หน้าแรก > War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 104 ค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะเริ่มต้นขึ้น

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

เช้าวันรุ่งขึ้น ณ ลานฝึกซ้อมของกองกำลังโลหิตเหล็ก

เยาวชนทั้ง 98 คนที่มาจากทั่วทั้งมณฑลผานางแอ่นเหินล้วนมารวมตัวกันอยู่อย่างเรียบร้อย

หลังจากที่กินเต็มอิ่มนอนหลับเต็มตื่นเมื่อคืน วันนี้สีหน้าของทุกคนแลดูแจ่มใสร่าเริงกระฉับกระเฉงทั้งสิ้น

ราวกับเรื่องราวที่น่าสะเทือนขวัญและเลวร้ายต่างๆเมื่อวานได้ผ่านเลยไป ... และวันนี้พวกเขาก็เริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างสดใส

ยืนรอกันอยู่ไม่นานหัวหน้ากองที่เป็นคนคุมการจัดการทดสอบเมื่อวาน ก็เดินเข้ามาพร้อมกับชายอีก 5 คนในชุดทหาร

เมื่อหัวหน้ากองเดินมาถึงตรงกลางแท่น เขาก็เริ่มกล่าวออกมาทันที "เอาล่ะก่อนอื่นข้าคงต้องขอแสดงความยินดีกับพวกเจ้าทุกคนที่ผ่านการทดสอบเพื่อเข้าค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะมาได้ ข้าคือหยางต้า เป็นหัวหน้ากองที่ควบคุมและรับผิดชอบการจัดการทดสอบเมื่อวานและรับผิดชอบการเข้าค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะในปีนี้ ส่วนผู้คนด้านหลังข้าทั้ง 5 คนนั้นล้วนเป็นนายกองทั้งสิ้น ซึ่งพวกเขาจะมีหน้าที่รับผิดชอบพวกเจ้าในแต่ล่ะกลุ่ม พวกเจ้าคงมีคำถามว่ากลุ่มอะไร เช่นนั้นข้าจะขอบอกตอนนี้เลยว่า ให้พวกเจ้าทั้งหมด แบ่งกลุ่มกัน เป็นจำนวน 5 กลุ่มๆละไม่เกิน 20 คน ปฏิบัติ "

สิ้นคำกล่าวเหล่าเยาวชนทั้งหมดก็รีบจับกลุ่มกันทันที

คนส่วนใหญ่ล้วนแยกย้ายออกไปตามทิศทางทั้ง 4 อย่างเร่งรีบ

ในแต่ละ 4 ทิศทางย่อมมีคนที่ดึงดูดความสนใจพวกมัน และทั้ง 4 คนนั้นย่อมเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก

ต้วนหลิงเทียน,ซูหลี่,เทียนหู และหยูเซี่ยง

เห็นได้ชัดว่าเหล่าเยาวชนทั้งหลายต่างไปหาที่พึ่ง ที่อาจจะช่วยให้พวกมันสามารถผ่านการทดสอบไปได้ ...

ส่วนต้วนหลิงเทียน เซี่ยวหยู และเมิ่งฉวนนั้นล้วนนิ่งไม่ได้ขยับไปไหนอยู่ที่เดิม

ทว่าคนที่เข้ามาหาพวกเขานั้นมีมากมายเกินกว่า 20 คนเสียอีก

และสุดท้ายเมื่อตกลงกันได้เรียบร้อย นับรวมกับพวกหลิงเทียนแล้ว ก็ได้ครบตามจำนวน 20 คนพอดี

เช่นเดียวกันกับทางด้านของ ซูหลี่ เทียนหู และ หยูเซี่ยง

และยังมีผู้ที่เหลือรอดอยู่อีก 18 คนที่ไม่สามารถไปเข้ากลุ่มกับเหล่า 4 ม้ามืดได้ พวกมันทำได้เพียงยืนยิ้มกันอย่างขมขื่น

"เอาล่ะตอนนี้พวกเจ้าคงแบ่งกลุ่มกันเสร็จสิ้นแล้ว ...เช่นนั้นข้าจะกล่าวบอกถึงกฎข้อปฏิบัติและเรื่องราวที่พวกเจ้าจะพบเจอในการเข้าค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะ แต่ล่ะกลุ่มนั้นจะได้เผชิญกับการทดสอบตามที่นายกองแต่ละกลุ่มจัดการให้ และการทดสอบต่างๆล้วนเคร่งครัดเป็นอย่างมาก การทดสอบจะเกิดขึ้นจนกว่าพวกเจ้าจะเหลือจำนวนคนเพียงครึ่งหนึ่ง ... หากให้กล่าวง่ายๆ ในอีก 3 เดือนหลังจากนี้แต่ละกลุ่มจะมีผู้รอดชีวิตเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น " หยางต้าค่อยๆกล่าวออกมาช้าๆ

