spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ยามนี้พลังกดดันทั้งหมดที่มหาศาลราวกับห้วงมหาสมุทรกดทับลงมาที่ลีชิง ทำให้ลมหายใจของมันพลันขาดห้วงสติสัมปชัญญะเริ่มพร่าเลือน
ทว่าลี่ชิงยังคงกัดฟันอดทนเอาไว้ไม่ยอมสิ้นสติไปเพียงเท่านี้
ความเจ็บปวดและความทรมานเพียงเล็กน้อยเท่านี้ มันจะไปเทียบกับความเจ็บปวดราวกับโดนร้อยมีดกรีดวิญญาณ ยามที่ถูกลี่อันและหลิงเทียนเหยียดหยามได้อย่างไร!?
"หืม? ไม่เลวเหมือนกันนี่ไอ้หนู อาศัยระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 2 กลับสามารถต้านทานแรงกดดันของข้าโดยไม่ก้มหัวได้ หากมองแค่เรื่องใจสู้นี้ นับว่าเจ้าก็พอใช้ได้ ไม่ใช่ขยะสามัญทั่วไป ... ไอ้หนูเจ้ามีนามว่ากระไร?"
ชายชราเหลือบมองไปที่ลี่ชิง
"เรียกข้าว่า โลหิตเคืองแค้น"
ลี่ชิงเริ่มดำเนินแผนการที่วาดเอาไว้ในใจของเขา สร้างชื่อเสียง!
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปชายที่มีนามว่าลี่ชิงได้ตายจากโลกนี้ไว้หลงเหลือเพียง โลหิตเคืองแค้นเท่านั้น!
โลหิตเคืองแค้น
เขาใจใช้นามนี้เพื่อคอยตอกย้ำจิตสำนึกของเขาเอาไว้ว่า ชีวิตและการดำรงอยู่ของเขา มันเต็มไปด้วยความแค้นและต้องนำโลหิตศัตรูมาล้างความอัปยศให้จงได้!
"โลหิตเคืองแค้น ข้าบุตรชายคนที่ 3 ของผู้ว่าการมณฑล, เป่ยซัน เจ้ารู้ตัวผู้ลงมือตัดแขนข้าจริงๆงั้นหรือ? "
ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงกลางเหลือบมองลี่ชิงด้วยสายตาคาดหวัง
แม้นว่าแขนของเขาจะสามารถเชื่อมต่อได้...แต่น่าเสียดายที่ความรวดเร็ว,ความแข็งแกร่ง,และวิชาที่ใช้แขนข้างนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนถดถอยลงไปในระดับยากฟื้นคืน ...
ความจริงอันโหดร้ายเช่นนี้มันได้ถาโถมเข้ามาในชีวิตเขาตั้งแต่ 2 วันก่อน จนตัวเขารู้สึกว่ายามนี้ชีวิตแทบหมดสิ้นทุกอย่าง ...รู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย
เขาต้องการหาตัวคนร้ายที่กระทำเรื่องบัดซบเช่นนี้กับเขาโดยเร็วที่สุด เพื่อทรมานมันให้ร้องขอความตาย
ลี่ชิงแหงนหน้าขึ้นมองเป่ยซันก่อนที่จะกล่าวถามว่า "นายน้อย 3 หากข้าคาดเดามิผิดบุรุษที่ตัดแขนท่านนั้นอายุยังน้อย รูปร่างหน้าตาหล่อเหล่า ประกายตาล้ำลึก อีกทั้งยังใช้ออกด้วยวิชากระบี่ในแนวทางกระบี่ไว ยามที่คุณชาย 3 เผชิญหน้ากับเพลงกระบี่ของมัน ท่านรู้สึกราวกับว่ากระบี่ของมันนั้นรวดเร็วว่องไวปานเส้นสายอัสนีบาตใช่หรือไม่ และเพียงแค่ท่านพบเห็นร่องรอยกระบี่ คมกระบี่ของมันก็บรรลุถึงตัวท่านจนยากที่จะป้องกันตัวแล้ว ใช่หรือไม่? "
"รีบพูดมา!! ไอบัดซบสารเลวนั่น มันเป็นใคร! ?"
