หน้าแรก > War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 95 เกิดมาเพื่อเป็นมือสังหาร

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

เช้าวันต่อมาหลิงเทียนกับลี่เฟยยังคงล่าสัตว์อสูรกันตลอดทั้งช่วงเช้า ...

ตอนเที่ยงพวกเขาจึ่งเริ่มเดินทางกลับเมืองออโรร่า

หลังจากที่ขายวัตถุดิบที่ได้จากการล่าสัตว์อสูรไม่ว่าจะเป็นขนหรือหนังเสร็จแล้ว หลิงเทียนก็บอกให้ลี่เฟยกลับที่พักไปก่อน ส่วนตัวเขานั้นมีเรื่องที่จะไปคุยกับถังจิ้งเล็กน้อย

"ดีแล้วที่เจ้าเป็นฝ่ายมาหาข้า ข้านั้นคิดที่จะไปหาเจ้าตั้งแต่เมื่อวานแล้ว "

เมื่อเห็นหลิงเทียนเดินเข้ามา ประกายตาของถังจิ้งเรืองวูบขึ้นมาเล็กน้อย

"อะไรกัน โอสถน้ำบ่มเพาะร่างกาย 6 กระบวนจะหมดอีกแล้วหรือ? หืม ไม่ใช่ว่า ... ข้าพึ่งสร้างให้ท่านไว้ถึง 2 ไหใหญ่เมื่อครึ่งเดือนที่แล้วหรือไง"

คิ้วของหลิงเทียนขมวดขึ้นเล็กน้อย

"ฮ่า ๆๆ ไม่ใช่โอสถน้ำบ่มเพาะร่างกาย 6 กระบวนหรอก คราวนี้ ข้าต้องการอาคมจารึกจันทร์เสี้ยวโลหิต"

ถังจิ้งยิ้มออกมา

"อาคมจารึกจันทร์เสี้ยวโลหิต? ข้าไม่คิดว่าหน่วยเงายมทูตจะมีเรื่องใหญ่ที่ต้องก่อการอะไรในเมืองออโรร่าแห่งนี้นี่นา? "

ต้วนหลิงเทียนพลันมีใบหน้ากระจ่างออกมาก่อนที่จะจับจ้องไปยังถังจิ้ง "ไม่ใช่ว่าท่านคิดนำอาคมจารึกที่ข้าจารึกไปขายแก่ผู้อื่นหรอกนะ?"

ถังจิ้งพลันหัวเราะออกมาอย่างละอาย

"เอาล่ะๆ จะยังไงมันก็แล้วแต่ท่าน ว่าจะนำอาคมจารึกจาข้าไปทำอะไร ขอเพียงอย่าให้มันมีเรื่องวุ่นวายกับตัวข้าเป็นพอ"

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาพร้อมขมวดคิ้ว

"เฮ่ๆ เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องห่วงข้านำมันไปขายให้แก่สหายที่อยู่หน่วยเงายมทูต นี่ล่ะ...แล้วก็สำหรับเรื่องที่เจ้ากังวล ข้าไม่เคยบอกกล่าวเรื่องราวของเจ้าแก่ผู้ใด" ถังจิ้งกล่าวออกมา

"แล้วคราวนี้ท่านต้องการเท่าไรล่ะ?" ต้วนหลิงเทียนถามออกมาอย่างเบื่อหน่าย

ถังจิ้งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวออกมา "30"

ต้วนหลิงเทียนเพียงยักไหล่ก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างไม่ใส่ใจ "นับว่าท่านรู้วิธีหาเงินได้รวดเร็วนัก ...แต่ก็ช่างเถอะ จะยังไงนี่ก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะจารึกอาคมให้ท่านได้แล้ว"

"ครั้งสุดท้าย?"

ตอนนี้เขาไม่เข้าใจว่าคำกล่าวของหลิงเทียนหมายความว่าอย่างไร

"อีก 1 เดือนหลังจากนี้ข้าจะออกจากเมืองออโรร่าแล้วล่ะ" หลิงเทียนกล่าวออกมา

"หนึ่งเดือนหลังจากนี้?"

