หน้าแรก > ราชันสามภพ
บทที่ 28 ความวุ่นวายในเมืองหลวง

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

เจี้ยงเฉินไม่ได้คิดถึงเลยว่า สิ่งที่เขาทำที่คฤหาสน์มังกรทะยาน จะทำให้เกิดความปั่นป่วนและทำให้เกิดพายุอยู่ภายในเมืองหลวง

ขุนนางมังกรทะยาน หลงจ้าวเฟิง เป็นธรรมดาที่เขาจะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เขาจะมีอำนาจขึ้นมากเพียงแค่เจี้ยงเฟิงยอมลง

แต่การที่ได้รับการปฎิเสธอย่างจองหองเช่นนี้ มันทำให้เขารู้สึกว่าเขา เสียหน้า

แม้ว่าขุนนางมังกรทะยานจะไม่ได้ปะทุมันออกมาเป็นความโกรธในระหว่างที่อยู่ในงานเลี้ยงและยังแสดงออกถึงความโอบอ้อมอารีด้วยการให้อภัย แต่ต้องเข้าใจว่าการที่จะอยู่ในตำแหน่งนี้ได้นั้นเขาจะต้องควบคุมอารมณ์ของเขาให้ดี

เมื่อแขกทุกคนได้กลับไปหมดแล้วและเหลือเพียงคนของเขาในคฤหาสน์เขากล่าว "ผู้ที่อยู่ข้างข้าจะประสบความสำเร็จผู้ที่เป็นศัตรูกับข้าจะต้องตาย ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะทำอะไร ตระกูลเจี้ยงต้องย่อยยับในการทดสอบมังกรซ่อน!"

"แล้วเราจะมาดูกันว่าพวกมันจะอวดดีไปได้อีกมั้ย ถ้าหากพวกมันสูญเสียตำแหน่งขุนนางและที่ดินจิตวิญญาณไป!"

เขาได้ส่งคนไปสืบข่าวแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นที่หอโอสถกันแน่ เขาโกรธเป็นอย่างมากที่หอโอสถแสดงจุดยืนของพวกเขาว่าพวกเขาจะยืนอยู่ข้างตระกูลเจี้ยง ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

คนที่อยู่ตรงนั้นล้วนก้มหัวลงเพราะเพลิงโทสะของหลงจ้าวเฟิง

"สองพ่อลูกตระกูลเจี้ยงมันทำให้จวนขุนนางทะยานเป็นที่น่าขบขัน ศักดิ์ศรีของตระกูลหลงจะเสียหายถ้าเราไม่ได้สั่งสอนและมอบบทเรียนให้กับตระกูลเจี้ยงซะบ้าง!."

ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างหอโอสถและเจี้ยงเฉินแน่นอนเมื่อในวันนั้นที่หอโอสถ.. หลงยู่ซือได้อธิบายว่าเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง วิธีการที่หัวหน้าสามหอโอสถได้ปฎิเสธที่จะทำการค้าให้กับทายาทขุนนางที่โดดเด่น และขายไขกระดูกมังกรจรัสแสงให้เจี้ยงเฉิน รวมถึงที่เขาปฎิบัติกับเจี้ยงเฉินดูเหมือนแขกที่สำคัญ

แม้แต่หลงยู่ซือก็รู้สึกได้ว่าเหตุการณ์นี้มันค่อนข้างแปลกเมื่อนางนึกถึงมัน

หลงจ้าวเฟิงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น "ยู่เอ๋อ ทำไมเจ้าไม่พูดเรื่องสำคัญขนาดนี้มาก่อนเล่า?"

หลงยู่ซือก็เสียใจเช่นกัน "ยู่เอ๋อเพียงแค่คิดว่าไม่ควรจะรบกวนท่านพ่อ ใครจะคาดคิดว่าหอโอสถจะ..."