ประกายตาของเป่ยซันเรืองวูบด้วยความแค้น นรลักษณ์ของมันยามนี้อบอวลไปด้วยความเกลียดชัง มันกล่าวออกมาพร้อมน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอาฆาตว่า "ตราบใดที่เจ้าชี้ตัวของมันได้ เหรียญทอง 10,000 เหรียญจะเป็นของเจ้าทันที อีกทั้งไม่ว่าจะเป็นสาวงาม,วิชายุทธ์ระดับห้วงมหรรณพขั้นสูงใดๆก็ตาม ขอเพียงแค่เจ้า ชี้ตัวมันออกมาได้! ข้าสามารถบันดาลให้เจ้าได้ทั้งหมด!"
"นายน้อย 3 ...สิ่งของเหล่านี้ข้าล้วนไม่ต้องการทั้งสิ้น"
ลี่ชิงส่ายศีรษะอย่างช้าๆ
"แล้วเจ้าต้องการอะไร?"
เป่ยซันระงับความต้องการและความตื่นเต้นของเขาเอาไว้ ก่อนที่จะเหลือบไปมองลี่ชิงด้วยสายตาน่าหวาดกลัว
"ข้าเพียงอยากเป็นผู้ติดตามของนายน้อย รวมทั้งเดินทางกลับเมืองของท่านไปด้วย! ตราบใดที่ข้ามีระดับบ่มเพาะถึงระดับกำเนิดแก่นแท้ ข้าจะบอกกล่าวถึงนามผู้ที่ตัดแขนของท่าน”
ลี่ชิงใช้สายตาเด็ดเดี่ยวจ้องไปยังเป่ยซันอย่างไม่ลดละ
"ฮึ่ม เจ้าอย่าได้หมายใช้แผนการสั่วๆเช่นนี้! เจ้าเห็นว่าหากข้าไม่อาศัยความช่วยเหลือของเจ้า ข้าคงยากที่จะล้างแค้นได้สำเร็จ จึงคิดใช้เรื่องนี้มาบีบคั้นให้ข้าส่งเสริมเจ้าจนถึงระดับกำเนิดแก่นแท้ใช่หรือไม่?"
เป่ยซันใช้สายตาเย็นชาจับจ้องไปยังลี่ชิง
ลี่ชิงไม่กล่าวอะไรออกมา ...แผนของเขาก็เป็นเช่นนี้มิผิด
เพราะตราบใดที่เขาสามารถกลายเป็นผู้ติดตามของนายน้อย 3 บุตรชายของผู้ว่าการมณฑลผู้นี้ และได้รับการส่งเสริมจากมันแล้วล่ะก็ เขาคงใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้เป็นแน่
ในมณฑลผานางแอ่นเหินนี้หามีตระกูลใดมีอำนาจทัดเทียมกับ ตระกูลของผู้ว่าการมณฑลผานางแอ่นเหินนี้อีกแล้วไม่
หากเขาได้รับการส่งเสริมที่มากพอจากตระกูลผานางแอ่นเหินแล้วล่ะก็ เรื่องที่เขาจะตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น!
เมื่อเวลานั้นมาถึงเขาจะเดินทางกลับไปยังตระกูลลี่และลงมือต่อลี่อันด้วยอำมหิต
ส่วนต้วนหลิงเทียนนั้นเขาจะทรมานให้มันรู้สึกว่าคงอยู่ไม่สู้ตกตาย ก่อนที่จะส่งมอบชีวิตสวะของมันให้แก่นายน้อย 3 ของผู้ว่าการมณฑลเป็นผู้รับไปจัดการหลังจากที่เขาสมใจ
“สามหาว!”
สายตาของชายชราพลันเย็นชาขึ้นมา "ในเมื่อเจ้าล่วงรู้แล้วว่านายน้อยของข้าเป็นผู้ใด เจ้าควรรู้ว่าอย่าได้หมายใช้เรื่องพรรค์นี้มาต่อรองกับตระกูลของข้า ... หากเจ้ายังมัวอมพะนำพิรี้พิไรข้าจะสังหารเจ้าเสีย!"
"หากท่านคิดสังหารข้าก็เชิญ แต่ชาตินี้นายน้อยท่านอย่าได้หมายลบปีศาจในใจและล้างแค้นศัตรูได้ ไปตลอดชีวิต!"
ลี่ชิงหันกลับไปเผชิญหน้ากับชายชราระดับวิญญาณแรกก่อตั้งโดยหามีท่าทีย่นย่อไม่
"หรือเจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าลงมือสังหารเจ้าจริงๆ?"