ประกายตาของถังจิ้งเรืองวูบขึ้น ก่อนที่จะกล่าวออกมา พร้อมหรี่ตาจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียน"เจ้าวางแผนที่จะเข้าร่วมการทดสอบของค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะของกองกำลังโลหิตเหล็ก และคิดที่จะรับสิทธิ์ในการเข้าศึกษาในสถานศึกษาบ่มเพาะขุนพลสินะ?"

"หืม? ท่านเดาได้ถูกต้อง"

หลิงเทียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

"มันก็ไม่ใช่เรื่อยากอะไร เมื่อเจ้าบอกว่าจะออกจากเมืองออโรร่า ข้าก็รู้ว่าไม่ได้หมายความว่าแค่ไปเที่ยวเล่นนอกเมืองเป็นแน่ อีกทั้งหากดูจากพรสวรรค์และความสามารถที่ผิดมนุษย์ของเจ้าแล้ว การที่เจ้าจะไปยังสถานศึกษาบ่มเพาะขุนพลก็นับว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสม ... อีกทั้งข้ายังแน่ใจอย่างมากหลังจากเรื่องที่เจ้าบอกกล่าวว่าจะออกเดินทางหลังจากนี้อีก 1 เดือน เพราะเวลานั้นเป็นเวลาเดียวกันกับที่กองกำลังโลหิตเหล็กเริ่มการทดสอบคัดเลือกเหล่าอัจฉริยะพอดี "

ถังจิ้มยิ้มออกมาบางๆ

"แล้วการที่จะเข้าสถานศึกษาบ่มเพาะขุนพลอะไรนั่น มันไม่มีการทดสอบแบบอื่นแล้วหรือไร? ท่านรู้ได้ยังไงล่ะ ไม่คิดว่าข้าจะไปทดสอบแบบอื่นบ้างหรือ"ต้วนหลิงเทียนถามออกมาอีกครั้ง

"ก็จริงอยู่ที่ว่ามีการทดสอบในรูปแบบอื่นอีก แต่การทดสอบพวกนั้นมันจัดขึ้นในอีก 17 มณฑลที่เหลือของอาณาจักรนภาล่อง ... สำหรับมณฑลผานางแอ่นเหินนี้หากจะรับสิทธิ์เข้าไปยังสถานศึกษาบ่มเพาะขุนพลมีเพียงต้องผ่านการเข้าค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะของกองกำลังโลหิตเหล็กเท่านั้น" ถังจิ้งกล่าวออกมา

ต้วนหลิงเทียนพลันเข้าใจขึ้นมา "เป็นอย่างนี้นี่เอง"

"แล้วท่านรู้อะไรเกี่ยวกับค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะของกองกำลังโลหิตเหล็กบ้าง? ข้าได้ยินมาแว่วๆว่ามันค่อนข้างโหดร้ายอย่างมาก อีกทั้งยังมีโอกาสที่จะมีผู้รอดชีวิตเพียง 10% เท่านั้น "ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมา

“ก็ถูกต้อง ดังเจ้ากล่าวมานั่นล่ะ ว่าค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะมีผู้รอดชีวิตต่ำมาก แต่นั่นมันสำหรับผู้อื่นเท่านั้น ... เด็กพิลึกผิดมนุษย์มนาอย่างเจ้าคงไม่นับว่าลำบากอะไร ตราบใดที่เจ้าไม่ไปก่อเรื่องหรือสร้างปัญหาให้ครูฝึกเจ้าคงไม่มีปัญหาอันใดในการเข้าค่ายนี้”

ถังจิ้งค่อนข้างมั่นใจในตัวของหลิงเทียนอย่างมาก

“ครูฝึก? ผู้ฝึกยุทธ์ของกองกำลังโลหิตเหล็กน่ะหรือ "

ต้วนหลิงเทียนถามออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

"ถูกต้อง มันเป็นพวกบ้าคลั่ง จากกองกำลังโลหิตเหล็ก ... "

ถังจิ้งตอบออกมาพร้อมพยักหน้า

“พวกบ้าคลั่ง?”