เมื่อหยางต้ากล่าวจบกลุ่มคนที่ยืนยิ้มขื่นขมเมื่อครู่พลันเบิกตากว้างส่องประกายเรืองวูบออกมา

“ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องแย่สักเท่าไรนักที่มาอยู่ในกลุ่มนี้ อย่างน้อยกลุ่มนี้ก็หาได้มีพวกตัวประหลาดอะไรนั่น "

"ใช่แล้ว แต่พวกนั้นน่าจะพบกับปัญหากันแล้วล่ะ... โดยเฉพาะกลุ่มของต้วนหลิงเทียนและ หยูเซี่ยง ต้วนหลิงเทียนนั้นแน่นอนว่ามันย่อมต้องให้ความช่วยเหลือสหายที่มากับมันทั้ง 2 คนเป็นแน่ เช่นนั้นหมายความว่า ยังเหลือที่ว่างให้ผ่านการทดสอบเพียงแค่ 7 ที่เท่านั้น ...กล่าวได้ว่า คนอื่นๆทั้ง 17 คนนั้นมีเพียง 7 คนเท่านั้นที่จะรอดชีวิต "

“ฮ่าๆๆ ... กลุ่มของหยูเซี่ยงนับว่าแย่กว่ากันมากนัก กลุ่มของหยูเซี่ยงมีพวกสมาชิกของตระกูลต้วนอยู่อีกด้วย นั่นย่อมหมายความว่าในบรรดาคนนอกทั้ง 15 คนที่เหลือ มีเพียง 5 คนเท่านั้นที่จะรอดชีวิต"

...

เยาวชนที่เลือกไปจับกลุ่มแตกต่างกัน ตอนนี้ความรู้สึกของพวกมันล้วนต่างกันลิบลับ

โดยเฉพาะในกลุ่มของหลิงเทียนและหยูเซี่ยง

ตอนนี้เยาวชนในสองกลุ่มนี้ล้วนมีสีหน้าบิดเบี้ยวอย่างมาก

“บัดซบ! เช่นนั้นการมาอยู่กลุ่มเดียวกับต้วนหลิงเทียน ไม่นับเป็นเรื่องผิดพลาดหรือไร? บัดซบเอ๊ยเหตุใดจึงไม่บอกตั้งแต่แรก! ”

"ช่างมันเถอะ ข้านับว่ายังดีแล้วที่พวกเราอยู่กลุ่มเดียวกับต้วนหลิงเทียน เจ้าลองดูพวกที่อยู่กลุ่มเดียวกับหยูเซี่ยงซี่"

..

“บัดซบ! สวรรค์เหตุใดข้าถึงต้องมาอยู่กลุ่มเดียวกันกับหยูเซี่ยง? เหตุใดต้องโชคร้ายเช่นนี้!”

"นั่นสิ หากรู้เช่นนี้ไปอยู่กับต้วนหลิงเทียนยังจะดีซะกว่า"

...

"บัดซบ หากพวกเจ้าคิดว่ากลุ่มของต้วนหลิงเทียนดีกว่าเช่นนั้น ก็ไสหัวไปซะ!" หยูเซี่ยงที่บังเอิญได้ยิน กล่าวออกมาด้วยความหงุดหงิด

ทันใดนั้นเยาวชนทั้งหมดก็เงียบเสียงลงไปทันที ...

แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะมีเรื่องอะไรกับหยูเซี่ยงในตอนนี้ ...

เพราะหากหยูเซี่ยงบันดาลโทสะขึ้นมาแล้วล่ะก็พวกเขาต้องตกตายอย่างแน่นอน

"เอาล่ะ ต่อไปนี้ ทั้ง 5 กลุ่มจะถือว่า เป็น หน่วยย่อย 5 หน่วย แต่ละหน่วยย่อย จะมีนายกองเป็นผู้ควบคุมและทำการฝึกพวกเจ้าเป็นเวลา 3 เดือน"

เสียงของหยางต้าดังขึ้นมาอีกครั้ง

กลุ่มของ ซูหลี่ คือ หน่วยย่อยที่ 1

กลุ่มของ เทียนหู คือ หน่วยย่อยที่ 2

กลุ่มของ ต้วนหลิงเทียน คือ หน่วยย่อยที่ 3

กลุ่ม หยูเซี่ยง คือ หน่วยย่อยที่ 4

และกลุ่มสุดท้ายที่มี 18 คนเป็นหน่วยย่อยที่ 5

และตอนน้ายกองทั้ง 5 คนก็ไปยืนประจำในแต่ละกลุ่ม ...