ชายชราก้าวเดินไปด้านหน้า ฝ่ามือของเขาเริ่มปะทุไปด้วยพลังงานที่แท้จริงจำนวนมหาศาลจนราวกับอากาศจะปริแตก ก่อนที่จะจะสะบัดส่งคลื่นพลังไปกระแทกลี่ชิงเล็กน้อย
ลี่ชิงพลันลอยไปกระแทกผนังทันทีก่อนที่จะตกลงมากระอักเลือดคำโต ทว่ามุมปากของมันยังคงมีรอยยิ้มอยู่ "ข้ามั่นใจ ว่าท่านไม่มีทางสังหารข้า"
“ฮึ่ม!”
หน้าของชายชราหมองคล้ำลงก่อนที่จะหันไปทางเป่ยซัน
"ดี ดี ดีนัก"
เป่ยซันได้แต่ยิ้มออกมาทั้งๆที่โทสะอารมณ์พุ่งถึงขีดสุด เขาหันไปกล่าวกับสตรีข้างกายว่า "น้องหญิงหรัว เจ้าช่วยเรียกคนของเจ้านำมันไปรักษาตัวให้ที"
"เจ้าค่ะพี่ 3"
เด็กสาวกล่าวรับคำก่อนที่จะปฏิบัติตาม
สุดท้ายในห้องจึงหลงเหลือเพียงเป่ยซันและชายชราผู้ติดตามของเขา
"นายน้อยท่านคิดนำมันกลับไปยังเมืองผานางแอ่นเหินของเราจริงๆเช่นนั้นหรือ?"
ชายชราขมวดคิ้วขึ้นมา
"ปู่หวย ยามที่ต้องรับมือกับคนที่จมอยู่กับความแค้นและสิ้นหวังไร้ซึ่งหนทางในชีวิตเช่นมัน ท่านจะทรมานมันเช่นไรมันก็ไม่มีวันปริปากหรอก ... แทนที่จะทำเช่นนั้น ใยเราไม่นำมันกลับไปยังเมืองผานางแอ่นเหินกับเราก่อน และเมื่อกลับถึงเมืองผานางแอ่นเหินแล้ว เราค่อยส่งคนไปสืบค้นความเป็นมาของมัน หากเราสืบค้นความเป็นมาของมันได้ พวกเราก็อาจสืบจนเจอคนร้ายผ่านความเป็นมาของมันได้ หรือหากเราไม่สามารถใช้วิธีนี้หาตัวคนร้ายได้ เราก็เพียงแค่เลี้ยงมันไว้ หาโอกาสใช้งานมันให้มากหน่อย และยามที่มันตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้แล้ว พวกเราก็เพียงรอให้มันคายชื่อที่อยู่คนร้ายมาจนพวกเราสามารถตามจับได้แล้วจริงๆ ยามนั้นพวกเราคอยฆ่ามันให้ตกตายก็ยังไม่สาย! "
ประกายตาของเป่ยซันวาวโรจน์ขึ้นมายามเอ่ยแผนการ
เขาเป็นถึงบุตรชายของผู้ว่าการมณฑลผานางแอ่นเหิน แล้วเขาจะยอมให้ผู้อื่นมาข่มขู่เขาได้อย่างไร?
ในใจของเขาลี่ชิงก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายไปแล้ว
"นายน้อยช่างฉลาดเฉลียวนัก"
ชายชราพยักหน้า วิธีนี้ย่อมดีที่สุด
.......
ณ เมืองออโรร่า เขตที่พักของตระกูลลี่
ภายในห้องๆหนึ่ง
ซ่า!
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งเปลือยกายอยู่ในถังน้ำ ได้ลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลันจนหยาดน้ำกระเซ็น ก่อนที่บนร่างของเขาจะปรากฏกำแพงพลังงานที่แท้จริงเคลือบเอาไว้ทั่วทั้งผิวกายอย่างทรงพลัง
"ในที่สุด พลังเคลื่อนย้ายจักรวาลของข้า ก็มีความสำเร็จในขั้นตอนผู้เชี่ยวชาญได้ซะที!"