ต้วนหลิงเทียนทำหน้าสงสัยขึ้นมา

"แล้วเจ้าจะรู้เองว่าเหตุใดข้าถึงเรียกพวกมันว่าบ้าคลั่ง ยามที่เจ้าเข้าค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะ"

แม้จะเป็นถังจิ้งแต่ยามกล่าวถึงกองกำลังโลหิตเหล็กเขาก็ดูยำเกรงไม่น้อย

"เอาล่ะหากท่านรับรองมาแบบนี้ ข้าก็คิดว่ามันคงไม่หนักหนาอะไร"

ดวงตาของหลิงเทียนเริ่มหรี่ลงเล็กน้อย

ต้วนหลิงเทียนสามารถขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้โดยวิธีใดก็ได้ นี่เพราะเขามีความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด แต่ต้วนหลิงเทียนยังเลือกที่จะเข้าร่วมค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะของกองกำลังโลหิตเหล็ก

นอกจากนี้อาจจะเป็นเพราะว่าชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาก็เคยเป็นทหารด้วยล่ะมั้ง เลยสนใจค่ายบ่มเพาะของกองกำลังโลหิตเหล็กที่นับว่าเป็นทหาร หรือกองทัพที่มีไว้ปกปักรักษาอาณาจักรนี้อยู่บ้าง ...

และยังมีเหตุผลสำคัญอีกข้อหนึ่ง

หากเขาผ่านการเข้าค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะเขาจะได้รับสิทธิ์ในการเข้าศึกษายังสถานศึกษาบ่มเพาะขุนพลทันที

และสถานศึกษาบ่มเพาะขุนพลนี้ มันดันตั้งอยู่ในเมืองหลวง!

และไอ้บัดซบสมควรตายต้วนหลิงซิ่งนั่น ก็อาศัยอยู่ในเมืองหลวงที่ว่า!

ประกายตาของหลิงเทียนหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ จิตสังหารเล็กน้อยพลันเล็ดรอดออกมาโดยไม่รู้ตัวเพียงเสี้ยวพริบตาหนึ่ง ก่อนที่เขาจะรั้งมันกลับไป ...แต่ทว่ามันสายไปแล้ว

ใบหน้าของถังจิ้งพลันเต็มไปด้วยความตกตะลึงเมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหารเลือดเย็นที่เล็ดรอดออกมาจากต้วนหลิงเทียน

จิตสังหารระดับนี้เป็นอะไรที่เขาไม่สามารถกระทำได้

มือของเขาก็ชโลมโลหิตและคร่าสังหารผู้คนมาไม่ต่ำกว่า 300 ชีวิต แต่เขายังไม่สามารถสร้างจิตสังหารที่เลือดเย็น ชวนให้ขนหัวลุกขนาดนั้นได้

‘ขนาดข้าเองยังไม่สามารถมีจิตสังหารที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้ได้ ... แล้วเด็กผู้นี้กลับใช้มันออกมาได้อย่างไร เขาฆ่าคนมามากกว่าข้าอีกเช่นนั้นหรือ? บ้าไปแล้ว เด็กคนนี้มีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น เขาสร้างจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้อย่างไรกันแน่!?’

ตอนนี้ในหัวของถังจิ้งเต็มไปความสับสน

ถึงแม้ความแข็งแกร่งของหลิงเทียนในตอนนี้จะด้อยกว่าเขาอยู่มากโข แต่ต้วนหลิงเทียนกลับสามารถส่งจิตสังหารออกมากดดันจนเขาบังเกิดความหวาดกลัวได้ ...อักทั้งจิตสังหารนี้ยังทำให้เขาหวาดกลัวจับขั้วหัวใจเลยทีเดียว