นายกองที่เป็นชายวัยกลางคนอายุราวๆ 30 ปีที่ยืนอยู่หน้ากลุ่มของหลิงเทียนกล่าวออกมาด้วยเสียงดังฟังชัดว่า "ตั้งแต่วันนี้ไป ข้าจะเป็นครูฝึกของหน่วยย่อยที่ 3 นี้ ข้ามีนามว่า ฟางเจี้ยน!"

"ฟางเจี้ยน*?" (*พ้องเสียงกับคำที่มีความหมายว่า อุบาทว์)

เยาวชนถึงกับตกตะลึง

มุมปากของหลิงเทียนกระตุกเล็กน้อย ชื่อนายกองนี้นับว่า... พิเศษนัก ...

"อุฟ ฮ่าๆๆๆ!"

ทันใดนั้นก็มีเสียงคนที่ไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ได้

"ตลกมากนักรึ!?"

ใบหน้าของฟางเจี้ยนเริ่มหมองคล้ำลงในขณะที่เขาตวาดออกมา

เสียงของทั้งหน่วยเงียบลงทันที

"วิ่งตามข้ามา พวกเราจะต้องวิ่งไปยังเขา ซ่อนอรุณ!" ฟางเจี้ยนกล่าวคำสั่งออกมาด้วยน้ำเสียงต่ำๆก่อนที่จะเริ่มวิ่ง นำหน่วยที่ 3 ทั้งหน่วยออกจากค่ายของกองกำลังโลหิตเหล็ก

ส่วนอีก 4 หน่วยย่อยที่เหลือ นายกองแต่ละหน่วยก็เริ่มออกวิ่งมาด้วยเช่นกัน

กลุ่มอัจฉริยะทั้งหลายจึงได้แต่วิ่งตามนายกองของพวกมันออกจากค่ายกองกำลังโลหิตเหล็กไปยังหุบเขา ซ่อนอรุณ

ในช่วงแรกๆของการวิ่งก็ยังพอมีเสียงพูดคุยกระซิบกระซาบกันบ้าง ...

แต่เมื่อถึงเวลาเที่ยงวัน กลับมีแต่เสียงหอบหายใจ เสียงสนทนาทั้งหลายกลับไม่มีให้ได้ยินสักครึ่งคำ

ยามนี้ทุกคนล้วนหิว และกระหายอย่างมาก

"ครูฝึก แล้วพวกเราจะได้กินข้าวเที่ยงกันเมื่อไหร่หรือขอรับ?" หนึ่งในเยาวชนของหน่วยย่อยที่ 3 ที่มีรูปร่างค่อนข้างท้วมทนหิวไม่ค่อยไหวถึงกับกล่าวถามออกมา

"ฮึ่ม! อาหารกลางวันหามีให้เจ้ากินไม่ หากเจ้าหิวนักก็รีบวิ่งเข้าสิ เมื่อถึงหุบเขาซ่อนอรุณแล้วพวกเจ้าจะได้มีโอกาสล่าสัตว์และทำอาหารกินเอง หากเจ้าหิวก็รีบวิ่งเข้าเสีย ยิ่งเจ้าวิ่งไปถึงเขาซ่อนอรุณเร็วเท่าไรเจ้าก็มีโอกาสได้กินอาหารเร็วขึ้นเท่านั้น แต่ปกติก็มักจะถึงตีนเขากันในยามค่ำคืน ... เอาล่ะ พวกเจ้า วิ่งให้มันเข้มแข็งกันหน่อย ! "

ฟางเจี้ยงกล่าวกระตุ้นออกมา

"อะไร พวกเราต้องวิ่งเช่นนี้ไปจนถึงยามค่ำคืนเลยหรือ?"

เยาวชนทั้งหลายล้วนตกตะลึง

ตอนนี้พวกเขาเหมือนพึ่งวิ่งมาได้ครึ่งทางเท่านั้น แล้วพวกเขาก็เหนื่อย หิว และกระหายมากด้วย ...