น้ำเสียงของหลงยู่ซือทำให้ได้รู้ว่านางได้คิดเช่นนั้นจริงๆ วันนั้นการแย่งชิงไขกระดูกมังกรจรัสแสงมันก็เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย เพียงแค่การขัดแย้งกันระหว่างทายาทขุนนาง แม้ว่าหลงยู่ซือจะไม่ค่อยชอบหน้าเจี้ยงเฉินเพราะมัน แต่นางก็คิดว่าไม่ควรจะนำเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ไปรบกวนบิดาของนาง

แต่ภายในเมืองหลวงนั้น มีข้อมูลมากมายที่ได้รับจากเรื่องเล็กน้อย รายละเอียดเล็กๆมักมาจากเรื่องเล็กน้อยเหล่านั้น

หากขุนนางหลงได้รู้เรื่องก่อนหน้านี้ เขาอาจจะเตรียมการเล็กน้อยสำหรับการรับมือหอโอสถและหลักเลี่ยงการสูญเสีย

ด้วยการแสดงออกอย่างไม่คาดคิดของหอโอสถ มันได้ทำให้ความได้เปรียบของขุนนางมังกรทะยานหายไปทันที

"เอาล่ะ! ขุนนางหลง ท่านไม่คิดบ้างหรือว่ามีอีกสิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างแปลก?" คนที่พูดขึ้นเป็นขุนนางแห่งหยานเหมิน

นอกจากขุนนางแห่งหยานเหมิน แล้วยังมีขุนนางคนอื่นๆที่ขุนนางหลงเชื่อถือ

กล่าวได้ว่าจากขุนนางทั้ง 108 ภายใต้อาณาจักรตงฟางมีมากกว่าสิบที่ร่วมมือกับขุนนางมังกรทะยาน

นี่นับได้ว่าเป็นอำนาจที่น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่ง

ขุนนางแห่งหยานเหมินถูกจัดอยู่ในอันดับที่สิบจากขุนนางทั้งหมด เขาจึงมีอำนาจในการพูดมากกว่าขุนนางคนอื่นๆที่ร่วมมือกับขุนนางหลง

"ท่านรู้บางอย่างหรือขุนนางหยาน?" หลงจ้าวเฟิงถาม

"มีสองจุดที่ไม่ชอบมาพากลอยู่ในงานเลี้ยงค่ำคืนนี้ หนึ่งคือทำไมเจ้าหญิงโจวหยู่และองค์หญิงจื่อยั่วดูคล้ายจะคุ้นเคยกับเจี้ยงเฉินนัก? สองการแสดงออกที่ผิดปกติของขุนนางเทียนจิว ทุกคนรู้ว่าขุนนางแห่งเทียนจิวและเจี้ยงเฟิงนั้นเป็นคู่แข่งกัน พวกเขามักจะมีปากเสียงกันเสมอ เขาควรจะเป็นคนที่ต่อต้านเจี้ยงเฟิงเป็นคนแรก แต่ทำไมเขาถึงไม่ทำอะไรเลยในงานเลี้ยง?"

"ไม่เพียงแต่เขา บุตรชายของเขา จิวเทียนฉู่ ที่มักจะพาลเจี้ยงเฉินตลอดเวลาที่เขาพบหน้ากัน ก็ยังไม่กระทำการใดๆเช่นกัน"

คำพูดของเขาได้เตือนสติของทุกคน

นี่เป็นความจริงที่พ่อลูกตระกูลเทียนจิว มีการแสดงออกที่ค่อนข้างผิดปกติในคืนนี้

ขุนนางแห่งมังกรทะยานและขุนนางเจี้ยงบาดหมางกันเพราะที่ดินจิตวิญญาณ แต่ก่อนนั้นพวกเขาไม่ได้เป็นปฎิปักษ์กันเช่นนี้

แต่ขุนนางแห่งเทียนจิว เป็นศัตรูกับขุนนางแห่งเจี้ยงหานตั้งแต่กาลก่อน ทั้งสองคนมีดินแดนที่ใกล้กันและได้ต่อสู้กันทั้งอย่างเปิดเผยและลักลอบในเรื่องของที่ดิน ทรัพยากร และตำแหน่ง รวมถึงเรื่องของความสำเร็จ พวกเขาต่างเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน

แต่ขุนนางแห่งเทียนจิว ไม่ได้กล่าวอะไรเลยในคืนนี้ และไม่ได้ใช้โอกาสนี้ในการข่มเหงเจี้ยงเฟิง

มันมีบางอย่างผิดปกติ!

