หน้าแรก > War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 100 การทดสอบที่ถึงตาย

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

เสียงกล่าววาจาดังก้องนั้น ทำให้เหล่าผู้คนต่างแหวกทางให้ผู้พูดโดยอัตโนมัติ

ชายที่มีรูปร่างบ่งบอกถึงอยู่ในช่วงวัยกลางคนสวมชุดเกราะเลิศหรูดูดีมีระดับ เดินฝ่าฝูงชนเข้ามาพร้อมกันกับ มีนายทหารยศนายกองสองคนคอยตามประกบอยู่ด้านหลังราวกับเป็นองค์รักษ์

สายตาของเขาจับจ้องไปยังหยูเซี่ยง

ตอนนี้สีหน้าของหยูเซี่ยงพลันเปลี่ยนเป็นน่ากลัว

"ข้าน้อยขอทำความเคารพ รองแม่ทัพ! ท่านหัวหน้ากอง!"

นายสิบเมื่อเห็นร่างทั้ง 3 เดินมาถึงรีบกล่าวทำความเคารพออกมาทันที

"ข้าทำความเคารพ รองแม่ทัพ! ท่านหัวหน้ากอง!"

เยาวชนทั้งหมดรวมถึงหยูเซี่ยงเองก็รีบก้มหัวทำความเคารพเช่นกัน

ทว่ามีเพียงชายหนุ่มสวมชุดสีม่วงเท่านั้นที่ยืนเฉยไม่ได้แสดงท่าทีอะไร

ชายวัยกลางคนที่ดูสง่างามและมียศเป็นถึงรองแม่ทัพ จ้องมองไปยังหลิงเทียนด้วยความสงสัยพร้อมกล่าวออกมาว่า "ทำไมเจ้าถึงไม่ทักทายพวกข้า?"

เซี่ยวหยูและเมิ่งฉวนเองตอนนี้ถึงกับเหงื่อแตกพลั่ก พวกมันกลัวว่าจะเกิดเรื่องกับหลิงเทียน

มุมปากของหยูเซี่ยงพลันขดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันทันที เมื่อมันรู้ว่าหลิงเทียนกำลังจะเจอปัญหา...

"ตอนนี้ข้ายังไม่ได้เป็นคนของกองทัพโลหิตเหล็ก แล้วทำไมข้าถึงต้องทำความเคารพท่าน?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบอย่างไม่แยแส

"กล้าหาญนัก" นางกองที่ติดตามรองแม่ทัพมาด้วย ทั้งสองคนกล่าวออกมาอย่างขึงขังพร้อมใบหน้าดุดัน

และทั้งสองก็ส่งแรงกดดันที่อำมหิตจากการเข่นฆ่าล่าสังหารศัตรู มากดดันหลิงเทียนโดยพร้อมเพรียงกัน ...

น่าเสียดายที่พวกเขาต้องผิดหวัง

หลิงเทียนยืนยิ้มเฉยเมยไม่มีทีท่าสะทกสะท้านแม้แต่น้อย

นายกองทั้งสองคนถึงกับสับสนและมองหลิงเทียนด้วยความตกตะลึง

นี่ใช่เด็กหนุ่มอายุ 16-17 ปีจริงๆหรือ?

เหตุใดมันจึงไม่สะทกสะท้านอันใดกับแรงกดดันและจิตสังหารที่มาจากผู้ผ่านสนามรบที่เต็มไปด้วยโลหิตอย่างพวกเขาได้

นี่ถ้าพวกมันรู้ว่าชีวิตก่อนหน้านี้หลิงเทียนผ่านอะไรมา ทั้งสองคนคงไม่รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด...

รองแม่ทัพจับจ้องไปยังหลิงเทียนด้วยแววตาลึกซึ้ง ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาด้วยความสนใจว่า "เช่นนั้นเจ้าจะอธิบายเรื่องนี้ได้อย่างไร สำหรับผู้ที่ไม่ใช่คนหรือทหารของกองกำลังโลหิตเหล็ก แต่พวกเขายังเลือกที่จะทำความเคารพข้า?"

"พวกเขาน่ะเหรอ?"

