"ลั่วเฉินกล่าวออกมาด้วยท่าทางเหนียมอาย

"ต้องการน้องสาวเจ้าสิ! บัดซบ! หากเจ้าต้องการอะไร ไปหาเมิ่งฉวนโน่น!!" มุมปากของหลิงเทียนกระตุกเล็กน้อยกับคำพูดสองแง่สองง่ามของลั่วเฉิน ...

"เอ๊า แล้วเหตุใดต้องเป็นข้าที่รับเคราะห์อยู่ร่ำไปกันเล่า เซี่ยวหยูเจ้าสนใจลั่วเฉินหรือไม่ หากมันต้องการเจ้า เจ้าก็รับๆมันไว้เถิด?"...

และในเวลาต่อมาอีกไม่นาน กลุ่มของหลิงเทียนก็พบกับเสือดาวลายเมฆาตัวแรกเสียที และแน่นอนว่าลั่วเฉินย่อมขอเป็นผู้ลงมือก่อนเป็นคนแรก

แม้ว่าระดับวิชายุทธ์ของลั่วเฉินจะได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี แต่จะอย่างไรเขาก็ยังเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 2 เท่านั้น ในเรื่องความแข็งแกร่งทางกายภาพแล้วเขาตกเป็นรองเสือดาวลายเมฆาที่เป็นสัตว์ดุร้ายที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้ฝึกยุทธ์ที่มีระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 3 อยู่ไม่น้อยทีเดียว

กึก!

ร่างของเซี่ยวหยูเริ่มต้นเคลื่อนไหว เพื่อคิดที่จะสอดมือเข้าไปช่วยเหลือลั่วเฉินเมื่อเห็นว่าลั่วเฉินอาจจะกำลังเพลี่ยงพล้ำ

ตุบ!

หลิงเทียนพลันเอื้อมมือไปจับไหล่ของเซี่ยวหยูเอาไว้ และส่ายหน้าออกมาพร้อมกล่าวเบาๆว่า "ยังไม่จำเป็น"

เซี่ยวหยูได้แต่มองลั่วเฉินด้วยความไม่มั่นใจเล็กน้อย

แต่ทว่าไม่นาน เซี่ยวหยูเองก็สังเกตเห็นถึงอะไรบางอย่าง และนั่นทำให้เขาเริ่มเผยรอยยิ้มออกมาทันที

"ตายซะ!"

ทันใดนั้นเองลั่วเฉินพลันคำรามออกมา พร้อมทั้งพลังงานต้นกำเนิดที่ระเบิดปะทุขึ้นมาอย่างมหาศาล

เหนือศีรษะของเขาเริ่มมีเงาร่างช้างแมมมอธโบราณก่อตัวขึ้นมาอีก 1 ตัวหลังจากที่มันมีอยู่แล้ว 3 ตัว ...

และในที่สุด! ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเพิ่มขึ้นเป็นระดับช้างแมมมอธโบราณ 4 ตัวเป็นที่เรียบร้อย!!

นั่นหมายความว่าเขาสามารถตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 3 ได้แล้ว

ปัง!!

ลั่วเฉินทุบทำลายกะโหลกศีรษะของเสือดาวลายเมฆาด้วยการฟาดเพียง 1 ครั้งทันที หลังจากนั้นไม่นานเสือดาวลายเมฆาก็ค่อยๆล้มลงสิ้นลมหายใจแทบเท้าลั่วเฉิน

แฮ่ก แฮ่ก ... .

ลั่วเฉินเท้าสะเอวและโค้งตัวลงเอามือไปยันหัวเข่าเอาไว้ด้วยความเหนื่อยหอบเล็กน้อย ทว่าเมื่อเขามองเห็นซากศพของเสือดาวลายเมฆาที่อยู่ตรงหน้า รอยยิ้มแห่งความดีใจก็ฉายชัดสดใสขึ้นมาเต็มใบหน้าของเขา

"บ้าเอ๊ย! นี่มันบัดซบอะไรกัน?" เมิ่งฉวนได้แต่สบถออกมาด้วยความไม่ยินยอม

เมื่อลั่วเฉินตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 3 ได้สำเร็จนี่ย่อมหมายความว่า...ในบรรดากลุ่มคนทั้ง 4 เขากลับกลายเป็นตัวอ่อนแอที่สุดในกลุ่มแล้วอย่างไรล่ะ!!

