spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
เมิ่งฉวนหายใจเข้าลึกๆ ท่าทีของเขาพลันหนักแน่นขึ้นเล็กน้อย
เขาเข้าใจดีว่าคำกล่าวของหลิงเทียนและเซี่ยวหยูหมายความว่าอยางไร เหล่านักโทษที่เป็นทหารของอาณาจักรอื่นนั้นแน่นอนว่าย่อมสิ้นหวังในชีวิตไปแล้ว ยามนี้พวกมันพร้อมที่จะต่อสู้จนตัวตายเพื่อระบายอารมณ์ของพวกมัน
ตัวเขาย่อมรู้สึกกดดัน
แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเขากลับมีความรู้สึกกระหายการต่อสู้!
ตอนนี้เอง รองแม่ทัพเฉียวชิงจ่างก็มองไปยังเยาวชนที่ยังเหลืออยู่พร้อมกล่าวออกมาว่า "เอาล่ะ พวกเจ้าที่ยังยืนอยู่ตรงนี้ นับว่ามีความกล้าหาญไม่เบา อย่างน้อยก็ไม่ทำให้ข้าผิดหวัง... เช่นนั้นตอนนี้ข้าขอประกาศเริ่มการทดสอบเข้าค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะ ณ บัดนี้!"
ในขณะที่เสียงของเฉียวชิงจ่างดังขึ้น กองกำลังโลหิตเหล็กก็เดินนำขบวนทักโทษจำนวนหนึ่งออกมา ก่อนที่จะควบคุมพวกมันให้ยืนกันอย่างเป็นระเบียบด้านข้างเวที
กองทัพของนักโทษเดนตายเดินเข้ามาพร้อมบรรยากาศอึมครึม
เหล่านักโทษที่เป็นทหารของอาณาจักรอื่นนั้น ตอนนี้พวกมันดูเฉื่อยชาและหมดสิ้นแรงใจในการมีชีวิตอยู่ เมื่อพวกมันเดินมาถึงเหล่าทหารก็แยกย้ายกันปิดลอมควบคุมพวกมันเอาไว้อย่างดีอยู่ด้านข้างเวที
"วันนี้ข้าจะเปิดโอกาสให้นักโทษทั้งหลายได้รับการนิรโทษกรรม ข้าจะให้พวกเจ้าจัดกองกำลังกันเอง โดย หนึ่งกองกำลังจะประกอบด้วย ระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 จำนวน 6 คน ระดับก่อกำเนิดขั้นแรก 3 คนและระดับ ก่อกำเนิดขั้นที่ 2 จำนวนหนึ่งคน..และถ้ากองกำลังไหนสามารถสังหารเหล่าเยาวชนที่เข้าร่วมการทดสอบได้ ข้าจะมอบอิสรภาพให้แก่พวกเจ้า! "
เฉียวชิงจ่างกล่าวกับนักโทษจำนวน 2,000 กว่าคน ก่อนที่จะชี้ไปยังเหล่าเยาวชนที่กำลังจะเข้ารับการทดสอบ
เหล่าทหารเดนตายของข้าศึกที่มีทีท่าเฉื่อยชาหมดอาลัยในชีวิตเมื่อครู่ พลันแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วราวกับวิญญาณของพวกมันได้รับการปลอบประโลมอย่างไรอย่างนั้น แววตาของพวกมันเสมือนมีแสงหนึ่งถูกจุดขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิดที่พวกมันกำลังหลงทาง ...
แสงแห่งความหวังและความปรารถนาในการมีชีวิต!
และแรงปรารถนาในอิสรภาพ!