ต้วนหลิงเทียนกวาดตามองกลุ่มคนรอบๆ ก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างช้าๆ "มีเหตุผล 3 ประการที่พวกเขาทักทายพวกท่าน ประการแรก พวกเขากลัวพวกท่าน ประการที่ 2 พวกเขามีความชื่นชมพวกท่าน ประการที่ 3 พวกเขาเพียงก้มหน้าก้มตาทำความทักทายตามๆกันไปราวกับคนตาบอด "

"ความกลัว,ชื่นชม,ก้มหน้าก้มตากระทำตามผู้อื่น? ฮ่า ฮ่า ...น่าสนใจ ช่างน่าสนใจนัก ต้องบอกว่าเจ้ากล่าวได้ตรงที่สุดและถูกต้องที่สุดจริงๆ"

รองแม่ทัพเผยรอยยิ้มที่หาได้ยากออกมาบนใบหน้าของเขา

เซี่ยวหยูและเมิ่งฉวนเองก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา

ส่วนทางด้านกลุ่มของหยูเซี่ยวและหยูเซี่ยงนั้นเผยใบหน้าบิดเบี้ยวออกมาทันที

"เช่นนั้นเจ้าจะบอกว่า เจ้าไม่ได้กลัว ไม่ได้ชื่นชมข้า และหาได้หลับหูหลับตาทำความเคารพตามผู้อื่นใช่หรือไม่?" รองแม่ทัพกล่าวถามออกมา

"ถูกต้อง"

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ

ทันใดนั้นเองรองแม่ทัพก็แปรเปลี่ยนเป็นดุดัน พร้อมทั้งกล่าวออกมาว่าเสียงดังลั่นว่า "หาญกล้านัก!" และทันใดนั้นเองจิตสังหารและแรงกดดันมหาศาลพลันแผ่กระจายออกมาจากรองแม่ทัพกดทับไปยังหลิงเทียน อย่างหนักหน่วง

ไม่เพียงแค่นั้นแต่จิตสังหารและแรงกดดันนี้ยังแผ่ไปรอบๆ ทำให้เหล่าเยาวชนที่อยู่รอบๆถึงกับหน้าซีดปากสั่นกันถ้วนหน้า

แม้กระทั่งหยูเซี่ยงเองใบหน้าของมันก็ซีดเผือดราวกับจะล้มลงได้ทุกขณะ

และในขณะนี้นอกจากนายกอง 2 คนที่ยืนอยู่ข้างรองแม่ทัพแล้ว มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวและจิตสังหารที่น่าหวาดหวั่นนี้แม้แต่น้อย และคนๆนั้นก็เป็นคนที่อยู่ตรงจุดศูนย์กลางแรงกดดันและจิตสังหารนี้ ต้วนหลิงเทียน

ต้วนหลิงเทียนที่ยืนอยู่ตรงกลางนั้น แน่นอนว่าต้องรับแรงกดดันและจิตสังหารที่รุนแรงกว่าผู้อื่น แต่ทว่าเขายังยืนอยู่ด้วยท่าทางราวกับเบื่อหน่ายและรำคาญเสียมากกว่า แรงกดดันและจิตสังหารนี้อาจจะเกิดจากการเข่นฆ่าผู้คนมากมายเป็นภูเขาเหล่ากาก็จริง...แต่มันก็ไม่ได้ทำให้หลิงเทียนแสดงท่าทีอะไรออกมาแม้แต่น้อย

"ยอดเยี่ยมนัก!"

รองแม่ทัพหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นแววตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม หลังจากที่จับจ้องประเมินความสามารถของเด็กหนุ่มตรงหน้า "เด็กน้อยเจ้าชื่ออะไร?"

"ต้วนหลิงเทียน!"

คิ้วของหลิงเทียนยักขึ้นเล็กน้อย

"ต้วนหลิงเทียน ... หลิงเทียน ... ชื่อของเจ้าช่างโอหังจริงๆ แต่ก็มิผิดจากท่าทีของเจ้าสักเท่าไร เหนือฟ้าเช่นนั้นหรือ ช่างยอดเยี่ยมนัก!"