ใบหน้าของชายหนุ่มปรากฏความดีใจออกมาอย่างปิดไม่มิด เขาขึ้นจากถังน้ำก่อนที่จะเดินเปลือยกายไปยังกองเสื้อผ้าของเขา หลังจากที่โคจรพลังงานที่แท้จริงจนร่างกายแห้งแล้ว เขาจึงสวมเสื้อผ้าและเดินออกมาฝึกฝนวิชาท่าร่างที่ลานกว้างต่อ
วิชาท่าร่าง วิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย!
เมื่อชายหนุ่มเดินมาถึงลานกว้างเขาไม่คิดรีรออันใด ร่างกายของเขาวูบไหวใช้ออกด้วยวิชาท่าร่างพุ่งไปทั่วทั้งลานราวกับอสรพิษทันที
ทันใดนั้นเอง ในขณะที่เขาเคลื่อนที่พัวพันไปรอบๆต้นไม้เพื่อไต่ขึ้นไป ก่อนที่จะไต่กลับลงมาบนพื้นดิน
ประกายแสงหนึ่งพลันวูบขึ้นมาในสายตาของเขา
"ฟ่อ ฟ่อ"
บนต้นไม้นั้นปรากฏร่างอสรพิษตัวน้อยสีขาวและดำสองตัวพุ่งตัวไปมาหยอกล้อกันอยู่ พวกมันหยุดเล็กน้อยก่อนที่จะหันมาผงกหัวน้อยๆราวกับจะทักทายเขา ด้วยท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู แววตาของพวกมันนั้นช่างแลดูน่าเอ็นดูและน่าทะนุถนอมอย่างมาก ...
ชายหนุ่มหยุดยืนมองภาพอสรพิษอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเคลื่อนร่างไปทางศิลาแกร่ง
ฝ่ามือพิชิตมังกร! (*ขอแก้จากมังกรทะลวงนะ อันนี้เท่กว่า!)
ทันใดนั้นเองฝ่ามือของเขาพลันเคลื่อนที่วูบไหวราวกับเริงระบำหยอกล้อสายลมพลันเดียวกำหมัดพลันเดียวแบฝ่ามือ เมื่อพลังงานที่แท้จริงถูกโคจรขึ้นมาพร้อมกระบวนท่าการเคลื่อนไหวของเขากลับกลายเป็นซับซ้อนลี้ลับยากที่จะบอกได้ว่าฝ่ามือกำปั้นใดเป็นการลวงและฝ่ามือกำปั้นใดเป็นการจู่โจมที่แท้จริง
ฟู่มมมม!
หลังจากที่เคลื่อนไหวซับซ้อนอยู่นับพันกระบวนท่า พลังงานที่แท้จริงของชายหนุ่มพลันถูกเร่งเร้าควบแน่น ซัดออกไปดุดันราบกับจะสยบได้แม้กระทั่งมังกร คลื่นพลังที่เกรี้ยวกราดพุ่งแหวกอากาศดังหวีดหวิวไปกระแทกยังศิลาแกร่งเข้าอย่างจัง
ตูมมมมมม! ซ่าาาา!
เมื่อกระทบถูกคลื่นพลังงานที่แท้จริงจากฝ่ามือนี้พลันแทรกซึมเข้าไปยังทุกอณูของศิลาก่อนที่มันจะป่นศิลาให้แตกกระจายเป็นเศษธุลี
“อย่างที่คาดเอาไว้ไม่มีผิด วิชายุทธ์จู่โจมวิชานี้ช่างเหมาะสมกับวิชาบ่มเพาะ 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม รูปแบบงูเหลือมคลั่งนี้ยิ่งนัก แม้จะเป็นในแง่ของพลังจู่โจมรวมศูนย์เอง วิชาฝ่ามือพิชิตมังกรนี้ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าดัชนีอุดรทมิฬของลี่ชิงแม้แต่น้อย”
ขณะที่หลิงเทียนยืนเอามือไพร่หลังเหม่อมองไปยังผลงานของตนอยู่นั้น เขาพลันฉีกยิ้มกว้างออกมา
วิชาฝ่ามือพิชิตมังกรนี่นับว่าร้ายกาจยิ่งนัก มันเป็นวิชาที่เน้นไปที่การใช้ฝ่ามือเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงยากที่ศัตรูจะล่วงรู้และรับมือได้โดยง่าย เมื่อประสาทสัมผัสของศัตรูถูกล่อลวงให้เหมือนพวกมันกำลังจ้องมองมังกรที่แหวกว่ายวนไปวนมาไร้ที่สิ้นสุดราวกับไร้ตัวตนนั้น ฝ่ามือสุดท้ายก็จะพิชิตทุกสิ่งอย่าง
การโจมตีสุดท้ายของวิชายุทธ์นี้จะเป็นการเร่งเร้าพลังงานที่แท้จริงขึ้นมาสูงสุดในเฉียบพลันก่อนที่จะอัดแน่นและระเบิดปะทุออกไปในคราเดียว หากซัดถูกจุดสำคัญของศัตรูแล้วล่ะก็ต่อให้เป็นมังกรยังต้องถูกพิชิต!