แม้แต่จะเป็นองค์กรเงายมทูตเอง ก็มีผู้ที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวจนจับขั้วหัวใจเช่นนี้ จากการใช้เพียงจิตสังหารแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น

และคนๆนั้นก็เป็นมือสังหารอันดับ 1 ขององค์กรเงายมทูต อสูร

"ได้เวลาที่ข้าต้องกลับแล้ว"

ต้วนหลิงเทียนหันไปยิ้มกับถังจิ้งก่อนที่จะกล่าวออกมา

เหตุผลที่เขามาหาถังจิ้งก็เพราะเขาอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะของกองกำลังโลหิตเหล็ก และตอนนี้เขาก็ได้บรรลุสิ่งที่เขาต้องการแล้ว

"เดี๋ยวก่อน"

ถังจิ้งพลันรั้งเขาเอาไว้

"มีอะไรหรือ?"

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมา

"ต้วนหลิงเทียน เจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับการล้มเลิกการเข้าร่วมค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะของกองกำลังโลหิตเหล็ก แล้วมาเข้าร่วมกับองค์กรเงายมทูตแทน? ด้วยพรสวรรค์และความสามารถของเจ้ารวมกับคำแนะนำของข้า ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการเลื่อนขึ้นเป็นมือสังหารอันดับ 1 ขององค์กรนี้ เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น และก่อนหน้านั้นตัวเจ้าก็จะได้รับการสนับสนุนอย่างสุดกำลังจากองค์กรเงายมทูตอีกด้วย "

สายตาของต้วนหลิงเทียนหรี่ลงเล็กน้อยหลังจากได้รับคำเชิญชวนนี้

ตราบใดที่ตัวเขาเข้าร่วมกับหน่วยงานเงายมทูตเรื่องที่เขาจะกลายเป็นมือสังหารอันดับ 1 ขององค์กรเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับเวลาอย่างนั้นหรอ?

ต้วนหลิงเทียนพลันยักไหล่ด้วยท่าทางไม่ยี่หระ "เป็นมือสังหารงั้นหรือ? ข้าไม่สนใจ "

"เด็กน้อยเจ้ายังไม่รู้ถึงความยิ่งใหญ่ของเรา ... เจ้าลองคิดถึงวันที่แม้แต่องค์ราชาของอาณาจักรนภาล่องยังต้องเกรงใจและไว้หน้าเจ้ายามที่เอ่ยถึงเจ้าดูสิ เจ้าคิดว่าความรู้สึกนั้นจะเป็นเช่นไร? แน่นอนว่าเรื่องนี้นับเป็นเรื่องที่สามารถสร้างความรื่นรมย์ไปถึงจิตวิญญาณ! ด้วยพรสวรรค์ตามธรรมชาติของเจ้า และก็ความสามารถในด้านสำนึกรู้ ข้าค่อนข้างมั่นใจว่าเจ้าจะใช้เวลาเพียงไม่นานก่อนที่จะได้รับตำแหน่งมือสังหารอันดับ 1 และได้รับเกียรติสูงสุดจากองค์กรเงายมทูตของพวกเรา"

"ข้าก็ไม่สนใจอยู่ดีนั่นล่ะ"

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัว

"เจ้า... จิตสังหารเลือดเย็นที่เจ้ามี มันเป็นสิ่งที่สวรรค์มอบให้เพื่อเป็นมือสังหารชัดๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าต้องเกิดมาเพื่อเป็นมือสังหารแน่ๆ ไม่อย่างนั้นพรสวรรค์นี้นับว่าเสียเปล่าแล้ว "

ถังจิ้งเผยท่าทีออกมาอย่างเห็นได้ชัดว่า เขาตื่นเต้นมาขนาดไหนที่พบผู้ที่มีพรสวรรค์ในด้านจิตสังหารที่ราวกับสวรรค์บันดาลขนาดนี้

"จิตสังหาร ? ท่านหมายถึงสิ่งนี้ใช่หรือไม่? "