รองแม่ทัพยังคงกล่าวต่อไปทั้งๆที่ยังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าว่า "ข้าเป็นรองแม่ทัพของกองกำลังโลหิตเหล็กนามว่า เฉียวชิงจ่าง และเป็นผู้รับผิดชอบการทดสอบเข้าร่วมค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะในวันนี้ ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถผ่านการทดสอบเพื่อเข้าร่วมค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะได้อย่างราบรื่น และข้าจะตั้งหน้าตั้งตารอดูเจ้าทดสอบ "

ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มรับเบาๆ ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่หยิ่งยโสหรือเคารพอะไรมากมาย "ข้าจะไม่ให้ท่านรองแม่ทัพ เฉียวชิงจ่าง ต้องผิดหวัง"

เยาวชนที่อยู่รอบๆเริ่มบังเกิดความอิจฉาต่อหลิงเทียน

ตอนแรกเมื่อต้วนหลิงเทียนเริ่มมีปากเสียงกับรองแม่ทัพเฉียวชิงจ่างทุกคนก็คิดว่าเขาต้องมีปัญหา

แต่ท้ายที่สุดแล้วต้วนหลิงเทียนกลับทำให้รองแม่ทัพบังเกิดความประทับใจได้เช่นนี้ มันอดให้พวกเขารู้สึกอิจฉาพร้อมทั้งชื่นชมหลิงเทียนไม่ได้จริงๆ ...

หากเป็นพวกเขาต้องยืนอยู่ต่อหน้ารองแม่ทัพเฉียว พวกเขาคงจะกลัวจนไม่สามารถกล่าวคำใดๆออกมาได้อย่างสบายๆเช่นนี้

ต้วนหลิงเทียน!

พวกเขาทั้งหมดสลักชื่อนี้ลงไปเพื่อให้สามารถจดจำได้อย่างไม่มีวันลืม

เด็กหนุ่มผู้นี้กล้าที่จะเผชิญหน้ากับรองแม่ทัพโดยที่ไม่หวั่นเกรงจิตสังหารและแรงกดดันของแม่ทัพที่ผ่านทะเลเลือดและสงครามนับร้อยมา

ท่าทางของหยูเซี่ยงเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นกังวลขึ้นมา

"เด็กคนนี้…"

สายตาของเขาที่ใช้จ้องหลิงเทียนฉายชัดออกมาด้วยความมุ่งร้าย

ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว

หยูเซี่ยงผู้นี้ยังไม่รู้อะไรอีกเช่นนั้นหรือ?

"นายสิบหวังเม่ง เจ้าทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยมนัก นับว่าไม่ทำให้กองกำลังโลหิตเหล็กของพวกเราต้องอับอายขายขี้หน้าจริงๆ"

เฉียวชิงจ่างกล่าวออกมาด้วยความชื่นชมยามจับจ้องไปยังนายสิบตรงหน้า

หวังเม่งกล่าวออกมาด้วยความภูมิใจว่า "ท่านแม่ทัพ! นี่คือหน้าที่ของข้าน้อย"

“เอาล่ะ ตั้งแต่วันนี้เจ้าจะได้เลื่อนตำแหน่งเข้ามาเป็นนายกองแทนที่หยูหง ... ส่วนหยูหงนั้นดูเหมือนจะให้ความช่วยเหลือน้องชาย โดยใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ให้ลดตำแหน่งมันลงไปเป็นนายสิบแทนที่เจ้าก็แล้วกัน "

เฉียวชิงจ่าง กล่าวคำสั่งออกมาอย่างเงียบๆ

ตอนนี้ท่าทางของหยูเซี่ยงพลันบิดเบี้ยวอย่างมาก

เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะทำให้เกิดปัญหากับพี่ชายตัวเองเช่นนี้

เขาได้แต่จับจ้องไปยังหลิงเทียนด้วยความอาฆาตแค้น ...

เพราะเรื่องทั้งหมดนี่เป็นเพราะหลิงเทียนผู้เดียว!

หากไม่ใช่เพราะมีเรื่องกับหลิงเทียน หวังเม่งคงไม่โผล่ออกมา และเรื่องราวคงไม่ลุกลามใหญ่โตจนถึงขั้นนี้

"ขอบคุณท่านรองแม่ทัพ!"