ที่สำคัญฝ่ามือพิชิตมังกรนี้ยังรวดเร็วดั่งวิชาวาดกระบี่อีกด้วย!
เพราะเหตุนี้วิชานี้จึงถูกจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดว่าฝ่ามือพิชิตมังกร
"ฝ่ามือพิชิตมังกรนี้ ถูกสร้างและพัฒนาขึ้นมาหลังจากเข้าถึงแก่นแท้ของเคล็ดวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นสูงที่มีนามว่าฝ่ามือเมฆาล่องลอย ที่จักรพรรดิกลับชาติมาเกิดได้ฝึกฝนเอาไว้ในช่วงชีวิตที่ 2 ... และตั้งแต่ข้าหลอมรวมความทรงจำกับเขา ตัวข้าเองย่อมเข้าใจในแก่นแท้ของเคล็ดวิชาฝ่ามือเมฆาล่องลอยนั่นด้วย ...หลังจากที่จักรพรรดิกลับชาติมาเกิดได้ทุ่มเทฝึกฝนวิชาฝ่ามือเมฆาล่องลอยจนบรรลุถึงแก่นแท้เช่นนี้ พลอยทำให้ตัวข้าใช้เวลาเพียงครึ่งเดือนในการฝึกฝนวิชาฝ่ามือพิชิตมังกรที่พัฒนาปรับปรุงมาจากวิชาฝ่ามือเมฆาล่องลอย สามารถบรรลุความสำเร็จในขั้นตอนผู้เชี่ยวชาญได้โดยง่ายดาย"
ต้วนหลิงเทียนยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ
ตอนนี้วิชาฝ่ามือพิชิตมังกรของเขานับได้ว่าบรรลุในขั้นผู้เชี่ยวชาญอย่างสมบูรณ์แล้ว อีกทั้งวิชาหมัดทะลวงของเขานั้นก็ย่อย มันบรรลุขั้นแก่นแท้ไปเนิ่นนานแล้ว
ตอนนี้หากนับจากการประลองงานชุมนุมมังกรซ่อนมันพึ่งผ่านมาเพียง เดือนเดียวเท่านั้น
"ตอนนี้วิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นสูงที่ข้าฝึกฝนทั้ง 3 วิชา อันได้แก่ พลังเคลื่อนย้ายจักรวาล ฝ่ามือพิชิตมังกร และ วิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย นับว่ามีความสำเร็จในขั้นตอนผู้เชี่ยวชาญหมดทั้งสิ้น แต่ในบรรดาทั้ง 3 วิชานี้ข้ากลับรู้สึกว่ามีเพียงฝ่ามือพิชิตมังกรเท่านั้นที่กำลังย่างก้าวเข้าสู่ประตูความสำเร็จของขั้นตอนแก่นแท้"
หลังจากที่คิดได้เช่นนี้ต้วนหลิงเทียนจึงคิดที่จะเน้นฝึกฝนไปที่วิชาฝ่ามือพิชิตมังกรก่อนเป็นอันดับแรก...เขาพลันรัวพายุกำปั้นและฝ่ามือออกมาอีกครั้งในทันที!
การตีเหล็กตอนร้อน แน่นอนว่าย่อมได้ผลอัศจรรย์!