หลังจากนั้นแววตาของพวกมันที่ใช้มองเหล่าเยาวชนก็แปรเปลี่ยนไป ดวงตาของพวกมันฉายชัดออกมาถึงความกระหายเลือด จิตสังหารจำนวนมหาศาลก็เริ่มปะทุขึ้นมา
ตอนนี้เอง ท่าทางของเยาวชนกลับกลายเป็นซีดเผือดขึ้นมา
พวกมันจะไปเคยเผชิญหน้ากับความอำมหิตและความโหดร้ายเช่นนี้จากที่ไหนกันล่ะ? ตอนนี้แววตาของพวกนักโทษจับจ้องมองพวกมันราวกับจะฉีกกระชากพวกมันออกเป็นชิ้นๆอย่างไรอย่างนั้น ...
"ตอนนี้เหล่านักโทษที่เป็นทหารเดนตายของข้าศึก คงยินดีที่จะสู้อย่างไม่หวาดกลัวความตายเพื่อให้ได้รับอิสรภาพ!"
ต้วนหลิงเทียนถอนหายใจออกมา
"ถูกแล้ว พวกเราเองก็ห้ามประมาทเป็นอันขาด"
เซี่ยวหยูก็เข้าใจสถานการณ์ได้ในทันที
"หมายเลข 1 ก้าวออกมา"
หนึ่งในหัวหน้ากองที่ยืนอยู่ด้านหลังของรองแม่ทัพเฉียวชิงจ่าง ประกาศเรียกหมายเลขออกมา
เมื่อสิ้นเสียงเรียก ก็มีเยาวชนคนหนึ่งที่มีสีหน้าซีดเผือดเดินออกมาอย่างกล้าๆกลัว และดวงตาของมันเองก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ...
หัวหน้ากองกล่าวถามออกมาอีกครั้งว่า "เจ้าคิดที่จะทำการทดสอบด้วยตัวคนเดียว หรือคิดที่จะจับกลุ่มทดสอบกับสหายของเจ้า?"
"ข้า ... ข้าจะเข้ารับการทดสอบด้วยกันกับสหายของข้า" ชายหนุ่มคนนั้นกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย
และในขณะเดียวกันชายหนุ่มที่มีท่าทางไม่แตกต่างกันสักเท่าไรก็ก้าวออกมา 2 คน
"รายงานหมายเลขประจำตัวของพวกเจ้า"
"หมายเลข 2"
"หมายเลข 3 "
ทั้งสองคนสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะเดินไปยืนรวมกันกับชายหนุ่มคนแรกที่ก้าวออกมา
"ปล่อยนักโทษ 30 คนเข้าสู่ เวที"
หัวหน้ากองหันไปกล่าวกับผู้คุมที่กำลังคุมเหล่านักโทษเอาไว้
หลังจากที่ได้รับคำสั่งผู้คุมก็เรียกนักโทษที่ได้จับกลุ่มกันตั้งแต่เมื่อครู่ให้ก้าวออกมา 3 กลุ่ม จำนวนรวมทั้งสิ้น 30 คน และนักโทษแถวแรกก็ไม่คิดรีรออะไรมันรีบก้าวออกมาพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความยินดี
แววตาของพวกมันเรืองวูบในขณะที่มองไปยังชายหนุ่มทั้ง 3 บนเวทีราวกับฝูงหมาป่าจ้องมองลูกแกะอย่างไรอย่างนั้น
"เริ่มได้!"
สิ้นเสียงของนายกองนักโทษจำนวน 30 คนก็กรูกันเข้ามาหาชายหนุ่มทั้ง 3 คนทันที
"ฆ่า!"
นักโทษเดนตายอดีตทหารของข้าศึกกู่ร้องออกมาเสียงดังสนั่น ราวกับเสียงฟ้าร้อง พร้อมแผ่จิตสังหารและกลิ่นอายกระหายเลือดออกมาอย่างท่วมท้น!