หากพวกเขาต้องวิ่งเช่นนี้ไปจนถึงยามค่ำคืน เมื่อถึงภูเขาไม่ใช่ว่าพวกเขาจะต้องสิ้นใจตายเพราะความเหนื่อยหรอกหรือ?

ด้านหลังของหน่วย เยาวชน 3 คนก็ยังคงวิ่งรั้งท้ายเอาไว้ โดยไม่ได้เร่งร้อนอะไร เมิ่งฉวนเช็ดเหงื่อที่ไหลซึมออกมาตามหน้าผาก ก่อนที่เขาจะกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย "แฮ่กๆ เฮ่ ต้วนหลิงเทียน นี่เจ้าไม่เหน็ดเหนื่อยบ้างหรือไรกัน แฮ่กๆ?"

ตอนนี้แม้แต่เซี่ยวหยูเองก็เหนื่อยจนหอบหายใจ ...

แต่มีเพียงหลิงเทียนเท่านั้นที่ดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านอะไร เหงื่อสักหยดยังไม่มี

มุมปากของหลิงเทียนพลันฉีกเป็นรอยยิ้มกว้างออกมา

เหนื่อยงั้นหรือ?

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องให้วิ่งแค่นี้เลย ในชีวิตที่แล้วนั้น เขาต้องฝึกวิงลำบากกว่านี้อีกด้วยซ้ำ ที่สำคัญยังต้องแบกน้ำหนักอีกด้วย และไม่ได้วิ่งแค่วันเดียว เขาต้องวิ่งเป็นวันๆติดต่อกัน

แล้วมาชีวิตนี้ ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า ทั้งยังมีพลังงานต้นกำเนิดหนุนเสริมอีก อย่าว่าแต่วิ่งแค่ครึ่งวันเลย ต่อให้เขาวิ่งไปจนรุ่งเช้าของอีกวัน ถ้าหากอากาศมันไม่ได้ร้อนมากนักเหงื่อยังจะมีให้เห็นหรือไม่ก็ไม่รู้..

"เมิ่งฉวน จังหวะหายใจของเจ้านั้นรีบร้อนเกินไป...เจ้าลองหายใจเข้าทุก 3 ก้าว แล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกทุกๆ 2 ก้าว แล้วพยายามรักษาจังหวะเช่นนี้เอาไว้ ลองดูสิ"

ต้วนหลิงเทียนยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะบอกเทคนิคการรักษาลมหายใจให้แก่เมิ่งฉวน

เมิ่งฉวนเองก็เชื่อฟังนัก มันลองทำตามทันที และเมื่อมันสามารถกระทำได้และกระทำต่อไปสักพัก อาการเหนื่อยหอบของมันก็เริ่มลดน้อยลง เหงื่อที่เคยหลั่งออกมาท่วมตัวก็ค่อยๆแห้งลง ทั้งมันยังรู้สึกดูดีและเต็มไปด้วยพลังสบายกว่าเมื่อก่อนหน้านี้มากโข

"สุดยอด ต้วนหลิงเทียน วิธีการของเจ้าช่างยอดเยี่ยมนัก" ดวงตาของเมิ่งฉวนเบิกกว้างออกมาด้วยความตกตะลึง

"หืม?

เซี่ยวหยูเองก็ประหลาดใจไม่น้อย เขาอดไม่ได้ที่จะลองใช้วิธีของหลิงเทียนดูด้วยตัวเอง และหลังจากทำตามวิธีนี้ดู เขาก็พบว่าเขาไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยอีกต่อไป

เขาได้แต่ส่งสายตาลึกซึ้งมองไปยังต้วนหลิงเทียน

เขายิ่งค้นพบว่า ยิ่งรู้จักหลิงเทียนมากเท่าไร ชายหนุ่มคนนี้ยิ่งสร้างความประหลาดใจให้เขามากขึ้นเท่านั้น...

"อา ต้วนหลิงเทียน ข้านี่ยอมซูฮกเจ้าจริงๆ" เมิ่งฉวนถอนหายใจออกมา

ไม่นานทุกๆคนก็เริ่มสังเกตกลุ่มของต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 คน...คนอื่นนั้นเหนื่อยหอบเหงื่อแตกพลั่กราวกับหมาหอบแดด แต่พวกกลุ่มของต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 คนนั้นหาได้มีแม้แต่เหงื่อสักหยด ที่สำคัญลมหายใจของพวกมันก็ไม่ได้ปั่นป่วนแม้แต่น้อย

แม้แต่ครูฝึกที่เป็นนายกองทั้ง 5 ก็ล้วนให้ความสนใจขึ้นมา

"ฮึ่ม!"