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ต้วนหลิงเทียน เจ้านี่ช่างขยันฝึกฝนยิ่งนัก ไม่แปลกเลยว่าเหตุใดเจ้าที่มีอายุน้อย กลับมีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้"
เสียงหัวเราะพลันดังออกมาจากด้านนอกลานกว้าง
ต้วนหลิงเทียนมองไปยังต้นกำเนิดของเสียง
เขาก็ได้เห็นว่าผู้พูดกำลังก้าวเข้ามาในลานบ้านช้าๆ
รูปร่างหน้าตาเช่นนี้ย่อมเป็นหลินฉีผู้เดียวเท่านั้น
ต้วนหลิงเทียนต้อนรับหลินฉี ก่อนที่จะเชิญมันนั่งลงที่ม้าหินอ่อน "ไปไงมาไงล่ะเจ้า วันนี้ถึงมาหาข้าได้?"
"ต้วนหลิงเทียน ไม่กี่วันมานี้ตระกูลหลินของข้าได้ต้อนรับคนจากตระกูลเหอของเมืองหมอกธารามาเป็นแขก ในหมู่ตระกูลเหอของพวกเขานั้น งมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่นับได้ว่าเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ ได้ทำการขอประลองกระชับมิตรขึ้นแต่ทว่าหลังจากที่เขาได้ชัยจากประลองฝีมือกับพี่ใหญ่ของข้า เขาก็เริ่มกล่าววาจาเหยียดหยามเมืองออโรร่าของเราว่าไม่มีผู้ใดที่สามารถต่อกรกับเขาได้ ... หลังจากนั้นมันยังหยิ่งยโสถึงขั้นตั้งลานประลองกลางเมืองขึ้นมาอีก และท้าทายเหล่าผู้เยาว์ทั้งหมดของเมืองพวกเรา...แม้แต่เมิ่งฉวนก็ยังปราชัยให้แก่มัน "
หลินฉีกล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการมาวันนี้ของเขาออกมาทันทีโดยไม่คิดกล่าวอะไรอีก "ที่ข้ามาหาเจ้าวันนี้เพื่อลำบากเจ้าให้ไปสั่งสอนบทเรียนแก่มันหน่อย ช่วยสั่งสอนให้มันรู้สำนึกว่า ไม่ว่ามันจะเก่งกาจถึงเพียงไหน แต่บนโลกนี้เหนือฟ้าย่อมมีฟ้า ไม่ว่ามันจะเก่งกาจสักเท่าใดสุดท้ายย่อมมีคนเหนือล้ำกว่ามัน "
"เป็นไปได้หรือที่แม้แต่เซี่ยวหยู ก็ไม่สามารถต่อกรกับมันได้?"
ต้วนหลิงเทียนตกตะลึงเล็กน้อย
หลินฉีหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น "เซี่ยวหยูออกจากเมืองนี้ เพื่อไปหาญาติตั้งแต่ครึ่งเดือนที่แล้ว ..."
"งั้นก็ไปกันเถอะ"
ต้วนหลิงเทียนหยักหน้าและออกจากตระกูลลี่ไปพร้อมกับหลินฉี
หากเขาได้ยินเรื่องนี้โดยบังเอิญแล้วล่ะก็เขาไม่คิดที่จะไปประลองหรือสนใจอะไร หรือไปไขว่คว้ารักษาสิ่งที่เรียกว่า "เกียรติยศ" สำหรับเมืองออโรร่าแห่งนี้แม้แต่น้อย
เหตุผลเดียวที่เขาไปนั่นเพราะหลินฉีเป็นสหายของเขา...
เมื่อเขาเดินทางมาถึงบริเวณทิศเหนือของเมือง หลิงเทียนก็ได้เห็นเวทีประลองที่จัดขึ้นอย่างเรียบง่าย
ทั้งตอนนี้ยังมีเหล่าเยาวชนจำนวนมากรายล้อมเวทีประลองนั้นอยู่
ในหมู่ฝูงชนยังมีผู้เยาว์ของตระกูลลี่ไม่น้อย
"ต้วนหลิงเทียน!"