"ข้าจำได้ว่าขุนนางแห่งเทียนจิวพร้อมกับองค์ราชาได้ไปเยี่ยมเจี้ยงเฉินที่ถูกวางยาจนถึงแก่ความตายด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นในพิธีกรรรม ทำไมเจี้ยงเฉินถึงยังมีชีวิตรอด? มีสิ่งใดเกิดขึ้นกันแน่ในคืนนั้น? เรื่องนี้เราไม่เคยตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน เรื่องในวันนั้นไม่มีใครกล่าวอะไรออกมาแม้แต่น้อย"

ทุกอย่างมันแปลกประหลาดจนเกินไป

หลงจ้าวเฟิง จมอยู่ในความคิดของเขา เขาเองก็รู้สึกอยู่ว่ามันแปลกๆ ตงฟางหลู่ เป็นชายที่มากความสามารถและเด็ดขาด มันจะดูไร้เหตุผลเกินไปที่จะบอกว่าเขาเกิดใจอ่อนจึงลงโทษเบาเกินไปจึงทำให้เจี้ยงเฉินรอด

แต่เจี้ยงเฉินกลับรอดมาได้ และดูจากลักษณะแล้ว ไม่เพียงแต่ความสัมพันธ์ของตระกูลเจี้ยงกับราชวงศ์จะแย่ลง แต่กลับดูว่าพวกเขามีความแน่นแฟ้นกันมากยิ่งขึ้น

"ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์มาก ดูเหมือนว่าข้อสรุปที่สามารถเข้าใจได้สำหรับเจี้ยงเฉินคือ เขานั้นมีความสัมพันธ์บางอย่างกับตงฟาง หลู่?"

แม้ว่าขุนนางมังกรทะยานจะเรียกขานถึงราชาแต่กลับดูไม่มีความเคารพในน้ำเสียงของเขาเลยแม้แต่น้อย

"ใส่ขุนนางเทียนจิวลงในตารางเวลาของข้า บางทีปมเรื่องทั้งหมดอาจรวมรวมได้จากเขา" หลงจ้าวเฟิงสั่ง

"นอกจากนี้ บอกดูหลูไห่ว่าให้ใช้วิธีการทั้งหมดเข้าขัดขวางเจี้ยงเฉินในการทดสอบมังกรซ่อนให้ได้ ไม่ว่าจะมีใครหนุนหลังพวกมันก็ตามเพราะอีกไม่นานตระกูลเจี้ยงจะต้องเสียยศขุนนางของพวกมันไปอย่างแน่นอน!"

นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาอย่างรวบรัดมากที่สุด ไม่ว่าจะมีผู้แข็งแกร่งเพียงใดสนับสนุนหรือชาญฉลาดสักเพียงไหน หากสูญเสียตำแหน่งขุนนางย่อมหมายความว่าพวกเขาได้สูญเสียสิทธิในการควบคุมอาณาเขตของพวกตน

สำหรับผลที่จะตามมาเมื่อตระกูลเจี้ยงไม่ได้ควบคุมอาณาเขตนั้น

มันจะมีวิธีการที่เรียบง่าย แต่จะแก้ได้โดยตรงและมีประสิทธิภาพ!

วางแผนและยึดครอง หากใช้การวางแผนไม่ได้ก็ยึดครองมันซะ

ขุนนางมังกรทะยานไม่มีคุณธรรมในใจของเขา เพื่อที่จะบรรลุความต้องการเขาก็พร้อมที่เป็นปีศาจและไม่สนใจกฎระเบียบ

ในสายตาของเขาหากใช้แผนไม่ได้ก็ยึดตรงๆซะก็สิ้นเรื่องความจริงที่เขาไม่ทำตั้งแต่แรกนั้นไม่ใช่เพราะเขากลัวตระกูลเจี้ยง แต่เขาอยากจะรักษาชื่อเสียงด้วยการเอาชนะคนอื่นโดยไม่ใช้การกระทำที่ป่าเถื่อน แต่หลังจากที่ตระกูลเจี้ยงมีแต่ความโง่เง่าในสมองของพวกมัน การแสดงทั้งหมดนี้ก็ไร้ประโยชน์ งั้นก็เลิกทำตัวเป็นพ่อพระแล้วใช้ความรุนแรงก็เป็นเพียงวิธีเดียว