"หึหึ เมิ่งฉวน ก่อนหน้านี้ใช่เจ้าคิดท้าทายและอยากหาเรื่องทุบตีกับข้าใช่หรือไม่ ตอนนี้เจ้ายังสนใจออกแรงสักหน่อยอยู่ไหมเล่า?" ลั่วเฉินมองไปที่เมิ่งฉวนก่อนที่จะกล่าวถามออกมาด้วยใบหน้าที่แย้มยิ้มอย่างสนุกสนาน

"เจ้าบัดซบ ได้ทีขี่แพะไล่ข้าเลยนะ!"

เมิ่งฉวนแสดงท่าทางอึดฮัดใส่ลั่วเฉินก่อนที่จะกล่าวออกมา "ลั่วเฉินเจ้าเองก็อย่าพึ่งได้ใจให้มันมากไปนัก เดี๋ยวข้าตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 3 เมื่อไหร่ข้าจะทุบตีเจ้าให้ยุ่ยราวกับกระดาษเปื่อยเปียกน้ำเลยทีเดียว"

"เจ้าเพียงแค่มีโชคอย่างบัดซบเท่านั้น! ที่สามารถตัดผ่านระดับได้ในสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย" เมิ่งฉวนอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอย่างไม่ยินยอม

"เมิ่งฉวน ทำไมไม่ให้ข้าช่วยเหลือในการกำจัดเสือดาวลายเมฆาล่ะ เจ้าจะได้ไม่ลำบากอย่างไรเล่า" ดวงตาของเซี่ยวหยูพลันหรี่ลงพร้อมทั้งยิ้มบางๆออกมา

"ไม่ต้องแล้วๆ ข้าจะลงมือด้วยตัวเองเพื่อใช้แรงกดดันในการตัดผ่านระดับด้วยเช่นกัน!"

เมิ่งฉวนรีบส่ายหัวออกมา หากว่าลั่วเฉินสามารถตัดผ่านระดับในการต่อสู้เสี่ยงชีวิตกับเสือดาวลายเมฆาได้ ตัวเขาเองก็ย่อมทำได้เช่นกัน

น่าเสียดายที่สุดท้ายเขาก็ต้องผิดหวัง

เพราะสุดท้ายเซี่ยวหยูก็ต้องยื่นมามาช่วยเมิ่งฉวนเพื่อสังหารเสือดาวลายเมฆาอยู่ดี

กลุ่ม 4 คนของต้วนหลิงเทียนใช้เวลาในช่วงครึ่งเช้าเพื่อค้นหาเสือดาวลายเมฆาจนครบทั้ง 4 ตัว ...

"เฮ่ นี่จะอย่างไรมันก็เที่ยงแล้ว พวกเราล่าสัตว์อีกสักตัวเพื่อนำมาย่างกินดีหรือไม่"

หลังจากทำภารกิจเสร็จสิ้นอารมณ์ของเมิ่งฉวนก็กลับมาเริงร่าอีกครั้ง

ต้วนหลิงเทียนและคนที่เหลืออีก 2 คนก็เห็นด้วยกันกับเขา

ฮู่มมมม!

ฮู่มมมม!

...

ทันใดนั้นเองเสียงคำรามดังกึกก้องจากที่ไกลๆ ก็แว่วเข้าโสตประสาทรับฟังของทุกคน

ทั้งเสียงคำรามเหล่านี้ยังเกิดขึ้นพร้อมกับการสั่นสะเทือนของพื้นดิน ...

“ดูเหมือนว่าจะมีสัตว์ดุร้ายบางตัวรู้ว่าพวกเรากำลังหิว มันจึงคิดมาเสนอตัวให้พวกเราได้สมปรารถนา”

เมิ่งฉวนถูฝ่ามือด้วยความกระหายหลังจากที่รู้ว่าสัตว์ดุร้ายกำลังมาทางนี้ ...