เมื่อได้ยินเสียงคำรามที่น่าหวาดกลัวพร้อมแรงกดดันที่น่าสะพรึง อีกทั้งยังมีจิตสังหารอำมหิตอย่างไม่เคยพบเจอมาก่อนของเหล่านักโทษเดนตายจากกองทัพข้าศึกที่ถาโถมเข้ามาราวกับสัตว์อสูรดุร้าย ทำให้ชายหนุ่มทั้ง 3 คนถึงกับหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก สองขาของพวกมันพลันเปลี่ยนเป็นหนักอึ้งราวกับถูกถ่วงด้วยตะกั่ว ไม่สามารถเคลื่อนไหวตอบโตอะไรได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว
และเพียงพริบตาเดียวเทานั้น ทั้ง 3 คนก็ถูกสับเป็นชิ้นๆ ชิ้นส่วนอวัยวะล้วนถูกฉีกกระชากออกมาในเสี้ยวพริบตา!
เลือดและเนื้อกระจัดกระจายส่งกลิ่นคาวคลุ้งไปทั่วเวทีประลองที่ราวกับจะกลับกลายเป็นเขียงสับเนื้อในเวลา 2 ลมหายใจ
ส่วนด้านข้างเวทีนั้นเหล่าเยาวชนเกือบ 90% ล้วนมีทีท่าหวาดกลัว ใบหน้าของพวกมันพลันเปลี่ยนเป็นสีซีด บางคนมีอาการย่ำแย่ถึงขนาดอาเจียนและสำรอกอาหารทุกอย่างที่พวกมันได้กินมาในตอนเช้าออกมาจนหมดสิ้น
ทำให้รอบเวทีประลองตอนนี้อบอวลไปด้วยกลิ่นเหม็น ...
“แหวะ...เหม็นยิ่งนัก"
เมิ่งฉวนได้แต่เอาสองนิ้วอุดจมูกด้วยความขยะแขยง
เซี่ยวหยูเองก็ขมวดคิ้ว
เฉพาะต้วนหลิงเทียนเท่านั้นที่ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาแม้แต่น้อย สำหรับเขาสิ่งที่เจอมาในชีวิตที่แล้วหนักหนาสาหัสกว่านี้เยอะ...
แค่นี้ไม่ทำให้เขารู้สึกอะไรแม้แต่น้อย
"นำพวกมันไปส่งนอกเมือง!" หัวหน้ากองกล่าวสั่งออกมา
ทันใดนั้นกลุ่มนักโทษ 30 คนก็คุกเข่าก้มลงก่อนที่ทหารของกองกำลังโลหิตเหล็กจะจับตัวพวกมันไปปล่อยนอกเมืองพร้อมกล่าวออกมา
“ขอบคุณนายท่าน!”
ทหารข้าศึกที่ยามนี้ได้รับอิสรภาพ คุกเข่าลงก่อนที่จะคารวะออกมา 3 ครั้ง สีหน้าของพวกมันล้วนเบิกบานสดใสอย่างยิ่งเมื่อได้รับการปลดปล่อยเช่นนี้
เมื่อเห็นนักโทษ 30 คนได้รับการปลดปล่อยสู่อิสรภาพอันหอมหวานได้ง่ายดายถึงเพียงนี้ ทำให้เหล่านักโทษที่เหลือทั้งหมดบังเกิดประกายตาที่เต็มไปด้วยความกระหาย และรีบร้อนที่จะให้ถึงทีของตนขึ้นไปบนเวทีบ้าง พวกมันล้วนเนื้อเต้นสั่นระริกจนแทบไม่อาจรอที่จะขึ้นไปจัดการเหล่าลูกแกะบนเวทีได้เสียแล้ว ...