ณ ที่แห่งหนึ่งมีการนัดประชุมของผู้มีตำแหน่งสำคัญภายในหอโอสถ

สี่หัวหน้าหอโอสถ สิบผู้อาวุโส และผู้จัดการทั้งหมดให้การเข้าร่วม ประชุม

หัวหน้าหอลำดับสาม เฉียวไป่ฉี ได้บอกทุกอย่างที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยง

ภายในหอโอสถ จ้าวหอโอสถ ซ่งเทียนเสิน มีสิทธิ์ขาดสำหรับการออกเสียง มันจะไม่ผิดหากบอกว่าเขาเป็นเสาหลักของหอโอสถ

เมื่อหัวหน้าหอลำดับสามได้เสร็จสิ้นการอธิบาย ทุกสายตาได้กลับไปที่จ้าวหอโอสถ มันเห็นได้ชัดว่าไม่มีใครกล้าออกความคิดเห็นโดยที่ยังไม่รู้ความคิดเห็นของจ้าวหอโอสถก่อน

ซ่งเทียนเสิน หัวเราะ "ข้าจะไม่ขอออกความคิดเห็นก่อนละกัน ไหนพวกเจ้าลองแบ่งปันความคิดของพวกเจ้าซักหน่อยสิ"

"แม้แต่ผู้อาวุโสชุนยังให้การรับรองยาชะตาสวรรค์นี้ถึง90% ข้าคิดว่าหัวหน้าสามตัดสินใจได้ถูกต้อง" หนึ่งในผู้อาวุโสพูด

"ข้าสนับสนุนหัวหน้าสามเช่นกัน หอโอสถได้จัดตั้งมานานในเมืองหลวงนับร้อยปี มันไม่ได้เป็นที่ที่ดีสำหรับเป็นเป้าหมายในการรุกราน การกระทำสร้างความบาดหมางนิดๆหน่อยๆไม่ได้เป็นอะไรที่พวกเราหลีกเลี่ยงได้เสมอไป"

"ยาชะตาสวรรค์เป็นยาแห่งยุคใหม่ทีเดียว ด้วยศักยภาพที่ครอบครองตลาดของมันได้นั้น เราไม่มีทางที่จะไม่สร้างความบาดหมางกับขุนนางคนอื่นๆ ไม่ใช่เพียงแค่ขุนนางมังกรทะยาน"

มันเห็นได้ชัดว่าผู้จัดการระดับสูงหลายคนได้สนับสนุน เฉียวไป่ฉี ทุกคนชั่งน้ำหนักความบาดหมางเล็กน้อยกับผลกำไรในอนาคตไม่มีใครมีปัญหากับการตัดสินใจของ เฉียวไป่ฉี

"หมายเลขสองเจ้าคิดเช่นไร" ซ่งเทียนเสินมองไปที่หัวหน้าสองหอโอสถด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ

"ข้าเห็นด้วยกับความคิดของทุกคน อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อหอโอสถเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง" คำพูดออกมาอย่างลื่นไหลแทบจะดูเหมือนว่าไม่ได้คิดอะไรมากมาย

ผู้อาวุโสนภากล่าวอย่างกะทันหัน "จ้าวหอ ข้ามีคำพูดนิดหน่อย"

"เอาล่ะ ทุกคนมีสิทธิที่จะกล่าวความคิดเห็นของพวกเขา ผู้อาวุโสนภา ว่ามา" ซ่งเทียนเสิน บ่งบอกว่านางสามารถพูดได้

"ข้ารู้สึกว่าพ่อลูกตระกูลเจี้ยงไม่ได้เป็นคนที่น่าเชื่อถือมากนัก ทุกท่านได้คิดเผื่อในทางที่ผู้อาวุโสชุนคิดผิดบ้างหรือไม่? มันจะไม่ได้ทำให้หอโอสถกลายเป็นตัวตลกรึ? ข่าวนี้มีความน่าเชื่อถือเพียงใด? หากยาชะตาสวรรค์ไม่ได้ให้ผลอย่างที่กล่าวมาจริง แล้วเราจะไปสร้างความขุนเคืองกับขุนนางมังกรทะยานเพื่ออะไร? ข้าได้ยินมาว่าแม่นางยู่ซือลูกสาวอันเป็นที่รักของขุนนางมังกรทะยานครอบครองร่างกาย ฟีนิกส์สวรรค์ และได้ดึงดูดความสนใจของนิกายลึกลับ ในอนาคตการฝึกของเธอย่อมไม่อาจคาดเดาได้ การนี้อาจทำให้อำนาจของจุนนางมังกรทะยานพุ่งสูงขึ้นหรือไม่? บางทีอาจมีการเปลี่ยนราชาองค์ใหม่ได้ในอนาคตรึเปล่า?"