ทว่าทีท่าของเขากลับต้องแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนและอีก 2 คนในกลุ่มก็ฉายชัดออกมาถึงความเคร่งเครียด

"โอ้สวรรค์ เสือดาวอัคคี ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 4 มากันถึง7 ตัว ... " ลั่วเฉินได้แต่สูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ

"พวกเจ้าทุกคนรีบพาซากเสือดาวลายเมฆาหนีไปซะ เร็วเข้า!" ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำขาดออกมา

"เฮ่ๆ แล้วเจ้าล่ะ?" ท่าทางของเมิ่งฉวนเริ่มบิดเบี้ยวขึ้นมา

"ข้าจะเป็นเหยื่อล่อเพื่อถ่วงเวลาพวกมันให้เอง หากข้าไม่ถ่วงเวลามันไว้แล้วปะทะกับพวกมันยามที่หนีไปด้วยกัน ข้าคงไม่สามารถยื่นมือไปช่วยเหลืออะไรพวกเจ้าได้!" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาด้วยความจริงจัง บ่งบอกถึงความร้ายแรงของสถานการณ์

"เหตุใดสัตว์ดุร้ายระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 4 จำนวนมากมายขนาดนี้ ถึงมาปรากฏตัวในเขตนี้ได้กัน?" ดวงตาของเซี่ยวหยูเผยให้เห็นถึงความสับสนและไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้มันเป็นไปได้อย่างไร

"ช่างมันก่อน ตอนนี้ไม่ใช้เวลาพูดถึงเรื่องนี้ พวกเจ้ารีบหนีไปซะ" ต้วนหลิงเทียนกล่าวตะโกนสั่งออกมาอีกครั้ง

"ต้วนหลิงเทียน เจ้าต้องระวังให้มาก พวกเราไปกัน!"

เซี่ยวหยูพยักหน้ารับคำอย่างเข้าใจว่าสถานการณ์มันเลวร้ายถึงเพียงไหน เขารีบพุ่งร่างหนีออกไปพร้อมหอบหิ้วซากศพเสือดาวลายเมฆาทั้ง 4 ทันที เมิ่งฉวนและลั่วเฉินเองก็รีบตามเซี่ยวหยูไปทันทีเมื่อได้สติ พวกเขาอยู่ตรงนี้ก็ช่วยเหลืออะไรหลิงเทียนไม่ได้

มิหนำซ้ำยังจะเป็นภาระให้หลิงเทียนอีก

"ต้วนหลิงเทียนพวกเราจะรอเจ้ากลับมา"

เมิ่งเฉิวและลั่วเฉินกลั้นใจมองภาพแผ่นหลังของหลิงเทียน พร้อมกล่าวออกมาด้วยความคับแค้นใจในความอ่อนด้อยของตัวเอง

"ดูเหมือนวันนี้ข้าจะได้ออกแรงจริงๆจังๆบ้างสักที"

ดวงตาของหลิงเทียนจับจ้องไปยังเสือดาวอัคคีทั้ง 7 ตัว ที่ราวกับมีเปลวเพลิงลุกโชนอยู่รอบร่างกาย และรอคอยพวกมันอย่างสงบ

หากเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 4 แล้วละก็ ความแข็งแกร่งของเขาอย่างมากก็ทัดเทียมกับเสือดาวอัคคีเท่านั้น

แต่เขาไม่ได้เป็นอย่างนั้น ...

เพราะตอนนี้หากเขาใช้ความแข็งแกร่งและพลังทั้งหมด ความแข็งแกร่งของเขาจะเทียบเท่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 5

เสือดาวอัคคี เป็นสัตว์ดุร้ายที่มีลักษณะภายนอกคล้ายคลึงกับเสือดาวปกติ แต่ทว่าขนของมันสีแดงเพลิงและเมื่อมันเคลื่อนไหวจนขนมันวูบไหวไปมาก็จะดูราวกับมีเปลวเพลิงล้อมรอบตัวมัน

เมื่อ 7 เสือดาวอัคคีพุ่งมาเข้าใกล้หลิงเทียน พวกมันพลันส่งเสียงคำรามออกมาเพื่อข่มขู่และพุ่งเข้ามาจู่โจมหลิงเทียนอย่างไม่รีรอ

ในยามที่เสือดาวอัคคีทั้ง 7 กระโจนพุ่งร่างออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันนั้น เสียงกระทืบพื้นดินเพื่อส่งตัวของพวกมันดังกังวานขึ้นมาราวกับฟ้าถล่ม

และเหนือร่างของพวกมันแต่ล่ะตัวก็มีเงาร่างช้างแมมมอธโบราณจำนวน 6 ตัวปรากฏอยู่ ...