เพราะปัจจุบันพวกมันมองไปยังเหล่าเยาวชนที่รอทำการทดสอบอะไรนี่ราวกับลูกแกะตัวน้อยๆที่มีเนื้อหอมหวาน
"ถ้าเจ้าเลือกที่จะเข้าร่วมการทดสอบพร้อมกับสหาย อันตรายก็จะยิ่งมีมากขึ้น คน 3 คนต้องเผชิญกับการร่วมมือของกลุ่มคนทั้ง 30 คนนั้นหาใช่เรื่องง่ายดายไม่ ต่อให้จะแข็งแกร่งถึงเพียงไหนแต่ก็ยังยากที่จะรับมือพวกมันที่ร่วมมือกันจู่โจมได้อย่างพร้อมเพรียง อีกทั้งจำนวนมันก็เยอะเกินไป "
เยาวชนบางคนสังเกตได้ถึงจุดๆนี้
เหล่าเยาวชนที่เดิมมิคิดจะร่วมมือกับสหายต่างต้องรีบคิดตัดสินใจใหม่ในทันที
"ดูเหมือนข้าเองก็พอมีความสามารถในการมองการณ์ไกลอยู่บ้าง"
เมิ่งฉวนยิ้มกว้างๆ
"เฮ่ จะอย่างไรนักโทษข้าศึกพวกนี้ก็มีความสามารถไม่น้อย แต่กล่าวตรงๆก็หาได้ยากอะไรสำหรับข้าไม ถึงจะมี 20 หรือ 30คนก็เถอะ ...เมิ่งฉวนพวกเราร่วมทีมกันดีหรือไม่ เจ้ามั่นใจที่จะลงมือคนเดียวจริงๆเช่นนั้นหรือ?"
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย
หลังจากการเดินทางและการใช้เวลาร่วมกัน ทำให้เขาเองก็ยึดถือเมิ่งฉวนเป็นสหายของเขาคนหนึ่งไปเรียบร้อยแล้ว เขาย่อมไม่อยากให้สหายคนนี้ต้องมาเสี่ยงตายอะไรกับเรื่องพวกนี้
"ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถ"
ดวงตาของเมิ่งฉวนเปล่งประกายออกมา ด้วยเจตนาแน่วแน่
"หมายเลข 4!"
หัวหน้ากองกล่าวขานหมายเลขออกมาอีกครั้ง
ครั้งนี้กลับมีชายหนุ่มเดินขึ้นเวทีประลองมาคนเดียว
หลังจากนั้นนักโทษจำนวน 10 คนก็ถูกปลดปล่อยลงมายังเวทีประลอง ...
"เริ่มได้!"
เสียงนายกองประกาศเริ่มการประลองดังขึ้น ...
ซู่มมมม!
ชายหนุ่มคนนั้นใช้ออกด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมดทันที เงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 3 ตัวลอยเด่นอยู่เหนือศีรษะของเขา
ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 2!
และหากสังเกตดีๆจะพบว่าความเร็วของวิชาท่าร่างของชายหนุ่มคนนี้นับว่ารวดเร็วอย่างมาก
แม้จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 2 ของฝั่งนักโทษเองก็ได้แต่มองเขาโดยที่ไม่สามารถติดตามได้ทัน
และพริบตาต่อมาคนที่ดูราวกับจะเป็นหัวหน้าของนักโทษชุดนี้ก็กล่าวคำสั่งออกมาเสียงดังลั่น "ปิดล้อมมันไว้!"
เพียงพริบตาที่ได้รับคำสั่งเหล่านักโทษทั้ง 10 ล้วนกระจายตัวออกไป ก่อนที่จะค่อยๆบีบพื้นที่เข้ามา ทำให้ชายหนุ่ม นั้นไม่มีหนทางที่จะใช้ความเร็วลอบจู่โจมได้โดยง่าย
ท่าทางของชายหนุ่มที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่เปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวเล็กน้อยเขาเลือกที่จะ พุ่งไปยังนักโทษที่มีระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 คนหนึ่ง และลงมืออย่างเต็มกำลัง หวังฝ่าวงล้อมออกไป
ปัง!!!
พลังงานต้นกำเนิดของเขาควบแน่นไปยังกำปั้น ก่อนที่จะซัดออกไปปะทะกับนักโทษระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 คนนั้นในพริบตา ศีรษะของมันระเบิดเป็นเสี่ยงๆ สมองและเลือดรวมถึงลูกตากระจายออกมาเป็นเสี่ยงๆ
"ยอดเยี่ยม!"