หวังเม่งกล่าวขอบคุณออกมาพร้อมใบหน้าตื่นตะลึง

"เจ้าคู่ควรกับมัน"

เฉียวชิงจ่างกล่าว

เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแววตาของหลิงเทียนเรืองวูบขึ้นมาด้วยความชื่นชม

เขาก้าวไปข้างหน้าพร้อมหายใจเข้าลึกๆ

"ต้วนหลิงเทียน ขอแสดงความเคารพ รองแม่ทัพ!"

ต้วนหลิงเทียนก้าวออกมาทำความเคารพรองแม่ทัพทันที

เฉียวชิงจ่างนั้นรู้สึกคาดไม่ถึงและตกตะลึงอยู่บ้าง เขาใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่ง ถึงจะได้สติจากการกระทำของหลิงเทียน พร้อมกล่าวออกมาด้วยเสียงหัวเราะว่า "ฮ่าๆ เด็กน้อย เจ้านี่ช่างน่าสนใจนัก"

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเฉียวชิงจ่างหันกลับไปมองทางด้านหยูเซี่ยง " หยูเซี่ยงอันที่จริงข้าควรที่จะริบบัตรประจำตัวผู้สมัครสอบและตัดสิทธิ์การเข้าร่วมค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะของเจ้าทิ้งซะ ...”

"แต่จะอย่างไร พี่ชายของเจ้าก็ได้รับโทษแทนเจ้าไปแล้ว เช่นนั้นข้าจะไม่ถือสาหาความกับเจ้าแล้วกัน”

"ข้าน้อยขอขอบคุณท่านรองแม่ทัพ ขอรับ!"

หยูเซี่ยงย่อมรู้สึกคับแค้นใจ แต่ตอนนี้เขาทำได้แค่แสดงความขอบคุณ

"เอาล่ะ ตอนเที่ยงตรง การทดสอบเข้าค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะจะเริ่มต้น!"

เสียงที่ถูกควบแน่นไปด้วยพลังงานต้นกำเนิดของเฉียวชิงจ่างดังก้องเข้าหูของทุกผู้คนที่ยืนอยู่ในที่นี้ ...

และหลังจากนั้นเขาก็นำนายกองทั้ง 2 คนเดินขึ้นไปยังเวทีสูงกลางลานฝึกซ้อม

“ปีนี้การทดสอบเข้าคายบ่มเพาะอัจฉริยะของกองกำลังโลหิตเหล็กจะแตกต่างไปจากปีก่อนๆ นั่นเพราะการทดสอบปีนี้มีเพียงคำอธิบายคำเดียวเท่านั้น นั่นคือการ ฆ่า!”

เฉียวชิงจ่างมองไปยังเยาวชนรอบๆก่อนที่จะกล่าวออกมา

ฆ่า?

ทุกคนล้วนแต่สับสน

"น่าสนใจ"

มุมปากของหลิงเทียนยกขึ้นก่อนที่จะเผยรอยยิ้มออกมา

เซี่ยวหยูมีท่าทางเงียบสงบ

ส่วนเมิ่งฉวนนั้นสีหน้าของมันเปลี่ยนเป็นซีดเซียว และรีบกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆว่า "ต้วนหลิงเทียน เซี่ยวหยู ที่เขาบอกว่า ฆ่า นี่ คงมิใช่ให้พวกเราฆ่าฟันผู้คนหรอกนะ?"

"อะไร เจ้าไม่เคยเข่นฆ่าผู้คนมาก่อนหรือ?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาด้วยท่าทางหยอกล้อ

"แน่นอนว่าย่อมไม่!"

เมิ่งฉวนส่ายหัว

"เอาล่ะ วันนี้เจ้าจะได้เรียนรู้มันเองว่าเป็นอย่างไร"

ต้วนหลิงเทียนยิ้ม

"เจ้าเคยสังหารผู้อื่นมาก่อนหรือ?"

ดวงตาของเมิ่งฉวนเบิกกว้างออกมา

"มันแปลกตรงไหน?"

หลิงเทียนสับสน

"ข้ารู้แค่ว่าเจ้าเป็นตัวประหลาดเฉยๆ ... เซี่ยวหยู แล้วเจ้าล่ะ เคยสังหารผู้คนหรือไม่?"