และตอนนี้เงาร่างช้างแมมมอธโบราณทั้งหมด 42 ตัวกำลังถาโถมเข้ามา!

"เข้ามาเลย!"

ดวงตาของหลิงเทียนเรืองวูบขึ้นมาด้วยความสนุกสนาน ใบหน้าของเขาเปื้อนรอยยิ้มแห่งความตื่นเต้นเอาไว้เล็กน้อย

นับตั้งแต่ที่เขามีความแข็งแกร่งถึง 7 ช้างแมมมอธโบราณ เขาไม่เคยได้ใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขาแม้แต่ครั้งเดียว มาวันนี้เขาได้มีโอกาสที่จะลงมือให้เต็มคราบเสียที

วิชาท่าร่างวิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย!

ถึงแม้ว่าวิชาท่าร่างของเขาจะเป็นวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นสูงที่มีความสำเร็จอยู่ในขั้นตอนผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น แต่ด้วยความที่เขาใช้มันออกด้วยความแข็งแกร่งถึง 7 ช้างแมมมอธโบราณทำให้ความเร็วของเขาเหนือชั้นกว่าเหล่าเสือดาวอัคคีอย่างทายไม่ติด

เพียงเสี้ยวพริบตาหลิงเทียน เคลื่อนไหวราวกับอสรพิษ วูบไหวพุ่งผ่านร่างของเสื้อดาวอัคคีมากมายจนไปอยู่บนหลังเสือดาวอัคคีตัวหนึ่ง และทิ้งตัวนั่งลงด้วยความสนุกสนาน

"ฮู่มมมมมมม!"

เสือดาวอัคคีถึงกับคำรามออกมาด้วยโทสะที่ถูกมนุษย์ลบหลู่ มันสะบัดตัวอย่างแรงหมายเหวี่ยงหลิงเทียนให้กระเด็นออกไป

อย่างไรก็ตามหลิงเทียนกลับนั่งนิ่งบนหลังของมันราวกับตุ๊กแกยึดเกาะอย่างไรอย่างนั้น ตัวเขาไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่นิดเดียว

"เฮ่ๆ เสือน้อยไม่ต้องห่วงหน่า ถึงเจ้าจะไม่อยากให้ข้าลงไป แต่ยังไงข้าก็จะลงไปเองอยู่ดี"

สายตาของหลิงเทียนพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาเล็กน้อย ก่อนที่มือของเขาจะแตะไปที่บริเวณเอว และเมือสะบัดมืออีกครั้ง กระบี่อ่อนดาราม่วงก็เผยโฉมให้โลกได้ชื่นชมอีกครา

ฟุ่บ!

กระบี่ของเขาตวัดออกด้วยความแข็งแกร่งสูงถึง 7 ช้างแมมมอธโบราณ ถึงเขาจะไม่ได้ใช้วิชายุทธ์ใดๆ ก็ตามแต่กระบี่อ่อนดาราม่วงก็ทะลวงกะโหลกศีรษะของเสือดาวอัคคีไปบดขยี้สมองของมันจนแหลกเหลว

พรูดดดด!

หยาดโลหิตพรั่งพรูสาดกระเซ็นไปทั่ว

ฮู่มมมมมม!

เสื่อดาวอัคคีกู่คำรามเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของมันก่อนที่จะสิ้นใจล้มลงตกตาย

ฟุ่บ!