เยาวชนหลายคนที่รับชมเหตุการณ์อยู่กล่าวชมเชยออกมา
แต่เสี้ยวพริบตาต่อมาพวกมันถึงกับต้องหยุดชะงักลงอย่างกะทันหัน
เพราะชายหนุ่มที่ยืนอยู่บนเวทีประลองตอนนี้กลับหยุดการเคลื่อนไหวลงราวกับบังเกิดความตื่นตระหนกหลังจากลงมือสังหารผู้คน ...
เห็นได้อย่างชัดเจนว่านี้เป็นการลงมือสังหารผู้คนครั้งแรกของมัน
และพริบตาต่อมานักโทษทั้ง 9 คนก็ฉวยโอกาสลงมือจู่โจมทำร้ายเขาอย่างพร้อมเพรียง...สุดท้ายชายหนุ่มก็กลายเป็นก้อนเนื้อเลอะเลือนกระจัดกระจายอยู่บนเวทีประลอง
และทหารข้าศึกอีก 9 คนก็ได้รับอิสรภาพไปในลักษณะนี้
มันเป็นเรื่องที่ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่าความผิดพลาดของผู้อื่นนั้นถือเป็นบทเรียนที่ดีที่สุด
หลังจากที่หมายเลข 1-13 เผลอพลาดพลั้งถูกเหล่านักโทษสังหารจนตายตกหมดสิ้น หมายเลข 14 ที่เตรียมการมาอย่างดีก็สามารถใช้ความสามารถในระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 2 จนสังหารนักโทษทั้ง 10 คนลงจนหมดสิ้นและผ่านการทดสอบไปเป็นคนแรก
"หมายเลข 14 ผ่าน!"
ชายหนุ่มคนนั้นสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะเดินลงจากเวทีประลองไปด้วยแววตากล้าแกร่งราวกับคนละคนที่ก้าวขึ้นเวทีมาในตอนแรก
หลังจากนั้นก็เป็นหมายเลข 15
น่าเสียดายที่หลังจากปลิดชีวิตนักโทษไปได้ถึง 6 คน เขาก็หมดสิ้นเรี่ยวแรงและถูกกลุ้มรุมจากนักโทษอีก 4 คนที่เหลือจนตกตายไปในที่สุด
การเข่นฆ่ายังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
ทีละคนๆ เหล่าเยาวชนที่เข้าร่วมการทดสอบ หากไม่ทิ้งลมหายใจสุดท้ายไว้บนลานประลองก็ ผ่านการทดสอบไปด้วยความภูมิใจ ...
หลังจากนั้น...เหล่าอัจฉริยะที่มาจากทั่วทั้งมณฑลผานางแอ่นเหินก็มีบ้างที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนแทบเสียชีวิต มีบ้างที่ผ่านไปอย่างปลอดภัย มีบ้างที่เริ่มคุ้นชิ้นกับการเข่นฆ่า
ทำให้จำนวนเยาวชนที่สอบผ่านมีเพิ่มมากขึ้นตามเวลา
ขณะที่การแสดงออกของเหล่านักโทษยามนี้ไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไร
"ดูเหมือนว่าการอยู่ลำดับหลังๆจะเป็นประโยชน์ไม่ใช่น้อย"
เมิ่งฉวนมองบัตรประจำตัวที่มีหมายเลข 139 ของเขาก่อนที่จะเผยรอยยิ้มออกมา
"หมายเลข 100!"
สิ้นเสียงขายชื่อของหัวหน้ากอง ชายหนุ่มชุดคลุมสีดำขลิบทองก็กระโจนขึ้นเวทีไป
แน่นอนว่าลักษณะการแต่งกายเช่นนี้ต้องเป็นหยูเซี่ยงไม่ผิดเพี้ยน!