เมื่อสิ้นเสียง แววตาของหลิงเทียนพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาก่อนที่จิตสังหารจำนวนมหาศาลที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าจิตสังหารครั้งแรกที่เขาเผลอปล่อยออกมาราวสวรรค์และโลก กดทับไปยังร่างกายของถังจิ้ง

สีหน้าของถังจิ้งพลันแปรเปลี่ยนเป็นร้ายแรงก่อนที่เขาจะรีบโคจรพลังงานต้นกำเนิดเพื่อต้านทานจิตสังหารนี้ของ หลิงเทียน เมื่อเขาเร่งพลังงานต้นกำเนิดออกมาแรงกดดันที่เกิดจากจิตสังหารของต้วนหลิงเทียนก็ลดลงจนเขาสามารถกล่าวคำออกมาได้

"เจ้า…"

สีหน้าถังจิ้งเปลี่ยนไปราวกับกลับกลายเป็นตัวโง่งมอย่างไรอย่างนั้น

จิตสังหารนี้ มันเหนือชั้นกว่าจิตสังหารของมือสังหารอันดับ 1 ขององค์กรเงายมทูตอย่างไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ด้วยซ้ำ!

"ถังจิ้ง ตอนนี้ข้าพึ่งรู้ว่าท่านช่างเหลวไหลนัก ... ท่านมาสรุปว่าข้าสมควรเป็นมือสังหารเพราะมีจิตสังหารเช่นนี้? เฮ่อ สิ่งที่ท่านต้องทำเพื่อทำให้จิตสังหารของท่านเป็นเช่นนี้ มีเพียงเดินออกไปสังหารผู้คนเท่านั้น "

ต้วนหลิงเทียนมองถังจิ้งด้วยแววตาเย้ยหยัน

"เจ้า ... เจ้าหนูข้าอยากรู้นักว่าเจ้าสังหารผู้คนไปมากมายเท่าไรกัน ถึงกล้าเอ่ยเรื่องนี้ต่อหน้าข้า หัวหน้าหน่วยเงายมทูตประจำเมืองออโรร่าเช่นนี้!"

ถังจิ้งกล่าวออกมาด้วยโทสะ ก่อนที่เขาจะรู้สึกละอายใจเล็กน้อยที่เอาเรื่องนี้มาเกทับเด็กหนุ่ม

"ข้าเองก็จำไม่ได้แล้ว ... แต่รวมๆแล้วอย่างน้อยก็มากกว่า 10,000 คน ... "

สายตาของหลิงเทียนพลันเลื่อนลอย ราวกับจะมองย้อนกลับไปในอดีตอันไกลโพ้น

และเมื่อหลิงเทียนเดินจากไปแล้ว ถังจิ้งพลันคิดขึ้นมาได้

"เด็กหนุ่มผู้นี้ยังกล้ากล่าวเหลวไหลออกมาอีก 10,000 คนหรือ? ผู้ใดจะไปเชื่อว่าเด็กน้อยตัวเท่านี้จะไปสังหารผู้คนมากมายได้ถึงเพียงนั้น? "

ถังจิ้งไม่ได้คิดอะไรมากกับคำกล่าวของหลิงเทียน เขาคิดว่าหลิงเทียนคงกล่าวโอ้อวดออกมาเท่านั้น

แต่เขาก็อดที่จะถอนหายใจออกมาเพราะความเสียดายไม่ได้

องค์กรเงายมทูตได้สูญเสียเด็กหนุ่มอัจฉริยะที่สามารถเป็นมือสังหารระดับสุดยอดได้ ไปเสียแล้ว ...

หลังจากออกมาจากร้านโอสถหลิงเทียนก็อดยิ้มขึ้นมาพร้อมทั้งนึกถึงเรื่องเมื่อครู่ไม่ได้

เกิดมาเพื่อเป็นมือสังหารงั้นหรือ?