หอโอสถไม่ได้เป็นตระกูลขุนนาง การแสดงออกของผู้คนเมื่อกำลังพูดถึงการเปลี่ยนแปลงราชาไม่ได้มีมากนัก

"ผู้อาวุโสนภา ท่านกังวลมากเกินไปประการแรกเป็นไปไม่ได้ที่ผู้อาวุโสชุนจะผิด และอีกสิ่งหนึ่งการเปลี่ยนแปลงของบัลลังก์เป็นสิ่งที่ดำเนินไปตามธรรมชาติมันไม่ได้จะถูกเปลี่ยนได้อย่างง่ายดาย โดยคนหรือสองคน ขุนนางมังกรทะยานจะกางปีกของเขาแน่นอน แต่ตระกูลตงฟางก็ไม่ได้คิดจะนั่งบนบัลลังก์อย่างเกียจคร้านเช่นกัน"

เฉียวไป่ฉีขัดคำของอาวุโสนภาทันที "นอกจากนี้แม้แต่ขุนนางมังกรทะยานก็ยังต้องคิดหนักหากต้องการจะประกาศสงครามกับเรา เราได้ทำธุรกิจที่นี่มาหลายร้อยปี มันไม่ได้ง่ายดายนักที่ถ้าเขาจะต้องการเล่นกับเรา ผลกำไรมหาศาลอยู่ในมือเราตอนนี้ เราจะต้องพิจารณารายละเอียดอย่างถี่ถ้วน ไม่งั้นหอโอสถจะเสียหายมหาศาล"

ไม่มีใครสามารถปฎิเสธได้ว่าผลกำไรจากยาชะตะสวรรค์มันน่าดึงดูดมากเกินไป หากยาชะตาสวรรค์ได้จำหน่ายออกสู่ตลาดในปริมาณที่มากพอ จะไม่มียาที่ใช้สำหรับการรักษาการบาดเจ็บทางร่างกายอื่นมาแข่งขันแน่นอน

กล่าวว่ายาที่ต่ำต้อยกว่าจะถูกยกเลิกทันทีหลังจากเปรียบเทียบกับระดับที่เหนือกว่าของยาชะตาสวรรค์

การตลาดนี้เป็นเหมือนสมบัติ การจำหน่ายยานี้เพียงอย่างเดียวก็เท่ากับการดำเนินงานทั้งปีของหอโอสถ

หลังจากที่ทุกคนออกความคิดเห็นของตนเรียบร้อยทุกสายตาก็กลับไปมองจ้าวหอโอสถอีกครั้ง

"ข้าเห็นว่าส่วนใหญ่ยังคงเห็นด้วยกับการตัดสินใจของหัวหน้าสาม ข้าค่อนข้างชอบกับความคิดของหัวหน้าสามเช่นกัน ข้าเชื่อมั่นในความสามารถของเขา"

ทัศนคติของ ซ่งเทียนเสินค่อนข้างชัดเจน

"ข้าต้องบอกว่าหอโอสถเราแสวงหาผลกำไรที่สูงที่สุด แม้จะหลีกเลี่ยงไม่ได้เรื่องของการต่อสู้ภายใน แต่เราไม่จำเป็นที่จะต้องมีส่วนร่วม มันเป็นไปไม่ได้ที่จะก้าวเท้าทั้งสองพร้อมกัน เมื่อมีสองทางเลือกเราย่อมต้องเลือกทางที่มีมูลค่ามากกว่า นั่นคือยาโอสถสวรรค์ ไม่ว่าใครจะแพ้หรือชนะ หอโอสถของเราอยู่รอดมาตลอด มันย่อมไม่มีปัญหาในเรื่องการปรับตัว"

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.