หลังจากที่ละสายตาจากหลิงเทียน เมิ่งฉวนก็หันไปจ้องเซี่ยวหยูก่อนที่จะกล่าวถามออกมาด้วยความสนใจ

"ย่อมเคย"

เซี่ยวหยูพยักหน้า

เมิ่งฉวนได้แต่หัวเราะอย่างขื่นขม "บัดซบ เช่นนี้ข้าอาจจะไม่ผ่านการทดสอบ"

"อะไร การทดสอบยังไม่เริ่มเจ้าก็ใจแป้วเสียแล้ว หากเจ้าถามข้าตอนนี้ ข้าจะแนะนำให้เจ้ากลับบ้านไปเสีย" ต้วนหลิงเทียนเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย

"ไม่ๆ ข้าไม่กลับบ้านแน่นอน ข้าจะผ่านการทดสอบให้ได้!"

หลังจากได้ยินคำกล่าวของหลิงเทียนเมิ่งฉวนดูเหมือนจะนิ่งไป ราวกับนึกย้อนถึงเรื่องราวบางอย่าง และท่าทางของมันก็แปรเปลี่ยนเป็นหนักแน่นจริงจังขึ้นมาทันที ตอนนี้หลิงเทียนและเซี่ยวหยูที่มองมันอยู่ก็หันมามองหน้ากันเอง

ดูเหมือนเมิ่งฉวนจะมีเรื่องราวที่จำเป็นไม่น้อย ...

ในขณะนั้นเอง รองแม่ทัพเฉียวชิงจ่างก็เริ่มประกาศออกมาต่อ "การทดสอบในปีนี้ จะเน้นใน 3 เรื่องหลักๆก็คือความกล้าหาญ,ความแข็งแกร่ง และการทำงานเป็นทีม ผู้เข้าร่วมการทดสอบอาจเลือกที่จะเข้าทดสอบแบบเดี่ยว หรือจะเข้าร่วมการทดสอบแบบทีมที่ตัวเองไว้วางใจก็ได้ ... "

ต้วนหลิงเทียนและเซี่ยวหยูหันมองหน้ากันเองแล้วยิ้ม

"เมิ่งฉวน เซี่ยวหยู พวกเจ้าจะเข้าร่วมทีมกับข้าหรือไม่?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมา

"ข้าขอขอบคุณเจ้ามาก ข้ารู้ว่าเจ้ากล่าวถามเช่นนี้เพื่อคิดที่จะช่วยเหลือข้า...แต่ข้าต้องการพึ่งพาตัวเอง ... วันนี้เจ้าสองคนอาจจะช่วยเหลือข้าได้ แต่เจ้าสองคนคงไม่อาจช่วยเหลือข้าได้ไปตลอดชีวิต"

ดวงตาของเมิ่งฉวนฉายชัดออกมาถึงความกตัญญูในขณะที่มองหลิงเทียนและเซี่ยวหยู มันสามารถเห็นเจตนาของทั้งสองคนได้อย่างชัดเจน มันจึงรู้สึกขอบคุณทั้งสองอย่างมาก ก่อนที่แววตาของมันจะเปลี่ยนไปและฉายชัดด้วยความแน่วแน่ออกมา

"เอาล่ะ ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องสามารถก้าวผ่านมันไปได้"

ต้วนหลิงเทียนกล่าว

"ถูกแล้ว ข้าและต้วนหลิงเทียนจะเข้าร่วมการทดสอบแบบเดี่ยว เพื่อกระตุ้นเจ้าเอง" เซี่ยวหยูกล่าว

"การทดสอบในปีนี้จะดำเนินในรูปแบบ 1 ต่อ 10 ... ฝ่ายตรงข้ามจะเป็นทหารของอาณาจักรศัตรูที่กองกำลังโลหิตเหล็กของเราได้จับตัวพวกมันเอาไว้ได้ พวกมันล้วนเป็นนักโทษเดนตายทั้งสิ้น พวกเจ้าหากสามารถสังหารพวกมันทั้ง 10 คนลงได้จนหมด ข้าจะถือว่าผ่านการทดสอบ"