หยูเซี่ยงที่หอบแฮ่กๆ ได้แต่มองท่าทางของหลิงเทียนด้วยความเกลียดชัง

ตอนนี้ซูหลี่และเทียนหูเองก็ต้องหันไปมองหลิงเทียนอย่างอดไม่ได้

เพราะในตอนนี้นอกจาก นายกองทั้ง 5 ที่ไม่เป็นอะไรแล้ว มีเพียงกลุ่มของต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 คนเท่านั้นที่ไม่มีอาการอะไรแม้แต่น้อย เหมือนว่าพวกเขามาเดินเล่นเท่านั้นไม่ได้เหนื่อยจากการวิ่งอะไรแบบพวกเขา

ในขณะที่ตะวันเริ่มจะตกดินเยาวชนทั้งหมดนอกจากกลุ่มของต้วนหลิงเทียน 3 คน รวมทั้งเทียนหู,หยูเซี่ยงและซูหลี่เองก็ล้วนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อพวกมันได้เห็นเขา ซ่อนอรุณปรากฏอยู่ในสายตา

"อะไรพวกเรามาถึงเร็วเพียงนี้เลยหรือ? ยังวิ่งไม่ทันได้เหงื่อเลย ไม่ได้ท้าทายสักนิด" เมิ่งฉวนกล่าวออกมาอย่างเย้ยหยัน

หลังมันกล่าวจบแน่นอนว่าล้วนได้รับสายตารังเกียจมาจากทั่วทุกสารทิศ มีเพียงเซี่ยวหยูกับหลิงเทียนที่พยายามกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ ...

ไม่นานหลังจากนั้น นายกองทั้ง 5 ที่ไปปรึกษากันก็กล่าวออกมาเสียงดังลั่นว่า "หยุด!"

เมื่อได้รับคำสั่งให้หยุดลง เยาวชนทั้งหมดก็หอบหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง พวกมันแทบจะร้องตะโกนออกมาด้วยความดีใจ

เพราะในที่สุดพวกมันก็ได้พักเสียที

หลังจากที่พวกมันได้พักหายใจไม่นาน เหล่าครูฝึกทั้ง 5 ก็แยกย้ายกันมาค้นตัวพวกมัน และยึด ที่จุดไฟของพวกมันที่ได้นำติดตัวมาออกไปจนหมดสิ้น

"หืม น่าสนใจดีนี่"

หลิงเทียนที่เอะใจคิดถึงเรื่องอะไรบางอย่างได้แต่ยิ้มออกมาราวกับรู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น

ครูฝึกทั้ง 5 ที่รวมรวมที่จุดไฟจากเยาวชน นำมันมากองกันก่อนที่จะจุดไฟเผาทำลายมันจนแทบหมดสิ้น

"ครูฝึก นี่ท่านคิดทำอันใดรึ ... "

เยาวชนบางคนกล่าวถามออกมา

"ตอนนี้หัวหน้ากองกำลังรอพวกเจ้าอยู่ที่ทางขึ้นเขาซ่อนอรุณ ... คนแรกที่วิ่งไปถึงจะได้รับที่จุดไฟจากหัวหน้ากอง หึหึ เรื่องที่ว่าค่ำคืนนี้พวกเจ้าจะได้กินอาหารดิบหรือสุก ก็อยู่ที่ฝีเท้าของพวกเจ้าแล้วล่ะ" หนึ่งในครูฝึกกล่าวออกมา

หลังจากได้ฟังคำกล่าว เหล่าเยาวชนทั้งหมดล้วนตกตะลึงอยู่แค่ชั่วครู่ ก่อนที่พวกมันจะเริ่มออกวิ่งไปอย่างไม่คิดชีวิต พวกมันล้วนไม่สนใจที่จะรั้งรอแม้แต่ลมหายใจเดียว...

เหนือศีรษะของเหล่าเยาวชนตอนนี้ล้วนเต็มไปด้วยเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ พวกมันถึงกับใช้วิชาท่าร่างด้วยกำลังทั้งหมด!

ส่วนทางด้านกลุ่มของหลิงเทียนทั้ง 3 คนนั้นยังเดินไปอย่างช้าๆ ไม่ได้รีบร้อนอะไร

ต้วนหลิงเทียนนั้นดูท่าทางสบายใจเป็นอย่างมากและไม่ได้ร้อนรนแม้แต่น้อย เมิ่งฉวนและเซี่ยวหยูที่อยู่ด้านข้างก็ได้แต่สงสัยว่าหลิงเทียนคิดจะทำอะไร ...