จิตสังหารนั้นเป็นสิ่งที่เกิดมาจากความตั้งใจและประสบการณ์ที่มันสลักลึกลงไปในจิตวิญญาณของเขา มันมาจากเส้นทางโลหิตที่เขาเคยเดินผ่านมาในอดีต

ทุกงานที่เขาได้รับมอบหมายนั้นหากเป็นงานที่ต้องสังหารบุคคลที่ถูกระบุตัวมาล่ะก็ จำนวนผู้เสียชีวิตคงไม่มากเท่าไร

แต่ถ้าหากเป็นงานที่ต้องกวาดล้าง หรือทำลายฐานที่มั่นรวมทั้งกองกำลังที่ประจำสถานที่ใดที่หนึ่งแล้วล่ะก็ จำนวนผู้เสียชีวิตจะพุ่งสูงขึ้นจนอาจทะลุหลัก 100 ไปจนถึงหลัก 1,000

กล่าวได้ว่าตัวเลข 10,000 ที่กล่าวบอกถังจิ้งไปนั้นไม่เกินจริงแม้แต่น้อย และอันที่จริงมันไม่ถึงเสี้ยวที่เขาเคยผ่านมาด้วยซ้ำ แต่เป็นเพราะมันมากมายจนเขาไม่สามารถนับได้และก็ลืมไปแล้วนั่นเอง

หลังจากที่เดินเข้าเจตที่พักของตระกูลลี่ หลิงเทียนก็พบ ชายหนุ่ม 2 คนเดินสวนออกมาพอดี

คนหนึ่งอายุราวๆ 18 อีกคนมีอายุราวๆ 20 ปี

ซ้ำหนึ่งในนั้นยังมีใบหน้าที่เขาคุ้นเคย ลี่หยวน

ในขณะที่ลี่หยวนเห็นหลิงเทียน รองรอยความหวาดกลัวก็ถูกเผยออกมาบนใบหน้าของเขา ทั้งเขายังก้มศีรษะลงต่อหน้าหลิงเทียนอีกด้วย

เห็นได้ชัดว่าเขามีความยำเกรงหลิงเทียนขนาดไหน

"หืม?"

ชายหนุ่มที่เดินมาข้างลี่หยวนพลันเห็นท่าทางนี้ของลี่หยวน ก่อนที่เขาจะหันไปมองหลิงเทียนด้วยความสงสัยและกล่าวถามออกมา "น้องลี่หยวน เด็กผู้นี้เป็นใครเช่นนั้นหรือ? เหตุใดดูเหมือนเจ้ากลัวเขานักเล่า "

"พี่ก้วน เขาคือต้วนหลิงเทียน"

มุมปากของลี่หยวนเต็มไปด้วยรอยยิ้มขมขื่น

กล่าวไปก็น่าขำ ก่อนหน้าที่จะมีการประลองประจำปีของตระกูล ลี่หยวนยังพอมีความมั่นใจที่จะต่อสู้กับต้วนหลิงเทียนอยู่บ้าง แต่หลังจากนั้นเขาก็เห็นหลิงเทียนเอาชนะลี่กวงได้อย่างง่ายดาย และแม้กระทั่งเอาชนะสาวกเขตในได้อีก...

แค่นั้นลี่หยวนก็รู้ตัวว่า ความต่างชั้นระหว่างเขากับหลิงเทียนนั้นมากมายจนไม่มีวันไล่ตามได้ทันแล้ว

และในครั้งนั้นเมื่อเขาเผชิญหน้ากับหลิงเทียนบนเวทีประลอง เขาก็เลือกที่จะยอมแพ้โดยไม่ต้องประลองด้วยซ้ำ

"ต้วนหลิงเทียน? อันดับ 1 ในงานชุมนุมมังกรซ่อนครั้งนี้น่ะหรือ? "

ลี่ก้วนหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาเริ่มรู้สึกสนใจเด็กคนนี้ขึ้นมาแล้ว

"ต้วนหลิงเทียน!"

ลี่ก้วนรีบเดินขึ้นมาดักหน้าเพื่อหยุดหลิงเทียนเอาไว้

“หืม?”

ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วและหันไปมองลี่หยวน "มีอะไร ลี่หยวน เจ้าต้องการอะไรหรือ?"