หลิงเทียนใช้แผ่นหลังของเสือดาวอัคคีเป็นฐาน ก่อนที่จะกระโดดส่งตัวเองลอยละลิ่วไปยังด้านหลังของเสือดาวอัคคีแต่ละตัวและใช้วิธีการเดียวกัน โดยเสือกแทงกระบี่อ่อนดาราม่วงทะลวงศีรษะของเสือดาวอัคคี ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆทีละตัวๆ จนสังหารพวกมันลงได้ทั้งหมด

สุดท้ายเสือดาวอัคคีก็ทำได้เพียงสังเวยชีวิตของพวกมันภายใต้คมกระบี่เขา

ฟึ่บบบ! ชิ้ง!

หลิงเทียนค่อยสบายอารมณ์ขึ้นมาบ้างหลังจากได้ออกแรง เขาตวัดกระบี่เป็นการสะบัดโลหิตออกไป

สายตาของหลิงเทียนหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนที่จะยกกระบี่อ่อนดาราม่วงขึ้นมาอีกครั้งและทำการวาดกระบี่ไปยังร่างของเหล่าเสือดาวอัคคีทั้ง 7 เพื่อถลกหนังของพวกมันออกรวมทั้ง ตัดชิ้นส่วนที่มีประโยชน์ของร่างกายพวกมันและเก็บลงในแหวนมิติของเขา

ปัจจุบันแหวนมิติที่หลิงเทียนสวมใส่ เป็นวงที่ได้มากจากคนของนิกายเลิศภพจบแดนที่เขาพบศพเมื่อวันก่อน ตอนที่เข้าป่าหมอกมรณะไปกับลี่เฟย

นี่เพราะวงแหวนมิติวงนี้มันมีคุณภาพดีกว่าแหวนมิติที่ได้รับจากผู้อาวุโสหลักตระกูลเหอ เหอซื่อเต่าแห่งเมืองหมอกธารานั่นเอง พื้นที่ภายในของมันช่างกว้างขวางต่างกันอยู่หลายเท่า

เพราะนี่มันเป็นแหวนมิติที่นับว่าเป็น ศาสตราวิญญาณระดับ 6

ส่วนแหวนมิติของเหอซื่อเต่านั้นเขาทิ้งมันไว้ให้เค่อเอ๋อใช้

เพราะตอนที่เขาจากมาเช่นนี้ เค่อเอ๋อก็ต้องเป็นผู้ที่ไปติดต่อกับถังจิ้งเรื่องการปรุงโอสถน้ำบ่มเพาะร่างกาย 6 กระบวน และนางเองก็ต้องติดต่อค้าขายกับถังจิ้งแทนเขา หากนางมีแหวนมิติใช้ การที่นางจะหยิบจ่ายใช้สอยหรือเก็บเงินก็ย่อมสะดวกสบายขึ้นกว่าก่อนมากมาย

"ฮ่าๆ เสือน้อยทั้งหลาย วันนี้ถือว่าพวกเจ้าดวงกุดเองนะ"

ต้วนหลิงเทียนมองร่างเสือดาวอัคคีเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเดินจากมา

"แหวนมิติ!"

ทว่าทันใดนั้นเองกลับมีเสียง ที่แสดงออกถึงความโลภดังขึ้น

ท่าทางของหลิงเทียนพลันบิดเบี้ยวขึ้นมาทันที

ฟุ่บ!

ร่างหนึ่งพุ่งตัวออกมาจากเนินเขาใกล้ๆราวกับเหินบินก่อนที่จะมาหยุดลงต่อหน้าหลิงเทียน

"เป็นมัน!"

ท่าทางของหลิงเทียนพลันเคร่งขรึมขึ้นมา

เพราะคนที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาตอนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นครูฝึกที่มียศนายกอง 1 ใน 2 คนที่กล่าววาจาเพื่อช่วยเหลือหยูเซี่ยงไม่ให้ต้องกระทำตามเดิมพันที่แสนอับอายเมื่อวาน ถึงแม้ว่ามันจะล้มเหลวก็เถอะ

แล้วทำไมมันถึงมาที่นี่?

ตอนนี้แววตาของครูฝึกที่มียศถึงนายกองคนนี้กำลังฉายออกมาด้วยความโลภโมโทสันอย่างถึงขีดสุด เป้าหมายของการจับจ้องย่อมเป็นแหวนมิติที่นิ้วของเขาไม่ผิดเพี้ยน หลิงเทียนรู้สึกว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไรแล้ว ...

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.