"ต้วนหลิงเทียน พวกเราไม่ต้องไปวิ่งแข่งขันกับพวกเขาจริงๆหรือ" เมิ่งฉวนอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมา

"หากเราไม่มีที่จุดไฟ พวกเราคงต้องกินเนื้อดิบกันแล้วล่ะหลังจากนี้"

เซี่ยวหยูเองก็กล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มขื่นขม

"แล้วใครบอกพวกเจ้ากันเล่า ว่าหากคิดจะก่อไฟ ต้องใช้ที่จุดไฟเท่านั้น?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส

นี่ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ในแหวนมิติของเขายังมีที่จุดไฟ ถึงต่อให้ไม่มีเขาก็มีวิธีจุดไฟอีกมากมาย...

4 ใน 5 ของครูฝึกเริ่มอออกวิ่งเพื่อที่จะไปรอเหล่าเยาวชน

เฉพาะครูฝึกของหน่วยที่ 3 อันเป็นหน่วยของหลิงเทียน ที่มีนามว่าฟางเจี้ยนเท่านั้น ที่ยังคงจับตาดูหลิงเทียน ก่อนที่จะขมวดคิ้วเป็นปมแต่เขาก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา

"แล้วเจ้าจะจุดไฟได้อย่างไรกัน หากไม่ใช้ที่จุดไฟ" เมิ่งฉวนกล่าวถามออกมาด้วยความประหลาดใจ

"ช่างมันเถอะ ถึงอย่างไรตอนนี้พวกเราก็ไปไม่ทันแล้ว... หากพวกเราต้องการจุดไฟในภายหลัง พวกเราก็แค่ไปขอยืมจากคนที่มีเท่านั้นเอง" เซี่ยวหยูส่ายหัวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ค่อยเชื่อที่หลิงเทียนกล่าวสักเท่าไร

สุดท้ายทั้ง 3 คนที่ค่อยๆเดิน ก็มาถึง บริเวณทางขึ้นเขาซ่อนอรุณ เมื่อมาถึงพวกเขาก็เห็นหัวหน้ากองหยางต้าและก็ครูฝึกที่เป็นนายกองอีก 4 คนเท่านั้น

ส่วนเยาวชนคนอื่นๆนั้นไม่เหลืออยู่แม้แต่คนเดียว

"เกิดอะไรขึ้น?"

หยางต้ามองไปยังฟางเจี้ยนครูฝึกที่ติดตามกลุ่มต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 คนมา

"หัวหน้ากอง ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ได้ให้ความสนใจ ที่จุดไฟ เช่นนั้นข้าจึงไม่ได้บังคับพวกเขา" ฟางเจี่ยนกล่าว ออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

หยางต้าเหลือบมองกลุ่มของต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะส่ายหัวไปมา "ช่างมันเถอะ ตอนนี้พวกเจ้าทั้ง 3 คนไปล่าสัตว์เพื่อเตรียมทำมื้อเย็นของพวกเจ้าได้"

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำ ก่อนที่จะเดินขึ้นเขาซ่อนอรุณไปเพื่อหาสัตว์ป่า พร้อมกันกับเซี่ยวหยูละเมิ่งฉวน

"สงสัยพวกเขาคงคิดที่จะยืมที่จุดไฟจากผู้อื่นตั้งแต่แรก"

เมื่อเห็นกลุ่มหลิงเทียนเดินลับหายไป ฟางเจี้ยนกล่าวออกมา

"เช่นนั้นพวกเขาก็โชคร้ายแล้วล่ะ... "

หยางต้ากล่าวออกมาพร้อมสายตาแปลกๆ

"เอ๋?"

ฟางเจีย้นหันไปมองหัวหน้ากองก่อนที่จะกล่าวถามออกมา "หัวหน้าเหตุใดท่านจึงกล่าวเช่นนั้นเล่า?"

"ฮ่าๆ ฟางเจี้ยน เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ใดเป็นผู้ชนะในการแย่งชิงที่จุดไฟ?" นายกองอีกคนหนึ่งกล่าวถามออกมา พร้อมเสียงหัวเราะ

"ผู้ใดหรือ?" ฟางเจี้ยนกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย

"เป็น หยูเซี่ยง!"

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.