เขาคิดว่าลี่หยวนเป็นคนกล่าวให้ชายคนนี้มาขวางทางของเขา

เป็นเพราะตัวเขาไม่รู้จักชายคนนี้

ลี่หยวนได้แต่เผยยิ้มออกมาด้วยความขมขื่นก่อนที่จะรีบกล่าวบอกกับหลิงเทียนที่กำลังเข้าใจผิดว่า "ข้าไม่ได้ต้องการอะไรทั้งสิ้น พี่ก้วนเรารีบไปกันเถอะ "

“เฮ่ ไอหนู ข้าได้ยินมาว่าเจ้าแย่งชิงสตรีของลูกพี่ลูกน้องข้างั้นรึ”

ลี่ก้วนไม่สนใจการกระทำของลี่หยวน เขาหันไปกล่าวกับหลิงเทียนพร้อมทั้งจ้องหลิงเทียนด้วยสายตาเอาเรื่อง

"ลูกพี่ลูกน้องของเจ้า?"

ต้วนหลิงเทียนไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวสักเท่าไร คนอย่างเขาไปแย่งสตรี ? เรื่องอะไรกัน?

"ลี่หยวนเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้า"

ลี่ก้วนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

"เฮ่ ลี่หยวน แล้วข้าไปแย่งสตรีของเจ้าตั้งแต่เมื่อใดกัน แล้วสตรีคนนั้นเป็นใคร?"

ต้วนหลิงเทียนถึงกับตกตะลึง

"พี่ก้วนเหตุใดท่านกล่าวล้อเล่นเช่นนี้กับหลิงเทียนเล่า?"

ใบหน้าของลี่หยวนพลันเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว

“อ้าว น้องหยวนแล้วเหตุใดตอนนี้เจ้าถึงกล่าวแปลกๆเช่นนี้ล่ะ? ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ได้บอกข้าแบบนี้นี่นา”

ลี้ก้วนขมวดคิ้วอีกครั้งก่อนที่จะจับจ้องไปยังหลิงเทียนพร้อมกล่าวออกมาด้วยย้ำเสียงราวกับหยอกล้อ "ไม่ใช่ว่ามีเด็กสาวนามว่าเค่อเอ๋อที่ติดพันเจ้าอยู่หรือไร? นางเป็นสตรีที่น้องชายของข้าชมชอบ ถ้าเจ้ายังพอมีสมองอยู่บ้างก็รีบปล่อยนางไป ให้นางเป็นอิสระเสียจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นอย่าได้หาว่าข้าใจร้าย! "

ลี่หยวนตอนนี้มันตกใจแทบจะสิ้นสติ เขาไปกล่าวตั้งแต่เมื่อไหร่กันว่าเค่อเอ๋อที่อยู่ข้างกายหลิงเทียนเป็นสตรีของเขา?

เขาเพียงกล่าวชื่นชมในความงดงามชองนางและบอกว่านางนั้นงดงามไม่แพ้ลี่เฟยเพียงเท่านั้น ...

ต้วนหลิงเทียนพลันหรี่ตาลงและใช้สายตาเย็นชาจับจ้องมายังลี่หยวน

"ต้วนหลิงเทียน ข้าไม่เคยพูดเช่นนั้นนะ ...ข้าไม่เคยกล่าวเช่นนั้นออกมาจริงๆ.."

ลี่หยวนที่หวาดกลัวอย่างมาก ตอนนี้มันทำได้เพียงส่งรอยยิ้มน่าสงสารไปยังหลิงเทียนเท่านั้น

"หากเจ้าไม่เคยกล่าวเรื่องนี้มาก่อน ... แล้วเป็นไอบัดซบตัวไหนที่กล่าววาจาอุบาทว์เช่นนี้กับเค่อเอ๋อของข้า?"

ต้วนหลิงเทียนละสายตาจากลี่หยวนก่อนที่จะใช้แววตาคมกริบจ้องไปยังลี่ก้วน

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.