ไม่นานนักเสียงร้องเรียกหลิงเทียนก็ดังขึ้นจากคนที่รู้จักเขา ทันใดนั้นทุกคนพลันหันหน้ามาจ้องมองหลิงเทียนพร้อมทั้งบังเกิดความดีใจฉายชัดบนใบหน้าของคนทุกผู้ที่ได้เห็น มันช่างสดใสราวแสงจันทร์กระจ่าง
"ต้วนหลิงเทียนมาถึงแล้ว แน่นอนว่าระดับเขาต้องเอาชัยคนของตระกูลเหอจากเมืองหมอกธารานั่นได้อย่างแน่นอน "
"เรื่องนี้ย่อมแน่อยู่แล้วชายหนุ่มตระกูลเหอผู้นี้อาศัยจังหวะที่เซี่ยวหยูไม่อยู่ กล้ามาอวดเบ่งและดูถูกเมืองออโรร่าของพวกเรา ... ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนมาถึงแล้ว ข้าอยากรู้นักมันจะหยิ่งยโสโอหังได้อีกสักกี่น้ำ "
"ต้วนหลิงเทียน, ข้าขอเอาใจช่วยเจ้า! กระทืบไอตัวบัดซบนั่นให้หงายกลับเมืองไปซะ!"
......
ฝูงชนโดยรอยนั้นเต็มไปด้วยความแค้นแรงแรงปรารถนาทั้งยังกระตุ้นให้เขากระทืบผู้คนอย่างล้นหลาม นี่ถึงกับทำให้หลิงเทียนผวาไปเล็กน้อย..ดูท่าพวกมันคงไม่ไหวแล้วจริงๆ
“หืม?”
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็สังเกตได้ว่ามีชายคนหนึ่งที่กำลังประลองอยู่ถูกซัดกระเด็นลอยมาทางเขาอย่างรุนแรง
"ลี่ซ่ง!"
เมื่อหลิงเทียนจำได้ว่าคนที่ถูกซัดมาเป็นใคร หลิงเทียนก็รีบเอื้อมมือออกไปรับร่างของลี่ซ่งให้ลงพื้นอย่างนุ่มนวล หาไม่แล้วหากเขาตกลงพื้นในสภาวะเช่นนี้คงบาดเจ็บถึงชีวิตแน่แล้ว
ลี่ซ่งที่ตกอยู่ในสภาพสิ้นหวังนั้นพลันรู้สึกยินดีขึ้นมาเมื่อมีคนช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ทว่าเมื่อเขาเห็นว่าผู้ที่ชวยเหลือเขาคือต้วนหลิงเทียน ประกายตาของเขากลับกลายซับซ้อนเล็กน้อย
หลังจากที่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ลี่ซ่งก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงใจ "ขอบคุณเจ้ามาก"
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำเบาๆก่อนที่จะแตะไปที่ไหล่ของลี่ซ่งอย่างเป็นกันเอง "เจ้าไม่เป็นอะไรมากนะ?"
"ข้าสบายดี "
ลี่ซ่งส่ายหัวออกมา
ทันใดนั้นเองชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมสีฟ้าบนเวทีก็จับจ้องมายังต้วนหลิงเทียน ซ้ำยังกล่าวถามออกมาด้วยท่าทางและน้ำเสียงดูแคลนว่า "เจ้าน่ะเหรอต้วนหลิงเทียน? อัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นผู้ชนะเลิศในงานชุมนุมมังกรซ่อนปีนี้ของเมืองออโรร่า"
ทว่าต้วนหลิงเทียนหาได้แยแสเขาแม้แต่น้อย
"เจ้า!"
ชายหนุ่มสวมชุดสีฟ้านั้นกล่าวออกมาด้วยโทสะจากการถูกเมินทันที "ต้วนหลิงเทียน ข้าคือเหอจุ่น จากตระกูลเหอ แห่งเมืองหมอกธารา ขอท้าประลองกับเจ้า! เจ้ากล้าพอที่จะยอมรับการท้าทายครั้งนี้ของข้าหรือไม่? "
เจ้ากล้าที่จะยอมรับการท้าทายครั้งนี้ของข้าหรือไม่?
ฝูงชนทั้งหมดหันมามองต้วนหลิงเทียนกันเป็นสายตาเดียว
“เหอะ!”
ดวงตาของต้วนหลิงเทียนหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะแค่นเสียงออกมาอย่างไม่ยี่หระ ก่อนที่เขาจะก้มตัวงอขาลงเล็กน้อยแล้วดีดตัวพุ่งทะยานเหินร่างไปบนเวทีอย่างสง่างาม
"ต้วนหลิงเทียน สู้มัน!"
"ต้วนหลิงเทียน ทำให้มันรู้สำนึกด้วยฝีมือของเจ้า!"
"ต้วนหลิงเทียน, ข้ารักเจ้า อ๊าาาาาาาาาา ... "
......