เหล่านักโทษเดนตายที่เป็นทหารของข้าศึกนั้นตอนแรกพวกมันก็มองหยูเซี่ยงด้วยแววตากระหายเลือด แต่เมื่อพวกมันได้เห็นเงาร่างช้างแมมมอธโบราณที่ลอยเด่นอยู่เหนือหัวหยูเซี่ยงเป็นจำนวน 6 ตัวพวกมันก็กลับกลายเป็นหวาดกลัว
"ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 4!"
เหล่านักโทษล้วนรู้ตัวดีว่ามันไม่มีหนทางเอาชนะได้และไม่พ้นตกตายเป็นแน่แท้ พวกมันจึงทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง ลงมืออย่างเต็มกำลังโดยไม่คิดที่จะรักษาชีวิตเอาไว้
ทว่าน่าเสียดาย ที่ถึงแม้อยูเซี่ยงจะยืนอยู่เฉยๆให้พวกมันทุบตี พวกมันก็ไม่สามารถทำลายกำแพงป้องกันที่เกิดจากพลังงานต้นกำเนิดหลังฝึกฝนวิชาป้องกันมาได้ ... หลังจากนั้นพวกมันก็ทำได้เพียงถูกหยูเซี่ยงลงมือสังหารอยู่ฝ่ายเดียว
"แม้หยูเซี่ยงอะไรนั่นจะยโส แต่ก็ต้องนับว่ามันพอมีดีอยู่บ้าง"
ดวงตาของหลิงเทียนหรี่ลงเล็กน้อย
ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ นับว่าหยูเซี่ยงเป็นอัจฉริยะคนแรกที่ผ่านการทดสอบอย่างผ่อนคลายเช่นนี้
"ท่านพี่หยูเซี่ยงลงมือได้ยอดเยี่ยมนัก!"
หยูเซี่ยวและชายหนุ่มจากตระกูลหยูทั้ง 3 คนอดไม่ได้ที่จะกล่าวชมเชยหยูเซี่ยงออกมา
ในขณะที่หยูเซี่ยงเดินกลับมาจากเวทีนั้น แววตาของมันก็แหลมคมราวกับอสรพิษและจับจ้องมายังหลิงเทียนด้วยอำมหิต ก่อนที่จะเบนลับหายไป ...
แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนยอมสังเกตเห็นสายตาของหยูเซี่ยงที่จับจ้องมา แต่น่าเสียดายที่เขาคร้านจะให้ความสนใจอะไรมัน
ไม่ว่าจะเป็นชีวิตตอนนี้หรือก่อนหน้าก็ดี ล้วนมีคนที่อยากให้เขาตกตายจำนวนนับไม่ถ้วน แต่สุดท้ายเขาก็ยังอยู่ดีมีสุข ...
หากจะนับทั้งหมดนั้น ครั้งที่เขาเกือบตายมากที่สุดคงไม่พ้นการลงมือของชายที่เรียกได้ว่า เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาต้วนหลิงซิ่ง
หลังจากหมายเลขของหยูเซี่ยงมานั้น ก่อนที่จะถึงต้วนหลิงเทียนก็มีอัจฉริยะที่มีระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 3 อีกจำนวน 3 คนที่ผ่านการทดสอบเข้าค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะมาได้อย่างไม่ยากลำบากอะไร
"หมายเลข 137!"