เฉียวชิงจ่างหยุดครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวต่อ

และตอนนี้เองเยาวชนทุกคนล้วนบังเกิดความตื่นตระหนก

“แม้ว่าพวกทหารนักโทษเหล่านั้นจะไม่สามารถเทียบคนจากกองกำลังโลหิตเหล็กได้ แต่อย่างน้อยพวกมันก็ยังมีระดับบ่มเพาะอยู่ในขั้นบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 อีกทั้งยังเป็นไปได้ว่าจะมีระดับก่อกำเนิดร่วมอยู่ด้วย แล้วนี่จะให้พวกเรารับมือได้อย่างไร? "

"ถูกแล้ว นี่เป็นการทดสอบที่ถึงตายชัดๆ!"

...

ตอนนี้ทุกคนต่างตื่นตระหนก

"เงียบ!"

เสียงของเฉียวชิงจ่างทำให้ทั้งหมดเงียบลง

ความเงียบสงบเข้าปกคลุมพื้นที่โดยรอบอีกครั้ง

"ในจำนวนนักโทษทหารเดนตายที่ข้าจัดให้พวกเจ้าต้องสู้รบด้วยนั้น หากเป็นการทดสอบเดี่ยว นักโทษจะมีระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 จำนวน 6 คน ระดับก่อกำเนิดขั้นแรก จำนวน 3 คน และอีก 1 คนจะเป็นระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 2 ... หากเป็นการเข้ารับการทดสอบแบบคู่ จะต้องพบกับนักโทษที่มีระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 จำนวน 12 คน ระดับก่อกำเนิดขั้นแรก จำนวน 6 คน และระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 2 อีก 2 คน หากพวกเจ้าคิดจะเข้ารวมทดสอบพร้อมกัน 3 คน พวกเจ้าคงคิดคำนวณได้ว่าจะเป็นอย่างไรจากทั้ง 2 แบบที่ข้ากล่าวมา... หากใครในหมู่พวกเจ้าไม่มั่นใจในการทดสอบครั้งนี้ สามารถเลือกที่จะจากไป และละทิ้งการทดสอบเข้าร่วมค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะของกองกำลังโลหิตครั้งนี้ได้ "

เมื่อเสร็จสิ้นคำกล่าวอธิบาย น้ำเสียงของเฉียวชิงจ่างพลันเปลี่ยนเป็นเรียบเย็นและไม่แยแส

"ตอนนี้ข้าจะให้พวกเจ้าทั้งหมด ขบคิดพิจารณาเป็นเวลา 3 นาที" เฉียวชิงจ่างกล่าวออกมาเพิ่มเติม

ตอนนี้ทั่วลานฝึกซ้อมอยู่ในความโกลาหล

หลังจาก 3 นาทีผ่านไป มีผู้คนจากไปหลายสิบคน

จำนวนเยาวชนที่เหลือมีราวๆ 200 คน

“คนน้อยลงเยอะเลย”

เมิ่งฉวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

"มีคนจำนวนหนึ่งที่ยังยืนอยู่ตรงนี้เพียงเพราะพวกมันหวังว่าจะได้รับโชคอะไรบางอย่าง และก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่คิดที่จะเดิมพันด้วยชีวิตของพวกมัน แต่คิดหรือว่าการทดสอบจะง่ายดายอะไรขนาดนั้น?

ต้วนหลิงเทียนหลังจากที่ได้สังเกตรอบๆ เขาก็เข้าใจอะไรได้บางอย่าง

"เหล่าทหารข้าศึกที่ถูกจับมาเป็นนักโทษเดนตายนี้ แม้จะมีระดับวิชาและระดับบ่มเพาะต่ำกว่าพวกเรา แต่พวกมันก็เจนจัดในเรื่องการต่อสู้อย่างมาก นี่เพราะพวกมันผ่านสนามรบและสงครามมาแล้ว มันมองว่าการสังหารพวกเราเป็นเกมส์ๆหนึ่งเท่านั้น อย่าได้ประมาทพวกมันไปล่ะ"

คำพูดของเซี่ยวหยูทำให้เมิ่งฉวนเข้าใจอะไรๆได้มากขึ้น

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.