ในที่สุดก็ถึงตาของต้วนหลิงเทียน
ต้วนหลิงเทียนเดินไปยังเวทีด้วยท่าทีปลอดโปร่งสบายอารมณ์ ทั้งใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นี่ช่างเรียกความสนใจให้แก่ผู้คนนัก
หลายคนย่อมจดจำได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้คือคนที่หาญกล้าพอที่จะต่อปากต่อคำกับรองแม่ทัพได้อย่างไม่หวาดเกรง และความตรงไปตรงมาของเด็กหนุ่มยังถูกใจรองแม่ทัพอีกด้วย
ส่วนทางฝั่งนักโทษ 10 คนที่ต้องขึ้นเวทีครานี้ หลังจากที่พวกมันมองไปยังร่างของหลิงเทียนบนเวทีอย่างละเอียดพวกมันก็พลันฮึกเหิมและเผยรอยยิ้มอำมหิตออกมาทันที
จากที่พวกมันสำรวจดู คนบนเวทียังเป็นแค่เด็กน้อยอายุราวๆ 16 ย่าง 17 เท่านั้นเอง แล้วมันจะมีความสามารถอันใดมากมายกัน
แต่ทว่าเมื่อพวกมันก้าวขึ้นมาบนเวทีแล้ว เห็นเงาร่างช้างแมมอธโบราณที่อยู่เหนือศีรษะของหลิงเทียนจำนวน 6 ตัวพวกมันพลันตกตะลึงจนต้องชะงักค้างอีกครั้ง ...
เด็กน้อยคนนี้กลับเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่มีระดับบ่มเพาะสูงถึง ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 4 อีกคนหนึ่ง!
วิชาท่าร่าง วิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย!
ร่างกายของหลิงเทียนพลันขยับวูบไหวไปโผล่หน้ากลุ่มนักโทษทั้ง 10 ที่ยังตกตะลึงกับความแข็งแกร่งของหลิงเทียนอยู่ในชั่วพริบตา
เขาเพียงยืนแขนออกมาด้านหน้าแล้วแกว่งจากซ้ายไปขวาเท่านั้น!
ทว่ามันกลับละม้ายคล้ายงูเหลือมตัวใหญ่เคลื่อนร่างวูบไหวด้วยความแข็งแกร่งทรงพลังมหาศาล!
ปัง!!!
ทันใดนั้น เหล่านักโทษที่มีระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 ล้วนร่างกายระเบิดตกตายลงในทันที
ส่วนระดับก่อกำเนิดขั้นแรกอีก 3 คนนั้นล้วนบาดเจ็บสาหัส และหมดสิ้นกำลังใจในการต่อสู้สืบไปทันที
"บัดซบ! นี่มันตัวประหลาดอันใดกัน!"
"นั่นเขาไม่ได้ใช้วิชายุทธ์ในการจู่โจมด้วยซ้ำ มันเป็นเพียงการแกว่งแขนธรรมดาเหตุใดมันจึงรุนแรงราวกับอัสนีบาตเช่นนั้นเล่า ... ต้วนหลิงเทียนผู้นี้จะน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว
"ที่แท้เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 4 นี่เอง ถึงได้กล้ามีเรื่องกับหยูเซี่ยง"
"เจ้ากล่าวเหลวไหลอันใด เบิ่งตาดูให้ดี อายุของเขายังไม่ถึง 17 ปีด้วยซ้ำ... พรสวรรค์ทางธรรมชาติเช่นนี้แทบจะเป็นเรื่องที่ฝืนลิขิตสวรรค์เกินไปแล้ว!"
...
กลุ่มเยาวชนที่มาเข้าร่วมทดสอบทั้งหมดถึงกับแตกตื่นและตกอยู่ในความโกลาหลทันที พวกมันแทบไม่อยากจะเชื่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้า
"เด็กหนุ่มผู้นี้!"
เฉียวชิงจ่างพลันมองหลิงเทียนด้วยประกายตาเรืองวูบ
ท่าทางของนักโทษที่มีระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 2 แปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวก่อนที่มันจะร้องออกมาเสียงดัง "รีบกระจายตัวปิดล้อมมันเร็วเข้า!"
นักโทษอีก 4 คนที่เหลือพลันได้สติขึ้นมา พวกมันรีบกระจายตัวออกไปทันทีเพื่อไม่ให้พวกตนต้องตกตายอย่างโง่งมด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวอย่างตอนแรกอีกครั้ง ...ถึงแม้ยามนี้พวกมันจะไม่เหลือกำลังใจในการต่อสู้สืบไปแล้วก็ตาม